ระบบกันสะเทือนหลังแบบโช้คอัพวางเอียง
ของเปอโยต์ในรุ่นก่อนๆ ได้รับความชื่นชมมา
โดยตลอดในเรื่องการแกะถนนที่มั่นคง
ไม่มีอาการหน้าทิ่มเวลาเบรก
และมีพื้นที่ห้องเก็บของกับห้องโดยสารตอนหลัง
กว้าง แต่พอมาเป็น 406 เปอโยต์ก็ได้เปลี่ยนระบบ
ช่วงหลังมาใช้แบบ MULTI-ARM
ซึ่งตัวโช้คอัพจะเป็นแบบตั้งตรงยึดติดกับ
ซุ้มโช้คอัพในห้องเก็บของ
สำหรับระบบช่วงล่างแบบ MULTI-ARM
จะประกอบด้วยแขนล่าง(LOWER ARM)
แขนบน(UPPER ARM)
แขนควบคุมโทอิน(TOE-IN TIE-ROD)
และแขนตามยาว(LONGITUDINAL ARM)
ตัวสปริงรองรับน้ำหนักจะติดตั้งอยู่
ระหว่างซับเฟรมกับเบ้าปีกนกล่าง

โดยมีโช้คอัพติดตั้งอยู่นอกตัวสปริง
ปลายด้านล่างของโช้คอัพจะยึดอยู่กับปีกนกล่าง
ส่วนปลายด้านบนจะยึดกับซุ่มโช้คอัพในห้องเก็บของ
สำหรับเหล็กกันโครงหลังจะยึดติดกับกระบอก
โช้คอัพเหมือนก้านหน้า
จุดเด่นของระบบช่วงล่างแบบนี้ก็คือ
การที่มีแขนของช่วงล่างหลายชิ้นและ
ทำงานแยกอิสระจากกัน
จะทำให้เสียงการทำงานของระบบช่วงล่างลดลง
และแขนเหล่านี้ยังทำให้ล้อหลังบิดตัวไปในทิศทาง
เดียวกับล้อหน้าในขณะเข้าโค้ง
ช่วยให้ขับรถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ

รถไม่มีวอกแวกต่อแรงลมที่มาปะทะตัวถัง
และโช้คอัพแนวตั้งสามารถซับแรงได้ดี
ในทุกๆความเร็ว แต่แน่นอนว่าเมื่อเปลี่ยนมาใช้โช้คอัพ
แบบตั้งตรง เวลาเบรกรถจะต้องมีอาการหน้าทิ่ม
แต่เปอโยต์ได้แก้ปัญหานี้ด้วยการติดตั้งแขนตามยาว
(LONGITUDINAL ARM)
ซึ่งนอกจากจะเป็นตัวรับแรงเบรกล้อหลัง
และป้องกันช่วงล่างหลังบิดตัวแล้ว
ยังช่วยพยุบหน้ารถไม่ให้ยุบตัวมากนักขณะ
ที่เบรกด้วย และข้อเสียอีกประการคือขนาด
ของห้องเก็บของท้ายรถแคบลง
เพราะต้องใช้พื้นที่ของ
ห้องโดยสารบางส่วนไปสร้างเป็นซุ้มยึดโช้คอัพหลัง
และในขณะเดียวกันทำให้ไม่สามารถออกแบบให้เบาะหลัง
เลื่อนถอยไป เพื่อเพิ่มความกว้างของห้องโดยสาร
ตอนหลังได้ดังเช่นรุ่นก่อนๆ

ขอบคุณมากครับ แต่ทำไมส่วนใหญ่จะบอกว่า 405 เกาะถนนกว่า 406 และอยากทราบว่า 405 ไม่นับ mi16 รุ่นไหนเกาะถนนที่สุดครับ โดยส่วนตัวผมไม่เคยสัมผัส 405 ที่ขับอยู่คือ 406 D 9 รู้สึกว่านิ่มไปหน่อย แต่ก็ ok ครับ ดีกว่าญุ่นเยอะ

406 ล้อหลังมันเลี้ยวได้นะครับ อิอิิอิอิ ที่เลี้ยวก็เลี้ยวตามแรงกดที่ล้อที่อยู่ในโค้งครับ ดังนั้น 406 เข้าโค้งต้องเกาะว่า 405 ครับ
ส่วนการขับทั่วไปก็จะแตกกันครับ
อันนี้เป็นความเห็นผมนะครับ
โดยรวมเท่าที่สัมผัส 406 แบบไม่ใช้เจ้าของ (รอก่อนเดียวจะเอาให้ได้เลย)
1. ปาดไม่มันเท่า 405
2. ออกจะนิ่มไปด้วยซ้ำ และดูโยนๆ ลอยๆเวลาวิ่ง
3. จากพวงมาลัยถึงพื้น ออกจะไม่ตรงไปตรงมาเหมือน 405 จึงทำให้ความมันใจในการขับลดไปบ้าง
4. ตัวรถใหญ่ขึ้น พื้นทีเยอะขึ้น ความคล่องตัวลดไปเยอะๆๆๆๆ

ข้อดี
1.เครื่องดี
2. เบรคดี
3.นิ่มนวลดี นั่งสบายกว่า
4. เข้าโค้งแรงน่าจะสนุกกว่า

รวมแล้ว 406 ดีกว่า 405 GR Sri ด้วยทุกประการ หากเทียบกับ Mi16 แล้วจะคนละแนวกับรถครับ คือ sport กับ ใช้งานจริง

ICQ : 42110047

เปอโยต์ได้ทำการออกแบบช่วงล่าง
โดยวางเป้าหมายหลังไว้ 2 อย่างคือ
ความสะดวกสบายของผู้ขับขี่
และการทรงตัวที่ดีเลิศ
เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวเปอโยต 406
ได้ใช้ระบบช่วงล่างแบบ
Pseudo McPherson Strut
แบบเดียวกับรุ่น 605
โดยปีกนกล่างจะเป็นเหล็กหล่อรูปตัว L
ยึดติดระหว่างซับเฟรมหน้ากับ
ลูกหมากดุมล้อตัวล่าง

ส่วนตอนบนคอม้าของดุมล้อจะยึดติดกับ
ปลายล่างของโช้คอัพ โช้คอัพของ 406
ก็เป็นแบบเดียวกับที่ใส่อยู่ในรุ่น 605
ซึ่งมีวาวล์ปรับแรงดันน้ำมันให้เหมาะสมกับสภาพถนน
อยู่ภายใน จึงสามารถลดแรงสั่นสะเทือน
ได้เป็นอย่างดีในขณะที่ล้อเคลื่อตัวขึ้นลง
ตัวโช้คอัพจะร้อยอยู่ภายในสปริงขด
ส่วนบนของโช้คอัพยึดติดกับซุ่มโช้คด้วยน๊อต 3 ตัว
และเพื่อเพิ่มการทรงตัวที่ดีที่จะมีการเสริมเหล็กกันโครง
โดยปลายทั้งสองข้างของเหล็กกันโครงจะ
มีแขนต่อไปยึดติดกับกระบอกโช้คอัพ

ซึ่งเป็นตำแหน่งที่สามารถรับรู้ถึงการเคลื่อนที่
ที่แตกต่างกันระหว่างปีกของล้อด้านในและล้อด้านนอก
ขณะอยู่ในโค้งได้ดีกว่าแบบเดิมที่จะยึดปลาย
ของเหล็กกันโครงเข้ากับปีนกตัวล่างเช่นในรุ่น 405
ที่บริเวณข้อต่อเพลาหน้าจะมีแหวนรองยาง
ทำให้ลดเสียงรบกวนกับช่วยปรับให้เกิดความนุ่นนวล
เมื่อขับบนถนนที่ขรุขระ เพื่อให้เลี้ยวโค้ง
เป็นไปอย่างแม่นยำและบังคับได้ดี
บนถนนที่ขรุขระ รวมทั้งไม่มีอาการโคลง
เมื่อทีลมปะทะด้านข้าง มุมหุบเข้าและแบะออก
ของล้อหน้าที่จะเกิดขึ้นขณะล้อเคลื่อนตัวขึ้น/ลง
จะถูกควบคุมไว้ไม่ให้ต่างกันเกิน 2.75 มม.
เมื่อล้อหน้าเคลื่อนตัวขึ้น/ลง
ในระดับความสูง 10 ซ.ม.

ส่วบใหญ่ที่ว่า405เกาะกว่า406เพราะคนส่วนใหญ่ใช้405และชินกับรถตัวเอง และคนที่ใช้405แล้วเคยขับ406ส่วนใหญ่ก็แค่ลองขับใกล้ๆแถวๆสุรวงศ์ ซึ่งมันจะรู้อะไรไม่ได้มาก แต่ถ้าให้คนที่ไม่เคยขับทั้ง2รุ่นมาลอง รับรองว่า406เหนือกว่าทุกประการ

ต้องเหนือกว่าซิครับเขาพัฒนามาใหม่นี่ไม่งั้นก็ถอยหลังลงคลองซิครับ

ถ้าเทียบกับ 405 GR แล้ว ผมว่า 406 มีระบบพวงมาลัยดีกว่าครับ คือค่อนข้างคมกว่าเวลาเข้าโค้ง ส่วนช่วงล่างก็นิ่มในช่วงแรกแต่จะแข็งขึ้นเมื่อยุบไปได้ระยะหนึ่ง วันนั้นที่ลอง 406 ผมขับนานเหมือนกันแล้วก็ขับเร็วด้วยก็มั่นใจดี โดยเฉพาะตอนเจอถนนเป็นลอนซึ่งเปอร์โยต์จะทำได้ดีอยู่แล้ว สรุปว่าไม่ด้วยไปกว่า 405 หรอกครับ

406d8 ครับดีที่สุด เวลาใช้ความเร็วสูง ๆ 160 ขึ้นไป ผมมีความมั่นใจมากกว่าทุกรุ่น ขนาด d9ที่ว่าพัฒนาแล้วยังชิดซ้าย
ผมจะไม่พูดถึงรุ่นอื่นเพราะเทียบกันไม่ได้ 406 เหนือกว่าทุกกรณี ผมจะเปรียบเทียบเฉพาะ d8 และ d9 ดังนี้
1. เครื่องยนต์ d9 ทำได้ดีกว่าที่รอบต่ำใช้ในเมืองดีมาก flow traffic ความเร็วประมาณ 60-80 แต่พอใช้ความเร็วสูง 120 ขึ้นไป รอบเครื่องจะขึ้นแบบเรื่อย ๆ (ค่อนข้างช้า)
ส่วน d8 ใช้ในเมืองออกจะอืดไปสักนิดไม่ค่อยทันใจ แต่พอลากรอบสักนิดให้เข็มวัดรอบป้วนเปี่ยนอยู่ประมาณ 3000 รับรอง d9 หนีไม่ออกก็แล้วกัน แต่ขับในเมืองในลักษณะนี้มันจะสิ้นเปลื่องทุกอย่างทั้งน้ำมันและเบรค แต่พอขับที่ความเร็ว 120 ขึ้นไปรอบจะขึ้นได้เร็วมาก จะขับได้สนุกกว่า
d9 มาก สาเหตุเพราะการออกแบบเครื่องยนต์ ไม่เหมือนกันคือ เครื่อง xu10j4 ที่อยู่ใน d8 เป็นเครื่องรอบจัดกว่า แรงบิดสูงสุดที่รอบสูง จริง ๆ สูงกว่าแค่ 100 รอบเท่านั้น
2. การทรงตัว d9 จะรู้สึกโหย่ง ๆ และ firm กว่า แต่เนื่องจากอัตราทดพวงมาลัยได้ปรับ set มาใหม่ พวงมาลัยจะเบากว่า เวลาใช้ความเร็วสูง ๆ จะให้ความรู้สึกว่าหน้าลอย หรือเต้นนิด ๆ แต่อาการดิ้นลมไม่มีเลย
ส่วนd8 ช่วงล่างหน้าจะถูก set มานุ่มกว่า เวลาขับช้า ๆ เหมือนจะยวบเกินไปแต่พอขับเร็ว ๆ ให้ความรู้สึกที่ firm กว่า มากทีเดียว สำหรับการเข้าโค้งแบบสลาลอมหรือหักศอกจะไม่แตกต่างกัน จะต่างกันอยู่นิดคือ d9 จะบังคับพวงมาลัยได้คล่องกว่าเท่านั้น
3. เบรค d9 เหนือกว่ามากทั้งในเรื่องของ ความรู้สึกที่แป้นเบรค( สั่งได้เลย) และ engine brake (เหนือชั้นจริง ๆ) ยังไม่เคยขับยี่ห้อไหนรุ่นไหนให้ความรู้สึกที่ดีเท่านี้เลย อันนี้เป็นเพราะ d9 มีระบบควบคุมการกระกระจายแรงเบรคที่ควบคุมด้วย electronic และระบบเกียร์ที่ทำงานสัมพันธ์กับระบบเบรดที่ดีเยี่ยม ส่วน d8 เบรคก็นับได้ว่าดีมากแต่ความรู้สึกที่แป้นเท้าจะเบาเกินไป ใครที่ไม่เคยขับจะหัวทิ่ม กว่าจะปับความรู้สึกได้ต้องใช้เวลาสักพัก สำหรับ engine brake ก็ถือว่าใช้ได้ดีแต่จะสู้ d9ไม่ได้
4. เกียร์ ของd8 ถึงแม้จะฉลาดไม่เท่า d9 แต่สภาพการใช้งานในกรุงเทพฯ ถือว่านุ่มนวลและตอบสนองได้ดีกว่า d9 มาก เป็นเพราะ เกียร์ เป็นของ zf สำหรับ d9นั้นการตอบสนองถือว่ายังขาด ๆ เกิน ๆ จนเกิดอาการกระตุกเวลา เกียร์ shift down 3 มา 2 และ 2 มา 1 เวลาขับในการจราจรที่ติดมาก ๆ การเปลี่ยนของเกียร์ทำให้ผู้ขับหงุดหงิดได้ ข้อสังเกตุ เกียร์จะเปลี่ยน 1 ไป 2 เร็วเกินไป อันนี้หมายถึงความเร็วยังไม่ทันถึง 10 กม./ชม.เลยเกียรืก็เปลี่ยนแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ใน sport mode ก็ตาม และอีกจังหวะก็คือเวลาเข้า lock up ของเกียร์ 2 บางครั้งกระตุกและรู้สึกเหมือนกับว่าเกียร์เปลี่ยนจาก 2 ไป 3 แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่
5. ระบบปรับอากาศ d9 เหนือกว่ามาก ลูกเล่นเพียบ เย็นจริง ๆ
สรุป ซื้อมาแล้วก็ต้องทนใช้มันไป พอเมียเผลอก็แอบเอา d8 ไปแรดให้มันสะใจไปเลย

แหมพี่วันชัย เอาเป็นผมแก้ปัญหาให้แล้วกันนะครับ พี่ขาย EA9 หรือ D9 ให้ผมแล้วกัน (เอาแบบถูกๆๆ นะพี่ อิอิอิอิ) พี่จะได้ไม่ต้องหงุดหงิดไงครับ อิอิอิอิ .....ดีไหมครับ
(อย่าขายจริงนะ ตอนนี้ยังไม่มีเงินครับ)

:p

ICQ : 42110047

เคยขับ 406 D9 เร็วสุดที่ 190 ยังรู้สึกว่าขึ้นไปได้อีก แต่ไม่กล้าครับ กลัวยางระเบิด แต่ตัวรถนิ่งมากๆ ไม่มีวอกแวกเลยครับ เสียงก็เงียบใช้ได้ครับ คิดว่าถ้าเต็มที่ไม่น่าต่ำกว่า 200 ครับ

405 ได้รับรางวัล EUROPIAN CAR OF THE YEAR ที่มีคะแนนสูงที่สุดเท่าที่แต่ละคันแต่ละยี่ห้อได้รับมา และก็ถูกออกแบบโดย PININFARINA และได้แชมป์ ปารีส - ดาร์กา 2 ปีซ้อน และที่สะใจที่สุดคือ 405 คันที่ถูกขโมยนั้น พอหารถเจอ( ต้องไถ่เอา ) ก็เหยียบลูกเดียวโดยไม่ต้องพักจนถึงเส้นชัยปรากฏว่าได้ที่ 4 ระยะทางประมาณ 500 กิโลเมตร คิดว่าเครื่องมันทนขนาดใหน... แต่ก็น่าภูมิใจนะ....

test

ผมเคยขับไป 405GR ไปแม่ฮ่องสอนจากชม.ทางแม่ริมกลับมาทางหางดง 700 km. เข้าโค้งทุก 7วินาที การทรงตัวเป็นไปตามสั่งจริงๆ มันมาก ผมขับกลางคืนนะ ประทับใจเปอโยต์ตั้งแต่นั้นมา พอเรียนจบ ก็ถอย 406 d8 มาใช้โดยได้ลองขับ 300 เมตรเองตอนซื้อ ผลสรุปคือผิดหวังเหมือนกัน(แต่ทำไงได้ซื้อเปอโยต์แล้วห้ามคิดขาย) การบังคับและการเข้าโค้งนั้น ความรู้สึกมั่นใจน้อยกว่า 405GR พอสมควร อาจเป็นเพราะ 406 เบาะสูงกว่า รถนิ่มกว่า พวงมาลัยใหญ่กว่าต้องสาวเป็นวงกว้าง พวงมาลัยเบากว่านะ คุณ PP ครับผมขับ 405 มา 3,000 km. ขับ 406 65,000km. ยังไง การทรงตัว 405 ดีกว่า 406 ครับ รวมทั้งเบาะนั่งสบายกว่าด้วย ส่วนด้านอื่น 406 ดีกว่าหมดครับ