Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย

มีปัญหา /สอบถาม /ให้คำแนะนำ รถยนต์ peugeot แต่ละรุ่น => 40X => ข้อความที่เริ่มโดย: tg2006 ที่ วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 00:45:00



หัวข้อ: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: tg2006 ที่ วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 00:45:00
รถผม 405 gr ลงเครื่อง d8  เกียร์ธรรมดา sri อยู่ในช่วงลองเครื่องใหม่ 400 km. แรก หลังจากวางเครื่องเสร็จ ผลอัตราเร่งตีนต้นและตีนปลายรู้สึกว่าดีกว่าเครื่องเดิมเยอะเลย และดีกว่า 406 d8 auto ในตีนต้น แต่จะแพ้ 406 d8 auto ในตอนปลาย (ปัจจุบันก็ใช้ 406 d8 auto ด้วย) เมื่อวันก่อน ลองบนโทลล์เวย์ตีคู่มากับ new civic 1.8 แซงได้อย่างสบายตั้งแต่ออกตัวจนเค้าตามไม่ทัน แต่วันนี้เสียความมั่นใจไปเลยเมื่อขับอยู่บนโทลล์เวย์ประมาน 100km/hr อยู่ๆก็มีรถมาจี้หลังโดยไม่ได้ตั้งตัว ไอ้เราก็ว่าจะสั่งสอนซะหน่อยโดยเชนเกียร์ลงมาจาก 4-3 แล้วหลบให้ camry 2.4 ตัวก่อนโฉมปัจจุบัน ตีคู่แล้วเราก็เร่งตามปรากฎว่ามันหนีเราไปจนตามไม่ทัน ผมเลยชะลอรถ แต่ว่าผมเคยโดน new camry 2.0 (ตัวปัจจุบัน) จี้ตูด 406 d8 auto ของผมแล้วผมก็คิกดาวน์ปรากฎว่ามันกินฝุ่น 406 d8 auto ของผมเลย (ขนาดมันวิ่งมาอย่างเร็วนะ) ผมอยากรบกวนเพื่อนสมาชิกช่วยวิเคราะห์ด้วยว่า camry 2.4 ตัวก่อนโฉมปัจจุบันมันแรงขนาดนั้นเลยเหรอ ขอบคุณครับ


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: KonG_S16 ที่ วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 15:25:17
ส่วน Camry 2.4 ตัวก่อนโฉมปัจจุบันแรงกว่า ตัว 2.0 ตัวปัจจุบันครับ เพราะว่าซีซีใหญ่กว่า น้ำหนักน้อยกว่าครับ

แต่ตัวโฉมปัจจุบัน ก็น่าจะแรงกว่านั้นครับ

ผมมีคำถามครับ

1. ตอนนี้ เจ้า 405d8 ได้เดินท่อไอเสียใหม่รึยังครับ เพราะปริมาณไอเสียเครื่อง 2.0 16v จะเยอะกว่า 1.9 นะครับ

2. กรองอากาศ หัวเทียน ได้เปลี่ยนใหม่รึยังใช้ของอะไรครับ

3. ตอนที่วางเครื่องใหม่ ได้เช็คชุดครัชรึยังเปล่าครับ ว่า สภาพของจานกด ผ้าครัชเป็นอย่างไรครับ


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: PG.O.T-002 ที่ วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 17:41:59
camry 2.4 ตัวก่อนโฉมปัจจุบัน วัดกับเจโบยังฟัดกันสนุกเลยครับ เจโบแตนๆมีเหนื่อยได้ครับ

ในเคสนี้ ที่วิ่งลอยๆมาแล้วนี่ camry 2.4 ก็กิน D8 แหละครับ เพราะ ปลาย แคมรี่ 2.4 ก็ไปสุดที่ 210-220 อะครับ

ผมเองก็เคยลองตามบนด่วนรามอินทราครับ เห็นเค้ากดมาแต่ไกลเลยลองวิ่งไล่ๆไปตามดู รถเค้าวิ่งไม่ใช่เล่นเลยตามแทบไม่ทัน โดนไปหนึ่งทุ่ง  :สุดยอด:

เหมือนปลายเึ้ค้าไหลครับ วันหลังผมเจอรถแบบนี้ลอยมา เลิกเล่นแล้วครับ เหนื่อยครับ :เหงื่อแตก:


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: striker ที่ วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 18:48:20
ยอมไม่ได้(ล้อเล่นนะครับ) วันหลังอย่าให้เจอนะ คอยดูพ่อจะอัดให้กระจาย


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: nut509 ที่ วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 19:07:57
ผมขอลองด้วยครับจะเอาsriสวนให้ซะ


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: Aof ที่ วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 19:54:41
D9 ผมตีนต้นอืดมากแต่ถ้ากดสุดๆ ก็ไหลได้ 210-220 เหมือนกันนะแต่อยากได้มากกว่านี้ต้องทำไงอ่ะ ใครรู้ช่วยบอกทีคับเอาแบบที่ไม่เป็นอันตรายต่อเครื่องมากนะคับ


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: supg405 ที่ วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 20:29:21
ถ้าอย่างนี้  MI 16  พอสู้ได้มั๊ยครับ   :Angyr:


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: P peugeot ที่ วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 20:54:48
ถ้าอย่างนี้  MI 16  พอสู้ได้มั๊ยครับ   :Angyr:
ถ้าสมบรูณ์ผมว่าน่าสนแต่มันต่างกัน 400 ซีซี และรถเค้าใหม่กว่าเป็น 10 ปีข้อนี้สิเค้าอาจจะกินเราได้ครับ


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: 405 GTI6 ที่ วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 21:06:07
   ไม่ว่าตัวก่อนปัจจุบันหรือตัวปัจจุบัน Mi16 เราสู้ได้สบายผมวิ่งกรุงเทพกับพัทยาเกือบทุกๆวัน แต่รถต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์นะ จะแซงได้ก็เลย 200 ไปแล้วครับ
ผมจะแข่งตอนช่วงเช้าๆประจำ ผมจะเข้าไปทำงานที่พัทยา ที่ยกระดับบางนา- ชลบุรี
D9 ผมตีนต้นอืดมากแต่ถ้ากดสุดๆ ก็ไหลได้ 210-220 เหมือนกันนะแต่อยากได้มากกว่านี้ต้องทำไงอ่ะ ใครรู้ช่วยบอกทีครับเอาแบบที่ไม่เป็นอันตรายต่อเครื่องมากนะครับ
    เอาความจริงนะ ผมใช้ D9 มา 2 คันแล้วทั้ง V1 และตัว L5 ได้แค่ 205 เองทั้ง 2 คันเลย ปัจจุบันยังใช้ตัวรุ่น V1 ทำยังไงก็ไม่เกินจากนี้ซักที วิ่งตามน้องๆเขาไม่ทัน เลยต้องหันมาเล่นรุ่น.... :Aah:
    รถคุณได้เท่านี้ผมว่า โอเคแล้วนะ
   


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: Maxz-EBC Brakes ที่ วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 21:24:14
ตอนนี้ ขับเนิบๆ  ไม่เกิน 140  D8 เกียร์ MI16


เพราะตอนลงเครื่องใหม่ เล่นจนซีลข้อเหวี่ยงรั่วไปแล้ว ..........


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: Aof ที่ วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 22:01:17
รถผมตาน้ำรั่วเครื่องพังพึ่งไปยกเครื่องใหญ่ที่ศูนย์รามอินทรามาหมดไปเกือบเจ็ดหมื่น :หนาวจัง: แต่ได้รถที่วิ่งได้ดีมากๆกลับคืนมาคับ


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: Aof ที่ วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 22:08:51
แล้วไอ้ที่เขาว่าๆกันว่า406ตัวนอกมีเทอร์โบน่ะมันมีจิงไหมคับ ถ้าจะเอามาแปลงใส่มันต้องมีงบเท่าไหร่คับถึงจะมีสิทธิ์   :Pika:


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: P peugeot ที่ วันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2008 เวลา 22:33:20
ตัวเทอร์โบไม่รู้นะแต่รู้ว่า 3.0 v6 นี่ก็ไม่ธรรมดา วิ่งทะลุ 240 ครับ แต่.....ถนนเมืองไทยจะวิ่งถึงหรอ 5555


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: KonG_S16 ที่ วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2008 เวลา 09:25:22
   ไม่ว่าตัวก่อนปัจจุบันหรือตัวปัจจุบัน Mi16 เราสู้ได้สบายผมวิ่งกรุงเทพกับพัทยาเกือบทุกๆวัน แต่รถต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์นะ จะแซงได้ก็เลย 200 ไปแล้วครับ
ผมจะแข่งตอนช่วงเช้าๆประจำ ผมจะเข้าไปทำงานที่พัทยา ที่ยกระดับบางนา- ชลบุรี
D9 ผมตีนต้นอืดมากแต่ถ้ากดสุดๆ ก็ไหลได้ 210-220 เหมือนกันนะแต่อยากได้มากกว่านี้ต้องทำไงอ่ะ ใครรู้ช่วยบอกทีครับเอาแบบที่ไม่เป็นอันตรายต่อเครื่องมากนะครับ
    เอาความจริงนะ ผมใช้ D9 มา 2 คันแล้วทั้ง V1 และตัว L5 ได้แค่ 205 เองทั้ง 2 คันเลย ปัจจุบันยังใช้ตัวรุ่น V1 ทำยังไงก็ไม่เกินจากนี้ซักที วิ่งตามน้องๆเขาไม่ทัน เลยต้องหันมาเล่นรุ่น.... :Aah:
    รถคุณได้เท่านี้ผมว่า โอเคแล้วนะ
   

คนนี้ขาใหญ่มีแล้วทุกรุ่น ตั้งแต่ 205 1.9 gti, 306Gti6, 405Mi16, 405S16, 406D9 V1, 406D9 V2, 406 L5, 406 V6. 406 Coupe V6

ถ้าเครื่อง D8 ของเกียร์กระปุก เคยวิ่งกันถึงกล่องตัดที่ 220 ครับ


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: somkiat ที่ วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2008 เวลา 10:31:07
405 gr วิ่ง 140 Km
ไปกลับถึงบ้าน ลูกเมีย และเพื่อนร่วมถนน ปลอดภัย
ระยะการใช้งานยาว
อายุน่าจะยืน


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: wut405 ที่ วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2008 เวลา 11:01:06
เมื่อวาน กลับจาก หาดใหญ่ ตอน สองทุ่ม วิ่งอยู่ประมาณ 130-140 อยู่ดีๆมีรถสวนขึ้นมาทางด้านซ้ายแบบแทบไม่รู้ตัว ก็กะว่าจะกดตาม มาท้ายไวๆ เจ้า Camry 2.4 ก็เลยปล่อยเขาไป ที่ปล่อยเขาไปเพราะ ผมเหยียบจนมิด แต่ รถไม่ได้ตามเขาไปเลย มาแต่เขา ห่างออกไป ห่างออกไป ผมก็เลยยกคันเร่ง ขับตามเดิมดีกว่าครับ ปล่อยเขาไป เถอะครับ :หนาวจัง:


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: blowzo ที่ วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2008 เวลา 11:38:04
อืม...........


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: 405spec C ที่ วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2008 เวลา 23:08:00
รถผม 405 gr ลงเครื่อง d8  เกียร์ธรรมดา sri อยู่ในช่วงลองเครื่องใหม่ 400 km. แรก หลังจากวางเครื่องเสร็จ ผลอัตราเร่งตีนต้นและตีนปลายรู้สึกว่าดีกว่าเครื่องเดิมเยอะเลย และดีกว่า 406 d8 auto ในตีนต้น แต่จะแพ้ 406 d8 auto ในตอนปลาย (ปัจจุบันก็ใช้ 406 d8 auto ด้วย) เมื่อวันก่อน ลองบนโทลล์เวย์ตีคู่มากับ new civic 1.8 แซงได้อย่างสบายตั้งแต่ออกตัวจนเค้าตามไม่ทัน แต่วันนี้เสียความมั่นใจไปเลยเมื่อขับอยู่บนโทลล์เวย์ประมาน 100km/hr อยู่ๆก็มีรถมาจี้หลังโดยไม่ได้ตั้งตัว ไอ้เราก็ว่าจะสั่งสอนซะหน่อยโดยเชนเกียร์ลงมาจาก 4-3 แล้วหลบให้ camry 2.4 ตัวก่อนโฉมปัจจุบัน ตีคู่แล้วเราก็เร่งตามปรากฎว่ามันหนีเราไปจนตามไม่ทัน ผมเลยชะลอรถ แต่ว่าผมเคยโดน new camry 2.0 (ตัวปัจจุบัน) จี้ตูด 406 d8 auto ของผมแล้วผมก็คิกดาวน์ปรากฎว่ามันกินฝุ่น 406 d8 auto ของผมเลย (ขนาดมันวิ่งมาอย่างเร็วนะ) ผมอยากรบกวนเพื่อนสมาชิกช่วยวิเคราะห์ด้วยว่า camry 2.4 ตัวก่อนโฉมปัจจุบันมันแรงขนาดนั้นเลยเหรอ ขอบคุณครับ
2.4เคยลองแล้วอัตราเร่งดีไปตามเท้า ส่วน2.0ถ้าไม่ได้นั่งจับผิดส่วนตัวแตกต่างไม่มากนักสำหรับในเมืองเพราะขับในกท.วันนั้นก้อเร่งได้แค่150-160ได้ ส่วนตัวใหม่ยังไม่มีโอกาส แต่เชื่อมั้ย ว่าพวกเราชอบไปแข่งกะชาวบ้านเค้า แต่พวกเค้าไม่ได้มาแข่งลองสมรรถนะกับใคร คือบางทีที่เห็นเค้าขับเร็วๆนั่นอาจเป็นนิสัยส่วนตัวที่ขับเร็วแต่ไม่ได้จะแข่งลองรถกับใคร ใครที่แซงเค้าก้อไม่ได้สนใจ เพราะฉะนั้นเชื่อเถอะว่าการลองสมรรถนะรถบนทางหลวงเรซซิ่งนั้น ไม่สามรถวัดได้เสมอไปว่าใครแรงกว่าใคร เพราะพวกเค้าทั้งหลายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ เค้าไม่ได้จะวัดกะใครแค่รีบขับกลับบ้านก้อแค่นั้น เพราะถ้าพวกเค้าฮึกเหิมขึ้นมา แม้แค่ซิตี้คาร์เล็กพริกขี้หนูก้อ อาจเล่นเอาเหนื่อยแบบหนีไม่ออกได้เหมือนกัน เผลอๆแรงกว่าด้วยสำหรับอัตราเร่งนะประเภทปลาย200ไม่เอา จริงๆนะคับจากประสบการณ์ทั้งเป็นผู้ทำและผู้ถูกกระทำ   


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: ํํัYongyei ที่ วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 00:44:42
   ไม่ว่าตัวก่อนปัจจุบันหรือตัวปัจจุบัน Mi16 เราสู้ได้สบายผมวิ่งกรุงเทพกับพัทยาเกือบทุกๆวัน แต่รถต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์นะ จะแซงได้ก็เลย 200 ไปแล้วครับ
ผมจะแข่งตอนช่วงเช้าๆประจำ ผมจะเข้าไปทำงานที่พัทยา ที่ยกระดับบางนา- ชลบุรี
D9 ผมตีนต้นอืดมากแต่ถ้ากดสุดๆ ก็ไหลได้ 210-220 เหมือนกันนะแต่อยากได้มากกว่านี้ต้องทำไงอ่ะ ใครรู้ช่วยบอกทีครับเอาแบบที่ไม่เป็นอันตรายต่อเครื่องมากนะครับ
    เอาความจริงนะ ผมใช้ D9 มา 2 คันแล้วทั้ง V1 และตัว L5 ได้แค่ 205 เองทั้ง 2 คันเลย ปัจจุบันยังใช้ตัวรุ่น V1 ทำยังไงก็ไม่เกินจากนี้ซักที วิ่งตามน้องๆเขาไม่ทัน เลยต้องหันมาเล่นรุ่น.... :Aah:
    รถคุณได้เท่านี้ผมว่า โอเคแล้วนะ
   

ผมอยากแนะนำ เอาแบบรวมๆนะ ทำไม่ต้องทุกหัวข้อก็ได้ (วิธีง่ายๆที่ไม่ใช่การแต่งแข่งนะ)
1.ใช้หัวเทียน อีลีเดี่ยม เบอร์9
2.ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะ100%
3.ปรับตั้งลิ้นเร่งเล็กน้อย(ต้องเป็นนะ)
4.ใส่กรองเปลือยได้ก็ดี(ต้นจะมาเร็วอีกนิดหน่อย)
5.เปลี่ยนกรองเบนซิน กรองอากาศ(หรือเป่าก็ได้) เต็มลมยางมากว่าเดิมหน่อย
ุ6.ถ้ามาแคตตัดออกนะ
7.ใส่วายกราวด์
8.ตั้งวาล์วใหม่ตามสเปค
9.มีอีกหลายอย่าง
พอละ ผมว่าแค่นี้ก็เพิ่มม้าอีก 2-3 ตัวแล้ว
คุนอาจไม่เชื่อผมก็ได้ ถ้าไม่ลองไม่รู้นะครับ
อย่าว่าผมลับหลังละ พูดจากประสบการณ์ซ่อมรถมาเกือบ10แล้วละ


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: P405Mi16 ที่ วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 02:01:58
ผมใช้ mi ปี 90 เดิมๆ สนิทเลย

เพิ่งกลับจาก เสม็ด เส้น motorway ก็อัดกับ camry 2.4 มา
ผมว่าสู้ได้สบาย แต่ต้องลากรอบยาวๆเลยนะ

peugeot ช่วงล่างดีกว่าเยอะครับ


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: ภณ(PON) ที่ วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 05:45:48
ผมว่า 406 สู้ได้นะครับ แต่ ต้อง D9 แต่ใส่ท่ออากาศให้ถูกต้อง วิ่งดีกว่าเยอะ

(ปกติโดยถอดออก เพราะเกรงว่าจะดูดน้ำจะเข้าเครื่องยนต์)


ต้นอาจจะห่างกันหน่อยแต่ปลายใกล้ๆช่วง 120-140 ตามได้แน่นอน


ส่วน D8 ต้องเกียร์ธรรมดา ใส่โมดูล รับรองวิ่งกระเจิง


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: j17 ที่ วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 06:25:46
อ่ะๆๆๆ  คัมรี่ตัวก่อนปัจจุบันม่ายเคยลอง  แต่ตัวปาดจูบันลองมาแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่า 2.0 หรือ 2.4  ไม่เห็นมีไรครับ  พี่น้องชาวสิงห์อย่าเสียใจ  จ่าโทเอาคืนให้แล้ว  ซองเทีย 16 วาล์ว เครื่องตัวเดียวกะ 306 s 16 น่ะครับ
เรื่องมันมีอยู่ว่า ออกจากไฟแดง  แล้วขับตีคู่   รำคาญ เลยกดลากเกียร์ 3 ยัน 8000 รอบ  แค่นั้นเอง ลงเกียร์ 4 ไม่เห็นหัวเห็นหางแล้ว (ตอนแรกทำท่าไม่ยอมนะ) ทริปนั้น แซงคัมรี่ได้ ดันมาเจอ ซีรี่ส์ 3 ไม่ยอมอีก ต้องกด 180 ถึงยอม (ความจริงเค้ายกตั้งแต่ 150 - 160 แล้น) อ้อ  รถผมมันใช้แก็สมิกซ์นะ เครื่องกับแก๊สไม่สมบูรณ์ วิ่งสู้น้ำมันไม่ได้แล้วก็กินแก๊สพอควรด้วย วิ่งแก็สอยู่ลองสลับมาใช้น้ำมันมีสะดุดนิดๆ แล้วค่อยดึงหลัง (แก๊สไม่ค่อยดึงเท่าไหร่) กดได้แค่ 180 เอง มากกว่านั่น มันฟอดๆ ทั้งที่คันเร่งยังเหลืออีกเกือบครึ่ง 
แตนๆ รถไม่สมบูรณ์ แค่สะกิด คัมรี่ห็หายแล้น  อ่ะๆๆๆ


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: KonG_S16 ที่ วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 09:04:39
   ไม่ว่าตัวก่อนปัจจุบันหรือตัวปัจจุบัน Mi16 เราสู้ได้สบายผมวิ่งกรุงเทพกับพัทยาเกือบทุกๆวัน แต่รถต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์นะ จะแซงได้ก็เลย 200 ไปแล้วครับ
ผมจะแข่งตอนช่วงเช้าๆประจำ ผมจะเข้าไปทำงานที่พัทยา ที่ยกระดับบางนา- ชลบุรี
D9 ผมตีนต้นอืดมากแต่ถ้ากดสุดๆ ก็ไหลได้ 210-220 เหมือนกันนะแต่อยากได้มากกว่านี้ต้องทำไงอ่ะ ใครรู้ช่วยบอกทีครับเอาแบบที่ไม่เป็นอันตรายต่อเครื่องมากนะครับ
    เอาความจริงนะ ผมใช้ D9 มา 2 คันแล้วทั้ง V1 และตัว L5 ได้แค่ 205 เองทั้ง 2 คันเลย ปัจจุบันยังใช้ตัวรุ่น V1 ทำยังไงก็ไม่เกินจากนี้ซักที วิ่งตามน้องๆเขาไม่ทัน เลยต้องหันมาเล่นรุ่น.... :Aah:
    รถคุณได้เท่านี้ผมว่า โอเคแล้วนะ
   

ผมอยากแนะนำ เอาแบบรวมๆนะ ทำไม่ต้องทุกหัวข้อก็ได้ (วิธีง่ายๆที่ไม่ใช่การแต่งแข่งนะ)
1.ใช้หัวเทียน อีลีเดี่ยม เบอร์9
2.ใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะ100%
3.ปรับตั้งลิ้นเร่งเล็กน้อย(ต้องเป็นนะ)
4.ใส่กรองเปลือยได้ก็ดี(ต้นจะมาเร็วอีกนิดหน่อย)
5.เปลี่ยนกรองเบนซิน กรองอากาศ(หรือเป่าก็ได้) เต็มลมยางมากว่าเดิมหน่อย
ุ6.ถ้ามาแคตตัดออกนะ
7.ใส่วายกราวด์
8.ตั้งวาล์วใหม่ตามสเปค
9.มีอีกหลายอย่าง
พอละ ผมว่าแค่นี้ก็เพิ่มม้าอีก 2-3 ตัวแล้ว
คุนอาจไม่เชื่อผมก็ได้ ถ้าไม่ลองไม่รู้นะครับ
อย่าว่าผมลับหลังละ พูดจากประสบการณ์ซ่อมรถมาเกือบ10แล้วละ

เบอร์ 9 จะเย็นไปครับไหมครับ ปกติติดรถเบอร์ 6 เอง  เบอร์ 7 ก็น่าจะพอแล้วมั้งครับ


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: %-% -Ohm Kuza -%-% ที่ วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 09:06:42
เคยเอา mi ไล่ท่อใหม่ทั้งเส้น เครื่องไม่ค่อยสมบูร ไปไล่บี้เจ้าแคมรี่ 2.4 อยุ่ ที่ทางด่วนไป ชลบุรี เส้นลอยฟ้า ตามได้สบายๆ แต่ขึ้นไม่ได้ แค่เกือบจะได้ ที่เหลือก็วัดใจเพราะรถค่อนข้างเยอะ แถมมันแอบจับความเร็วอีก ^^


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: TiTLe ที่ วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 09:19:05
วิ่งสบายๆดีกว่าครับ....ใครรีบก็ปล่อยเค้าไป


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: Nobel405 ที่ วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 09:24:30
บทความ ลอกเค้ามา...น่าคิด

วัสดุต่าง ๆ ของตัวแรง
ของแต่งเพิ่มแรง .... แพง ...แต่ทนกว่า

เปลี่ยนอารมณ์กันซักนิด จากอุปกรณ์ที่ว่าด้วย ?อิเล็กทรอนิกส์? สู้ชิ้นส่วนที่เป็นโครงสร้างต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกรวมไปถึงที่หมุน
และ เคลื่อนที่อยู่ภายในเครื่องยนต์ กว่าจะผลิตรถยนต์ขึ้นมาได้ซักคันนั้นบรรดานักออกแบบและวิศวกรของค่ายผู้ผลิตต่างก็ทุ่มเทมันสมอง
และเทคโนโลยีในส่วนต่าง ๆ ไว้เพียบพร้อมอยู่แล้วเพื่อให้คุณได้เสียเงิน ?หิ้ว? ออกจากโชว์รูม .... แต่เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าทำไมไอ้คน
ที่รู้จักเพื่อนฝูง หรือแม้แต่ลูกหลานใต้อาณัติยังต้องไปดิ้นรนหาของแต่งค่าตัวสูงมาประเคนใส่เพื่อแทนที่ชิ้นส่วนของโรงงาน?? กับวลีที่ว่า ?ของเดิม ๆ เค้าก็ดีอยู่แล้ว?

แพงและทนกว่า ...แต่แรงมั๊ย ......ต้องดูกันอีกที

ที่เห็นกันบ่อย ๆ ว่าต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนนั้นเป็นของแต่งที่ทำจากไอ้นี่ ไอ้นั่น.... ไม่ได้หมายความว่าชิ้นส่วนของโรงงานไม่ดีหรือใจเสาะแต่
อย่างใด อย่างที่รู้ ๆ กันว่าส่วนประกอบต่าง ๆ กว่าจะได้ผลิตขึ้นมาเป็นรถซักคันหนึ่งเนี่ย...... วิศวกรเค้าคำนวณในทุก ๆ รายละเอียด มาให้
เราเรียบร้อยหมดแล้ว ว่าใช้งานประมาณนี้ภายใต้ขอบเขตที่ไม่เป็นการทารุณตัวรถและเครื่องจนเกินไป ทุกระบบก็จะสามารถตอบสนองต่อ
การขับขี่ได้อย่างครบถ้วยเหมาะสม ไอ้แบบนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับครรัก ?รถเดิม? ประเภทโรงงานมีมาอย่างไร ข้าก็ใช้อย่างนั้น (แบบนี้ล่ะ
วิเศษสุด) กับอีกกลุ่มที่นิยมการ ?เปลี่ยนแปลง? ประเภทซ้ำใครแล้วไม่สบายใจพานจะไข้ขึ้น ไอ้ประเภทนี้ก็มีไม่น้อย การดิ้นรนจึงเกิดขึ้น
ไม่ควรคาดหวังว่าได้ของแต่งมาสักชิ้น แล้วมันจะ ?อัพ? พลังให้ทันตาเห็นแต่อย่างใด มันต้องดูอีกหลาย ๆ องค์ประกอบในการเพิ่มแรง
ด้วยเช่น ไปได้ลูกสูบแต่ง (N/A) มาชุดนึง ราคาปาเข้าไปครึ่งแสน ใส่แล้วประกอบเครื่องโดยทุกชิ้นส่วนยังเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นแค็ม, วาล์ว, พอร์ท, ปะเก็น หรือแม้แต่ท่อไอเสีย เรียวแรงที่เพิ่มมันอาจจะไม่ทำให้เห็นถึงความแตกต่าง (มากนัก) ก็เป็นได้ เพราะ อากาศที่ไหลเข้ามา
เป็นไอดีและถูกไล่ออกเป็นไอเสียมันยังมีปริมาณเท่าเดิม กำลังไฟที่ใช้ในการจุดระเบิดเท่าเดิม มันก็เลยไม่รู้จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาเพิ่มให้
คุณ ถ้ารักจะแรงมันต้องลงทุนในหลาย ๆ ส่วน...และจำเอาไว้เถิดว่ายิ่งต้องการความแรง และความทนมากเท่าไหร่ ตัวเลขในบัญชีธนาคาร
ก็ยิ่งหดน้อยลงไปเท่านั้น

บางอย่างช่วยให้แรง ....... แต่บางอย่างทำให้ ?ความแรง? อยู่กับเราได้นานขึ้น

ขอเริ่มกันที่เป็นชิ้นส่วนในขุมกำลังก่อนดีกว่า.... ไอ้ที่เป็นของเดิมที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะอยากไปยุ่งกับมัน (หมายถึง เปลี่ยนทั้งชิ้น) ก็มีตั้ง
แต่ฝาสูบ, เสื้อสูบ, แคร้งค์ อะไรพวกนี้ หรือ ให้เข้าใจง่าย ๆ ก็เป็นพวกที่ไม่ต้องเคลื่อนที่นั่นแหละที่ไม่อยากไปเกี่ยวข้องกับมัน นอกนั้นถ้า
ต้องเคลื่อนไหว ไมว่าจะในทิศทางใดมักไม่รอดพ้นโดน ?ยำ? อยู่เรื่อย ตั้งแต่ ลูก, ก้าน, ข้อ, แค็ม, สปริงวาล์ว หรือแม่แต่ ชาฟท์ต่าง ๆ แต่
ก็ต้องดูด้วยว่าเป้าหมายนั้นอยู่ที่กี่แรง งบเท่าใด และที่สำคัญประมาณตนเองไว้ด้วยว่า... แค่ไหน


...


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: KonG_S16 ที่ วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 10:06:36
อ่านบทความแล้วอยากจะบอกคนเขียนบทความนี้จริงๆ เลยว่า สมัยนี้รถออกแบบมาขายเป็นสินค้าเพื่อการค้าขายมากกว่าออกแบบมาให้คนใช้งาน การสร้างรถขึ้นมาคันนึงจึงต้องคำนวณค่าใช้จ่าย และตัดคอสที่ไม่ค่อยจำเป็นออก เพื่อลดต้นทุนการผลิต จะได้มีกำไรมากขึ้น เพราะคนที่อยู่ในวงการขายรถอย่างผม สามารถบอกได้เลยว่ารถรุ่นใหม่ๆ แต่ละคัน ใช้เหล็กบางกว่ารุ่นเก่าๆ บางยี่ห้อก็เห็นบางส่วนหนานเท่าเดิมแต่ ชิ้นส่วนที่เป็นเหล็กบางจุดก็โดนตัดออกไป ส่วนมาจะโดนในจุดที่เรามองไม่เห็นด้วยครับ

สังเกตุได้ว่าสมัยนี้ รถรุ่นใหม่แต่ละคันไม่ค่อยมีความทนทานเท่ารถรุ่นเก่าๆ เลย โดนชนนิดสกิดหน่อย ก็ยุบกันเป็นแถบๆ ขนาดโครงสร้าง แซสซี่ที่น่าจะมีความแข็วแกร่งที่สุดก็ยังยุบตัวง่าย ประตูเอานิ้วกดเบาๆ เหล็กก็ยุบตัว ถ้าเอาตัวพิงยิ่งแล้วใหญ่ ยุบไปเลย

อย่าในบทความนี้ช่วงนี้บอกว่า
อ้างถึง
ไปได้ลูกสูบแต่ง (N/A) มาชุดนึง ราคาปาเข้าไปครึ่งแสน ใส่แล้วประกอบเครื่องโดยทุกชิ้นส่วนยังเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นแค็ม, วาล์ว, พอร์ท, ปะเก็น หรือแม้แต่ท่อไอเสีย เรียวแรงที่เพิ่มมันอาจจะไม่ทำให้เห็นถึงความแตกต่าง (มากนัก) ก็เป็นได้ เพราะ อากาศที่ไหลเข้ามา
เป็นไอดีและถูกไล่ออกเป็นไอเสียมันยังมีปริมาณเท่าเดิม กำลังไฟที่ใช้ในการจุดระเบิดเท่าเดิม มันก็เลยไม่รู้จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาเพิ่มให้
คุณ

ถ้าเป็นชุดลูกสูบแต่งแบบ N/A แม้ว่าเราจะได้ไม่เปลี่ยนอุปกรณ์ทุกอย่าง เปลี่ยนแต่ลูกสูบก็สามารถเห็นผมต่างได้ และสามารถเพิ่มแรงม้า แรงบิดได้ เพราะ ถึงไอดีและไอเสียยังมีปริมาณเท่าเดิม ไฟจุดระเบิดเท่าเดิม แต่ กำลังอัดในห้องเผาไหม้จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากชุดลูกสูบที่เป็นของแต่งแบบ N/A จะมีการให้กำลังอัดที่สูงกว่าลูกสูบปกติ ทำให้เกิดการจุดระเบิดที่รุนแรงกว่าครับ แต่จะมีปัญหาเกิดขึ้นตามมาจากการเปลี่ยนเฉพาะลูกสูบอีกไม่รู้จบครับ เนื่องจากความร้อนในห้องเผาไหม้เพิ่มขึ้น จึงมีความเสี่ยงที่จะทำให้รถความร้อนขึ้นได้ครับ การแต่งรถจึงต้องทำอยากที่เขาว่าคือ
อ้างถึง
ถ้ารักจะแรงมันต้องลงทุนในหลาย ๆ ส่วน
และผมเห็นด้วยในส่วนที่เขาบอกว่า
อ้างถึง
...และจำเอาไว้เถิดว่ายิ่งต้องการความแรง และความทนมากเท่าไหร่ ตัวเลขในบัญชีธนาคาร
ก็ยิ่งหดน้อยลงไปเท่านั้น
เพราะตอนนี้เงินในกระเป๋าผมก็เป็นไปตามนั้นเหมือนกัน :เปียกปอน: :สุดยอด:


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: Poj_MN ที่ วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 14:26:36
อ่านบทความแล้วอยากจะบอกคนเขียนบทความนี้จริงๆ เลยว่า สมัยนี้รถออกแบบมาขายเป็นสินค้าเพื่อการค้าขายมากกว่าออกแบบมาให้คนใช้งาน การสร้างรถขึ้นมาคันนึงจึงต้องคำนวณค่าใช้จ่าย และตัดคอสที่ไม่ค่อยจำเป็นออก เพื่อลดต้นทุนการผลิต จะได้มีกำไรมากขึ้น เพราะคนที่อยู่ในวงการขายรถอย่างผม สามารถบอกได้เลยว่ารถรุ่นใหม่ๆ แต่ละคัน ใช้เหล็กบางกว่ารุ่นเก่าๆ บางยี่ห้อก็เห็นบางส่วนหนานเท่าเดิมแต่ ชิ้นส่วนที่เป็นเหล็กบางจุดก็โดนตัดออกไป ส่วนมาจะโดนในจุดที่เรามองไม่เห็นด้วยครับ

สังเกตุได้ว่าสมัยนี้ รถรุ่นใหม่แต่ละคันไม่ค่อยมีความทนทานเท่ารถรุ่นเก่าๆ เลย โดนชนนิดสกิดหน่อย ก็ยุบกันเป็นแถบๆ ขนาดโครงสร้าง แซสซี่ที่น่าจะมีความแข็วแกร่งที่สุดก็ยังยุบตัวง่าย ประตูเอานิ้วกดเบาๆ เหล็กก็ยุบตัว ถ้าเอาตัวพิงยิ่งแล้วใหญ่ ยุบไปเลย

อย่าในบทความนี้ช่วงนี้บอกว่า
อ้างถึง
ไปได้ลูกสูบแต่ง (N/A) มาชุดนึง ราคาปาเข้าไปครึ่งแสน ใส่แล้วประกอบเครื่องโดยทุกชิ้นส่วนยังเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นแค็ม, วาล์ว, พอร์ท, ปะเก็น หรือแม้แต่ท่อไอเสีย เรียวแรงที่เพิ่มมันอาจจะไม่ทำให้เห็นถึงความแตกต่าง (มากนัก) ก็เป็นได้ เพราะ อากาศที่ไหลเข้ามา
เป็นไอดีและถูกไล่ออกเป็นไอเสียมันยังมีปริมาณเท่าเดิม กำลังไฟที่ใช้ในการจุดระเบิดเท่าเดิม มันก็เลยไม่รู้จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาเพิ่มให้
คุณ

ถ้าเป็นชุดลูกสูบแต่งแบบ N/A แม้ว่าเราจะได้ไม่เปลี่ยนอุปกรณ์ทุกอย่าง เปลี่ยนแต่ลูกสูบก็สามารถเห็นผมต่างได้ และสามารถเพิ่มแรงม้า แรงบิดได้ เพราะ ถึงไอดีและไอเสียยังมีปริมาณเท่าเดิม ไฟจุดระเบิดเท่าเดิม แต่ กำลังอัดในห้องเผาไหม้จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากชุดลูกสูบที่เป็นของแต่งแบบ N/A จะมีการให้กำลังอัดที่สูงกว่าลูกสูบปกติ ทำให้เกิดการจุดระเบิดที่รุนแรงกว่าครับ แต่จะมีปัญหาเกิดขึ้นตามมาจากการเปลี่ยนเฉพาะลูกสูบอีกไม่รู้จบครับ เนื่องจากความร้อนในห้องเผาไหม้เพิ่มขึ้น จึงมีความเสี่ยงที่จะทำให้รถความร้อนขึ้นได้ครับ การแต่งรถจึงต้องทำอยากที่เขาว่าคือ
อ้างถึง
ถ้ารักจะแรงมันต้องลงทุนในหลาย ๆ ส่วน
และผมเห็นด้วยในส่วนที่เขาบอกว่า
อ้างถึง
...และจำเอาไว้เถิดว่ายิ่งต้องการความแรง และความทนมากเท่าไหร่ ตัวเลขในบัญชีธนาคาร
ก็ยิ่งหดน้อยลงไปเท่านั้น
เพราะตอนนี้เงินในกระเป๋าผมก็เป็นไปตามนั้นเหมือนกัน :เปียกปอน: :สุดยอด:

[/quo
บทความ ลอกเค้ามา...น่าคิด

วัสดุต่าง ๆ ของตัวแรง
ของแต่งเพิ่มแรง .... แพง ...แต่ทนกว่า

เปลี่ยนอารมณ์กันซักนิด จากอุปกรณ์ที่ว่าด้วย ?อิเล็กทรอนิกส์? สู้ชิ้นส่วนที่เป็นโครงสร้างต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกรวมไปถึงที่หมุน
และ เคลื่อนที่อยู่ภายในเครื่องยนต์ กว่าจะผลิตรถยนต์ขึ้นมาได้ซักคันนั้นบรรดานักออกแบบและวิศวกรของค่ายผู้ผลิตต่างก็ทุ่มเทมันสมอง
และเทคโนโลยีในส่วนต่าง ๆ ไว้เพียบพร้อมอยู่แล้วเพื่อให้คุณได้เสียเงิน ?หิ้ว? ออกจากโชว์รูม .... แต่เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าทำไมไอ้คน
ที่รู้จักเพื่อนฝูง หรือแม้แต่ลูกหลานใต้อาณัติยังต้องไปดิ้นรนหาของแต่งค่าตัวสูงมาประเคนใส่เพื่อแทนที่ชิ้นส่วนของโรงงาน?? กับวลีที่ว่า ?ของเดิม ๆ เค้าก็ดีอยู่แล้ว?

แพงและทนกว่า ...แต่แรงมั๊ย ......ต้องดูกันอีกที

ที่เห็นกันบ่อย ๆ ว่าต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนนั้นเป็นของแต่งที่ทำจากไอ้นี่ ไอ้นั่น.... ไม่ได้หมายความว่าชิ้นส่วนของโรงงานไม่ดีหรือใจเสาะแต่
อย่างใด อย่างที่รู้ ๆ กันว่าส่วนประกอบต่าง ๆ กว่าจะได้ผลิตขึ้นมาเป็นรถซักคันหนึ่งเนี่ย...... วิศวกรเค้าคำนวณในทุก ๆ รายละเอียด มาให้
เราเรียบร้อยหมดแล้ว ว่าใช้งานประมาณนี้ภายใต้ขอบเขตที่ไม่เป็นการทารุณตัวรถและเครื่องจนเกินไป ทุกระบบก็จะสามารถตอบสนองต่อ
การขับขี่ได้อย่างครบถ้วยเหมาะสม ไอ้แบบนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับครรัก ?รถเดิม? ประเภทโรงงานมีมาอย่างไร ข้าก็ใช้อย่างนั้น (แบบนี้ล่ะ
วิเศษสุด) กับอีกกลุ่มที่นิยมการ ?เปลี่ยนแปลง? ประเภทซ้ำใครแล้วไม่สบายใจพานจะไข้ขึ้น ไอ้ประเภทนี้ก็มีไม่น้อย การดิ้นรนจึงเกิดขึ้น
ไม่ควรคาดหวังว่าได้ของแต่งมาสักชิ้น แล้วมันจะ ?อัพ? พลังให้ทันตาเห็นแต่อย่างใด มันต้องดูอีกหลาย ๆ องค์ประกอบในการเพิ่มแรง
ด้วยเช่น ไปได้ลูกสูบแต่ง (N/A) มาชุดนึง ราคาปาเข้าไปครึ่งแสน ใส่แล้วประกอบเครื่องโดยทุกชิ้นส่วนยังเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นแค็ม, วาล์ว, พอร์ท, ปะเก็น หรือแม้แต่ท่อไอเสีย เรียวแรงที่เพิ่มมันอาจจะไม่ทำให้เห็นถึงความแตกต่าง (มากนัก) ก็เป็นได้ เพราะ อากาศที่ไหลเข้ามา
เป็นไอดีและถูกไล่ออกเป็นไอเสียมันยังมีปริมาณเท่าเดิม กำลังไฟที่ใช้ในการจุดระเบิดเท่าเดิม มันก็เลยไม่รู้จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาเพิ่มให้
คุณ ถ้ารักจะแรงมันต้องลงทุนในหลาย ๆ ส่วน...และจำเอาไว้เถิดว่ายิ่งต้องการความแรง และความทนมากเท่าไหร่ ตัวเลขในบัญชีธนาคาร
ก็ยิ่งหดน้อยลงไปเท่านั้น

บางอย่างช่วยให้แรง ....... แต่บางอย่างทำให้ ?ความแรง? อยู่กับเราได้นานขึ้น

ขอเริ่มกันที่เป็นชิ้นส่วนในขุมกำลังก่อนดีกว่า.... ไอ้ที่เป็นของเดิมที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะอยากไปยุ่งกับมัน (หมายถึง เปลี่ยนทั้งชิ้น) ก็มีตั้ง
แต่ฝาสูบ, เสื้อสูบ, แคร้งค์ อะไรพวกนี้ หรือ ให้เข้าใจง่าย ๆ ก็เป็นพวกที่ไม่ต้องเคลื่อนที่นั่นแหละที่ไม่อยากไปเกี่ยวข้องกับมัน นอกนั้นถ้า
ต้องเคลื่อนไหว ไมว่าจะในทิศทางใดมักไม่รอดพ้นโดน ?ยำ? อยู่เรื่อย ตั้งแต่ ลูก, ก้าน, ข้อ, แค็ม, สปริงวาล์ว หรือแม่แต่ ชาฟท์ต่าง ๆ แต่
ก็ต้องดูด้วยว่าเป้าหมายนั้นอยู่ที่กี่แรง งบเท่าใด และที่สำคัญประมาณตนเองไว้ด้วยว่า... แค่ไหน


...
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ   แรงไปก็เท่านั้น น้ำมันแพง


หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: โอ๊ต_XU5_ฝาส้ม ที่ วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 20:48:28
เวลาออกแบบรถ

จะต้องรู้แรงที่มากระทำในแต่ละชิ้นส่วนของรถก่อน

อันดับ 2 พิจารณาดูว่า ชิ้นส่วนนั้น มันต้องขึ้นรูปด้วยวิธีอะไร

อันดับ 3 มาสุมหัวคิดเรื่องประเภทของวัสดุที่ต้องเอามาใช้

อันดับ 4 มาคำนวณหาขนาดของชิ้นงานนั้นๆ

โดยในขั้นตอนนี้สามารถกำหนดได้ด้วยกว่า

จะให้มันทนจากการใช้งานจริงได้กี่เท่า

เรียกว่า Factor of Safety (ค่าความปลอดภัย) มีสูตรคือ

แรงที่วัสดุจะถึงจุดขั้นแตกหัก / แรงที่อนุญาตให้ใช้แค่นั้น

เช่น สลิงเส้นนึง  รับแรงได้ซัก 200 กิโลถึงจะเริ่มขาด

เวลาขายก็เขียนโฆษณาซะว่ารับได้แค่ 100 กิโล

Factor of Safety ก็ได้ = 2 เท่า

ทีนี้ปัญหาคือ เมื่อต้องการสนองความแรง

ชิ้นส่วนก็ต้องรับภาระมากขึ้น  ค่าความปลอดภัยมันก็ต่ำลง

จนถึงจุดนึง ที่ทำเกินลิมิตของชิ้นงานนั้นจะรับได้

มันก็จะเริ่มบรรลัยทีละนิด  จนมันรับไม่ไหว ทีนี้บรรลัยทั้งชิ้นเลย

------------------------------------------------------------------

ปัญหาหนักของคนแต่งรถ คือมักจะไม่รู้ว่า วิศวกรเขาเผื่อค่าความปลอดภัยมาไว้เท่าไหร่

ไม่มีข้อมูล   ในหลายๆครั้งจึงโมดิฟายเกินลิมิตของวัสดุนั้น  แต่เนื่องด้วยมันไม่ออกอาการในทันที

จึงคิดว่า มันรับไหว แต่พอใช้นานๆเข้า  มันก็ทนไม่ไหว ก็พังขึ้นมา

--------------------------------------------------------------------

ขั้นตอนการเลือกวัสดุ ต้องคำนึงถึงความล้าด้วย

ความล้าหมายความว่า ชิ้นส่วนใดๆที่มันทำงานเป็นวัฎจักร

คือทำงานกลับไปกลับมาครบรอบไปเรื่อยๆ เช่น ลูกสูบ ปีกเครื่องบิน ฯลฯ

เมื่อใช้งานไปอาจจะหลายล้านๆรอบ  วัสดุมันจะรับแรงได้น้อยลงกว่าเดิม

เช่น สลิงเส้นนึงอีกแล้ว  ที่บอกไปว่าต้องเจอแรงไป 200 กิโลถึงจะเริ่มขาด

พอมันล้า  มันอาจจะขาดเมื่อมีแรงถึงเพียงแค่ 150 กิโลเองก็ได้

-------------------------------------------------------------------------
อยากรู้วิธีทำรถก็ถามได้ครับ จะตอบให้เท่าที่รู้

เพราะตอนนี้ผมก็ทำรถสเปซเฟรมคันที่ 2 กันอยู่

ซึ่งได้ใช้ความรู้ที่เรียนมา หลายวิชามากมายเลย

เรียนแต่ละวิชา ใช้คุ้มมากๆ






หัวข้อ: Re: 405d8 v.s. camry2.4
เริ่มหัวข้อโดย: Maxz-EBC Brakes ที่ วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 21:25:59
อ่านของพี่โอ๊ตแล้ว ผมนึกถึง วิชา Mechanic of solids เลย

ผ่านมาด้วย D มีประจุ  คริกๆ