รถ peugeot โดยส่วนใหญ่ ครัชจะหนัก ผมว่าน่าจะมีวิธีแก้ให้มันเบาบ้างนะครับ
เนื่องจากครัชมันเป็นสาย เมื่อใช้งานแค่สักระยะ ก็จะเริ่มหนัก เริ่มจากสายมันออกจากห้องโดยสานผ่านมาใกล้ ๆ กับท่อไอเสีย (ร้อนแย่เลย) แล้วผ่านไปที่ใต้ฐานแบต (โดยน้ำกรดบ้างหรอเปล่าก็ไม่รู้) แล้วยังต้องมาเจอท่ออะไรก็ไม่รู้เยอะแยะเลย ถ้าเราสามารถป้องกันอุปสรรค เหล่านี้ได้ผมว่ามันน่าจะช่วยให้ครัชเบาขึ้นได้บ้างครับ

เห็นรถอื่นเขาแก้โดยต่อขาให้ยาวกว่าเดิมซักนิ้วครับ ไม่รูว่าเปอร์โยทำได้ไหม และเคยคุยกับคนอื่น ซึ่งตอนนั้นเขาขายอะไหล่เก่าให้ เขาแก้โดยการเจาะรู้ที่ขาเหยีบครับ แต่ผมไม่ได้ลองไปขับรถเขา ก็เลยไม่รู้ว่าเบาจริงไหม ส่วนจะทำเป็นแบบมีปั้มน้ำมัน ช่างแถวที่ทำงานก็ไม่ยอมทำให้ เพราะพี่แกชอบเดิมๆทุกอย่างครับ

309 ที่บ้านใช้อยู่ก็หนักมากกก
แก้ด้วยการต่อขาไปแล้ว ประมาณ 1 นิ้ว
คนใช้บอกว่าเบาขึ้น ผมก็ว่าเบาขึ้น
วิธีนี้ได้ผลนะครับ

ต่อส่วนไหนครับ อยากทำบ้าง ช่วยบอกหน่อยนะ แฟนบ่น (ผมขับไม่เป็น)

น่าสนใจครับสำหรับวิธีการต่อขา แต่เชื่อหรือเปล่าว่าของผม ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่หนักอย่างที่คิด ที่สำคัญผมใช้มา 80000 กม แล้ว ก็อย่างที่บอกหาท่อดำ ๆ ที่ใช้หุ้มท่อแอร์มากหุ้มสายครัช เพื่อกันความร้อน และก็หมั่นดูคราบขี้เกลืออย่าให้ไปเกะกะ แถวสายครัช และสุดท้ายผมจะหยอดน้ำมันบริเวณขาครัช แค่นี้ก็เบาได้เยอะแล้ว ลองดูวิธีนี้นะครับ ง่าย ๆ

การต่อขาครัชนั้นเป็นวิธีการที่ไม่เหมาะสมครับ ระยะของขาครัชนั้นถ้ายาวเกินไป การขยับตัวของหวีครัชจะน้อยลง ผลที่เกิดขึ้นก็คือครัชจะสึกหรอมาก(ครัชลื่น มักพบบ่อยๆ)และการออกตัวจะไม่ดี ขับยากขึ้นถ้าครัชเริ่มสึกหรอ การเลี้ยงครัชเวลาขึ้นสะพานค่อนข้างลำบาก แต่ผลดีก็คือครัชจะเบาเท่านั้น

ปัญหาหลักๆก็อย่างที่เจ้าของกระทู้บอกนั่นแหละครับ ความร้อนทำให้การหล่อลื่นของสายครัชเสียไป บางครั้งอาจจะมีอาการสายครัชฝืดให้เห็นได้ ใช้ฉนวนกันความร้อนก้จะช่วยได้ระดับหนึ่ง แต่ที่ดีที่สุดคงจะต้องหมั่นดูแลโดยเฉพาะรถที่ใช้ในเมืองเพราะความร้อนในห้องเครื่องจะสูงเนื่องจากการระบายความร้อนออกจะไม่ดีเท่ากับรถที่วิ่งเร็ว
อีกอย่างที่ทำให้ครัชหนักคือการสึกหรอของหวีครัชและลูกปืน

ผมใช้จารบีทาที่สายคลัชที่ใต้แบตและที่คันครัช ดีขึ้นมากครับ สาเหตุที่คลัชหนักเพราะจารบีที่อยู่ในสายแห้ง ถ้ามีตังก็เปลี่ยนสายครัชใหม่ก็จะดีขึ้นครับ ก่อนที่จะใส่สายใหม่เอาจารบีทาอีกรอบก็จะดีมากครับ

ผมก็ต่อขาเหมือนกัน แต่ช่างที่ทำให้นั้นเสียชีวิตไปแล้ว เขาเคยอยู่ที่รองเมืองมาก่อน เขาว่ามันมีผลดีต่อบูชที่ปลายขาครัชท์ตัวที่สายครัชท์ร้อยผ่านเข้ามาด้วย แล้วมันก็ช่วยให้ขาครัชท์ดึงสายครัชท์ออกจากเปลือกสายเป็นแนวตรง ( ไม่ถูกับเปลือก ) จึงลดแรงเสียดทานที่อาจทำให้หนักไปได้บ้าง เรื่องการเอาท่อฉนวนหุ้มสาย ผมก็เคยคิดอย่างนั้นและลองทำกับวีทาร่า ไม่เวิร์คครับ สุดท้ายก็ถอดทิ้ง

แก้ไขนิดครับที่ว่า ขาครัชท์ดึงสายครัชท์ ที่ถูกคือสายครัชดึงขาครัชท์เป็นแนวตรง ไม่ถูครูดกับปลอกสาย แต่ถ้าไม่คิดมาก ในสายที่โค้งอ้อมมาจากฝั่งคนขับ สลิงมันก็ถูครูดกับปลอกมาแทบตลอดทางอยู่แล้ว จะถูอีกสักนิดเป็นไรไป ผมก็ไม่อยากแนะนำให้ใครไปทำ จริงๆก็เป็นคนชอบเดิมๆ ที่คุณ BX ว่านั้นก็จริงในทางทฤษฎี แต่ 1นิ้วที่ต่อออกไปกับความยาวของขาครัชท์ขนาดนี้ ผมไม่แน่ใจว่ามันจะทำให้สูญเสียระยะจากของครัชท์ไปมากพอให้เกิดผลเสียเหมือนเหยียบครัชท์ไม่สุดหรือไม่

ผมใช้ 309 ปี 89 เปลียนครัชทั้งลูกมาแล้วเมื่อ 5 ปีก่อน และต่อขาตัวแอลให้ยาวขึ้น ตอนนี้ก็เริ่มหนักอีก สาเหตุ(ช่างประจำบอกมา)
1.ผ้าครัชเริ่มบางเพราะใช้งานมานาน ทำให้จานกดครัชมีระยะกดห่างมากขึ้น ทำให้เยียบครัชหนักขึ้น
2.สายครัชเริ่มเสื่อมสภาพ อายุงานประมาณ 1-1.5 ปีเท่านั้น
และไม่ควรใช้น้ำมันหล่อลื่นชนิดอเนกประสงค์เช่น sonax อะไรพวกนี้ จะยิ่งฝืดไปกันใหญ่
ผมเคยใช้ sonax ฉีด ได้แค่ 2 วัน ฝืดจนขาดคาที่เลย แต่ไม่เคยใช้จาระบีทาสายซักที ไม่มั่นใจครับ ทุกวันนี้ก็มีสายสำรองติดรถไว้ ถ้าฝืดควรเปลี่ยนใหม่ครับ

คลัชที่เป็นระบบสาย พอใช้ไปนานๆยังไงก็หนัก หล่อลื่นสายคลัชเป็นการช่วยนิดหน่อย หรือป้องกันความร้อนที่สายคลัชก็เป็นแค่ไม่ให้สายละลายหรือเสียเร็ว จริงแล้วมันเป็นที่หวีคลัช อยากให้เบาขึ้นต้องเปลี่ยนหวีคลัช รู้ไว้ซะพวกสาวกเปอโยต์ การต่อขาคลัชเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ อยากเบาก็ต้องไปแปลงเป็นระบบน้ำมันแบบรถยี่ห้ออื่นๆ

เห็นด้วยๆหวี+ลูกปืนใหม่ๆ ใส่เข้าไป เบาหวิวเลย แก้ปัญหาตรงจุดด้วยขอบอก