อยากจะขอเล่าอะไรให้ฟังหน่อยครับ ผมอยู่ต่างจังหวัด รถคันแรกที่ผมซื้อคือ FAIT Punto 75 5D ใช้ดีครับและชอบในสมรรถนะของรถยุโรปอยู่แล้ว ใช้มาได้ 5ปี สงสารรถเพราะใช้เข้ากรุงเทพบ่อย จากบ้านมากรุงเทพ ฯ ประมาณ 250 กิโล ไป-กลับ ร่วม 500 กิโลพอเก็บเงินได้หน่อยก็คิดว่าน่าจะออกรถใหญ่กะเขาบ้างเพราะเห็นว่า ถ้าขืนใช้เจ้าปุนโต้ มากๆ เข้าละก้อมีหวัง! เลยมามองขนาด 2,000 cc. เพราะเห็นว่าน่าจะใช้ดีกว่าในทุกด้าน ไปดูมาทั้ง Camry ก็แล้ว และ Cefilo แต่มาชอบใจ 406 นี่แหละ (แต่ถ้ารวยกว่านี้นะ กะออก Alfa 156 ไป....
เลยย..) เลยออกเจ้า 406 นี่แหล่ะ เป็นเกียร์ธรรมดาครับ เพราะขับต่างจังหวัดมันมันส์!ดี
ออกมาตอนแรกมีความรู้สึกดีครับ เพราะประการแรกคือ.. 1.สมรรถนะเครื่องจัดว่าใช้ได้ครับ 2.ราคาถือว่ากำลังดีเมื่อเปรียบเทียบกับรถญี่ปุ่น (แต่ในใจว่าแพงไปนะสำหรับรถที่ประกอบในประเทศ) 3.ขนาดภายในห้องโดยสารถือว่าเยี่ยม! แต่เจ้ากรรม 1 เดือนผ่านไปความรู้สึกที่ไม่ดีเริ่มเกิดขึ้น อันดับแรกเลยคือ รูที่สำหรับเกี่ยวขอผ้าม่านบังแดดหลังหลุดออกมาทั้งน๊อต ! เลยครับ แต่ผมตอนแรกไม่คิดอะไรมากคิดว่ามันคงผิดพลาดจากพนักงานตอนใส่ และกะอีแค่รูพลาสติครูเดียวคงมีพลาดกันได้...ผ่านไป เข้าเดือนที่ 2 เชื่อไหมครับโลโก้รูปสิงห์เต้นแร๊ปอยู่ที่ฝากระโปงหลังหลุดครับ ! มันหลุดตอนผมปิดฝากระโปง ห้อยหล่องแหล่ง เลยครับพอดึงออกมาดูปรากฎว่ากาวที่ติดมานั้นมันยังไม่แห้งเลยครับยังนิ่ม ๆ เหนียว ๆ อยู่เลย (แล้วเขาใช้กาวอะไรติดมาวะ) ผมเลยมีความรู้สึกที่ไม่ดีตอนนี้เลยครับ. อะไรกันโลโก้หลุดถือว่ารถจากโรงงานนี้ห่วยมาก แม้แต่โลโก้ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ในการเชิดชูสินค้า ยังหลุดได้ ต่อมาเข้าเดือนที่ 3 ครับ
หนังที่อยู่ตรงประตูที่เป็นกาบบนแล้วติดกับร่องกระจกไฟฟ้าด้านข้าง(ฝั่งคนขับ) มันเผยอออกหลุดปลิ้นออกมาเลยครับตอนผมเปิดกระจกไฟฟ้าจะจ่ายค่าทางด่วนพอตอนปิดกระจดมันเลื่อนขึ้นไอ้หนังแผ่นนี้มันปลิ้นหลุดออกมาเลยครับ พอเข้าศูนย์รองเมือง บอกเขา พนักงานยังไม่ทันดูเลยบอกถูกด้วยแน่ว่าตรงนี้ใช่ไหม เขาบอกว่ายังไงรู้ป่าว รุ่นนี้หลุดหลายรายแล้ว ผมกับพี่ชายยืนงงกันเลย รถยุโรปราคาล้านกว่าออกมาได้ 3 เดือน ไอ้โน่นหลุด ไอ้นี่ร่อน ผมเลยทำใจเลยครับว่ารถประกอบในไทยคุณภาพเป็นอย่างนี้นี่เอง ยังไม่หมดนะครับ เช่นที่ปัดน้ำฝนมันมีชีวิตหรือไงไม่ทราบวันดีคืนดีพอฝนตกหน่อยผมเปิดให้มันทำงาน พอมันทำงานได้สักระยะหนึ่ง นึกจะดับก็ดับขึ้นมาซะยังงั้นต้องจอดรถลงไปเขย่า ๆ ให้มันตื่นมันถึงจะเริ่มทำงานอีกทีแต่มันลำบากตอนลงไปเขย่านี่สิฝนตกเปียกหมดเลย ! ถ้าฝนตกตอนกลางวันก็ดีไป แต่เคยตอนกลางคืนนี่สิแย่ชมัด ! แล้วพอเข้า 0 สุรวงศ์ เขาบอกว่าสวิทซ์มันร้อนมันเลยตัดครับท่าน... แล้วยังที่เขี่ยบุหรี่อีกเปิดไม่ค่อยได้นะให้ทาง 0ซ่อมหลายครั้งแล้ว ก็เปิดได้บ้างไม่ได้บ้าง เลยไม่อยากใช้เลย (แต่ไม่รู้จะเปิดทำไมเพราะผมก็ไม่สูบบุหรี่อยู่แล้ว) แล้วยังล้อขวาหน้ามีเสียงลูกปื นดังอีกแต่ดังเป็นบางครั้ง เคยเจอลูกค้าที่0สุรวงศ์รายหนึ่งเป็นผู้หญิง เขาถามสาเหตุของการดังของรถเขานี่แหละ ช่างเขาบอกว่าไงรู้ป่าว มันจะมีดังบ้างละครับถ้าจะให้หายก็ต้องมาเปลี่ยนลูกปืนที่ล้อมันถึงจะหายครับ และมีอีกกระหยุมกระหยิมครับ นี่ไม่ได้ใส่ความทางเปอร์โยต์นะครับ แต่อยากจะร้องเรียนเท่านั้นว่าน่าจะรักษาคุณภาพให้สมกับรถผู้ดีเมืองน้ำหอมเขาหน่อย ซึ่งรถ FAIT ที่ผมใช้อยู่มาถึง 5 ปีนั้น เชื่อไหมไม่มีเรื่องพรรนี้เลย จึงมารู้ครับว่ารถประกอบนอก กับรถประกอบในนี้มันต่างกันอย่างไร

ขออภัยครับพิมพ์ยี่ห้อ FIAT ผิดครับ

โชคดีของคุณปุนโตนะครับ เปลี่ยนไปใช้ค่ายอื่นที่ดิดว่าดีกว่านะครับในอัตราทรัพยากรที่เท่ากัน ช่างที่ 0 ก็พอกันนะครับ เห็นต้องให้ ดร.เสรีอบรมเสียหน่อย ไม่สร้างสรรเลย
ทุกท่านที่ได้รับผลเช่นเดียวกับคุณปุนโต
ถามหาความชอบธรรมได้ที่ไหน เพื่อนๆ ช่วยแจ้งหน่อย

ของผม 306SRอาการแรกเป็นเหมือนผมเดี๊ยะเลย เป็นเพราะส่วนนั้นโดยแดดบ่อยหรือเปล่าเลยเปื่อย เฮ่อ! อาจจะเป็นเอกลักษณ์ของเปอโยต์(ฮ่า)

ก็มีปํญหากันทุกยี้ห้อละครับแล้วแต่ว่าใครจะโวยเสียงดังกว่ากัน อ่านดูแล้วผมว่ามันเด็กๆนะ

อย่าลืมว่าประเทศเรายังไม่มี know how ในเรื่องการสร้างรถยนต์เป็นของตนเอง การที่ทางฝรั่งเศสให้เราประกอบเองนั้น ก็ไม่ได้ให้know how กับเรามาทั้งหมด
เป็นเพียงการลดต้นทุนให้กับรถยี่ห้อนี้ และ เป็นการเริ่มต้นเพียงไม่กี่ปีของเรา ในประกอบเท่านั้น
อะไรที่เราจะต้องทำและปรับปรุงในระดับชาวบ้านก็ต้องทำไปก่อน อันใหนทำไม่ได้ อาจจะต้องพึ่งพาศูนย์ในบางครั้ง
แต่อย่าไปฝากความหวังให้0มากนัก เพราะอย่างที่บอกในข้างต้น แต่ก็อาศัยว่าเขามีการทดลอง และทดสอบบ่อยกว่าเรา และอาจจะมีการลองผิดลองถูกมากกว่า
สิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะฝากไว้กับ0 บริการทุกแห่งคือ เรื่องของการ record รายการซ่อมและแก้ไข รวมถึงการแก้ปัญหา และควรจะติดตามปํญหาว่าเป็นอย่างไร แก้ขาดหรืไม่ เพื่อจะได้นำมาทำเป็นคู่มือการซ่อมให้ช่างรุ่นหลังๆดูกัน (ไม่ใช่เพียงแค่เก็บประวัติลูกค้าไว้เฉยๆ แล้วเมื่อลูกค้าเข้ามาก็บอกว่าเคยเป็นนั่นเป็นนี่ แต่ก็แก้ให้เขาไม่ได้ซักที)
อาจจะเป็นเพราะในการที่มีพนักงานหมุนเวียนเปลี่ยนไปในองค์กร โดยที่ไม่มีการเก็บข้อมูลทางเทคนิคที่แก้ปัญหาไว้ เมื่อพนักงานออกไป เด็กรุ่นใหม่ก็ต้องมาเริ่มนับ1ใหม่ ส่วนช่างฝีมือดีที่ออกไป (ยอมรับว่าวิชาติดตัวไปจนตายแต่ใครจะรู้ว่าได้ใช้ประสพการณ์ทั้งหมดที่มีอยู่ไปทำงานหรือไม่) บางคนอาจจะเปลี่ยนอาชีพไปเลย ภูมิปัญญาตรงนี้ก็จะหายไปด้วย
แต่ถ้าจะบอกว่าเราต้องทำตามคู่มือของนอก ต้องอย่าลืมว่าการใช้งานในภูมิประเทศของไทย บางอย่างอาจจะต้องดัดแปลงบ้าง ปรับตั้งใหม่บ้าง จนกว่าบ้านเราเมืองเราจะผลิตรถยนต์ได้เอง
และต้องบอกให้ผู้ใช้รถทราบด้วยว่า ในช่วงที่อยู่ในการรับประกัน อะไรที่ไม่ดี ก็ควรที่จะเคลมกับทางศูนย์ เพราะนั่นถือว่าเป็นการบริการลูกค้าที่ซื้อสินค้าของเขา และสินค้าอยู่ในช่วงรับประกัน เมื่อหมดอายุรับประกันเราจะต้องดูแลรถของเราเป็นอย่างดีไม่ใช่ว่าอะไรก็จะให้0ทำ มีปํญหาอะไรก็โทษการประกอบไม่ดี ตอน U ซื้อรถ U ก็เป็นคนเลือกเองอยู่แล้วว่าจะเอายี่ห้ออะไร ประกอบที่ใหน ในงบราคาเท่าไร
ผมว่าเหมือนกับคุณไปจีบผู้หญิง ตอนแรกคุณก็บอกว่าเธอดี สวย spec. ของเราเลย แต่เมื่ออยู่ไป เราจะโทษว่าเธอนิสัยไม่ได้ พ่อแม่เธอสอนมาไม่ดี ก็ไม่ได้ มันจะขึ้นอยู่กับการดูแลและเอาใจใส่ของเรา เหมือนรถเช่นกัน(ไปกันใหญ่……..)
สรุป การดูแลรักษาเบื้องต้นเป็นของเจ้าของรถเพราะเขาใช้อยู่เป็นประจำอะไรผิดปกติจะต้องรู้ก่อน(วัวเคยขา ม้าเคยขี่) ถ้าอะไรก็โทษแต่ผู้อื่น แต่ไม่เคยที่จะคิดหาวิธีแก้ปัญหาก็ น่าจะเช่ารถขับดีกว่า เพราะถ้ามีปัญหาก็เปลี่ยนคันใหม่
ผมพูดในฐานะผู้ใช้รถเหมือนกันนะครับ ผมไม่ได้แก้ตัวให้ใคร และไม่มีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับธุรกิจของใครด้วย ……เป็นประชาชน คนตาดำๆเหมือนกัน ที่ถูกเขาเอาเปรียบมาเหมือนกัน
พอๆๆๆๆๆๆๆๆๆ……………….ไม่ไหวแล้ว…….เหนื่อยจริงๆ……..คุณหนุ่มปุนโตไม่น่าเริ่มเลย....ต้องเข้าใจชีวิตหน่อย..........แล้วจะสบายใจ

จริงครับ คุณ perfumes ถามใครก็ได้
หากให้มีภรรยาอีกคนได้ รับรองไม่มีใครเลือกคนที่เหมือนที่มีอยู่แน่ เนอะ รับรองเปลี่ยน สเปค แต่ทุกวันมันมีไม่ค่อยได้
ยากมาก ต้องทนุบำรุงที่มีอยู่ให้ดีหรือให้พอใช้ดีๆ ไม่เสียงดังเท่านั้น กระทู้เรื่องอะไรนะ ขอโทษด้วย รถผมเกียไม่ค่อยดีครับ เกียมัวจังเลย