หัวข้อ: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 19:44:20 วันนี้ว่างๆก็เลยรื้อ GRI ดูแบบว่าอยากรู้...1. รีเลย์ปกติมันมีแค่นี้หรือ....แล้วข้างซ้ายกะข้างขวามันเหลือไว้ทำอะไร....
2. เปิดฝาหม้อน้ำเห็นมีคราบอะไรไม่รู้..ผิดปกติหรือป่าว..แล้วมันบอกอะไรเรา..แล้วต้องแก้ไขอย่างไง..... ใครพอจะแนะนำอะไรได้บ้างครับ.......ช่วยที......................ขอบคุณล่วงหน้า หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 19:45:23 .....
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: nun ที่ วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 19:53:04 ใช้น้ำอะไรเติมครับ
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: Gun'n ที่ วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 19:56:31 .. คราบน้ำในหม้อน้ำแบบนี้ ของผมก้เคยเจอบ่อยๆครับคุณโจ เจอแล้วต้องหมั่นสังเกตว่าน้ำหายผิดปกติไหม ถ้าไม่มีอาการน้ำหายผิดปกติ ให้ทำการ ถ่ายน้ำบ่อยๆ ของผม ถ่าย 3-4 หนถึงหายสนิท หนหนึ่งก้ห่างกันประมาณ 3-4 อาทิตย์ ครับ
.. หรือถ้าไม่เคยแยงหม้อน้ำ หรือล้างหม้อน้ำใหญ่(ผมทำ ราคาอยู่ที่ 900-1200 คือถอดหม้อน้ำมาเป่าลมแยง ซ่อมจุดรั่วเล็กๆน้อยๆ) น่าจะหาโอกาสล้างบ้างครับ .. อย่างที่คุณ nun ถามก็มีส่วนครับ น้ำหม้อน้ำหาน้ำกรองเติมได้จะช่วงลดตะกรั่นสิ่งสกปรกได้เยอะครับ รถผมก็ใช้นำ้กรองเติมตลอด. หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 19:59:54 น้ำกรองครับ.... น้ำไม่หายครับ.......จำได้ว่าล้างหม้อน้ำครั้งสุดท้ายก็มกราคม ปี 54 ครับ....5555 หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: nun ที่ วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 20:09:33 ผมใช้น้ำกลั่นเติมครับ และเว้นการเติมสารหล่อเย็น เมื่อก่อนผมใช้ แอคคอร์ด ก็เคยเป็นครับผมทำโดยการถอดวาล์วน้ำออก จากนั้นถอดท่อน้ำออกจากหม้อน้ำ (สายออกจากเครื่อง) สตาร์ทเครื่องเอาสายยางน้ำปาปาเติมเข้าไปในหม้อน้ำ เร่งเครื่องยนต์น้ำจะพุ่งออกจากเครื่อง ทำจนระบบภายในเครื่องสะอาด เมื่อภายในเครื่องสะอาดก็จัดการเอาวาล์วน้ำใส่กลับที่เดิม ที่ถอดวาลฺวน้ำออกตอนทำความสะอาดเนื่องจากน้ำเย็นวาล์วไม่เปิด เสร็จแล้วก็ถอดหม้อน้ำออกมาทำความสะอาดโดยการใส่น้ำในหม้อน้ำ 3 ใน 4 ส่วนของหม้อน้ำ จากนั้นโยกหม้อน้ำไปมาให้ตะกอนในหม้อน้ำแตกตัวหลุดออกมา (กรณีหม้อน้ำพลาสติกนะครับมันเปิดแยงไม่ได้ถ้าหม้อทองแดงทำก็ได้ครับประหยัดดี) หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 20:16:33 ขอบคุณครับสงสัย 11-12 ต้องไปให้พวกมาเฟียชลบุรีกะมาเฟียบางแสนและมาเฟียโรงปูน...ล้างหม้อน้ำแถวอ่างศิลาให้เสียแล้ว...5555
แล้ว ข้อ 1. ครทราบช่วยบอกที.......อิๆๆ หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: worathep ที่ วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 20:38:04 เป็นอาการเริ่มแรกของประเก็นฝาสูบเริ่มผุ-ขาด
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: nun ที่ วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 20:38:23 ข้อ 1. คงต้องรอคนที่เคยใช้ GRI มาอธิบายละครับ
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: sathapron ที่ วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 21:01:03 เห็นด้วยครับ เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ใช้มาอีกระยะหนึ่งความร้อนขึ้นมาพอถอดฝาวาวล์ออกมา ด้านในกร่อน ประเก็นผุ น้ำเข้าฝาสูบ หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: sathapron ที่ วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 21:06:50 ...1. รีเลย์ปกติมันมีแค่นี้หรือ....แล้วข้างซ้ายกะข้างขวามันเหลือไว้ทำอะไร....
รีเลย์บางตัวไม่ต้องใช้ครับ รีเลย์สีน้ำตาลตัวขวามือมีช่างบอกว่าเพิ่มแสงสว่างไฟหน้าไม่รู้จริงหรือเปล่า เพราะคัน SRI สีฟ้าผมใส่ไปก็ไม่เห็นมีผลอะไร ส่วนคันน้องแดงใส่ไปมีผลทันที่ พอเปิดยกไฟสูงขอทาง แล้วเอาลง ไฟสูงดันค้าง ต้องดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหม่ ผมต้องเอาออกให้เหมือนเดิมครับ หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: jiratt ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 06:29:40 * ไม่แน่ใจนะครับ ของผมเปลี่ยนเครื่องแบบ ชอร์ท เอนจิ้น หรืออะไรนี่แหละ เอาชุดบนของเครื่องเรามาใช้ต่อ(ชุดฝาสูบ) นอกนั้นเป็นของซื้อมาใหม่ (ต้องแจ้งเปลี่ยนเครื่องด้วย) เลยเปลี่ยนปะเก็น และให้ช่างบด-ตั้งวาว ให้ด้วย
**ใช้มาสัก3-4 เดือน ก็เห็นเป็นโคลน แบบรูปที่โพสท์เลย .....ล้างหม้อน้ำโดยสตาร์ทเครื่อง ปล่อยให้น้ำไหลออก-เติมน้ำเข้า เป็นชม.ละครับ พอเห็นว่าน้ำใสปิดระบบน้ำใส่น้ำยาล้างหม้อน้ำ ทำตามฉลากแนะนำ เสร็จแล้วถ่ายน้ำท้ิง (ทำแบบข้างต้น) อีกเกือบชม. จึงใส่น้ำยาหล่อเย็นไปครึ่งลิตร +น้ำฝน ........ใช้มาเกินครึ่งปี ยังไม่พบโคลนครับ หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: jod_ryhp ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 09:06:31 ตอบพี่โจ :
เรื่อง รีเลย์ ของผมมันมีเพิ่มมาอีกตัว ด้านขวามือ รู้สึกจะเป็นรีเลย์ ไฟสปอร์ทไลท์ แต่ที่มี 2 ตัวคือรีเลย์ไฟสูงกับไฟต่ำ รีเลยอย่างอื่น เช่นที่ปัดน้ำฝน - ไฟเลี้ยว มันจะอยู่ใต้คอพวงมาลัย อยู่ในซอกเล็กๆ นิดเดียว หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 13:29:39 รบกวนทั้ง 2 ท่านช่วยแนะนำหน่อยครับว่าจะต้องทำอะไรบ้างจะได้บอกช่างได้ถูกและงบประมาณเท่าไหร่ครับ......ขอบคุณล่วงหน้า...อิๆๆ ปล.วันนี้เริ่มมีอาการใหม่อีกแล้ว...เมื่อเช้าจะไปทำงานสตาร์ทติดยากต้องสคาร์ทถึง 3 ครั้ง ปกติทีเดียวติดเลย.....อันนี้ต้องตรวจสอบอะไรบ้างครับ........... หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: จิรโรจน์ ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 14:39:05 อาการของ ปะเก็นฝาสูบผุครับ จะทำให้มีคราบน้ำมันเครื่อง+เขม่าจากห้องเผาไหม้
เล็ดลอดเข้าไปในช่องทางของน้ำระบายความร้อนครับ ถ้ายังไม่มีแรงดัน หรือฟองพรายน้ำมากนัก ก็ยังพอทนใช้ไปได้อีกสักระยะนึง แต่ต้องคอยตรวจระดับน้ำบ่อยๆ และถ่ายน้ำทิ้งบ่อยๆด้วย ไม่เช่นนั้น คราบน้ำมัน ที่ผสมอยู่ในน้ำ จะทำให้ผิวท่อยางน้ำเสีย ท่อน้ำจะบวม แตกได้ง่าย ประกอบกับมีแรงดันมากด้วย ถ้าเห็นว่ามีแรงดันมากแล้ว ก็ไม่ต้องปิดฝาหม้อน้ำให้แน่น ปิดแค่ล็อคแรกก็พอ ประทังวิ่งไปก่อน จนกว่าจะมีโอกาสได้ซ่อม วิธีซ่อม ก็แค่เปิดฝาสูบ เปลี่ยนปะเก็น ตรวจสภาพฝาสูบด้วย ว่ามันกร่อนหรือยัง ถ้าสภาพยังดี ก็ปิดกลับ ใช้งานต่อ หรืออยากจะบดวาล์วไปด้วยเลย ก็ดีครับ แต่ถ้าฝาสูบมันกร่อน ก็ต้องส่งไปปาดให้เรียบซะก่อน หรือจะถือโอกาสนี้ เปลี่ยนเครื่องให้มีกำลังมากขึ้น ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ การเปลี่ยนเครื่อง ก็ยังมีอ๊อพชั่นมากมาย เช่น ช้อตบล็อค แล้วเอาอุปกรณ์เดิม หรือเอามาแบบครบทั้งตัว เกียร์เดิม หรือ คอมพลีทเซ็ทไปเลย แล้วแต่กำลังเลยครับ หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 14:46:30 ขอบคุณมากครับเฮีย...แล้ว....บดวาล์ว...เนี่ยมันคืออะไรครับผมไม่รู้เรื่องเลยครับ...แล้ว...วิธีซ่อม ก็แค่เปิดฝาสูบ เปลี่ยนปะเก็น....งบประมาณเท่าไหร่ครับ..จะได้ขโมยเงินผบ.ไว้ล่วงหน้าครับ...อิๆๆ
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: AB NORMAL ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 14:51:16 เบิกงบไว้รอเลย ห้าหมื่น
ถ้าเ้บิกไม่ได้ให้ถามเทคนิคจากเต้มหาชัย หรือไม่ก็พี่เคนธีระดูด ครับ :555: :555: หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าชาย อสูร ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 14:52:07 พี่ โจครับ บดวาล์ว ก้อคือ ทำให้วาล์ว กับฝาสูบ มันสนิทกัน เพราะใช้มานานแล้ว
มีอะไรต่ออะไรเปลื่อน และสึกกร่อน เป็นตามด มันจะรั่ว บดใหม่ให้มันสนิทกัน... หากมันยุ่งยากมากนัก ก้อเปลี่ยนคันใหม่ รับรอง หายสนิท...... หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: เฟืองทอง ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 14:59:55 อย่าล้อเล่นกับมันอยู่น่ะรีบเลยครับ บางทีอาจจะเป็นแค่ประเก็น แต่ของผมกินทั้งประเก็นและฝาสูบต้องเปลี่ยนยกชุดครับ
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: จิรโรจน์ ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 15:00:41 คำว่า บดวาล์ว ก็หมายความถึง การทำให้หน้าวาล์ว เรียบสนิทกับบ่าวาล์ว ครับ
โดยการใช้ผงทราย ทาที่หน้าวาล์ว แล้วใส่ลงไปที่ตำแหน่งของมัน คือบ่าวาล์ว แล้วก็ ตบ กด หมุน ทำให้หน้าสัมผัสทั้งสอง สึกเท่าๆกัน จะได้แนบสนิท ปิดกั้นแรงอัดได้ครับ เลยเป็นที่มาของ อาการทำแบบนี้ว่า บดวาล์ว คล้ายๆกับการบดยาไงครับ ส่วนเรื่อง งบประมาณในการซ่อม ถ้าแค่เปลี่ยนปะเก็นอย่างเดียว ไม่กี่ตังค์หรอกครับ แต่มักจะมีรายการข้างเคียงเพิ่มตาม เช่น ไหนๆก็เปิดฝาแล้ว เปลี่ยนสายพานราวลิ้พร้อมลูกรอกไปด้วยเลย พวกตาน้ำ ที่ฝาสูบด้วย สาบพานแอร์อีก ยางแท่นเรื่อง โอริงฝาครอบวาล์ว พวกเนี้ยะ คือตัวเพิ่มทั้งนั้นครับ จึงเป็นข้ออ้างของพวกที่กำลังอยากได้เครื่องใหม่ ว่า เปลียนทั้งที เอาให้มีกำลังเพิ่มขึ้นหน่อยดีกว่า ทีนี้ พอเครื่องใหญ่ มันหนัก ก็ต้องเปลี่ยนชุดรองรับ สปิง ช็อคอัพ ให้มันเหมาะสมกับน้ำหนักที่เพิ่ม หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 15:11:01 ขอบคุณ..พี่เฟืองทอง กะ เฮียชาติชาย...ครับ
สงสัยต้องใช้..วิธีซ่อม..ตามที่เฮียแนะนำก่อนเพราะทุนน้อย....คงต้องหลัง 11-12 ... แล้ว.....วันนี้เริ่มมีอาการใหม่อีกแล้ว...เมื่อเช้าจะไปทำงานสตาร์ทติดยากต้องสคาร์ทถึง 3 ครั้ง ปกติทีเดียวติดเลย.....อันนี้ต้องตรวจสอบอะไรบ้างครับ...แบตฯเปลี่ยนใหม่แล้ว,หัวเทียน+สายหัวเทียนเปลี่ยนของใหม่แล้ว....พอจะทราบไหมครับ... หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: จิรโรจน์ ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 16:23:33 ในระหว่างที่รอซ่อมนี่ ให้คอยดูระดับน้ำบ่อยๆหน่อยนะครับ
แล้วดูด้วยว่า ในหม้อน้ำ มีแรงดันมั้ย ถ้ามี ให้ใช้วิธี ปิดฝาหม้อน้ำ ไม่สนิทเอาครับ ส่วนการที่สตาร์ทติดยาก ไม่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องปะเก็นฝาผุครับ ลองใช้วิธี เปิดสวิทช์ กุญแจ แล้วปิด สักสองครั้ง ก่อนที่จะสตาร์ท ถ้าติดง่ายขึ้น ก็เดาว่า เรคกูเลเตอร์ เริ่มเสื่อมแล้วครับ ทำให้แรงดันในราง ไม่พอ หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: Godfather of Peugeot ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 16:35:23 ข้อ 1 เรื่อง รีเลย์ ทั้ง 4 อันเป็นของไฟหน้าทั้งหมด
จากภาพรีเลย์ที่มีอยู๋แล้ว คือ ไฟสูง กับ ไฟต่ำ ส่วนที่ไม่มีก็ไฟตัดหมอก ( ตรงกันชน ) อีกอันเป็นไฟ driving lamp ( เรียกตามคู่มือ นะครับ ไม่รู้จะใช้คำว่าอะไร ) ไฟตำแหน่งนี้ให้ไฟดูในโคมของ 405SRI มันจะทำงานพร้อมกับตอนที่เปิดไฟสูงเท่านั้น ข้อ 2 ตามที่หลาย ๆ ท่านแนะนำไป แต่ขอเสริมสักนิด สิ่งที่คุณจะต้องทำด่วน ๆ คือ ล้างหม้าน้ำ เพราะ น้ำมันที่ผสมอยู่จะทำให้พวกท่อยาง เสียหายได้ ให้ดูที่ยางฝาหม้อน้ำก่อนเลย ต่อมา ก่อนที่จะเปิดฝาสูบ คุณเปิดฝาวาล์วก่อน ( ไอ้กรองอากาศครับ ) แล้วก็ ขันน๊อตของฝาสูบใหม่ บางทีแค่มันคลายเท่านั้นเอง ลองดูครับ ส่วนเรื่องเครื่องติดยาก ในรถหัวฉีด เปิดกระทู้ใหม๋ซิ ผมจะบอกให้ สมาชิกท่านอื่นจะได้รู้ด้วย ง่าย ๆ เหมือน ขี้ตา ติดที่ขอบตา หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 16:44:43 ขอบคุณมากครับ....อยากเปิกกระทู้ใหม่เหมือนกันแต่กลัวเปลืองเนื้อทีเวปเค้า...ถ้าอย่างไรเสียช่วยบอกผมน้อยเถอะครับ...ขอร้อง.......... หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: worathep ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 16:46:16 หาฝาสูบมือ 2 รอไว้เลยครับ เอาสภาพดีๆไม่โก่งนะครับแล้วให้ช่างเขาตั้งวาล์วให้ด้วยเลย ว่างตอนไหนแล้วค่อยเปลี่ยน
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 16:48:29 พอทราบราคและแหล่งหรือป่าวครับ.... ปล.ใครมีเสนอราคาได้ครับ...... หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: Godfather of Peugeot ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 16:57:46 ลองก้มไปดู engine speed sensor ภาษาง่าย ๆ ก็เซนเซอร์ฟลายวิล ( ไม่ใช่เซนเซอร์ที่ต่อไปที่หน้าปัดบอกความเร็วนะครับ ตนละตัวกัน ) ดูสภาพตัวมัน สกปรก แตก ฯลฯ สายไฟมีขาด สึก โดนเฉพาะที่หัวมัน มีเศษผงโลหะไปติดหรือไม ...... การทำความสะอาด ไม่แนะนำกระดาษทราย ให้ใช้พวก carbon cleaner หรือ พวกน้ำยาล้างคาร์บิว หรือ contact cleaner ครับ หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: worathep ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 17:01:32 คุณต่อย มหาชัย น่าจะมีแยกขายนะครับ ราคาผมจำไม่ได้ว่า 3 หรือ 4 พันครับ ยังไงก็โทรสอบถามต่อรองราคาเอาครับ
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 17:02:17 เซนเซอร์ฟลายวิล..มันคือตัวไหนและอยู่ตรงไหนครับผมไม่รู้จริงๆ
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: Godfather of Peugeot ที่ วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 17:12:38 รูปแทนนะ
คุณมองต่ำลงไปใต้ คอยล์จุดระเบิด ส่วนหน้าตา ก็ประมาณในภาพ ( สำหรับ 405 ) หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 07:58:43 ผมหาไม่เจอครับไอ้ตัว..เซนเซอร์ฟลายวิล..มันซ่อนตัวอยู่จุดไหนของเครื่องGRI ครับใครเคยเห็นบอกหน่อยครับ..ก้มจนปวดหลังอีกแล้ว.....
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: AB NORMAL ที่ วันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 08:21:56 พี่โจไม่ต้องไปหาหรอกครับพี่ มันอยู่ลึกเหมือนกัน อีกอย่างถ้ามันเสียก็สตาร์ทไม่ติดเลย หรือดับกลางอากาศครับ
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 08:31:24 นั่นแหละอาการนี้เลย...ว่าแต่มันอยู่ตรงไหน..แอ๊ปบอกพี่ที..พี่จะเอาสเปฉีดสักกะหน่อยเผื่อมันดีขึ้น..... หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: AB NORMAL ที่ วันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 08:38:23 ผมคิดว่ามันไม่น่าจะมีประโยชน์อะไรครับ ฉีดไปก็ช่วยไม่ได้ เพราะเซ็นเซอร์มันหุ้มด้วยพลาสติค แล้วที่ว่าดับนี่ มันจะสตาร์ทไม่ติดเลยนะครับ ส่วนตำแหน่งก็อยู่ตรงหัวหมู รอยต่อระหว่างเครื่องกับเกียร์ ใต้คอยล์ครับ หาดูตัวที่หน้าตาเหมือนในรูปครับ ฝังอยู่บนเสื้อเกียร์
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: เปี๊ยก&Snow ที่ วันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 08:47:04 พี่โจเปลี่ยนเครื่องเดิม เพิ่มความแรงเกียร์เดิม มันส์ขึ้นเยอะ
(รีบนะได้ข่าวว่าตอนนี้เครื่อง 2.0 ธรรมดาเข้ามาน้อยแล้ว) มีแต่ D8 หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 08:49:11 นั่นแหละอาการนี้เลย...ว่าแต่มันอยู่ตรงไหน..แอ๊ปบอกพี่ที..พี่จะเอาสเปฉีดสักกะหน่อยเผื่อมันดีขึ้น..... ไม่รู้จัก..ไอ้หัวหมู..เอาเป็นว่า 11-12 นี้แอ๊ป มาชี้ให้พี่หน่อยแล้วกันว่ามันอยู่ตรงไหน..จะได้ฉีดซะมันไม่เสียหายอะไรนี่แค่ฉีดเอง..ดังคำโบราณว่าทำตามผู้ใหญ่เมียไม่ด่า...เอ เกี่ยวกันหรือป่าวหน่อ.....อิๆๆ หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 08:52:08 นี่ก็ยุจัง...ถ้ามีตังค์นะไม่ต้องบอกหรอกทันทีเลย.....อีกหน่อยถ้าเครื่องหายากก็ใส่เครื่องยี่ปุ่นซะเลย......อิๆๆ หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: AB NORMAL ที่ วันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 09:00:02 นั่นแหละอาการนี้เลย...ว่าแต่มันอยู่ตรงไหน..แอ๊ปบอกพี่ที..พี่จะเอาสเปฉีดสักกะหน่อยเผื่อมันดีขึ้น..... ไม่รู้จัก..ไอ้หัวหมู..เอาเป็นว่า 11-12 นี้แอ๊ป มาชี้ให้พี่หน่อยแล้วกันว่ามันอยู่ตรงไหน..จะได้ฉีดซะมันไม่เสียหายอะไรนี่แค่ฉีดเอง..ดังคำโบราณว่าทำตามผู้ใหญ่เมียไม่ด่า...เอ เกี่ยวกันหรือป่าวหน่อ.....อิๆๆ หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: เจ้าชาย อสูร ที่ วันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 09:22:46 ยกเครื่องทิ้ง ใส่ดีแปดโลด..... :Oooops: :Oooops: :Oooops: :Oooops:
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: tiddin ที่ วันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 10:41:42 ของผมประเก็นผุ+ฝาสูบก้อผุเปลี่ยนทั้ง 2 อย่างอาการเริ่มแรกก้อมี่โคลนตามภาพเลยครับ..
ใช้ได้อีกสักระยะหนึ่งน้ำหายความร้อนขึ้น... หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: jod_ryhp ที่ วันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 10:46:54 พี่ โจ แล้ว กราวน์ไวร์ ถอดออกแล้วเหรือครับ ในรูปไม่เห้นมีเลย
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: จิรโรจน์ ที่ วันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 10:50:52 ถ้าฝาสูบผุกร่อน ไม่ต้องไส มาเอาอันนี้ดีกว่า ใหม่ร้อยเปอร์เซ็นต์
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 10:52:05 ยังอยู่ใครจะกล้าถอดหล่ะ..อันนั้นมันรูปเก่า.... หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 10:54:56 ขอบคุณอีกครั้งครับเฮีย.... ถ้าเฮีย..สนใจเปิดอู่เมื่อไหร่ผมขอสมัครเป็นลูกมือคนแรกเลยนะครับ...... หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: worathep ที่ วันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 17:48:42 ว้าว......เอี่ยมเลย.......ให้ไวครับ
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: Sailom306 ที่ วันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 21:47:40 ในรูปเป็นฝาของGri หรือSriครับ
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันพุธที่ 08 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 15:49:49 วันนี้มีคำถามใหม่อีกแล้วครับ....
เนื่องจากวันตอนเที่ยนขับรถไปศ.แพ่งกรุงเทพใต้..ระยะทางจากที่ทำงานไปประมาณ 19-20โลได้แล้วก็จอดไปทำธุระในศ.ประมาณ 2ชม.ก็กลับมาที่รถเพื่อขับรถกลับมาที่ทำงานพอสตาร์ทรถ(ใช้เวลาสตาร์ท 3 ครั้งกว่าจะติดทีเมื่อเช้าสตาร์ทที่บ้านทีเดียวติดเลยไม่งอแง)พอเครื่องติดปรากฎว่าพัดลมทำงานสเปต2เลย(ไม่รู้ว่าเรียกถูกหรือป่าวคือมันแรงจนเสียงใบพัดดัง) มองที่เกจ์ความร้อนก็อยู่ที่ประมาณ 70 เองมันผิดปกติหรือป่าวครับ....ใครก็ได้ช่วยบอกที....ขอบคุณล่วงหน้า :Pika: :Pika: :Pika: :Pika: หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: worathep ที่ วันพฤหัสบดีที่ 09 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 00:36:56 sensor วัดความร้อนสายขาด แจ็คหลวม หรือสกปรก ครับ
หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: โจ เทียนทะเล ที่ วันพฤหัสบดีที่ 09 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 08:08:01 5555...,มันตัวไหนครับผมไม่ทราบจริงๆพอจะมีรูปเป็นตัวอย่างป่าว....... หัวข้อ: Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI เริ่มหัวข้อโดย: tiddin ที่ วันเสาร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 01:31:14 ผมก้อเคยเจออาการแบบนี้ ถอดกระจังหน้าจะมีปลั๊กสองหรือสามตัวเรียกชื่อม่ายถูก..
ถอดมันออกใช้สเปร์ทำความสะอาดและประกอบเหมือนเดิมและพันผ้าเทป ผมทำแบบนี้แล้วหายครับ... |