Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย

หมวดหมู่ทั่วไป [ General topics ] => พูดคุยทั่วไป ได้ทุกเรื่อง => ข้อความที่เริ่มโดย: OH ที่ วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม 2006 เวลา 15:16:01



หัวข้อ: ช่วยหนูด้วยค่ะเสื้อแตกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: OH ที่ วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม 2006 เวลา 15:16:01
 หนูใช้ 406 ea9 ปี 2001 ระยะทาง 82,740 กม.อยากทราบว่ามันมีสาเหตุอะไรบ้างที่ทำให้ก้านสูบแทงเสื้อแตก
 �ประวัติ
 � � � � � เมื่อวันที่ 26/01/49 ระยะทาง 79,270 กม.ได้เข้า 0 เช็ค 80,000 กม. ได้เปลี่ยนสายพานราวลิ้น สายพานไดชาร์ท ลูกรอกต่าง น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์
 � � � � � และเมื่อวันที่ 14/02/49 ระยะทาง 81,351 กม.ได้เข้า 0 เปลื่ยนน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์อีกครั้ง เนื่องจากไปลุยน้ำมาที่ สมุย
และมีอาการเกียร์ไม่เปลี่ยนทาง 0 แจง้ค่าซ่อม 120,000 บาทจึงไม่ซ่อมให้ประกอบกลับและใช้ถึงปัจจุบันก็ไม่มีปัญหาอะไร ??? (ไม่เข้าใจกับการวิเคราะข้อมูลของ0)
 � � � � � และเมื่อวันที่ 29/04/49 ระยะทาง 82,740 กม.เสื้อแตก ก็เข้า 0 เหมือนเดิม ได้รับแจ้งว่าสาเหตุของเสื้อแตกว่าเป็นเหตุจากน้ำเมื่อครั้งที่ผ่าน จึงทำให้ก้านสูบหัก ค่าซ่อมอีก 130,000 บาท ถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ไปดูรถเลยและก็งงมาก
 � � �หนูก็เลยมาขอความเห็นจากสมาชิกชาว PG ว่าท่านใดเคยเจอกับเหตุการอย่างนี้บางและทำอย่างไร ขอคุณค่ะ


หัวข้อ: Re: ช่วยหนูด้วยค่ะเสื้อแตกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: 406man ที่ วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม 2006 เวลา 15:19:03
ค่าซ่อม 130,000  ???
โอย ไม่กล้าออกความเห็นดีกว่าครับ  :-X

เรื่องน้ำเข้าแล้วมีผลต่อก้านสูบ อันนี้มีผลจริงๆครับ  :'(


หัวข้อ: Re: ช่วยหนูด้วยค่ะเสื้อแตกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ต้อม ที่ วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม 2006 เวลา 15:54:11
อ้างถึง
และเมื่อวันที่ 14/02/49 ระยะทาง 81,351 กม.ได้เข้า 0 เปลื่ยนน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์อีกครั้ง เนื่องจากไปลุยน้ำมาที่ สมุย

เรื่องที่ไปลุยน้ำที่สมุยไม่ทราบว่าลุยน้ำสูงระดับไหนหรือรถจอดอยู่เฉยๆแล้วน้ำท่วม และระดับน้ำสูงถึงเครื่องหรือเปล่า ถ้าน้ำท่วมถึงเครื่องแล้วขับลุยหรือแช่น้ำเป็นเวลานานการเปลี่ยนน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ก็ไม่ช่วยให้ดีขึ้นหรอกครับ มันต้องรื้อเครื่องออกมาทำความสะอาดเป็นชิ้นๆเลยครับไม่ว่าสายพานหรือพวกเซ็นเซอร์ต่างๆก็ต้องรื้อทำความสะอาด อาจจะไม่ต้องถึงกลับผ่าเครื่อง แต่ก็ต้องเช็คละเอียดมากกว่าแค่น้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์

อ้างถึง
เมื่อวันที่ 29/04/49 ระยะทาง 82,740 กม.เสื้อแตก ก็เข้า 0 เหมือนเดิม ได้รับแจ้งว่าสาเหตุของเสื้อแตกว่าเป็นเหตุจากน้ำเมื่อครั้งที่ผ่าน จึงทำให้ก้านสูบหัก ค่าซ่อมอีก 130,000 บาท


ค่าซ่อมขนาดนี้ราคาศูนย์ไม่แพงหรอกครับเหมือนกับการโอเวอร์ฮอล์เครื่อง ถ้ารวมค่าซ่อมเกียร์ด้วยเป็นผม ผมซ่อมที่ศูนย์ แต่ถ้าฉพาะเครื่องอย่างเดียวผมว่าซื้อเครื่องเก่าพร้อมเกียร์อย่างคุณทอมว่าดีกว่า


หัวข้อ: Re: ช่วยหนูด้วยค่ะเสื้อแตกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: Asklepios ที่ วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม 2006 เวลา 18:12:39
 ก็อย่างที่พี่ต้อมว่าไว้ถ้า 130000 แล้วคุณมีตังพอทีจะซ่อมคือโอเวอร์ฮออล์ทั้งเครื่องและเกียร์ ก็พอรับได้ครับ แต่ถ้าซ่อมเครื่องอย่างเดียวผมไม่ทำ ผมจำได้ว่าเครื่องพร้อมเกียร์มือ2ประมาณ6หมื่น+-น่ะครับ


หัวข้อ: Re: ช่วยหนูด้วยค่ะเสื้อแตกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: KonG_S16 ที่ วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2006 เวลา 09:28:19
ถ้าโอเวอร์ฮอลเครื่องราคาไม่ถึง 50000 หรอกครับ แต่ถ้าเสื้อแตกผมไม่แน่ใจครับ ค่าซ่อมเกียร์จะสูงครับ แต่ทั้งสองอย่างมีการรับประกันต่ออีกหนึ่งปีครับ ซ่อมแล้วก็ขอให้ใช้อย่างสบายใจนะครับ


หัวข้อ: Re: ช่วยหนูด้วยค่ะเสื้อแตกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: tree406 ที่ วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2006 เวลา 18:18:46
ตอบต่อจากคุณทอมนะครับ รถผมโดนน้ำเข้าไปเมื่อปลายปีที่แล้ว เนื่องจากบังโคลนหน้าหลุดจากกันชนหน้า ทำให้เป็นปากอ้ารับน้ำไปเต็ม ๆ อาการเหมือนกันคือ ก้านสูบหักไปเจาะเสื้อสูบแตก  คำถามแรกคือ รถมีประกันชั้น 1 หรือไม่ จากหนักจะได้เป็นเบาครับ ลักษณะนี้แคลมประกันได้ครับ เบ็ดเสร็จผมควักเนื้อไปเกือบ 3 หมื่น จากยอดประมาณ 1 แสนกว่า ๆ ได้เครื่องใหม่มาครับ ก้อ OK แต่ถ้าไม่มีประกัน ก้อต้องหาเครื่องมือสอง  ราคาตั้งแต่ 3.5 - 4.5 หมื่นครับ แล้วแต่สภาพครับ แต่ได้ทั้งเครื่อง ส่วนจะเอาแต่เสื้อหรือเปลี่ยนเครื่องทั้งเครื่องก้อแล้วแต่สภาพของเครื่องที่ได้ครับ รวมค่าทำด้วยผมว่าค่าใช้จ่ายประมาณ 5 หมื่นครับ  ถ้างั้ยลองเมล์มาสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ครับ
เนี่ยกำลังวุ่นกับการแจ้งเปลี่ยนเลขเครื่องใหม่ครับ  e-mail : [email protected]


หัวข้อ: Re: ช่วยหนูด้วยค่ะเสื้อแตกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: นายอาร์ต ที่ วันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม 2006 เวลา 08:10:49
เป็นผม ผมก็หาเครื่องเซียงกงวางใหม่ดีกว่า ไม่ต้องกลัวเรื่องเปลี่ยนเครื่อง เพราะเครื่องเซียงกงมีใบคุมเครื่องมาเรียบร้อย แจ้งเปลี่ยนได้ทันทีครับ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายศูนย์หลักแสนนั้น ผมว่า ถ้าเป็นผม ผมไม่ทำครับ ผมหาเครื่องสดๆ จากเซียงกงวางดีกว่า ได้เครื่องเกียร์กล่องครบอีกตะหาก ค่าใช้จ่ายถูกกว่าแน่นอนครับ ไม่เกิน 7 หมื่นบาท แถมมีอะไหล่จากเครื่องเดิมสแปร์หรือขายออกได้อีกด้วยนะครับ หรือถ้าอยากแรงก็หาเครื่อง S16 วางไปเลย ทั้งหัวไม่เกิน 60,000 เน้นนะครับว่าทั้งหัว ไม่ใช่เฉพาะเครื่องเกียร์นะ ส่วนการวายริ่งสาย หาเอาอู่นอกมาหลายอู่ที่มีความสามารถครับ เพราะที่ศุนย์คงไม่ทำให้แน่ๆ ถ้าเราเอาเครื่องเซียงกงไปทำที่ศูนย์ หรือถ้าทำ ค่าแรงกับค่าวายริ่งคงร่วมๆ 20,000 บาทขึ้นไป ก็ลองตัดสินใจดูครับว่า จะเลือกแบบไหน ผมไม่อยากให้งบบานปลายโดยใช่เหตุ และก้านสูบของ 406 ตกอันละประมาณ 25,000 ( D8 ) ส่วน EA9 ผมไม่ทราบ ทราบแต่ว่า ความแข็งแรงมันน้อยกว่าของ 405 Sri เนื่องจากเคยเปิดออกมาเทียบกันแล้วน่ะครับ


หัวข้อ: Re: ช่วยหนูด้วยค่ะเสื้อแตกแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: ont ที่ วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน 2006 เวลา 14:35:00
ขอคิดด้วยคนครับ

สาเหตุหลักของเสื้อสูบแตกเกิดจาก ...

ก่อนอื่นผมต้องขอออกตัวว่าผมไม่ได้จบช่างยนต์มา ไม่ได้เรียนวิศวะเครื่องกล แต่เคยใช้รถเคยประสบปัญหาเสื้อสูบแตกมา 3 ตัว จากประสบการณ์ให้คำอธิบายได้ว่า ปกติลูกสูบจะเคลื่อนที่ขึ้นลงถ้าไม่มีอะไรมาขวางการเคลื่อนดังกล่าว ในกรณีนี้สามารถอธิบายได้ว่ามีสิ่งกีดขวางการเคลื่อนที่ของลูกสูบครับ พอลูกสูบเคลื่อนที่ไม่ได้มันก็ทำให้ก้านสูบหักแทงทะลุเสื้อสูบแตก ส่วนสิ่งที่ไปขวางการเคลื่อนที่ของลูกสูบก็มีอย่างเดียวครับ น้ำหล่อเย็นหรือน้ำหม้อน้ำนั่นเองครับ

สรุปว่า
1. ฝาสูบโก่งหรือร้าวใน อาจจะสังเกตไม่เห็นทำให้เวลาดับเครื่องยนต์น้ำหล่อเย็นจะดันออกมาตามช่องนั้นลงมาบริเวณหัวลูกสูบ เข้าห้องเผาไหม้
2. พอเวลาสตาร์ตเครื่องหรือลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นเพื่อทำการจุดระเบิด จะทำให้เกิดแรงอัดจำนวนมหาศาลเพื่อดันให้ลูกสูบเคลื่อนที่ เนี่องจากน้ำขวางอยู่ไม่สามารถทำให้ลูกสูบเคลื่อนที่ได้ครับ แรงทั้งหมดจึงตกอยู่ที่ก้านสูบซึ่งมีความแข็งแรงน้อยที่สุด จนหักและทิ่มทะลุเสื้อสูบออกมาครับ
3. สังเกตดูระบบน้ำหล่อเย็นว่าหายบ่อยหรือไม่ มีการไล่ลมขณะเติมน้ำหรือป่าวด้วย

อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ถ้าเปลี่ยนเสื้อสูบโดยไม่เปลี่ยนฝาสูบอาการก็ยังคงอยู่ครับ

ปล. ส่วนสาเหตุรถลุยน้ำ ไม่น่าจะเป็นสาเหตุให้น้ำจากภายนอกซึมเข้าไปในห้องเผาไหม้ได้นะครับเพราะแรงดันภายในเครื่องยนต์สูงกว่าแรงดันข้างนอกมาก