|
หัวข้อ: 50 รถรุ่นดังในเมืองไทย 1985-2005 (มี Peugeot 3 รุ่น) เริ่มหัวข้อโดย: เปี๊ยก&Snow ที่ วันพุธที่ 01 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 08:51:24 http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=1388:50-1985-2005-part-ii-&catid=30:rewind-by-commander-cheng&Itemid=78
รายละเอียดตามนี้ครับ 305,505,405 หัวข้อ: Re: 50 รถรุ่นดังในเมืองไทย 1985-2005 (มี Peugeot 3 รุ่น) เริ่มหัวข้อโดย: pentaaberng ที่ วันพุธที่ 01 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 09:21:09 ขอบคุณครับ...
หัวข้อ: Re: 50 รถรุ่นดังในเมืองไทย 1985-2005 (มี Peugeot 3 รุ่น) เริ่มหัวข้อโดย: ant123 ที่ วันพุธที่ 01 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 11:12:26 อ่านเเล้วก็ภูมิใจ เพราะเคยใช้ 405 ขอบคุณครับที่มีน้ำใจมาให้ชม
หัวข้อ: Re: 50 รถรุ่นดังในเมืองไทย 1985-2005 (มี Peugeot 3 รุ่น) เริ่มหัวข้อโดย: draculajung ที่ วันพุธที่ 01 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 13:51:00 Peugeot 305: สิงห์พันธุ์เล็กตะกายหน้า ผงาดครองใจคนไทย
Commander CHENG : นี่คือรถ Peugeot ขับหน้ารุ่นแรกที่ประกอบขายในประเทศไทยและสร้างยอดขายชนะรถญี่ปุ่นได้ หลายค่าย ผมลองค้นหนังสือรถเก่าๆ รุ่นพวกเราเพิ่งเกิดดู ได้ความว่าในปี 1985 นั้นยอดขายสะสมทั้งปี (ไม่รวมเดือนธ.ค.) 305 ขายได้ 2,695 คันในขณะที่ Corolla ขายได้ 2,513 คัน! อีกนานไหมกว่าเราจะได้เห็นการแข่งขันแบบนี้เกิดขึ้นอีก? คงไม่ ล่ะมั้งโดยเฉพาะกับรถที่เอามาขายหลังจากประเทศอื่นๆเขา 7 ปี! ใช่แล้วล่ะ 305 นี่เปิดตัวลงขายในยุโรปตั้งแต่ปี 1978 แล้ว ก่อนหน้าที่ 505 เสียด้วยซ้ำไป กรณีนี้ดูจะคล้ายกันกับ 190E ของ Mercedes ที่รถใกล้ตกรุ่นของต่างประเทศกลับมาขายดีใน เมืองไทย J!MMY : 305 ถือเป็นตัวผลักดันให้ค่ายสิงโตชกมวยมีกำไรไหลเข้าบริษัทอยู่พักใหญ่หลังจากที่ปล่อยให้ 505 และ 504 ขายกันแบบเรื่อยๆมาเรียงๆอยู่เป็นนาน..นานจนยอดขายของทางค่ายเริ่มห่อเหี่ยว ก็มี 305 นี่ล่ะเป็นยาต่อชีวิต และถ้าให้พูด ตรงๆ 305 นี่ล่ะเป็นรุ่นส่งท้ายแห่ง "ยุคทองของสิงห์น้ำหอม" เพราะหลังจากนั้นมาแล้ว การสร้างยอดขายแบบติดอันดับแชมป์ เช่นนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย สำหรับ 305 นี่สเป็คของเครื่องยนต์เทียบกับรถในยุคสมัยนั้นถือว่าไม่ล้าหลัง เครื่อง XU5 1.6 ลิตร 92 แรงม้า มีเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หน้าปัดแพรวพราวสวยงาม ราคาค่าตัว 359,000 บาท (ในปี 1985) ก็ถูกกว่า Honda Accord แพงกว่า Toyota Corolla และสูสีกันกับ Corona ส่วนที่เป็นจุดเด่นอีกประการของรถรุ่นนี้คือกันชนแบบบิ๊กบัมเปอร์ที่ ยุคนั้นกำลังฮิตกันอยู่ใน 505 และ BMW หลายรุ่น Commander CHENG: แต่จุดด้อยก็ใช่ว่าจะไม่มีนะ เคยได้ยินคำว่าหัวเกียร์หลุดติดมือไหม? ถ้าไม่เคย ลองไปถามหาคุณ หมอท่านหนึ่งที่เปิดคลีนิกหู คอ จมูกอยู่แถวๆริมคลองประปาใกล้ๆประชานิเวศน์ 1 ดูก็ได้ ขนาดว่าคุณหมอไม่ใช่มืออสูรตีนผี อะไร ขับไปขับมา เห้ย! เกียร์หลุดติดมือมายังไงวะ? นอกจากนี้บางคนยังบอกว่ามันทำตัวไม่ค่อยเหมือน Peugeot โดยเฉพาะในเรื่องช่วงล่างที่ออกอาการยวบยาบค่อนข้างมาก แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราที่เกิดก่อนน้าชาติขึ้นเป็นนายกคงจำกันได้ว่าคันหลายพันคนไม่สนเรื่องนี้! ที่จริงแล้วยังมีรถฝรั่งเศสอีก ยี่ห้อคือ Citroen BX ที่ขายอยู่ในช่วงเวลาใกล้ๆกัน ใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกันแถม Citroen เจ๋งกว่า ช่วงล่างไฮดรอนิวเมติก ยกตัวขึ้นลงได้ด้วย ปัญหาคือเมื่อรวมคุณสมบัติทุกด้านและความสำเร็จในยอดขายแล้วเห็นได้ชัดว่า 305 เป็นแฝดพี่ที่ไปได้ดี กว่า J!MMY : แน่ละ คุณคิดว่าจะมีทางได้เห็น Peugeot คันละ 3 แสน 5 หมื่นบาท ขึ้นโชว์รูมเป็นรถใหม่ป้ายแดงในไทย อีกไหม ละ? ขนาด อากู๋ สามีของน้องสาวหม่อมแม่ของข้าพเจ้า ยังเคยถอย 305 มาใช้อยู่หลายปี ยังจำได้เลยว่า ปี 1987 เรา ทั้ง 2 ครอบครัว ต้องเดินทางกันไปรวม 7 คน นั่งอัดเป็นปลากระป๋อง ในรถ 305 หน้าตา และสีฟ้า เหมือนในรูปข้างบนนี้เปี๊ยบ บุกไป แอ่วอุบลราชธานี อยู่ จำได้เลยว่า เข็ดขยาด ไม่อยากนั่งรถคันนี้อีกเลย ทุกวันนี้ ยังจำกลิ่นห้องโดยสารของมันได้ ไม่เคยลืม!! (ฉุนจมูกชะมัด) หัวข้อ: Re: 50 รถรุ่นดังในเมืองไทย 1985-2005 (มี Peugeot 3 รุ่น) เริ่มหัวข้อโดย: draculajung ที่ วันพุธที่ 01 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 13:51:33 Peugeot 405: สิงห์พันธุ์หนึบ..ทำไมรถสมัยนี้ไม่ทำช่วงล่างให้ได้อย่างนี้?
Commander CHENG: ขอแสดงความเห็นส่วนตัวว่านี่เป็น Peugeot รุ่นที่ผมชื่นชอบมากที่สุดเท่าที่เคยทำตลาดในไทยมา ดีไซน์ของรถเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องขอเอาน้ำแดงมาถวายด้วยความเคารพในฝีมือของ Pininfarina ทุกวันนี้ผ่านมา 20 ปีนับตั้งแต่ วันแรกที่ 405 ลงสู่ตลาดในไทย มันยังเป็นรถที่ดูสวยแบบมีความบึกบึน แต่คล่องแคล่วไปพร้อมๆกัน 405 คว้ารางวัล Car of the year 1988 ที่ยุโรปโดยทำคะแนนได้สูงสุดในรอบ 25 ปีตั้งแต่มีรางวัลนี้มา และหลังจากเวอร์ชั่นพวงมาลัยขวาเปิดตัว เมืองไทยก็ได้มีโอกาสใช้ 405 อันเป็นรถโมเดลใหม่รุ่นแรกของ Peugeot ไทยในรอบ 4 ปี คือประมาณปี 1989 ในช่วงแรก ของการเปิดตัวมีให้เลือก 3 รุ่น สำหรับคนทั่วไปมีไฟแต่พอเีพียงก็จะมีรุ่น 405GR เครื่อง XU9-2C 1.9 ลิตร 110 แรงม้าจ่ายน้ำ มันด้วยคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ อย่างหลังนี่ตามสเป็คแจ้งไว้ว่าทำความเร็วสูงสุดได้ 184 ก.ม./ช.ม. รถญี่ปุ่นสมัยใหม่ที่ม้ามากกว่านี้บางคันยังวิ่งไม่ได้เร็วเท่านี้เลย แต่ที่เด็ดสุด..สุดยอด โดนใจผู้การนี่ก็คือ ไอ้รุ่นท้อป ที่ไม่รู้ว่าผีอะไรเข้าสิง ยนตรกิจ she กล้ามากที่นำเอารุ่น 405 Mi16 มา ขายด้วย ซึ่งเจ้านี่ก็ถือว่าเป็นตัวท้อปในตลาดแห่งอื่นๆในประเทศที่พัฒนาแล้วด้วย รถรุ่นพิเศษนี้มองภายนอกถ้าไม่มีป้ายบอก ชื่อรุ่นแล้วมองดูไม่ต่างจากรุ่น GR เลย แต่สามารถสังเกตเอาจากเบรคหลังก็ได้เพราะรุ่นพลังแรงนี้จะให้ดิสก์เบรค 4 ล้อมา นอก จากนี้ยังมีช่วงล่างที่ปรับให้หนืดขึ้น และหัวใจหลักก็คือเครื่องยนต์ เปลี่ยนมาใช้แบบ XU9J4 ขนาดความจุเท่าเดิม แต่ใช้ฝาสูบ ไฮเทค 16 วาล์ว วางท่อไอดีไว้ด้านหน้าเหมือนพวกรถแข่งทางเรียบที่หันเครื่องกลับ ส่วนท่อร่วมไอเสียยิ่งเป็นเอกลักษณ์ เพราะมีการแยกแบบวาล์วใครวาล์วมัน ถ้าดูจากหลังเครื่องจะมีท่อยิงออกมาจากพอร์ทไอเสียถึง 8 ท่อ รวมทั้งหมดนี้ทำให้มี แรงม้าสูง 160 แรงม้า สำหรับรถเกียร์ธรรมดาทดจัดน้ำหนักแค่ 1.1 ตัน ทำให้เวลา 0-100 ก.ม./ช.ม.ที่สเป็คบอกว่า 10 วินาทีนั้นดูเหมือนจะถ่อมตัวไปมาก ความเร็วสูงสุด 220 ก.ม./ช.ม.ทำให้ 405Mi16 เป็นรถบ้านราคาหลักแสนที่แรงหาตัวจับ ยากในยุคก่อนทลายกำแพงภาษีนำเข้า J!MMY : ไม่ใช่แค่ผู้การแพนที่จะประทับใจ แต่ 405 เองก็ยังเป็น Peugeot เพียงรุ่นเดียวในดวงใจ ที่ผมยังอยากเป็นเจ้าของ จนถึงทุกวันนี้ ในฐานะที่รถรุ่นนี้ ซึ่งจะว่าไปแล้ว 405 ก็ยังเคยเป็น รถหัดขับของผู้หญิงรุ่นป้าๆ น้าๆ รอบๆตัวผมหลายคน 405 มีคาแร็คเตอร์ของช่วงล่างที่น่าประทับใจ ทั้งๆที่ดูแล้วก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นเทรลลิ่ง อาร์ม แต่การบังครับควบคุมให้ความรู้สึกที่เฟิร์มและมั่นใจกว่า Peugeot รุ่นที่ผ่านๆมา ยิ่งรุ่น Mi16 นี่ยิ่งขับสนุกแล้วก็ไม่กระด้าง สะเทือนจนเวอร์เกินเหตุ การจัดพื้นที่ห้องโดยสารก็ไม่เลวเพราะฐานล้อของมันยาวกำลังเหมาะ และความกว้างตัวถัง 1,714 มิลลิเมตร ก็ยิ่งทำให้มันได้เปรียบรถญี่ปุ่นยุคนั้นหลายคัน ถ้ามีอะไรจะติ ก็คงเป็นแผงแดชบอร์ดและวัสดุที่ไม่น่าเอาเยี่ยงอย่าง ยิ่งในรถอายุมากแล้วแทบจะละลายแข่งกับ M&M ในปากช้าง แต่หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อปี 1989 และขายกันเพียงแค่ 405 GR กับ 405 Mi16 เราต้องรอจนถึงปี 93 จึงมี การแต่งหน้าทาปากกันใหม่ให้ดูสวยงามขึ้น แต่ทว่า วิญญาณผีจีนใจดี ก็ดันออกจากร่างของยนตรกิจไปดื้อๆ เลยทำให้พวกเขา ยุบรุ่น GR และ Mi16 ลงเหลือแค่รุ่น SRi เครื่องยนต์เปลี่ยนมาใช้แบบ 4 สูบ SOHC 8 วาล์ว 2.0 ลิตร 123 แรงม้า ที่น่าเบื่อ หน่ายพอกับ Cefiro A31 กระนั้น ภายในกลับถูกออกแบบใหม่ดูทันสมัยขึ้นเป็นกอง มีลายไม้แปะมาให้เป็นแผ่นเล็กๆตรง แดชบอร์ดฝั่งคนนึ่ง ส่วนภายนอกนั้นแม้จะใช้ล้อลายเดิมแต่กันชนหน้า-หลังแบบที่เป็นสเกิร์ตในตัว กับสปอยเลอร์บนฝา กระโปรงท้ายไม่มีให้แล้ว ภาพลักษณ์ของรถจึงออกไปทางหรูขึ้น ต่อมาก็มีรุ่นประหยัด 405GRi วางเครื่อง 1.6 ลิตร 90 แรงม้า ซึ่งทำราคาแข่งกับรถญี่ปุ่น (593,000บาท) ท้ายสุดก่อนที่ 405 จะหลีกทางให้กับการมาของ 406 ก็ยังมีหมัดสั่งลาโดยการ นำเอาชื่อ Mi16 กลับมาขายใหม่โดยใช้บอดี้ SRi แต่ใส่ชุดแต่งสปอร์ตไฟหน้ากลม 4 ดวง และนำเครื่องยนต์จาก 306S16 2.0 ลิตร 155 แรงม้ามาใส่ รถรุ่นนี้หายากมากถึงมากที่สุด เพราะในวันที่ยังขายเป็นรถป้ายแดง ก็ไม่ค่อยมีคนเหลียวแลมัน เท่าใดนัก หัวข้อ: Re: 50 รถรุ่นดังในเมืองไทย 1985-2005 (มี Peugeot 3 รุ่น) เริ่มหัวข้อโดย: draculajung ที่ วันพุธที่ 01 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 13:54:37 Peugeot 505 : สิงห์พันธุ์ใหญ่ ขวัญใจตำรวจ ทหาร และผู้จัดการแบงก์
J!MMY : นี่ก็เป็นรถอีกรุ่นหนึ่งที่ลากขายกันข้ามทศวรรษ เพราะ 505 โฉมแรกนั้นมาถึงเมืองไทยตั้งแต่ปี 1980 แล้ว สมัยนั้น 505 มาได้ค่อนข้างถูกจังหวะถูกเวลาพอดี เพราะ 504 ที่ขายอยู่นั้นรูปทรงเริ่มจะล้าหลังชาวบ้าน และ Peugeot เองก็ยังขาด รถขนาดใหญ่เต็มตัวที่จะสามารถนำมาแข่งขันกับยุโรปค่ายอื่นอย่าง BMW 520 และเบนซ์ W123 แน่นอนว่าการมาถึงของมัน ได้รับการต้อนรับอย่างดีด้วยราคาเปิดตัวในยุคแรกๆนั้นอยู่ที่ 4.8 แสนบาท ในช่วงแรกออพชั่นติดรถยังไม่มีอะไรมาก เกียร์ธรรมดา 4 สปีด ล้อเหล็ก ไม่มีมาตรวัดรอบ แต่แค่ 2 ปีหลังจากนั้นก็มีการเพิ่มล้ออัลลอย นาฬิกา และไฟ Econoscope ซึ่งเป็นหลอดไฟสามดวงบนหน้าปัดข้างใต้วัดรอบ ทำหน้าที่บอกว่ากดคันเร่งมากน้อยแค่ไหนจะประหยัดน้ำมันเพียงไร คล้ายๆ กับ Vacuum gauge ของพวกเบนซ์รุ่นเก่านั้่นเอง พอย่างเข้าปี 1984 ก็มีการเปลี่ยนกันชนมาเป็นแบบบิ๊กบัมเปอร์..ซึ่งจะว่าไป เจ้านี่ก็มีส่วนในการจุดกระแสกันชนบิ๊กบัมเปอร์ ให้ดังระเบิดในยุคปี 1984-1986 เช่นกัน และเป็นรถรุ่นโปรดของตำรวจทางหลวงในสมัยนั้นเพราะมี 505 ถูกจัดซื้อไปเป็น จำนวนมาก รถสเป็คหลังๆนี่มีเกียร์เดินหน้า 5 สปีดแล้ว และ Peugeot เองก็ดูเหมือนจะภูมิใจกับการมีเกียร์จังหวะที่ 5 ให้ โฆษณามากเพราะสามารถเอาอัตราทดมาเป็นจุดขายได้ว่าช่วยประหยัดน้ำมัน Commander CHENG : สโลแกนของเขาคือ "เปอโยต์ 505 คงคุณค่า คู่เวลา" ก็รู้สึกว่าจะคู่เวลาอยู่นานโคดรๆ เลยอ่ะนะ แถมเจ้า Rhino Mango สมาชิกกลุ่ม the coup team เราก็มีใช้อยู่คันนึงนี่หว่า? ว่าแต่มันเป็นรถที่ช่วงล่างเกินคำบรรยาย จริงๆ มองจากข้างนอกแล้วไม่คิดเลยว่าพอเข้าไปนั่งข้างใน วิ่งผ่านถนนขรุขระแถบหลัง ม.ธุรกิจบัณฑิตย์กับซอยสามัคคีแล้วมัน จะนุ่มสบายเกินคาด นี่ขนาดว่ารถเก่าแล้วนะ ถ้าตอนเป็นรถใหม่นี่พูดได้เลยว่านุ่มสบายและเกาะจนรถเยอรมันอายได้ละกัน แต่สังเกตว่าแดชบอร์ดรถตา Rhino Mango กับคันที่เห็นตามหนังสือรถเก่าๆมันไม่เหมือนกันเลย? รุ่นนี้มีไมเนอร์เชนจ์ด้วย หรือ? J!MMY : ใครว่าไมเนอร์เชนจ์? โคตรนาโนเชนจ์ต่างหากล่ะ! ที่พูดไปตะกี้นี่ก็มีสามเชนจ์แล้วครับท่าน แต่มันยังไม่จบแค่นั้น ปี 1986 นี่มีเปลี่ยนรูปลักษณ์กันใหม่ เอาไฟท้ายแบบลาดที่มาใช้ (ได้ข่าวว่าราคาอะไหล่แพงมาก ตา Rhino แกยังตะแง๊วๆ ถวิลหาอยากได้อยู่ทุกวันนี้) มีการเปลี่ยนกันชนสไตล์ใหม่ เปลี่ยนเข็มวัดความเร็วจากแบบ 180 มาเป็น 220 ก.ม./ช.ม. ปี 1987 เปลี่ยนรายละเอียดที่เครื่องยนต์ คาร์บิวเรเตอร์ลูกใหม่ เปลี่ยนท่อไอดีใหม่ Commander CHENG : ได้ข่าวว่ามีเรื่องพอร์ทเหลี่ยมกับพอร์ทกลม เข้าใจว่าเครื่องตัวใหม่นี้คือตัวที่เปลี่ยนพอร์ทอย่างที่ ตา Rhino เคยบอกไว้ อ้อ! นึกออกละ พอปรับปรุงเครื่องตามนี้ แรงม้าก็เพิ่มจาก 96 เป็น 108 แรงม้า แล้วก็ภายในก็มีเปลี่ยน คอนโซลใหม่ที่ตั้งเป็นบั้งแต่ไล่ขอบมุมสายตาให้ดูโค้งกว่าเดิมแบบรถตา Rhino เช่นกัน ...ยังมีไมเนอร์เชนจ์อะไรอีกไหม? J!MMY : มี! ปี 1991 เพิ่มหมอนรองศรีษะที่เบาะหลัง..แล้วก็คิ้วขอบประตูเป็นแถบใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเป็นไง? โคตร ไมเนอร์เชนจ์ จริงๆแล้วมีรายละเอียดที่เปลี่ยนอีกเยอะแต่จำได้ไม่หมด คลับคล้ายคลับคลาว่ามีเปลี่ยนกระทั่งพวกเรื่องกระจก ไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อคซึ่งบางทีก็เป็นฝีมือของผู้แทนจำหน่ายติดตั้งให้เอง ต่อมาปี 1992 นี่ยอดขายเริ่มเข็นไม่ไปแล้ว เพราะอายุตลาดของรถก็ 12 ปี อยู่มานานจนเพื่อนร่วมรุ่นเขาเปลี่ยนหน้าตาไปกันหมดแล้ว แต่ก็ยังมี 505 ขายอยู่ Peugeot ไปได้ดีลกับธนาคารกรุงเทพ จนได้ถูกสั่งซื้อไปใช้เป็นรถประจำตำแหน่งของผู้จัดการสาขา หลังจากนั้นก็มีจำหน่ายต่อมาแบบ เต่าหาวนอน จนกระทั่งเลิกทำตลาดไปในปี 1994 ปิดตำนานรถโมเดลเดียวดึงขายข้ามทศวรรษอีกรุ่นหนึ่งไป Commander CHENG : ขออนุมัติเปลี่ยนสโลแกนใหม่ .."เปอโยต์ 505 คงคุณค่า นาโนเชนจ์ไปตามเวลา" หัวข้อ: Re: 50 รถรุ่นดังในเมืองไทย 1985-2005 (มี Peugeot 3 รุ่น) เริ่มหัวข้อโดย: เปี๊ยก&Snow ที่ วันศุกร์ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 14:41:46 ขอบคุณสำหรับรูป
ผมนำมันขึ้น web ไม่ได้ใครทำเป็นช่วยนำรูปจาก link มาขึ้นให้ด้วย |