หัวข้อ: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันพฤหัสบดีที่ 06 เมษายน 2006 เวลา 14:43:02 หลังจากไปนั่งฟังมา 2 วันได้ความรู้พอที่จะมาเล่าให้ฟังพอสมควรครับ จะเล่าให้ฟังเป็นเรื่องๆไปนะครับ
อนาคตของ NGV ในบ้านเรา ช่วงแรกเลยมีคนจาก ปตท มานำเสนอเกี่ยวกับแผนการขยายจำนวนของผู้ใช้และสถานีบริการ ด้านผู้ใช้จะมีการสนับสนุนด้วยข้อเสนอต่างๆเช่น 1.ช่วงนี้ให้เงินอุดหนุนฟรี 10000 บาท เห็นว่าไกล้หมดเขตแล้ว 2.มีการรับประกันซ่อมเครื่องฟรีหากเกิดความเสียหายจากการใช้NGV โดยต้องติดตั้งจากร้านที่ปตท.รับรอง จะมีป้ายของ ปตท.โชว์ วงเงินประมาณ60,000บาท ยังไม่ประกาศว่าจะเริ่มเมื่อไร อันนี้ผมว่าเครื่องไม่น่าพังถ้าติดตั้งถูกต้อง แก๊สโซฮอลน่าจะมีปัญหามากกว่าเสียอีก 3.อาจมีการลดภาษีรถใช้ NGV 4.จะมีแหล่งเงินกู้ให้กู้สำหรับติดตั้ง NGV เช่นพวกอิออน แคปิตอลโอเค ธนาคารต่างๆ ด้านสถานีบริการ 1.จะมีการเพิ่มสถานีขึ้นเรื่อยๆทุกปี เขาบอกว่าปีนี้จะเปิดให้ได้160สถานี โดยจะกระจายตามเขตกรุงเทพและปริมณทล ต่างจังหวัดที่มีแหล่งแก๊สจะได้ใช้ก่อนเช่นกำแพงเพชร อุดร (มีบ่ออยู่แล้ว) กานญจน์ ราชบุรี(จากพม่า) ส่วนจังหวัดที่อยู่ไกลแหล่งแก๊สอาจไม่คุ้มค่าขนส่งเพราะขนไปได้น้อยจึงอาจยังไม่มีใช้ ในอนาคตจะทำให้แก๊สกลายเป็นของเหลวจะได้เก็บได้มากขึ้นเรียกว่า LNG เพื่อให้ใช้ได้แพร่หลาย แต่ยังไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ 2.จะจูงใจให้ปั๊มกล้าลงทุนสร้างเพื่อขาย NGV โดยจะเพิ่มค่าการตลาดให้ปั๊ม(เพิ่มกำไรต่อกิโลกรัมให้ปั๊มเป็น1บาทกว่า) เร็วๆนี้จะมีการโหมโฆษนาเพื่อกระตุ้นให้คนหันมาใช้NGVอีกครั้งคงจะมีแคมเปญใหม่ๆมาชักชวนให้คนใช้กันเยอะๆ ช่วงนี้เห็นว่าทำโฆษนาเสร็จแล้ว อยู่ในช่วงดำเนินการตามแผน น่าจะได้ชมกันปลายเดินเม.ย.นี้ มีการทดสอบรถมาให้ดูเป็นข้อมูลด้วย เรื่องรถทดสอบเดี่ยวเล่าให้ฟังตอนท้ายนะครับผมเจอตัวจริงเสียงจริงของทั้งรถและนักทดสอบด้วย หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันพฤหัสบดีที่ 06 เมษายน 2006 เวลา 15:05:04 ต่อด้วยด้านเทคนิคนะครับ เอาทั้ง NGV ทั้ง LPG เลยนะ
เริ่มด้วย NGV เป็นสถานะแก๊สทั้งที่อยู่ในถังและขณะจ่ายเข้าเครื่อง ความดันที่อยู่ในถัง 200 บาร์ ลดความดันเพื่อจ่ายเข้าเครื่องโดยหม้อต้มลงจนเหลือประมาณ 2-5 บาร์ หรือ 0 บาร์แล้วแต่หม้อต้มแต่ละรุ่น น้ำหนักแก๊สจะเบากว่าอากาศ เมื่อรั่วจะลอยตัวฟุ้งกระจายขึ้นด้านบนและลดความหนาแน่นลงอย่างรวดเร็ว ถ้าอยากเห็นภาพลองเอาน้ำมันพืชใส่ถุงพลาสติกแล้วกดให้จมในโถแก้ว แล้วเจาะถุงให้แตกใต้น้ำจะเห็นน้ำมันพืชลอยตัวแตกกระจายขึ้นสู่ผิวน้ำ เห็นเขาว่ามีการเติมกลิ่นด้วยนะแต่ผมยังไม่เคยได้กลิ่น NGV เลย สำหรับ LPG เป็นสถานะของเหลวเมื่ออยู่ในถังภายใต้ความดันประมาณ 20 บาร์ ลดความดันและเปลี่ยนสถานะเป็นแก๊สที่หม้อต้มเหลือความดันเข้าเครื่องเริ่มตั้งแต่ 0 บาร์ขึ้นไป แล้วแต่หม้อแต่ละรุ่น น้ำหนักแก๊สจะหนักกว่าอากาศ เมื่อรั่วจะลอยตัวลงต่ำอยู่ตามพื้นเคลื่อนตัวช้าฟุ้งกระจายออกไปจากจุดรั่วได้ช้าทดลองเหมือนข้างบนแต่เปลี่ยนไปใช้น้ำหวานสีแดงเจาะให้รั่ว(ผมคิดการทดลองเอง กลัวท่านจะนึกภาพไม่ออก แต่ผมก็ยังไม่เคยทดลองด้วยตัวเอง คงประมาณนั้นนะครับ) แก๊ส LPG มีกลิ่นที่เติมเข้าไปเป็นเอกลักษณ์ที่เรารู้จักกันอยู่แล้ว หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: fish ที่ วันพฤหัสบดีที่ 06 เมษายน 2006 เวลา 15:46:14 ยินดีด้วยครับคุณ John จะได้เป็นที่พึ่งด้านแหล่งความรู้โดยตรงให้เพื่อนๆที่สนใจ ยังไงมีโอกาสจะขอคำแนะนำเรื่องระบบไฟฟ้านะครับ ผมใช้ ngv มา 3 เดือนครึ่ง วิ่งไปประมาณ 13,000 กิโลเมตรแล้ว ยังปกติดี ถ้าคิดที่ประหยัดประมาณกิโลเมตรละ 1.50 บาท ก็มีเงินลงขวดเบียร์ประมาณ 195,000 บาทแล้วครับ แต่สรุปแล้วเงินไม่รู้อยู่ไหน
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันพฤหัสบดีที่ 06 เมษายน 2006 เวลา 15:56:25 อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับระบบแก๊สทั้งสองชนิดมีลักษณะไกล้เคียงกันมาก ผมจะเล่าให้ฟังเฉพาะ NGV นะครับ ประกอบด้วย
� ถังแก๊ส มี4แบบจำแนกตามวัสดุที่ใช้ทำ เริ่มจากแบบ CNG1 ทำจากเหล็กทั้งลูก หนักสุด ถูกสุด ถัง 70 ลิตร ประมาณ 16000 บาทหนักประมาณ 70 กิโลกรัม บ้านเราใช้แบบนี้กันมากที่สุด CNG2 ทำจากเหล็กหรืออลูมิเนียม แต่บางลง แล้วพันด้วยไฟเบอร์รอบตัว เพื่อให้ทนแรงดันได้เท่าเดิม ถัง 70 ลิตรหนักประมาณ 49กิโลกรัม CNG3 ทำจากเหล็กหรืออลูมิเนียม แต่บางลงอีก แล้วพันด้วยไฟเบอร์ทั้งถัง 70 ลิตรหนักประมาณ 35 กิโลกรัม CNG4 ทำจากพลาสติกและไฟเบอร์ผสม มีหัวถังเป็นโลหะ น้ำหนักเบามาก แต่แพงกว่าแบบแรก 4 เท่า และถ้าทำมาไม่ดีอาจรั่วทีคอถังตรวรอยต่อระหว่างเหล็กกับพลาสติก � แบบ2-4ต้องติดตั้งในรถป้องกันแสงแดด มาตรฐานของถังที่ใช้ต้องอยู่ในมาตรฐานต่อไปนี้ -UNECE R110 -ISO 11439 -ANSI/CSA NGV 2-2000 � ข้อมูลทางเทคนิคถังแบบคร่าวๆคือ เติมแก๊สได้อย่างน้อย 1000ครั้งต่อปี เป็นเวลา 15ปี ถังแก๊สจะผ่านการทดสอบต่างๆจนแน่ใจแล้วว่าไม่เกิดการระเบิดแน่นอน มีวาล์วตัดแก๊สด้วยมือแบบบอลวาล์ว(ต้องบอลวาล์วด้วยนะ ถ้าเป็นแบบหมุนจะปิดได้ช้าต้องหมุนหลายรอบ) วาล์วไฟฟ้า วาล์วตะกั่วเมื่อเกิดไฟไหม้จะละลายระบายแก๊สออก วาล์วกันระเบิดจะเปิดเมื่อแรงดันขึ้นสูงระบายแก๊สออกก่อนถังระเบิด สรุปว่าถ้าถังอยู่ในมาตรฐานนี้ไม่ระเบิดแน่นอน � ที่ถังต้องมีสัญลักษ์CNGหรือNGVประทับอยู่อย่างถาวร ข้อมูลทางเทคนิคจะพิมพ์อยู่ที่ถังมองเห็นได้ � ที่หัวถังจะมีฝาครอบและท่อพลาสติกต่อลงไปที่พื้นรถเพื่อระบายแก๊สออกเมื่อเกิดการรั่ว ท่อที่ต่อจะมีหน้าแปลนทรงกระบอกตัดป็นปากฉลามยึดอยู่ที่พื้นรถหันหน้าไปหน้ารถหนึ่งท่อ ไปท้ายรถหนึ่งท่อ เวลารถวิ่งจะได้ดักอากาศมาเป่าเอาแก๊สที่รั่วออกไปนอกรถได้ � ท่อที่ใช้ส่งแก๊สเป็นท่อโลหะทนแรงดันได้ตามมาตรฐาน มีรายละเอียดแสดงบนพลาสติกที่หุ้มท่อ ข้อต่อทุกจุดเป็นตาไก่ � การติดตั้งถังต้องทำขามารับถังโดยมีห่วงเหล็กรองด้วยยางรัดถังอีกที ติดตั้งไว้กลางรถ เหล็กรัดอยู่ตรงส่วนกลมของถัง ไม่เลื่อนไปบริเวณคอถัง ถังและท่อต้องไม่เสียดสีโดยตรงกับเหล็ก � ขายึดต้องทนแรงกระชากได้ 20 เท่าของน้ำหนักถัง(อันนี้ดูด้วยตาไม่ออก ปัจจุบันมีของรุ่นอัลติสรุ่นเดียวที่มีแบบเป็นมาตรฐานผ่านการคำนวนด้วยคอมพิวเตอร์เพราะรุ่นนี้ติดตั้งกันเยอะ) เท่าที่เห็น โครงเหล็กทำจากเหล็กหนา มีขนาด และรูปร่างแข็งแรงกว่าโครงยึดถังLPGเป็นอย่างมาก แน่หล่ะ ถังหนักตั้ง70กิโล �ยึดกับรถโดยร้อยน็อตผ่านแชสซีรถไม่ใช่พื้นรถ มีประกับด้านล่างตรงแชสซีด้วย ติดตั้งให้ไกล้เพลาหลังรถที่สุดเพราะมีผลกับจุดศูนย์ถ่วงของรถ เดินท่อไปด้านหน้าตามแนวท่อน้ำมันเชื้อเพลิงเดิม มีกิ๊บรัดให้แนบกับตัวถังเป็นระยะ � หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันพฤหัสบดีที่ 06 เมษายน 2006 เวลา 16:14:35 ในห้องเครื่อง จะมีหัวเติมแก๊ส บ้านเราใช้แบบ NGV1 ใช้เหมือนกับมาเลย์ ขับไปเมมาเลย์ได้ ที่ติดในห้องเครื่องเพราะห้ามติดไว้ในห้องโดยสารหรือที่เก็บของภายในรถ เวลาเติมจะมีแก๊สรั่วออกนิดหน่อยตอนเสียบหัวจ่าย ดังฟืดๆ จึงให้แก๊สรั่วออกไปข้างนอก ที่ไม่ติดท้ายรถเหมือน LPG เพราะกลัวสิ่งสกปรก และเติมยาก
หม้อต้มก็อยู่ในห้องเครื่อง มีท่อน้ำร้อนจากเครื่องยนต์แต่เส้นเล็กกว่าหม้อLPG มากมาเลี้ยงเพื่อให้ความร้อนกับหม้อในกระบวนการลดความดันลักษณะหม้อคล้ายLPGมากดูแล้วการปรับก็ไม่ต่างกันมาก ในห้องเครื่องมีเกจ์วัดแรงดันแก๊สด้วยต่อคร่อมอยู่กับท่อแรงดันสูง ทุกจุดต่อท่อใช้ตาไก่ และจะมีการต่อท่อเฉพาะจุดที่ต่อเข้าอุปกรณ์เท่านั้น ไม่มีการต่อท่อกันเองระหว่างท่อกับท่อ ที่เหลือก็เป็นชุดจ่ายแก๊สเข้าเครื่องตามเทคนิคของแต่ละแบบ สังเกตูว่าอุปกรณ์และไดอะแกรมการติดตั้งจะคล้ายกับ LPG มาก แต่แตกต่างตรงมีความเข้มงวดสูงกว่ามาก เป็นเพราะทำงานที่ความดันสูงกว่านั่นอง ในตัวรถก็จะมีสวิชเลือกแก๊ส-น้ำมัน และเกจ์วัดปริมาณแก๊ส หลักๆคงมีอุปกรณ์ประมาณนี้ หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันพฤหัสบดีที่ 06 เมษายน 2006 เวลา 16:54:02 ระบบการจ่ายแก๊สเข้าเครื่องยนต์ มี 3 แบบ ครับ ทั้งNGVและ LPG
1.แบบดูด ฟิกมิกเซอร์ วาล์วปรับแก๊สแบบมือหมุน เขาเรียกว่าแบบ โอเพ่น-ลูบ จ่ายแก๊สเข้าเครื่องยนต์โดยผ่านมิกเซอร์ ปรับปริมาณโดยวาล์วมือหมุน จูนหนา-บางได้ด้วยตัวเอง ใช้ได้ทั้งเครื่องคาร์บูและหัวฉีด หากเป็นเครื่องหัวฉีดจะมีอุปกรณืไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกนดหน่อย คือกล่องตัดและ/หรือหลอกหัวฉีด ช่วยหลอกอีซียูให้ไฟไม่โชว์ กล่องตัดไปใช้แก๊สอัตโนมัตโดยรับสํญญานอุณหภูมิและรอบเครื่องจากเครื่องยนต์หรือออโต้เชนจ์สวิช กล่องเร่งไฟแก่อัตโนมัตเมื่อใช้แก๊ส(อันนี้ไม่ค่อยเห็นใครใช้ เค้าบอกว่าต่อยาก แต่ใช้แล้วดี ประมาณว่าช่างบ้านเราไม่เก่งเรื่องไฟฟ้า ต่อผิดต่อถูก เดี๋ยวกล่องเดิมของรถเจ๊งพอดี) เป็นการจ่ายแก๊สให้เครื่องยนต์แบบพื้นๆที่สุด ไม่ต้องการข้อมูลฟีดแบคจากอุปกรณ์อื่นๆ เช่น ออกซิเจนเซนเซอร์ 2.แบบดูดที่ฉลาดขึ้น ฟิกมิกเซอร์ ฟูมิเกชั่น แลมด้าคอนโทล เขาเรียกแบบโคลส-ลูบ แบบนี้จะมีกล่องควบคุมโดยรับสัญญานจากหน่วยต่างๆของเครื่องเช่นออกซิเจนเซนเซอร์เพื่อนำมาปรับปริมาณการจ่ายแก๊สให้มีอัตราส่วนเชื้อเพลิง-อากาศสม่ำเสมอตลอด โดยใช่เสตปมอเตอร์มาปรับการจ่ายแก๊สแทนวาล์วมือหมุนเดิม ระบบที่ฉลาดกว่าก็จะรับสัญญานต่างๆมากขึ้นเช่นรอบเครื่อง ตำแหน่งลิ้นเร่ง ความดันในท่อไอดี(แมพเซนเซอร์) มาประมวลแล้วส่งสัญญานให้เปิดๆปิดๆวาล์วมากน้อยตามความเหมาะสม แบบนี้ใช้กับเครื่องหัวฉีดเท่านั้น ถ้าเครื่องคาร์บูจะใช้ต้องติดตั้งออกซเจนเซนเวอร์เพิ่มเข้าไป 3.แบบหัวฉีด(ความจริงไม่ได้ฉีดหรอก แต่ทำหน้าที่เปิดปิดให้แก๊สไหลเข้าเครื่องตามเวลาที่กำหนดเหมือนหัวฉีดเบนซิน) จะมีกล่องควบคุมที่รับสัญญานเวลาในการฉีดมาจากกล่องอีซียูของรถเดิม แล้วมาปรับเวลาในการเปิดหัวฉีดแก๊สให้เหมาะกับที่เครื่องยนต์ต้องการ แบบนี้เรียกอีซียูแก๊สว่าเป็น อีซียูทาส คือเป็นทาสของอีซียูน้ำมันนั่นเอง ประมาณว่าหลังจากอีซียูน้ำมันรับสัญญานทั้งหมดมาจากเซนเซอร์ต่างๆแล้ว จะมีเอ้าพุทมาที่หัวฉีด แล้วอีซียูแก๊สก็เอาสัญญานเอ้าพุทนี้มาคำนวนแล้วสั่งจ่ายแก๊สอีกที แบบนี้น่าจะเรียกว่าอีซียูแก๊สเป็นเจ้านายนะ รอชุบมือเปิบข้อมูลจากอีซียูน้ำมัน แล้วมาสั่งจ่ายแก๊ส ทำไมเรียกทาสก็ไม่รู้ ฝรั่งมันเรียกน่ะครับ แน่หล่ะทั้ง3แบบยังมีใช้กันอยู่และมีข้อดีเสียแตกต่างกันแน่นอน จะพิมพ์ไม่ไหวแล้วนะนี่ หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันพฤหัสบดีที่ 06 เมษายน 2006 เวลา 17:15:54 ต่ออีกหน่อยเดี๋ยวผมหยุดยาวแล้วไม่ได้เล่นเนตจะขาดช่วง มาดูข้อดี ข้อด้อย ของแต่ละแบบกัน
แบบแรก ราคาถูกที่สุด ปรับจูนเองได้ อุปกรณ์ไฟฟ้าน้อย ไม่ซับซ้อนมาก แต่ว่า ไม่ค่อยมีความเสถียรในการจ่ายแก๊ส คันที่ดีก็ดีไป(ส่วนใหญ่จะอยู่ในเกณดีเพียงพอสำหรับการใช้งาน แค่ไม่มีปัญหาจุกจิก และประหยัดค่าน้ำมันลงก็เพียงพอแล้ว) บางคัน 3วันดี 4วันไข้ กรองตันก็กินแก๊สต้องเป่าบ่อยๆ บางคันเบาสั่น เบาดับ กินแก๊สมากไป น้อยไป กำลังไม่ดี แบบนี้ต้องเริ่มจากการติดตั้งที่ค่อนข้างดี และเจ้าของรถพอจะแก้ไขปรับจูนเบื้องต้นเองได้ แบบที่สองจะมีความเสถียรกว่าแบบแรก คือมีการควบคุมให้ระบบฉลาดขึ้น จ่ายแก๊สได้เหมาะสมขึ้น ถูกต้องแม่นยำขึ้น แบบนี้พอจะปรับจูนคร่าวๆโดยเจ้าของรถได้ แต่บางอย่างอาจต้องพึ่งคอมพิวเตอร์ สมรรถนะดีขึ้นกว่าเดิม มีแนวโน้มประหยัดแก๊สกว่าแบบแรก และแน่นอนแพงขึ้นกว่าแบบแรกอีกหลายตังค์ แบบที่สามมีความเสถียรที่สุด ฉลาดที่สุด ก่อปัญหาจุกจิกน้อยที่สุด สมรรถนะดีสุด ประหยัดที่สุด แต่ไม่สามารถปรับจูนเองได้ ต้องพึ่งคอมพิวเตอร์อย่างเดียว ราคาก็แพงที่สุดอีกเหมือนกัน แพงแบบก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับแบบที่สอง จะเลือกใช้แบบไหนนั้นช่วงท้ายตอนที่พูดถึงรถทดสอบของ ปตท.(ซึ่งมีทั้ง3แบบ) แล้วผมจะเล่าให้ฟัง หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันพฤหัสบดีที่ 06 เมษายน 2006 เวลา 18:29:59 การติดตั้ง NGV ในบ้านเรายังเข้มงวดอยู่ครับ คือ ต้องติดตั้งที่อู่ที่ได้รับอณุญาติจากปตท. โดยมีวงจรที่ผมเข้าใจดังนี้
ปตท.มีถังและใบอนุญาติเติมแก๊ส ขายถังให้บริษัทนำเข้าอุปกรณ์ที่จดทะเบียนไว้ แล้วบริษัทก็เอาถังและอุปกรณ์ไปขายให้อู่ที่ติดตั้ง หรือติดตั้งเอง ด้านเจ้าของรถ นำรถไปติดตั้งที่อู่ จ่ายค่าติดตั้ง ส่งเอกสารต่างๆให้อู่เพื่อใช้ขอใบเติมแก๊ส เช่นทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน ทะเบียนรถ อู่ส่งเอกสารย้อนกลับมาบริษัท บริษัทส่งเอกสารกลับไปที่ ปตท. ส่วนตัวรถหลังจากติดตั้งเสร็จก็นำไปตรวจสภาพที่ ม.เกษตร(วันนั้นมีแคมรีป้ายแดงไปตรวจหนึ่งคัน) หรือ บริษัทที่รับตรวจ ถ้าผ่านก็ได้เอกสารอีกชุดไปจดทะเบียนกับขนส่ง และขอใบเติมแก๊สกับ ปตท. บริษัทและอู่เหล่านี้ยังมีจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับจำนวนรถ อาจเพราะความเข้มงวดมีมาก เครื่องมือ ความรู้ บุคลากร(ต้องมีวิศวกรด้วย)และสถานที่ไม่พร้อมก็ได้ เมื่อเสร็จขั้นตอนทั้งหมดจึงจะใช้รถได้ตามปรกติ จึงพอจะมั่นใจได้ว่าจากกระบวนการเหล่านี้ทำให้เราๆท่านๆได้ใช้รถใช้แก๊ส NGV กันได้อย่างปลอดภัย และด้วยระบบนี้ทำให้ เราๆท่านๆหรือใครๆไม่สามารถติดตั้งเองได้ เพราะถึงแม้ติดได้(เช่นไปได้อุปกรณ์มาจากแหล่งอื่น) ก็เติมแก๊สไม่ได้อยู่ดีเพราะไม่มีใบเติมแก๊สเป็นรถNGV เถื่อนนอกระบบไป ดูแล้วแตกต่างจาก LPG โดยสิ้นเชิง คือติดที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องขออนุญาติใคร ติดเองก็ได้ ซื้อของทีไหนก็ได้ ไม่จดทะเบียนก็ยังพอได้ไม่มีใครรู้ อันเป็นเหตุให้ได้ใช้รถใช้แก๊สที่อาจจะไม่ปลอดภัยนัก การติดตั้งบางจุดไม่ได้มาตรฐาน และไม่มีการตรวจสอบโดยใคร หรือสถาบันใดเลย ดูแล้วไม่ยุ่งยากมากแต่เรื่องนี้เป็นกลับเป็นปัญหาที่เจ้าของรถจะต้องตัดสินใจเลือกเองว่าจะติดตั้งกับใครถึงจะดี ความเห็นส่วนตัวของผมเองคิดว่า การเลือกร้านติดแก๊สควรพิจารณา 2 ส่วนหลักคือ ส่วนแรกต้องติดตั้งถูกต้องตามหลักการของการติดตั้งแก๊สรถยนต์ ไม่ใช่เอาอุปกรณ์ติดเข้าไปดูแล้วสวยงาม สตาทร์ติด วื่งได้ ก็พอ แต่ต้องเข้าใจหลักการพื้นฐานบางอย่างบ้าง ผมเคยเห็นบางร้านไม่รู้ว่าธรรมชาติของแก๊สหนักกว่าอากาศเวลาเดินท่อระบายแก๊สทิ้งเลยไม่คำนึงถึงทิศทางการไหล บางร้านไม่เชครั่วด้วยการเติมแก๊สที่เป็นไอก่อนเติมแก๊สจริง บางร้านไม่เชครั่วเลย ผมเคยเจอจะๆก็คือช่างคงไม่รู้ว่าเหล็กกับเหล็ก หรือเหล็กกับปูนซีเมนต์กระทบกันจะเกิดประกายไฟ วันนั้นผมเห็นรถพึ่งติดแก๊สเสร็จแล้วมาเติมแก๊สครั้งแรก เขาขันหัวเติมกับสายเติมมาไม่แน่นจึงมีแก๊สรั่วออกมา ช่างเห็น เด็กปั๊มก็เห็น ผมก็เห็น เด็กปัมปิดแก๊สและถอดหัวจ่ายออก ช่างเดินไปหยิบประแจมาโยนลงพื้นดังเพล้งประมาณว่าต้องก้มลงไปขันด้านล่างจึงโยนประแจไปก่อนค่อยก้มตามลงไป แล้วจึงเสียบประแจเข้ากับน็อตที่หัวเติมและสายเติมออกแรงขันสุดแรงจนประแจหลุดจากหัวน็อตดังเพล้งดีทีไม่เกิดประกายไฟทั้ง2เพล้ง ตลอดเวลาแก๊สยังคงรั่วออกมาจากรอยต่ออยู่ ส่วนตัวผมเดินชิ่งหนีไปตั้งแต่ช่างคนนั้นโยนประแจลงพื้นแล้วละครับ ดูภาพรวมๆแล้วถ้าเป็น NGV จะมีคนเลือก ดูแล และตรวจสอบให้เรา แต่ถ้าเป็น LPG เราต้องเลือก ดูแล และตรวจสอบเอง อย่าถามนะว่าติดแบบไหนดีกว่ากัน ผมว่าถ้าติดตั้งดีทั้งคู่ถูกหลักทั้งคู่ก็ปลอดภัยทั้งคู่แหละครับ เสียแต่ ช่างLPGไม่มีหน่วยงานไหน เปิดสอน อบรม หรือ แนะนำให้ถูกต้อง มีแต่ตัวแทนจำหน่ายอะไหล่ไปสาทิตคร่าวๆแล้วก็ขายของ คนขายอุปกรณ์ LPG หลายคนที่ผมเคยคุยด้วย ไม่ได้รู้เรื่องจริงๆเลย มีแต่จะขายอย่างเดียว อู่ติดตั้งก็อยากได้เงินก็ขอแค่พอรู้ว่าติดยังงัยก็พอ อีกส่วนที่เหลือก็เป็นความชำนาญในการปรับจูนแก๊สให้เข้ากับเครื่องยนต์ ถ้าติดตั้งมาดีปลอดภัยแล้ว เรื่องเครื่องนี่หล่ะที่จะเป็นลำดับถัดไป หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: fish ที่ วันศุกร์ที่ 07 เมษายน 2006 เวลา 00:27:41 โอ้โห คุณ John คงเหนื่อยน่าดูเป้นผมจิ้มดีดขนาดนี้สลบไป 3 รอบแล้ว5555 ขอบคุณมากเลยครับที่สละเวลามาให้ข้อมูล โดยสรุปแล้วไม่ว่าจะเป็น NGV หรือว่า LPG ต้องเน้นเรื่องความปลอดภัยในการติดตั้งทั้งคู่ ไม่งั้นก็อันตรายมากๆทั้งคู่เหมือนกัน ผมอยากให้รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการโปรโมทโครงการ NGV จูงใจประชาชนให้มากกว่านี้ ถ้าคิดจะผลักดันให้ NGV เป็นพลังงานทางเลือกที่สำคัญ เช่น ลดราคาค่าติดตั้งและอุปกรณ์ลงสัก 30-50 % หรือเพิ่มจำนวนปั๊มให้มากขึ้นกว่านี้มากๆ ก็จะทำให้ประชาชนหันมาสนใจติด NGV กันมากขึ้น ดูแล้วมันเหมือน ไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกัน จะเพิ่มปั๊มก่อนเพื่อจูงใจคนให้มาติดตั้ง หรือจะให้คนมาติดตั้งมากๆก่อนพอเห้นว่าคนนิยมแล้วค่อยเพิ่มปั๊ม ก็คงต้องรอดูกันต่อไป คุณ John ยังไงถ้าพอมีเวลาว่างอยากรบกวนให้อธิบายวงจรการตัดต่อระบบไฟหัวฉีดก็จะขอบคุณมากครับ
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: โต้ง ที่ วันศุกร์ที่ 07 เมษายน 2006 เวลา 08:41:57 :) ขอขอบคุณคุณจอห์น ด้วยใจจริงครับ นับถือๆ ขอให้คุณจอห์นประสบแต่สิ่งที่ดีงาม สมหวังในสิ่งพึงปรารถนาทุกประการเทอญ....
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันศุกร์ที่ 07 เมษายน 2006 เวลา 09:22:12 ต่อครับ เรื่องติดตั้งอีกนิดนึง สรุปคือ งานโครงสร้าง ยึดถัง ต้องแข็งแรง เจาะยึดกับโครงสร้างหลักของรถ การติดตั้งอุปกรณ์ในห้องเครื่องต้องมั่นคง ดูแลง่าย สามารถตรวจสอบรอยรั่วที่ข้อต่อได้ทุกจุด(อันนี้พวกที่ชอบบอก ติดแก๊สแล้วดูไม่ออกเลยว่าติดแก๊ส ซ่อนหม้อได้เนียนมาก คงเข้าใจผิดอักโข) ไม่ไปเกะกะขวางทางการดูแลชิ้นส่วนอื่นของรถเช่นติดแล้วถอดกรองน้ำมันเครื่องยากเป็นต้น
ระบบไฟฟ้า สวิชที่ใช้ใน NGV ที่เป็นแบบออโต้ จะทำงานโดยใช้ไฟจากสวิชกุญแจ แล้วไปควบคุมกล่องตัดน้ำมัน เมื่อใช้แก๊ส กล่องจะตัดไฟบวกที่เข้าไปเลี้ยงหัวฉีดทำให้หัวฉีดหยุดทำงาน อีกด้านกล่องแก๊สจะส่งสัญญานไปหลอกกล่องน้ำมันว่าหัวฉีดน้ำมันว่าทุกอย่างยังปกติเป็นด้านไฟลบที่กล่องอีซียูน้ำมัน แบบนี้ไฟเครื่องจะไม่โชว์ แต่เรื่องไฟโชว์นี่ปัญหาโลกแตกยิ่งเครื่องใหม่ๆ กล่องฉลาดมากๆ กล่องแก๊สเองก็หลอกไม่ไหว อีกอย่างนึงคือถ้าวงจรที่ใช้หลอกไม่ตรงรุ่นกับกล่องน้ำมัน อันนี้ก็หลอกไม่สำเร็จ แล้วกล่องแก๊สก็หันไปจ่ายไฟให้ชุดแก๊สทำงาน วงจรการตัดต่อสายไฟแต่ละแบบจะอยู่ในไดอะแกรมที่ให้มากับกล่องแก๊สว่าสีไหนไปต่อที่ไหนครับ หลังจากหัวฉีดหยุดทำงานแล้วน้ำมันที่ถูกปั๊มติ๊กป๊มมาจากถังก็จะไหลกลับถังไปทางท่อไหลกลับวนไปอยู่อย่างนี้ มีข้อดีคือเวลาสับสวิชไปน้ำมันปุ๊บน้ำมันจะมาปั๊บ แต่ แบบนี้ปั๊มจะไม่ได้พักผ่อนเลยแทนที่จะได้พักขณะใช้แก๊สบ้างจะช่วยยืดอายุปั๊มได้อีก น้ำมันแรงดันสูงที่เคยระบายออกไปทางหัวฉีดบ้างก็ไหลกลับทั้งหมด ท่อทางเดินกลับก็อาจทนไม่ไหว โดยเฉพาะรุ่นซาฟิราท่อไหลกลับหลุด แตก ไปหลายคัน จิ๊บเชโรคี เปอร์โย405 และซีตรองรุ่นที่ใช้เครื่องเดียวกันก็มีปัญหานี้บ้าง และหากปล่อยให้น้ำมันหมดปั๊มท่านพังแน่นอน ที่ดีควรตัดไฟที่ไปเลี้ยงปั๊มน้ำมันเบ็นซินขณะใช้แก๊สด้วยจะดีกว่า สวิชแบบออโตนี้จะติดเครื่องด้วยน้ำมันทุกครั้ง เพื่อเชคว่าระบบน้ำมันทำงานได้ และยังหวังผลให้เขม่าที่เกิดจากน้ำมันไปจับไว้ที่ชิ้นส่วนต่างๆบ้างเพื่อช่วยลดการสึกหรอ รวมความว่าติดเครื่องด้วยน้ำมันทุกครั้งดีกว่า แต้ถ้าน้ำมันหมดก็สามารถติดเครื่องด้วยแก๊สได้ ท่อยางที่ใช้จ่ายแก๊สก็ต้องมีมาตรฐานควบคุม โดยดูได้ที่มีตัวหนังสือพิมพ์ไว้ที่ตัวท่อ หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันศุกร์ที่ 07 เมษายน 2006 เวลา 09:49:12 ทีนี้มาดูที่เครื่องบ้าง เมื่อติดตั้งอุปกรณ์ดีแล้ว ก็มาจัดการกับเครื่องกัน ในรุ่นที่ตั้งได้ควรตั้งไฟไฟจุดระเบิดควรตั้งให้แก่ขึ้น7-12องศา รุ่นที่ตั้งไม้ได้หากมีกล่องหลอกให้ไฟแก่ขณะใช้แก๊สก็ควรใส่ กล่องจะเพิ่มองศาการจุกระเบิดให้อัตโนมัตเมื่อใช้แก๊ส อยากเพิ่มกี่องศาก็สามารถตั้งได้ด้วยการเขี่ยที่กล่อง หัวเทียนควรปรับเขี้ยวให้ชิดขึ้นกว่าเดิม แก๊ส(ทั้งNGV LPG)มีค่าออกเทนสูงกว่าน้ำมัน และใช้เวลาในการเผาไหม้นานกว่าน้ำมัน การตั้งไฟแก่และปรับเขี้ยวหัวเทียนจะช่วยให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะไกล้เคียงกับการใช้น้ำมัน
สำหรับแบบแรกเท่านั้นที่เราสามารถปรับจูนแก๊สได้ด้วยตัวเองโดยปรับการตอบสนองคันเร่งที่ตัวปรับเซนซิทีบ ที่หม้อต้มขันเข้าจ่ายช้าและยาก คลายออก(ทวนเข็ม)จ่ายเร็วและจ่ายง่ายจะส่งผลกับตัวปรับเดินเบาด้วย ปรับเดินเบาที่ตัวปรับเดินเบา ขันเข้าจ่ายแก๊สน้อย คลายออกจ่ายมาก ตัวปรับตัวหลักที่มักเรียกเพาเวอร์วาล์วก็มีหลักการเดียวกัน ขันเข้าจ่ายน้อย คลายออกจ่ายมาก จูนได้ด้วยตัวเองแบบไม่ต้องใช้ทักษะอะไรมากโดยการลองวิ่งดูอัตราเร่งและความเร็วปลายชอบแบบไหนปรับได้ตามใจ ตัวปรับทั้ง 3 มีส่วนสัมพันธ์กัน คือ แรงดูดจะผ่านเพาเวอร์วาล์วไปดูดแก๊สที่หม้อต้ม ถ้าเปิดเพาร์เวอรวาล์วมาก ก็ควรหรี่สกรูเดินเบาลงเล็กน้อยเพื่อให้แก๊สช่วงเดินเบามีปริมาณพอเหมาะ ทางกลับกันถ้าเปิดพาวเวอร์วาล์วน้อยควรเปิดสกรูเดินเบาให้มากขึ้นจากเดิมนดนึงเพื่อชดเชยแก๊สตอนเดินเบาที่ไหลมาน้อยลงเนื่องจากแรงดูดผ่านพาวเวอร์วาล์วน้อยลง ประมาณนี้ครับ อธิบายยากนะ แต่ถ้าลองทำเองบ่อยๆจะดักทางได้เองแหละครับ หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันศุกร์ที่ 07 เมษายน 2006 เวลา 10:07:58 แบบที่มีแลมด้าคอนโทล ก็พอจะปรับเองได้บ้างในรุ่นที่ปรับได้ และอาจต้องพึ่งคอมพิวเตอร์ในรุ่นที่ไฮเทคขึ้น(รุ่นของอุปกรณ์แก๊สนะครับ ใม่ใช่รุ่นรถ) แบบแรก และแบบที่สองเนี่ย มันเป็นญาติกันอยู่ครับ ถ้ามองที่การจ่ายแก๊ส จะแตกต่างตรงที่แบบที่สองจากจุดที่เป็นวาล์วมือหมุน จะกลายเป็นสเตบมอเตอร์หรืออุปกรณ์เปิดๆปิดๆแก๊สได้ตามความต้องการเครื่องยนต์ ระบบนี้จะเริ่มไม่ค่อยแม่นยำถ้าหากออกซิเจนเซนเซอร์เราเก่าหรือใช้ไปเกินแสนกิโล และหากใช้ไปนานๆจนสเตบมอเตอร์หรือออกซิเจนเซนเซอร์เสียแล้ว จะซื้อใหม่ก็หลายตังค์ เราสามารถเอาวาล์วมือหมุนมาใส่แทนได้เลยครับ ในอินเดียมีรถที่ติดแก๊สมาจากโรงงานเลยเวลาชุดแลมด้าเสีย เค้าก็เอาวาล์วมือหมุนมาใส่แทนเลย
ส่วนแบบที่สามต้องพึ่งคอมในการจูนอย่างดียว หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันศุกร์ที่ 07 เมษายน 2006 เวลา 10:08:32 แบบที่มีแลมด้าคอนโทล ก็พอจะปรับเองได้บ้างในรุ่นที่ปรับได้ และอาจต้องพึ่งคอมพิวเตอร์ในรุ่นที่ไฮเทคขึ้น(รุ่นของอุปกรณ์แก๊สนะครับ ใม่ใช่รุ่นรถ) แบบแรก และแบบที่สองเนี่ย มันเป็นญาติกันอยู่ครับ ถ้ามองที่การจ่ายแก๊ส จะแตกต่างตรงที่แบบที่สองจากจุดที่เป็นวาล์วมือหมุน จะกลายเป็นสเตบมอเตอร์หรืออุปกรณ์เปิดๆปิดๆแก๊สได้ตามความต้องการเครื่องยนต์ ระบบนี้จะเริ่มไม่ค่อยแม่นยำถ้าหากออกซิเจนเซนเซอร์เราเก่าหรือใช้ไปเกินแสนกิโล และหากใช้ไปนานๆจนสเตบมอเตอร์หรือออกซิเจนเซนเซอร์เสียแล้ว จะซื้อใหม่ก็หลายตังค์ เราสามารถเอาวาล์วมือหมุนมาใส่แทนได้เลยครับ ในอินเดียมีรถที่ติดแก๊สมาจากโรงงานเลยเวลาชุดแลมด้าเสีย เค้าก็เอาวาล์วมือหมุนมาใส่แทนเลย
ส่วนแบบที่สามต้องพึ่งคอมในการจูนอย่างดียว หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันศุกร์ที่ 07 เมษายน 2006 เวลา 11:23:31 ทีนี้มาดูไฮไลครับ ผมได้พบกับรถทดสอบและคนขับของ ปตท 7 คัน แบ่งเป็น ใช้ NGV 3 คันติดตั้งแก๊ส 3 แบบที่กล่าวมา ใช้ LPG 3 คัน ติดตั้ง 3 แบบ เช่นกัน อีกคันใช้น้ำมันปรกติ ทดสอบโดยวนให้คนขับทุกคนได้ขับรถทุกคันสลับกัน7วัน 7คัน 7คน 3สถานะการณ์ ทางไกลกรุงเทพ-ปากช่อง รถติดในกรุงเทพวนไปวนมา และ ทางยาวบวกรถติดบนทางด่วน ทั้ง3แบบวิ่งในย่านความเร็ว90-120 รถทั้งหมดเป็นโตโยต้าอัลติสเกียร์ธรรมดาป้ายแดง
ผลที่ได้จากการสอบถามคนขับและคนบันทึกสถิติ(เช่นความเร็ว อัตราการสิ้นเปลือง) ได้ผลคร่าวๆว่า กำลังเครื่องแทบไม่แตกต่างจนรู้สึกได้ชัดเจน รถแก๊สทั้ง6คันวิ่งไล่รถน้ำมันได้สบาย โดยรถแก๊สที่ติดตั้งแบบที่หนึ่งสามารถจูนเครื่องให้กินมากน้อยได้ ระหว่างทดสอบก็มีการจูนหาจุดเหมาะสมด้วย บางช่วงวิ่งดีแต่กินแก๊สไปนิด บางช่วงจูนบางก็ไล่เขาไม่ทัน อัตราสิ้นเปลืองที่สภาวะเดียวกันทางยาว เทียบน้ำมัน กิโลละประมาณ 1.5 บาทกว่าๆ LPGประมาณ 1 บาท NGV ประมาณ 50 สตางค์ ในเมืองกินมากขึ้นทั้ง3ชนิดเชื้อเพลิงแต่สัดส่วนราคาไม่หนีกันมาก วันที่ผมคุยกับเค้า ยังไม่มีการเอาขึ้นไดโนเทส จะทำหลังจากทดสอบบนถนนเสร็จ และมีการลองแบบควอเตอร์ไมล์ด้วย เห็นอาจารย์ที่สอนบอกว่า กำลังเครื่องจะเรียงกันคือ น้ำมัน LPG NGV ตามลำดับ น้ำมัน และ LPG เติมเต็มถังแล้วพอวิ่งกลับมากรุงแทพได้ แต่ NGV ต้องใช้ประมาณเกือบ 3 ถัง (กรุงเทพ ปากช่อง) ซึ่งหมดกลางทางก่อนและหาปั๊มเติมไม่ได้ การทรงตัวไม่แตกต่างจนเห็นได้ชัดที่ย่านความเร็ว90-120 (เขาควบคุมตัวแปรเรื่องความเร็วไว้แค่นี้) รถแก๊สทั้ง LPG และ NGV ที่ติดตั้งแบบที่1 และ2มีการเกิดแบคไฟ แบบที่3 ไม่เกิด อัตรการกินแก๊สแบบที่ 1 แตกต่างจากแบบที่ 2 ประมาณ 0-5% แบบที่3 ประมาณ 0-10 % ผมสรุปเอาเองแบบคร่าวๆของระบบการติดตั้งทั้ง3แบบว่า แบบแรกถูกที่สุด ปรับเองได้ ซ่อมเองได้ คนปรับชำนาญนิดนึงก็จะได้รถแก๊สที่ใช้งานได้ดีเพียงพอกับการใช้งานทั้งความเสถียร และ ความสิ้นเปลืองเมื่อเทียบกับน้ำมัน แบบที่ 2 จะเสถียรมากขึ้น ตอบสนองดีมากขึ้น และพอจะดูแลจัดการเองได้บ้าง พลาดท่าเสียขึ้นมาก็หันไปคบกับแบบแรกได้ ประหยัดแก๊สกว่าแบบแรกอีกนิดหน่อย จ่ายค่าติดเพิ่มอีกไม่มาก แบบที่ 3 เที่ยงตรงแม่นยำที่สุดแต่ประหยัดแก๊สกว่า 2 แบบแรกนิดหน่อย จ่ายค่าติดตั้งแพงขึ้นมาก แปลว่าราคาค่าติดตั้งทั้ง 3 แบบ เพื่อซื้อความเที่ยงตรงในการใช้งานเป็นเหตุผลหลักและสมรรถที่ดีกว่ากันเล็กน้อย ส่วนอัตรากินแก๊สไม่ใช่จุดแตกต่างที่ชัดเจนสำหรับทั้ง3ระบบ แล้วคู่เปรียบระหว่างLPGและNGV ก็มีข้อดี ด้อย อีก คือ LPG ค่าติดตั้งถูก งานเอกสารไม่ยุ่งยาก ติดตั้งได้สะดวกกว่า อาจทำเอง หรือหาที่ทำไม่ยาก มีปั๊มเยอะกว่า ถังเบากว่า ต่อถังวิ่งได้ไกลกว่า แต่ ต้องหาอู่ที่ทำงานได้มาตรฐานจริงๆเพราะไม่มีหน่วยงานไหนมาควบคุม และ ประหยัดค่าเชื้อเพลิงลงได้ประมาณครึ่งของค่าน้ำมันเดิม NGV ติดตั้งแพงกว่า ผมว่าน่าจะแพงที่ถังนะ อุปกรณ์อื่นๆดูแล้วไม่น่าหนีกัน ต้องติดเฉพาะอู่ที่ขึ้นทะเบียนไว้ งานเอกสารยุ่งยากกว่านิดหน่อย แต่มีหน่วยงานตรวจสอบรถเราว่าปลอดภัยแน่นอน ปั๊มมีน้อยกว่า แต่จ่ายค่าเชื้อเพลิงประมาณ1ใน3 ของน้ำมัน ถังหนักไปหน่อย เติมแต่ละทีไปได้ไม่ค่อยไกล ถ้าให้เลือกว่าจะใช้แก๊สแบบไหนผมคงให้คำตอบแทนเจ้าของรถไม่ได้ ในอนาคตข้อดีข้อด้อยของแก๊สทั้ง2ชนิดคงเริ่มสูสีกัน ส่วนใครยังกลัวแก๊สอยู่ก็ใช้น้ำมันไปก่อนแล้วกันครับ หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันศุกร์ที่ 07 เมษายน 2006 เวลา 11:53:43 รูปบางส่วนครับ
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันศุกร์ที่ 07 เมษายน 2006 เวลา 11:54:30 รูป
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันศุกร์ที่ 07 เมษายน 2006 เวลา 11:55:14 รูป
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันศุกร์ที่ 07 เมษายน 2006 เวลา 11:55:54 รูป
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันศุกร์ที่ 07 เมษายน 2006 เวลา 11:56:19 รูป
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันศุกร์ที่ 07 เมษายน 2006 เวลา 11:57:11 รูป
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: JOHN_305 ที่ วันศุกร์ที่ 07 เมษายน 2006 เวลา 11:57:39 รูป
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: fish ที่ วันศุกร์ที่ 07 เมษายน 2006 เวลา 14:00:30 ดูจากรูปแล้ว ใช่เลยเจ้ารถอัลติส ชุดนี้หละที่ผมเห็นจอดเรียงรายเป้นแถวประมาณเกือบ 10 คัน ที่ปํม NGV ก่อนเข้า Bypass เมืองชล ใกล้โรงไฟฟ้าบางประกง ตอนที่ผมกลับไประยองเมื่อไม่นานมานี้ ตอนแรกมองแล้วก้ยังสงสัยอยู่ว่าลงทุนโปรโมทกันขนาดนี้เลยเหรอ ติด sticker เต็มคันรถแบบนี้เลย
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: GRi ที่ วันเสาร์ที่ 08 เมษายน 2006 เวลา 21:44:02 พึ่งกลับจากสกลนคร มาเปิดอ่านแล้วพูดได้คำเดียวว่าเยี่ยมครับ แล้วสงกรานณ์ผมจะโทรไปนัดก่อนครับ ต้องขอรบกวนอีกครั้ง และขอบคุณ คุณ JOHN มากครับ ที่ช่วยเหลือในงาน Meeting ที่ผ่านมา
หัวข้อ: Re: กลับมาแล้วครับ อบรม NGV เริ่มหัวข้อโดย: โหน่ง ที่ วันพุธที่ 16 สิงหาคม 2006 เวลา 12:26:49 ยอดเยี่ยมครับพี่จอน ขอบคุณมากครับที่มีบทความดีๆอย่างนี้
|