Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย

สวัสดีครับพี่น้องชาวสิงห์ทั้งหลาย โปรเจค DIY นี้อาจจะค่อนข้างยาวสักเล็กน้อยนะครับ ถ้าคิดว่ามีประโยชน์ก็ทนๆอ่านหน่อยละกัน ผมเห็นว่าพวกเราชาวสิงห์ก็มีไม่มาก รถแทบจะนับคันกันได้ คิดอะไร ทำอะไรได้ ก็มาช่วยๆกัน ไม่มีหมกเม็ด แอบแฝง ว่ากันแบบสบายๆนะครับ มาเริ่มกันเลยดีกว่า

เกริ่นนำ

   ที่มาที่ไปของเรื่องราวนี้เกิดจากเจ้าเกียร์ออโต้ที่ติดอยู่กับรถเปอร์โยต์ 406 D8 ปี 1997 (ตัวประกอบนอก) ของผมมันเริ่มออกอาการแปลกๆ เช่นเข้าเกียร์ถอยหลังแล้วดังกึกแรงๆ พร้อมๆกับอาการไฟ snow กับ sport กระพริบพร้อมๆกัน และเข้าสู่ safe mode สตาร์ทใหม่ก็หาย วิ่งเดินหน้าได้ปรกติ พอเกียร์เริ่มร้อนได้สักพัก อาการที่ว่าก็หายไป ผมก็ทนใช้ไปเรื่อยๆ เห็นว่ายังขับได้ดีอยู่ พักหลังๆชักเริ่มออกอาการมากขึ้น เจอกันตั้งแต่เกียร์ D เลย คราวนี้ชักไม่ไหวแล้วครับพี่น้อง
   ผมเลยให้ช่างประจำ ลองถอดสมองเกียร์ออกมาล้าง แต่ก็ไม่ดีขึ้น บวกกับใจของผมเองก็ไม่ชอบเกียร์ลูกนี้เป็นทุนอยู่แล้ว เนื่องจากมันค่อนข้างอืด เมื่อเปรียบเทียบกับเกียร์ AL4 ใน Citroen Evasion ของผมอีกคันหนึ่ง ซึ่งเป็นเกียร์ที่ผมชอบมากลูกหนึ่ง ถ้าปราบอาการพยศมันอยู่

แล้วจะเลือกเกียร์ตัวไหนดีล่ะ

        ปรกติแล้วเกียร์ออโต้ที่ติดมากับรถเปอร์โยต์ 406 D8 จะเป็นเกียร์รุ่น 4HP20 ซึ่งผลิตโดยบริษัท ZF อันโด่งดัง ซึ่งนอกจาก Peugeot ,Citroen ของเราแล้ว มันยังสิงสถิตอยู่ใน Benz รุ่น Vito อีกด้วย  แรกเริ่มก็ทำการหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อน ซึ่งพบว่ามีหลายท่านได้เปลี่ยนมาคบกับเจ้า 4HP14  ซึ่งเป็นเกียร์ออโต้แบบ mechanic ที่ใช้แรงดันน้ำมันเป็นตัวเปลี่ยนเกียร์ซึ่งต่างจาก 4HP20 และ AL4 ซึ่งเป็นเกียร์ไฟฟ้า และใน 406 D8 จากนอก ก็มีบางคันที่ใช้เกียร์รุ่นนี้อยู่แล้วด้วย การที่มาคบหากับเจ้า 4HP14 จะได้ข้อดีในเรื่องของความไม่จุกจิก น้ำมันเกียร์ราคาถูก ไม่ต้องปวดหัวเรื่องระบบไฟ หรือพวกโซลินอยด์ต่างๆ แต่ก็ต้องแลกกับประสิทธิภาพของเกียร์ซึ่งมีการสูญเสียมากกว่า ทำให้ส่งผลต่ออัตราการบริโภคน้ำมันที่สูงขึ้นด้วย
ยังไม่พอครับ ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมอีก พบว่านอกจากเจ้า 4HP14 แล้ว ก็ยังมีบางคันที่เป็นเกียร์ AL4 มาจากโรงงานอีกด้วย คือเป็นตัวสุดท้ายของสายการผลิต ก่อนที่จะเปลี่ยน model เป็นเจ้า D9 นั่นเอง

ไปเช็คสินค้ากันหน่อย

   เนื่องด้วยบ้านผมอยู่พุทธมณฑลสาย 5 ก็คงไม่แคล้วที่จะต้องไปพึ่งพา “แฝดอะไหล่ยนต์” โดยเฮีย ต่อ+ต๋อง.....เอ้ย.....ต่อ+ต่อย นั่นเอง เข้าไปที่ร้านพบว่าตอนนั้นเจ้าเกียร์ 4HP14  เริ่มหายากแล้ว แถมไม่มีของมาด้วย นานๆจะเข้ามาสักตัว แถมเกียร์ 4HP20 ถ้ามีราคาก็ประมาณ 20,000 บาทโน่น เอาไว้เป็นทางเลือกสุดท้ายดีกว่า แต่ในวันนั้นมีแพหน้า D8 เกียร์ AL4 ติดมาด้วย ของเพิ่งเข้ามาสดๆ เลยชักสนใจขึ้นมา สนนราคาพร้อมเพลา D8 ที่ใช้กับเกียร์ตัวนี้ตรงรุ่น (ต้องเปลี่ยนเพลาหน้าด้วย เพราะขนาดไม่เท่ากัน) และอุปกรณ์ประกอบต่างๆก็พอๆกับเกียร์ 4HP20 เลยตัดสินใจสอย AL4 มาแทน ไหนๆจะเปลี่ยนแล้ว เอาแบบที่ดีกว่าไปเลย ไปตายเอาดาบหน้า  555

ปัญหาและอุปสรรค

   แน่นอนครับปัญหามีแน่นอน งานเริ่มเข้าตั้งแต่ของยังไม่ออกจากร้าน เนื่องจากปลั๊กที่เกียร์ และปลั๊กที่ ECU นั้นถูกตัดออกจากกัน เหลือปลายที่อยู่ติดกับปลั๊กทั้งสองออกมาคืบกว่าๆ ซึ่งเหตุผลที่ต้องตัดสายออกเนื่องจากสายที่เชื่อมต่อกันมันเป็นส่วนที่ต้องเข้าไปที่ตัวถังเพื่อต้องไปต่อกับอุปกรณ์บางตัวเช่น หน้าปัด แผงฟิวส์ สวิทช์ต่างๆ เป็นต้น เวลายกแพหน้ามา มันจึงต้องตัดสายที่ว่านี้ออกไปด้วยนั่นเอง นึกภาพง่ายๆว่าตอนนี้ผมอยู่ในสถานการณ์เสมือนหมอที่ต้องผ่าตัดเส้นประสาทของผู้ป่วยมือขาดยังไงยังงั้นเลยล่ะ แถมยังต่อเข้ากับเส้นประสาทเดิมของเจ้าเกียร์ 4HP20  กับ ECU ของเครื่องรถอีกด้วย มึนล่ะครับงานนี้
    เอาล่ะไหนๆก็ซื้อมาแล้วก็ต้องมาลองวิชากันสักตั้งนึง ซึ่งจากการหาข้อมูลจากหลายๆแหล่ง พบว่าคนที่เคยลงเกียร์ตัวนี้ใน D8 ก็มีอยู่บ้าง แต่ก็หารายละเอียดในการทำแทบไม่ได้เลย อู่ที่ซ่อมประจำก็ไม่เคยทำมาก่อน ช่างที่ไวร์ริ่งระบบไฟของเปอร์โยต์หลายคนก็ยังไม่เคยจบกับงานแบบนี้มาก่อน อู่ที่เคยทราบว่าเคยลงเกียร์ตัวนี้สำเร็จ ก็ไกลจากบ้านผมเหลือเกิน สุดท้ายเลยตัดสินใจ DIY มันซะเองเลย ให้มันรู้ไปว่างานนี้มันจะเป็น Do It Yourself หรือ Destroy It Yourself กันแน่ 555

ข้อมูลและเครื่องมือประกอบการผ่าตัดแปลงร่าง

1.   คู่มือเกียร์ 4HP20 หา download ได้ตาม Internet
2.   คู่มือเกียร์ AL4 หาได้จากแหล่งในข้อ 1 เช่นกัน ซึ่งพบว่าเป็นข้อมูลของเกียร์ที่อยู่ในรถ Citroen Xantia ซึ่งก็น่าจะเป็นเครื่องตัวเดียวกันกับเจ้า D8 ผมนั่นเอง
3.   ข้อมูลรูปภาพประกอบจาก web Peugeot และ Citroen เช่น http://my206xr.blogspot.com   และ http://www.peugeotlogic.com/workshop/wshtml/transmis/al4/supply.htm  เป็นต้น
4.   หัวแร้ง พร้อมตะกั่วบัดกรี
5.   Multi Meter แนะนำให้ใช้แบบ digital เพื่อใช้วัดความต่อเนื่องของสาย โดยอาศัยการฟังเสียงแทนการมองเข็ม หรือใครถนัดแบบเข็มก็ไม่ว่ากัน
6.   สายไฟรถยนต์ยาวเส้นละประมาณ 2 เมตร ทั้งหมดประมาณ 30 กว่าเส้น เลือกเกรดดีๆหน่อย เพราะเราเดินสายค่อนข้างยาว ผมใช้สายไฟเดินรถยนต์ของเยอรมันรุ่นเก่า แต่เนื้อทองแดงดีมาก
7.   ท่อหด ประมาณ 4 เส้น จำขนาดไม่ได้ เอาเป็นว่าสามารถหุ้มเจ้าสายไฟขนาดที่ติดมากับปลั๊กได้ก็แล้วกัน
8.   อื่นๆเช่น กระดาษกาวไว้ทำ label, ไฟแช็คเอาไว้ลนท่อหด ใครติดบุหรี่ก็เอาไว้จุดบุหรี่ได้
9.   เบียร์ เอาไว้ดื่มตอนมันเริ่มงงว่าทำไปถึงไหน จะได้มึนแล้วหลับไปเลย แล้วค่อยมาทำต่ออีกวัน

มาเริ่มลุยกันเถอะ

   ก่อนจะเริ่มต่อสายไฟเส้นแรก ผมต้องอ่านทำความเข้าใจหลักการการทำงานของเกียร์ทั้งสองตัวก่อนจากคู่มือข้างต้น โดยจะเน้นที่ Block Diagram ของระบบเกียร์ทั้งสองลูกว่าการทำงานตรงไหนที่เหมือนกัน ตรงไหนต่างกัน input และ output ที่ต้องใช้คืออะไรบ้าง สุดท้ายคือ schematic ของระบบไฟฟ้าของเกียร์ทั้งสองลูก โชคดีที่ Manual ของ AL4 มีวงจรอยู่ แต่ใน 4HP20 ไม่มีรูปวงจรให้ แต่ก็ยังดีที่มี Pinout ของ ECU ว่าขาไหนของ ECU เป็นสัญญาณอะไร ซึ่งทำให้ mapping ได้ไม่ยากเท่าไร
   ทีนี้ก็มาเริ่มตัดสินใจว่า จะ wiring บนสายไฟฟ้าของเกียร์ 4HP20 เดิม แล้วตัดต่อปล๊กใหม่เข้าไป หรือว่าจะทำใหม่หมดข้างนอกดีกว่า แล้วค่อยเข้าไปตัดต่อกับสายสัญญาณเดิมบางส่วนที่ต้องใช้
   ผมตัดสินใจเลือกอย่างหลัง เพราะเนื่องจากสายไฟทั้งหมดของเจ้า 4HP20 ใช้ประมาณ 20 กว่าเส้น ส่วนเจ้า AL4 ซัดไป 30 กว่าเส้น ยังไงๆต่อให้เลือกการต่อสายแบบแรก ผมก็คงต้องเพิ่มสายเข้าไปอีกอยู่ดี ซึ่งมาเดินใหม่จะสะดวกกว่า และข้อดีคือผมสามารถนั่งทำงานที่บ้าน แล้วค่อยมาประกอบที่ตัวรถทีหลังได้
       ทางฝ่ายช่างที่อู่ก็ได้ดำเนินการติดตั้งเกียร์พร้อมเพลา ซึ่งต้องเปลี่ยนเพลาเป็นเพลาเล็กเหมือนของ D9  งานช่างน่ะเสร็จตั้งแต่สองวันแรกหลังจากที่เอาเกียร์มาให้แล้ว จะรอก็แต่ในส่วนของผมนี่แหละ
   หลักการต่อสายต้องมีความเข้าใจก่อนว่าสายไฟส่วนใหญ่จะเป็นสายสัญญาณที่เชื่อมต่อระหว่างปลั๊กที่เกียร์ ไปยังปลั๊กที่ ECU โดยจะมีสายสัญญาณบางส่วนที่ต้องเดินเพิ่มเติมไปที่ ECU  เช่น สายสัญญาณจากไฟเบรก, สายไฟบอกตำแหน่ง snow, sport, สายไฟไปยัง shift lock ที่เกียร์, สายไฟบอกตำแหน่งเกียร์, สายสัญญาณไปยังปลั๊ก diagnostic เป็นต้น  นอกจากนั้นยังต้องมีสายไฟบางส่วนจาก ECU ของเครื่อง รวมทั้งสัญญาณจากลิ้นปีกผีเสื้อ มาต่อเข้าที่ ECU ของเจ้า AL4 ด้วย
   ดังนั้นสายไฟที่ปลั๊กของ ECU จะต้องมีมากกว่าสายไฟที่ปลั๊กเกียร์อย่างแน่นอน ดังนั้นวิธีการของผมจะไล่สายทีละเส้นโดยจะยึดที่ปลั๊กของเกียร์เป็นหลักก่อน แล้วค่อยๆไล่ไปที่ปลั๊กของ ECU โดยอาศัย Manual ของ AL4 ประกอบในการทำงาน  ดังนั้นสายเส้นไหนที่เหลือที่ปลั๊ก ECU ก็จะเป็นสายสัญญาณที่เหลือจากที่กล่าวมาข้างต้นนั่นเอง

เริ่มแล้วนะ

จากรูปเป็นรูปของปลั๊กเกียร์ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 5 ชุดหลักๆ คือ A,B,C,D,E  โดยจะไล่จากซ้ายไปขวาตามรูป
โดยแต่ละชุดจะแบ่งหน้าที่ของมันตามนี้
A1-A12 : Multifunction switch
B1-B12 : Hydraulic block
C1-C3 : Oil pressure sensor
D1-D2 : Turbine speed sensor
E1-E2 : Output speed sensor
การดูว่าขาไหนเป็นขาไหน ให้เริ่มนับขาจากซ้ายไปขวา และ บนลงล่างมาเรื่อยๆ โดยหันหน้าตัวปลั๊กเข้าหาเรามองในแนวตั้ง ให้ชุด A อยู่บนสุด E อยู่ล่างสุด เช่น ปลั๊กชุด A ก็จะนับแบบนี้
A1    A2    A3
A4    A5    ---
A7    A8    A9
A10  A11  A12
ที่ ---  หมายถึงของจริงไม่มีขาต่อไว้ (ดูรูปประกอบ)
ทีนี้ก็มาที่ฝั่งของ ECU กันบ้าง อันนี้ง่ายกว่าเยอะ เพราะที่ตัวปลั๊กจะมีเลขบอกตำแหน่งขาไว้ให้อยู่แล้ว ให้หงายปลั๊ก ECU ขึ้นมาดู มันจะมีเลขกำกับอยู่ดูไม่ยากครับ ผมไม่ได้ถ่ายรูปไว้คิดว่าน่าจะเข้าใจ

ภาพจาก http://my206xr.blogspot.com/2010/05/33-way-grey-connector.html

มาดูบล๊อกไดอะแกรมกัน

ไอ้ที่เราจะต่อกัน ก็คือสายสีส้มข้างบนนี่แหละ ส่วนที่เป็นลูกศรชี้เข้ามาที่กล่อง ECU เกียร์ คือสัญญาณที่ต้องต้องเพิ่มเข้ามาทั้งฝั่งของห้องโดยสาร และ ECU เครื่อง

ส่ง Wirering Diagram มาช่วยอีกแรง

Drop4shared D8-AL4.pdf - 252.73 KB (http://www.drop4shared.com/86e85fe9)

มาเริ่มที่สายเส้นแรกกันเร้ยยย

   ผมจะอธิบายตัวอย่างการต่อสายให้ดูแค่หนึ่งเส้นนะครับ เพื่อจะได้เป็นแนวทางและเห็นภาพมากขึ้น สายเส้นต่อๆไปก็ทำเหมือนๆกัน โดยขั้นตอนคร่าวๆมีดังต่อไปนี้ครับ
1.   เนื่องจากเราไม่รู้ว่าสายเส้นไหนต่อกับขาไหนที่ปลั๊ก เราจึงต้องทำการเลือกสายไฟเส้นใดสักเส้นที่ปลั๊กเกียร์มาก่อน แล้วใช้มิเตอร์วัดความต่อเนื่องเพื่อหาว่าสายไฟเส้นนั้นต่อกับขาไหนของปลั๊ก
2.   เมื่อทราบแล้วว่าเป็นขาไหนที่ปลั๊กเกียร์ สมมติว่าเป็น A7 ก็ต้องไปไล่ดูว่ามันไปต่อกับ ECU ที่ขาไหน ซึ่งงานนี้ต้องพึ่งเจ้า wiring diagram ใน Manual ของ AL4 หน้าท้ายๆนั่นแหละครับ ซึ่งพบว่ามันไปต่อกับขาที่ 42 ของ ECU ดังรูป

รอชมครับ เป็นการ DIY ที่ advanced จริงๆ

ขอบคุณคุณ kla_2000 มากครับ :love love:

3.   จากนั้นเราก็ต่อสายไฟประมาณ 2 เมตรที่เตรียมไว้เข้ากับสายที่ต่อมาจากขา A7  แล้วไปค้นหาต่อว่าเจ้าขา 42 ที่ปลั๊ก ECU มันคือเส้นไหน
4.   หลักการวัดก็เหมือนข้างต้นคือใช้ปลายข้างหนึ่งของมิเตอร์เสียบไว้ที่ขา 42 ของ ECU โดยอาจใช้สายไฟแข็งเส้นเล็กต่อเพิ่มออกมาอีกทีเพื่อให้วัดได้ง่าย เนื่องจากปลายมิเตอร์จะไม่ส่ามารถเสียบเข้าไปได้ ส่วนปลายอีกข้างหนึ่งก็ไล่หาสายไปเรื่อยๆจนเจอ เสร็จแล้วก็บัดกรีสาย 2 เมตรอีกข้างที่เหลือเข้ากับสายเส้นนี้ ก็จบกระบวนการต่อปลายประสาทไปแล้วหนึ่งเส้น
5.   ที่จริงสายจะมีเลขกำกับอยู่ ถ้าสามารถอ่านเบอร์สายได้ ก็จะทำให้การหาสายทำได้เร็วขึ้น แต่จากประสบการณ์จริงพบว่า บางครั้งเลขที่ระบุไว้ในวงจรกับเลขจริงๆบนสายไม่ตรงกัน อีกทั้งสายเราถูกตัดมาเหลือแค่คืบเดียว ดังนั้นเลขที่เป็นเบอร์สาย บางครั้งมันก็ไม่มีให้เห็น เลยต้องอาศัยมิเตอร์เข้ามาช่วยจะแม่นยำที่สุดครับ
6.   จากนั้นก็ทำการไล่ซ้ำแบบนี้ไปเรื่อยจนหมดทุกเส้นที่ปลั๊กเกียร์ และเราจะพบว่าจะมีสายที่ปลั๊กเกียร์อยู่ 5 เส้น ที่ไม่ได้ต่อไปที่ ECU โดยตรง ซึ่งมีรายนามดังต่อไปนี้ครับ

     a.   A3: ต่อไปที่หน้าปัด เส้นนี้ไม่ได้ใช้ (เดาว่าน่าจะเป็นสายที่บอกว่าตอนนี้ไม่ได้เข้าเกียร์ P ตอนจอดรถ)
     b.   A4: สาย Ground สำหรับตำแหน่งเกียร์ P และ N เพื่อใช้สำหรับการสตาร์ท ให้ลากสายนี้ไปที่ฝั่งของปลั๊ก ECU เพื่อต่อกับ Ground ร่วมกับ Ground ของ ECU เลย
     c.           A5: สายบอกตำแหน่งเกียร์ P และ N จะต่อไปที่ Relay สำหรับสตาร์ทเครื่อง ตรงนี้จะมาว่ารายละเอียดกันอีกครั้งในตอนท้ายครับ
     d.   A2: ต่อไปที่ไฟบวก เพื่อใช้สำหรับไฟเกียร์ถอยหลัง
     e.   A1: ต่อไปที่หลอดไฟถอยหลัง

สายทั้งหมดยกเว้น A4: ไม่ต้องทำอะไร ปล่อยสายรอไว้สำหรับต่อเข้าระบบที่ฝั่งของปลั๊กเกียร์ และควรทำ Label ติดไว้ที่สายแต่ละเส้นด้วยว่าสายไหนทำหน้าที่อะไร จะได้ไม่งงในภายหลัง

ไปแล้วครึ่งทาง มาว่ากันต่อ

       ทีนี้มาในส่วนของปลั๊ก ECU เกียร์กันบ้างนะครับ เราก็จะเหลือสายจำนวนหนึ่งอีกเช่นกัน ซึ่งไม่ได้ต่อตรงไปที่ปลั๊กเกียร์ แต่จะเป็นสายอะไร และต่อไปที่ไหนบ้างนั้น ดูได้ตามตารางข้างล่างนี้เลยครับ ผมสรุปมาให้แล้ว ไม่ต้องไปไล่เปิดในคู่มือไปมาหลายๆแผ่นให้งงครับ

จากตารางข้างต้นเราจะสามารถแบ่งกลุ่มของสายออกได้เป็น 3 กลุ่มหลักๆ ได้แก่
1.    ชุดสายที่ต้องต่อไปที่ ECU ของเครื่องยนต์ (ECM) มีทั้งหมด 5 เส้น
2.   ชุดสายที่ต้องต่อไปที่ ECU ของเกียร์ 4HP20 เดิม มีทั้งหมด 9 เส้น
3.   สายที่ต้องต่อไปยังอุปกรณ์ประกอบอื่นๆอีก 5 เส้น

       ซึ่งผมจะไม่ระบุสีของสายไว้ให้นะครับ เพราะจากประสบการณ์ตรงที่ทำมาสองชุด พบว่าสีของสายที่ใช้จะไม่เหมือนกัน เกียร์ที่มาจาก 406 เป็นสีหนึ่ง พอมาจาก 306 เป็นอีกสีหนึ่ง (306 ตัวนอก เป็นเกียร์ AL4 นะครับ)  ยิ่งถ้าเป็นพวก Citroen C5 ยิ่งมึนใหญ่ สีสายไฟมันจะเป็นสีเทาเหมือนกันเกือบหมด แถมปลั๊กบางขั้วก็จะไม่มีด้วย เพราะพวกนั้นเป็นยุคคันเร่งไฟฟ้า และระบบอิเลคทรอนิคส์เพียบ เช่นชุดไฟถอยหลังแทนที่จะสั่งจากตัวเกียร์ตรงๆ ก็ไปใช้สัญญาณจาก BSI แทนเป็นต้น ดังนั้น ถ้าท่านไปได้ปลั๊กรุ่นที่ว่ามา ต้องขอเปลี่ยนนะครับ เดี๋ยวมันจะใช้ไม่ได้ครับ

เข้ามาเชียร์ครับ  ผม 405 d8 เกียร์ al4   พอใจกับมันมาก เคยขับ 4้hp20 แล้วอืดมาก 4้hp14 ก็เก่าเกิน

มาว่ากันทีละชุด เริ่มที่ชุดที่ต่อไปที่ ECM ของเครื่องยนต์ก่อน

        เราก็ใช้หลักการเดียวกันกับการหาสายไฟกับขั้วปลั๊กที่กล่าวมาข้างต้น มาใช้กับ ECM ของเจ้า Bosch นี้กัน ซึ่งจริงๆก็จะดูไม่ยากเท่าไร เพราะมันจะเป็นสายที่แยกออกมาเพื่อวิ่งข้ามไปที่กล่อง ECU ของเกียร์ 4HP20 เดิมอยู่แล้ว เราเพียงแค่จับมันมาวัดหาตำแหน่งขา และต่อเข้ากับ ECU ของเกียร์ AL4 ใหม่เท่านั้นเอง ผมไม่ได้ map ขาที่ ECU ของ 4HP20 ไว้ให้นะครับ เดี๋ยวจะมึนกันไปปล่าวๆ ให้ยึดสายที่ต่อออกมาจาก ECM ของ Bosch แค่นั้นพอครับ

ในรูปจะเป็นวิธีดูตำแหน่งของของกล่อง ECM ของ Bosch ครับ ที่จริงดูที่กล่องก็พอมองเห็นครับ

มาต่อกันที่ชุดที่ต้องเชื่อมกับ ECU 4HP20 เดิม

         ชุดนี้แหละครับที่สร้างความสับสนให้ผมอยู่หลายเดือน ขนาดทำรถเสร็จ เอารถมาวิ่งอยู่เกือบปี ไม่รู้เลยว่าต่อสายผิด ตอนนี้ถึงบางอ้อแล้วครับ สมบูรณ์วิ่งดีเหมือนที่ AL4 ควรจะเป็นสักที 555 มาดูกันครับ
         หลักการก็เหมือนเดิม จับคู่สายกับปลั๊ก แต่ที่ยากกว่านิดนึงคือ เนื่องจากสายเดิมมันต่ออยู่ในระบบอยู่แล้ว ไม่นับสายที่ต่อไปที่ปลั๊กเกียร์ 4HP20 ดังนั้นการที่จะรู้ว่า pin ไหนเป็นสายไหน ต้องลองเปิดสายด้วยคัตเตอร์นิดนึง พอให้เห็นทองแดง แต่ไม่ต้องให้สายขาดนะครับ (บางท่านบอกให้ใช้เข็มหมุดทิ่มที่สาย ผมลองแล้วไม่ไหวครับ สายไฟของ peugeot เราดีมากๆ ทองแดงจัดเต็ม ทิ่มไม่เข้า ยังไงก็ต้องตัดสายอยู่แล้ว ใช้คัตเตอร์ชัวร์กว่า) แล้วไล่วัดดู ให้เริ่มที่สายไฟก่อนทีละเส้น แล้วดูว่าต่อกับ pin ไหนที่ ECU ให้ทำ lable ที่สายไว้เลย จากนั้นก็ตัดสายให้ขาดจากปลั๊กเลย (เริ่มทุบหม้อข้าวกันตอนนี้ล่ะ 555) รอต่อกับ ECU ใหม่  อ้อ ตอนนี้เราต้องมาทำที่ตัวรถแล้วนะครับ เตรียมไฟแสงสว่าง พัดลม น้ำเย็นๆรอไว้ได้เลยครับ ใช้เวลาพอสมควร ผมต้องไปยืนทำที่อู่ตอนเย็นหลังเลิกงานอยู่หลายวัน  :เหนื่อยร้อน:

          สายที่จะมีประเด็นคือสาย Break Opening Contact กับสาย Break Closing Contact นี่แหละครับ เนื่องจากถ้าใครใช้ตัว 406 D9 หรือ Citroen Evasion ที่เป็นเครื่อง EW10J4 จะพบว่ามันมีสวิทช์เบรคอยู่สองตัว ที่ใช้คุมไฟเบรค, Shift Lock gear และก็ใช้คุม Cruise Control สำหรับรถรุ่นอื่นด้วย แต่เจ้า D8 เรามีแค่สวิทช์เบรคตัวเดียวส่งสัญญาณไปที่ขา 10 ของ ECM ซึ่งจริงๆมันจะเป็น Break Opening Contact ตอนไม่เบรควงจรจะเปิด Break Closing Contact พอเบรคแล้ววงจรจะปิดส่งไฟ 12 V ไปที่ ECM และไฟเบรค ตอนแรกผมก็ต่อตาม mapping ข้างบนคือต่อไปที่ขา 16 ของ ECU AL4 ปรากฎว่า Lock Up Converter ของเกียร์ไม่ทำงานเลย เลยลองย้ายมาต่อที่ขา 43 ที่เป็น Closing contact แทน เกียร์ก็ทำงานได้ แต่เปลี่ยนที่รอบสูงเกือบๆ 3000 รอบที่เกียร์ 2,3,4

           ผมวิ่งมาอยู่อย่างนี้เกือบปี จนมีวันหนึ่งเจ้า Citroen Evasion ของผมเกิดปัญหา Lock up เกียร์ไม่จับ อาการเหมือนกับที่ผมขับเจ้า D8 อยู่ตอนนี้เลย แสดงว่าผมมาผิดทางแล้ว เช็คแล้วเป็นที่สวิทช์ไฟเบรคตัวที่เป็น Closing Contact จริงๆ

           ผมเลยลองกลับมาแก้ปัญหาเจ้า D8 ด้วยการจัมพ์สายของขั้วเบอร์ 43, กับ 16 ของ ECU เกียร์ AL4 เข้าหากัน แล้วต่อเข้ากับสัญญาณไฟเบรคของเดิม......จบเลยครับ เกียร์เปลี่ยนที่ 2500 รอบ อารมณ์ AL4 มาเต็มๆ รอบเครื่องที่ 100 Km/hr. อยู่ที่ประมาณ 2200 รอบ อันนี้ไม่มีใน diagram นะครับ ผมลองผิดลองถูกเอง

เกียร์ผมเปลี่ยนที่ 3000 รอบขึ้นไปครับ จริง ๆแล้วก็เหมาะกับแรงบิดเครื่องดีนะ คอน 4้hp14 เปลี่ยน 2500 รอบ รู้สึกมันเปลี่ยนเร็วไป ไม่รู้ผิดปรกติรึเปล่า

คิดเหมือนผมตอนแรกเลยครับ (เลยทนขับมาได้เป็นปี 555) แต่ผมว่ามันกินน้ำมันมากไปหน่อย พอ lock up มันจับแล้ว รอบเครื่องในทุกๆย่านมันลงมาหมดครับ แต่ยังแรงเหมือนเดิม ประหยัดกว่าเดิมเห็นๆครับส่วนตัวแล้วผมเองยังชอบ feeling ของเครื่อง xu10 + AL4 มากกว่า EW10 + AL4 ด้วยซ้ำไปครับ

ถ้าอยากเปลี่ยนรอบสูงก็ไม่ยากครับ แค่กดคันเร่งลึกหน่อย มันก็จะไปเปลี่ยนแตะๆ 3000 รอบให้เองครับ แรงเลือกได้ :555:

มาว่ากันต่อที่สายชุดสุดท้าย

            สายสามเส้นแรกจะต่อไปที่เซ็นเซอร์ปีกผีเสื้อ (TPS) ซึ่งใน D8 เราใช้ปีกผีเสื้อแบบสองทาง โดยชุดแรกจะต่อเข้ากับ ECM ของเครื่องยนต์ อีกชุดหนึ่งจะต่อไปที่ ECU ของเกียร์ โดยดูรูปประกอบจากด้านล่างได้เลยครับ ซึ่งตอนเรารื้อระบบเดิม ก็จะเห็นสายนี้อยู่แล้ว แต่เราตัดที่ปลั๊กของ ECU เก่าออกแล้วมาต่อเข้ากับ ECU ใหม่ ที่จะย้ำคือให้ดูตำแหน่งขาให้ดีๆแค่นั้นครับ

            เป็นที่น่าแปลกว่าในข้อมูลของ ECU เกียร์ 4HP20 ของเดิม ไม่ได้มีการระบุตำแหน่งของการต่อเจ้าเซ็นเซอร์ปีกผีเสื้อนี้ไว้เลย แต่ในของจริงพบว่าได้ไปต่อไว้ที่ขา 19,11 ของ ECU เกียร์ 4HP20 เดิมด้วย แต่เราก็ไม่สนใจอยู่แล้วเพราะของเก่าเราจะยกเลิกมันทิ้งในเร็ววันนี้แล้ว ให้ไว้เป็นข้อมูลเฉยๆครับ

ภาพจาก http://www.peugeotlogic.com/workshop/wshtml/transmis/al4/supply.htm

            อีกสองเส้นเป็นสาย Speed Sensor ที่เป็นปลั๊กสีดำ ที่เห็นอยู่ในรูปแรก ซึ่งสายจะต้องตีเกลียวไปด้วยกันตลอดนะครับ เพื่อลดสัญญาณรบกวนครับ

ขั้นตอนสุดท้าย


           ที่ผมกล่าวไว้ข้างต้นว่าจะมากล่าวในรายละเอียดอีกครั้ง ตรงนี้สำคัญครับ ถ้าไม่ทำ ยังไงก็สตาร์ทรถไม่ติดแน่นอน สาย A5 นี้จะเป็นสายสั่งงานสตาร์ท เป็นจุดที่บอกว่าตอนนี้เกียร์อยู่ตำแหน่ง P หรือ N แล้ว สามารถสตาร์ทได้ ถ้าเป็น wiring ของ Toyota จุดนี้ก็คือ Neutral Start Switch (NSW) นั่นเองครับ ซึ่งกลับถ้าไปดู wiring ของเกียร์ 4HP20 จะพบว่าจุดนี้จะสั่งการทำงานมาเป็นไฟ 12V เพื่อไปสั่งเปิด relay สำหรับสตาร์ทอีกที แต่สำหรับเกียร์ AL4 ถ้าไล่วงจรดีๆจะเห็นว่ามันจะสั่งงานด้วย Ground แทน แล้วไปเปิด relay สตาร์ท

           เมื่อมาดู diagram ของเกียร์ AL4 ในตำแหน่ง P กับ N จะเห็นว่า ไม่ว่าจะเข้าเกียร์ P หรือ N วงจรก็จะต่อลงกราวด์ผ่านทางขา A4 ที่เราทิ้งสายไว้ในข้อ 6  b. ข้างต้นนั่นเอง (สีแดงในรูป) และสาย A5 ก็จะถูกต่อกับ A4 ส่งไปหา Relay เพื่อทำการสตาร์ท (สีเหลืองในรูป) โดยสังเกตว่าที่ขา 1 ของปลั๊กจะไปต่อกับไฟบวก (ต้องไปดูรูปเต็ม) ส่วนขาสองที่ต่อกับสาย A5 จะลงกราวด์ นั่นเป็นที่มาที่ไปของการที่บอกว่าสวิทช์สตาร์ทของเกียร์ AL4 จะสั่งงานผ่านกราวด์ ไม่ใช่ไฟ 12V เหมือนกับของ 4H20

           ดังนั้นหลักการก็คือเราต้องทำการเพิ่ม Relay ขึ้นมาอีกตัวหนึ่งเพื่อใช้สำหรับแปลงสัญญาณ ground  ให้เป็นไฟ12V แล้วค่อยไปสั่งงาน relay สตาร์ทของเดิมของ 4HP20 อีกครั้งนึง

แล้วเราจะต่อมันกับอะไร อย่างไรดีล่ะ

       ก่อนอื่นเราต้องมารู้จักกับตำแหน่งขา และสัญญาณต่างๆของตัว mulifunction switch ของเกียร์ 4HP20 เดิมของเราก่อนซึ่งจะเป็นตามรูป

จากรูปขาที่เราต้องใช้งานจะมีอยู่แค่ 4 ขาคือ ขาที่ 6,7,8, และ 9  ซึ่งวิธีการนับขาก็สามารถดูได้จากรูปด้านล่าง โดยหันหน้าปลั๊กเข้าหาตัว

ขาที่ 6:  คือสัญญาณไฟ 12 V ที่บอกว่าตอนนี้เกียร์อยู่ที่ตำแหน่ง P หรือ N เพื่อจะไปสั่งให้ Relay สตาร์ททำงาน
ขาที่ 7 และ 8 คือไฟบวก ให้จั๊มพ์เข้าหากัน
ขาที่ 9: คือไฟเกียร์ถอยหลัง

แสดงว่าของผมช่างต่อให้ผิดใช่มั้ยครับ  แล้วเราสามารถแก้ปัญหานี้ด้วยการเปลี่ยนสวิทซ์ไฟเบรคแทนได้มั้ยครับ

น่าจะเป็นเช่นนั้นครับ ไม่ต้องเปลี่ยนสวิทช์ไฟเบรคครับ สวิทช์ยังใช้ได้ แต่แค่ให้ช่างจัมพ์สายเพิ่มตามที่ผมบอกได้เลยครับ

ทีนี้ก็มาถึงวิธีการแปลงให้ใช้กับเกียร์ AL4 กัน

   ง่ายๆเลยครับ ไปเอา Relay มาตัวหนึ่ง ผมใช้ของ Nippon Denso ตัวถังเหล็กทนกระแสได้ 30A ที่เห็นกันทั่วไปในรถ Toyota เหตุที่ใช้เพราะผมมีอยู่แล้ว ใครจะใช้ Relay ของ Bosch ยอดนิยม (ระวังปลอม) หรือ Cartier ที่ใช้ใน Peugeot ก็ไม่ผิดกติกาครับ  หลังจากนั้นก็มาต่อดังรูปข้างล่างนี้

การตัดต่อให้ทำที่ปลั๊ก multifunction switch ได้โดยตรง โดยอาจจะ jump สายออกมา หรือจะตัดหัวทิ้งแบบผมเลยก็ได้ (จะทุบทั้งที ต้องทุบให้ละเอียด  :555:) ส่วนตำแหน่งขาของ relay ผมไม่ต้องระบุนะครับ เพราะแต่ละยี่ห้อจะไม่เหมือนกัน คิดว่าน่าจะพอเข้าใจได้จากสัญลักษณ์ที่วาดไว้นะครับ

       เท่านี้เราก็สามารถสั่งงาน relay สตาร์ทเดิมได้แล้ว โดยไม่ต้องไปดัดแปลง หรือไปไล่สายของ relay สตาร์ทเดิมให้ยุ่งยากแต่อย่าลืมเผื่อสายไว้หน่อย เพราะเราต้องยึด Relay ในจุดที่สามารถ service ได้ด้วย  ของผมก็แขวนไว้ใกล้ๆกับหม้อลมเบรคนั่นแหละ

สาย A2: จากข้อ 6 d. คือสายที่ต้องต่อกับไฟบวก เพื่อใช้สำหรับหลอดไฟถอยหลัง ก็ต่อเข้ากับขา 7 หรือ 8 ของ multifunction switch ได้เลย
สาย A1: จากข้อ ุ6 e. เป็นไฟที่ต่อไปที่หลอด ก็ต่อตรงไปที่ขา 9 ของ multifunction switch ได้เลยเช่นเดียวกัน

 คงต้องทำเองครับ   ช่างที่ทำมาให้ค่อนข้างมั่ว  ตอนแรกทำมามีปัญหา  หาวิธีตั้งสวิทซ์ในเน็ตเอาทำเองหายเลย  จัมพ์สายของขั้วเบอร์ 43, กับ 16 ของ ECU เกียร์ AL4 เข้าหากัน แล้วต่อเข้ากับสัญญาณไฟเบรคของเดิม.   แค่นี้ใช่มั้ยครับ ไม่น่าจะยากทำเองได้ง่าย ๆ

บทสรุปของมหากาพย์การเปลี่ยนเกียร์ในครั้งนี้

        ภาพรวมต้องบอกว่าพอใจมากๆครับ จะมีส่วนที่ไม่สมบูรณ์อยู่บ้างเล็กน้อยตรงที่ไฟบอกตำแหน่งเกียร์ไม่ทำงาน คือติดบ้างดับบ้างและไม่ตรงกับตำแหน่งเกียร์จริง ทั้งที่ได้ตั้งตัว multifunction switch อย่างถูกต้องแล้ว และไฟ snow/sport จะกระพริบ คล้ายๆกับเกียร์เข้า safe mode แต่การทำงานยังเป็นปรกติ สามารถกด snow และ sport ได้ เกียร์มีการตอบสนอง เพียงแต่ไฟไม่ show เท่านั้น ซึ่งตรงนี้ผมไม่แน่ใจว่าเป็นที่สัญญาณจาก ECU ที่ส่งไปที่หน้าปัด อาจจะไม่เข้ากัน หรือไม่ผมก็อาจจะต่อสายใดสายหนึ่งไม่ครบ เพราะสายบางเส้นของเกียร์ AL4 ก็ไม่สามารถต่อกับระบบของรถได้หมด เช่นสายไฟเบรก closing contact เป็นต้น ซึ่งผมเข้าใจว่าเจ้า 406 D8 มันมีแค่ opening contact อย่างเดียว

        สุดท้ายผมก็เลยปลด connector ที่หลังเรือนไมล์ออก เพื่อไม่ให้มันกระพริบก็จบข่าว และไฟบอกตำแหน่งเกียร์ก็จะใช้ไม่ได้ด้วยเช่นกัน

ซึ่งถ้าท่านรับได้กับสิ่งที่ผมกล่าวมาแล้วข้างต้น ก็ทำไปเลยครับ รับรองว่าได้ความมันส์จากเกียร์ AL4 อย่างแน่นอน

(เนื่องจากบทความนี้ผมเขียนไว้เป็น PDF ก่อนที่จะแก้ปัญหาเรื่องสัญญาณไฟเบรค และ Lock up Converterได้ ไม่แน่ใจว่าถ้ากลับไปต่อสัญญาณหลังเรือนไมล์ใหม่อาจจะหายก็ได้ เอาไว้รอติดตามตอนต่อไปนะครับ)

สุดท้ายนี้หากใครสามารถต่อยอดหรือแก้ไขปัญหาข้างต้นที่ผมว่าไว้ได้ รบกวนช่วยแบ่งปันวิทยาทาน  ผมจะยินดีเป็นอย่างมาก หรือหากใครมีข้อสงสัยเพิ่มเติมในจุดไหน ที่ผมสามารถช่วยได้ก็ยินดีครับ

มด 089-4958011
ใน Vlovepeugeot ผมใช้ชื่อว่า Mod205 ส่วนใน Citroen Club ผมใช้ชื่อ Blackeva ครับ

ถ้าสะดวกผมยินดีแก้ไขให้ได้ครับ ไม่คิดเงิน ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อสวิทช์ ติดตั้งให้ยุ่งยากครับ เรื่องสายของผมก็ยุ่งเหยิงไม่แพ้กันครับ แต่อาศัยให้ช่างเขาจัดระเบียบให้ เลยพอดูได้ แต่ส่วนปลายสายผมให้เหลือส่วนที่ต่อเอาไว้ เผื่อต้องกลับมาแก้ไขจะได้ไม่ต้องรื้อเยอะครับ เดี๋ยวลงไปถ่ายรูปที่รถมาให้ดูครับ

เอาภาพของจริงมาให้ดูครับ

ภาพสายที่เหลือครับ

ไม่รู้ว่าพี่ไทยทำขาด หรือฝรั่งเศษทำเกินกันแน่  :555: :555: :What: :What:

ภาพตำแหน่ง Relay แปลงระบบ Start

เอามันไว้ตรงนี้แหละ เด่นดี มีไว้ให้คนถาม ว่าทำไมเปอร์โยต์ถึงมี Relay Toyota ด้วย  :555: :555:

รถผมน่าจะมีอะไรผิดพลาดเกี่ยวกับสวิทซ์เบรค Break Opening Contact  ของเดิมติดรถ   เพราะเวลาเบรคก่อนรถจะหยุด มันดันมี engine break บรื้น ขึ้นมาทีนึง

ถ้าเป็น engine break เบาๆที่เกิดจากการเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ ก็ไม่น่าจะผิดปรกตินะครับ แต่ถ้าไอ้บรื้นนี่มันแรงจนกระชาก หรือกระตุก อันนี้ผิดแน่ๆครับ

  ขอบคุณครับ

ขอบคุณมากเลยครับกำลังหาทางใส่ เกียร์ AL4ใน405เครื่อง D8 พอดีเลยครับ

ไปหาข้อมูลมาเพิ่มเติม ได้ข้อสรุปแล้วครับเรื่องของสัญญาณไฟเบรคที่เข้ากล่อง ECU ของ AL4 พอดีไปเจอวงจรของเกียร์ AL4 อีกวงจรนึงที่คุณ dim จาก web citroen เพื่อนบ้านเราลงไว้ (ขออนุญาตเอ่ยนามนะครับ) ซึ่งในภาพระบุชัดเจนแล้วทั้งสองขาคือขา 16 กับ 43  ว่าต่อกับอะไร

ผมสรุปนะครับ

ขา 16 เป็น Break Redundant Contact (Break Opening Contact) จะต่อกับ 7308: cruise control safety switch (brakes) ซึ่งเป็นสวิทช์เบรคของระบบ Cruise Control เวลาเราเหยียบเบรคแล้ว Crusie ตัดนั่นแหละครับ

ส่วนขา 43 เป็น Stop Lights Contact (Break Closing Contact) จะต่อกับ 2100: stop lamp switch ที่เป็นสวิทช์ไฟเบรคจริงๆ

ผมเข้าใจผิดเองว่าไฟเบรคคือ Opening Contact มิน่าตอนต่อที่ขา 16 อย่างเดียว เกียร์มันถึงทำงานแปลกๆ ต้องต่อที่ขา 43 ถึงจะได้ แต่ก็ไม่สมบูรณ์
แต่ที่แปลกใจคือมันจะทำงานเป็นปรกติ ที่ตอนเอาสองขานี้มารวมกันนี่แหละ สงสัยเป็นเฉพาะเครื่อง D8 ล่ะครับ เพราะดันมีสวิทช์เบรคตัวเดียว

เช็คกับต่อยเมื่อวานนี้เห็นบอกว่าหลายคนเอาเกียร์ AL4 ไปลงแล้วเจอปัญหาเกียร์เปลี่ยนรอบสูง  แล้วคิดว่าเกียร์เสีย ผมเลยบอกวิธีแก้ไปให้
ที่เด็ดกว่าคือต่อยบอกว่าตอนนี้เกียร์ 4HP20 ยังกับทองเลยครับ ทั้งหายาก ทั้งแพง  :555: :555:

 :okok:ผมเป็น405ลงเครื่องพร้อมเกียร์AL4ปัจจุบันมีปัญหาไม่รู้ว่เกิดจากอะไรพอหยุดรถหรือติดไฟแดงออกตัวไม่มีแรงเหมือนออกเกียร์3เกียร์4#แต่บางครั้งก็ออกตัวได้ดีติดไฟแดงเช็คตลอดว่ามีแรงป่าวถ้าไม่มีแรงออกตัวต้องดับเครื่องสตาทใหม่ถึงจะได้

   พอจอดรถ เปลี่ยนเป็น เกียร์ n พอจะออกตัวเข้าเกียร์ d ให้ลองเลื่อนเกียร์ ไปทาง 3 นิดเดียว (จะรู้สึกเหมือนรถกระตุก คลัชจับ) แล้วให้ม้นเด้งกลับมา d เอง  (ลองทำแบบนี้ดูก่อนนะครับ  เป็นวิธีหลอกสวิทซ์เกียร์) ได้ผลยังไงลองแจ้งให้ทราบด้วย

อารมณ์เกียร์เข้า downgraded mode ระดับ 4 ครับ (มี 6 ระดับ) ผมเคยเจออาการนี้ใน citroen เป็นที่ input speed sensor ครับ เป็น plug สีดำสองขั้ว ที่ผมลงในรูปแรกของกระทู้นี้ครับ อาการมันจะเป็นบ้าง ไม่เป็นบ้างใช่ไม๊ครับ ถ้าเป็นที่่สัญญาณไฟเบรคมันจะเป็นตลอด อาการจะคล้ายๆกัน

เสียดายที่ใช้ pp2000 จับไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าจริงๆมาจากอะไร แต่จากประสบการณ์ผมเคยเจอมันคือตัวนี้ครับ

 :like:จะลองดูครับขอบคุณที่แนะนำครับ

อาการเสี่ยของทุกโมเดล ของเกียร์ al4  ไฟเตือนกระพริบ สปอร์ต และสโนว์   มักเกิดตามมาจากการฟ้อง เปลี่ยนเกียร์ไม่ดี

โคดเสีย
1.   ระบบควบคุมเกียร์ มัลติสวิทซ์ เสีย ชอร์ต
2.   มัลติสวืทซ์อยู่ในตำแหน่งไม่ถูกต้อง  2.1 สวิทซ์เสีย  2.2 สวิทซ์ปรับไม่ถูกต้อง 2.3 หน้าสัมผัสสวิทซ์มีปัญหา
ถ้าเสียแบบถาวร ก็สวิทซ์เสีย เปลี่ยนสวิทซ์ก็หาย  ถ้าแบบเป็น ๆ หาย ๆ อาจเกิดจากสวิทซ์ปรับตั้งไม่ดี
ซึ่ง ฟอลท์แบบนี้เราสามารถหลอกสวิทซ์ได้ด้วยการ ค่อย ๆ เลื่อนตำแหน่งระหว่างสปีด จาก เกียร์ d ค่อย ๆ เลื่อนไปทาง 3 นิด ๆ  แ ล้วสังเกตไฟเลือกเกียร์บนจอด้วย   ถ้าไฟ d ดับ ตามด้วยไฟเตือนกระพริบ แปลว่า อาการผิดพลาดหายแล้ว   หรืออีกวิธีก็คิอเลื่อนเกียร์ช้า ๆ จาก 3 ไป d ซี่งยากกว่าวิธีแรก  การแก้ปัญหาด้วยการหลอกสวิทซ์แสดงว่ามีโอกาสสูงที่ปรับตั้งสวิทซ์ไม่ถูกต้อง แค่ตั้งใหม่ก็จะหาย


ถ้าอยากให้ปัญหาทั้งหมดมันหายอย่างถาวร ก็อาจจะต้องไวริ่ง และเช็คขั้วต่อ  เราก็ไม่อยากจะมานั่งเสียเวลาวุ่นวาย กับการเดาสุ่มไปเรื่อย   จากที่เราเจอ ปัญหาทั้งหมดทั้งปวง คือสวิทซ์เสีย และการปรับตั้ง  

(แปลมั่ว ๆจากเวปต่างประเทศ)

ของผม D9 ก็เป็นเช่นเดียวกัน   คือถ้าวิ่งมาแล้วจอดติดไฟแดง   เมื่อรถหยุดแล้ว  จะปลดคันเกียร์มาที่ N  หรือ ค้างที่ D อยู่   อาการคือ เกียร์ไม่จับ ต้องเร่งเครื่องส่งจนเกียร์จับดัง  ตึก!  ออกตัวก็ไม่มีแรง ต้องใช้รอบสูง  เป็นมานานแล้ว  ช่วยวิเคราะห์ให้หน่อยครับ 

ถ้าเป็น D9 ผมแนะนำให้ใช้ PP2000 จับดูก่อนครับว่าเจอ fault อะไรเกี่ยวกับเกียร์บ้าง จะวิเคราะห์ได้ใกล้เคียงกว่าครับ ไม่แน่ใจว่าหน้าปัดมีไฟ Snow, Sport กระพริบด้วยรึเปล่าครับ

ปัญหาเกียร์ AL4 ส่วนใหญ่มักจะหนีไม่พ้น

1. Multifuction Switch: เสีย, สกปรก, ปรับตั้งไม่ถูกต้อง อันนี้แก้ไม่ยาก เบื้องต้นถอดออกมาล้างก็หายครับ หนักหน่อยก็เปลี่ยน...จบ

2. Sensor ต่างๆ เช่น Input Speed Sensor  ไม่ใช่ตัวที่ส่งสัญญาณไปที่หน้าปัดนะครับ จะเป็นตัวที่ส่งสัญญาณไปเข้าที่กล่อง ECU เกียร์ครับ ที่ผมบอกว่าต้องตีเกลียวสายนั่นแหละครับ แต่รถที่มาจากโรงงานอยู่แล้ว ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน เขาทำมาดีอยู่แล้ว แต่คนที่ต้องมาทำ DIY แบบผม ต้องดูในจุดนี้ด้วยครับ  ส่วน sensor อื่นๆ ผมไม่เคยเจอเสียครับ ส่วนใหญ่เกียร์พังก่อน  :555: :555:

3. Solenoid ที่จะเจอก็มี 2 ตัวที่คุม Lock up กับ Pressure ครับ อาการที่จะเจอคือเกียร์จะเข้า downgraded mode ระดับ 5 คือจะเปลี่ยนเป็นที่เกียร์ 3 พร้อมไฟบอกเกียร์ทั้งหมดกระพริบ ประมาณว่าให้เราประคองรถให้ไปที่อู่หรือศูนย์ให้ได้ แต่ถ้าดับเครื่องแล้วสตารท์ใหม่จะหาย พอวิ่งสักพักก็เจออีก ถ้าเจออาการนี้เตรียมเงินราวๆ 5000 บาทได้เลยครับ ซื้อ Solenoid ใหม่สองตัวจะเป็นปลั๊กสีดำ ซึ่งของเดิมจะเป็นสีขาว ส่วนเกียร์ที่มาจากเซียงกงส่วนใหญ่จะเปลี่ยนเป็นสีดำหมดแล้ว จะไม่ค่อยเจอปัญหานี้ครับ  อ้อ บางคันต้อง upgrade version ของ software เกียร์ด้วยนะครับ เพื่อรองรับกับ Soleniod ตัวใหม่ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าต้องเป็นรุ่นไหนบ้าง ต้องอู่ หรือศูนย์แล้วล่ะครับ

4. ความร้อน อันนี้ตัวทำลายเกียร์ได้เร็วที่สุด แบบพังได้ภายในอาทิตย์เดียว ผ้าคลัชจะไหม้หมดครับ ห้ามให้เครื่องฮีทมากๆนานๆครับ ต้องหมั่นเช็คระบบระบายความร้อนบ่อยๆครับ โดยเฉพาะเครื่อง 16V เนี่ยะตัวดีเลย ผมทำ AL4 พังคาเท้ามาลูกนึงก็เรื่องความร้อนนี่แหละครับ

5. เพิ่มเรื่องน้ำมันเกียร์ด้วย ต้องเติมให้ได้ระดับ ในอุณหภูมิที่กำหนด (ประมาณ 60 องศาซี) เติมตอนเย็นไป น้ำมันเกิน เติมตอนร้อนไป น้ำมันขาด และต้องใช้น้ำมันให้ถูกต้องตามสเปค ซึ่งประเด็นเรื่องยี่ห้อก็จะตามมาอีกว่ายี่ห้อไหนใช้ได้ ใช้ไม่ได้ ผมไม่ขอสรุปนะครับ แต่ที่ผมทราบมาที่ใช้ๆกันก็มี ESSO (เลิกผลิต), Total, Valvoline Maxlife, AMCO ส่วนตัวผมใช้ Valvoline เพราะถูกสุด :HoHo: :HoHo:  และก็ได้มาตรฐาน LT71141 ที่เกียร์ระบุไว้ ผมใช้มาร่วมแสนกิโลก็ไม่เจอปัญหาอะไรนะครับ อันนี้ไม่ได้ชี้นำนะครับ การตัดสินใจเป็นเรื่องของท่าน ผมแค่มา share ให้เท่านั้นครับ

3. Solenoid ที่จะเจอก็มี 2 ตัวที่คุม Lock up กับ Pressure ครับ อาการที่จะเจอคือเกียร์จะเข้า downgraded mode ระดับ 5 คือจะเปลี่ยนเป็นที่เกียร์ 3 พร้อมไฟบอกเกียร์ทั้งหมดกระพริบ ประมาณว่าให้เราประคองรถให้ไปที่อู่หรือศูนย์ให้ได้ แต่ถ้าดับเครื่องแล้วสตารท์ใหม่จะหาย พอวิ่งสักพักก็เจออีก ถ้าเจออาการนี้เตรียมเงินราวๆ 5000 บาทได้เลยครับ ซื้อ Solenoid ใหม่สองตัวจะเป็นปลั๊กสีดำ ซึ่งของเดิมจะเป็นสีขาว ส่วนเกียร์ที่มาจากเซียงกงส่วนใหญ่จะเปลี่ยนเป็นสีดำหมดแล้ว จะไม่ค่อยเจอปัญหานี้ครับ  อ้อ บางคันต้อง upgrade version ของ software เกียร์ด้วยนะครับ เพื่อรองรับกับ Soleniod ตัวใหม่ ซึ่งผมไม่แน่ใจว่าต้องเป็นรุ่นไหนบ้าง ต้องอู่ หรือศูนย์แล้วล่ะครับ
สองตัวนี้เป็นตัวไหนครับรบกวนขอตำแน่งได้ป่าวครับ

ตามลิงค์นี้ไปดูได้เลยครับ บอกปัญหา สาเหตุ และการแก้ไขให้เสร็จสรรพ

http://peugeotlogic.com/workshop/wshtml/transmis/al4/solenoid.htm

  อาการเหมือนของผมตอน ลงเกียร์ใน 405  เครื่อง d8 ใหม่ ๆ เลยครับ ถ้าค้างที่ d รถหยุด มันเหมือนมันปลดเกี่ยร์ว่างเอง พอออกตัวเร่งไม่ไป ต้องเร่งจนดังติ้งง  เอากลับไปให้อู่ทำใหม่ เหมือนเขาเปลี่ยนโซลีนอยด์ให้ (ไม่แน่ใจ ตอนไปดูช่างไม่อยู่ )