สวัสดีครับ
ผมนายกระป๋องเขียว ขอหอบมะพร้าวห้าวมาขายสวน เพราะตัวเองยังละอ่อนกับเจ้าสิงห์ยกขามากมาก ถึงขั้นทำผิดเป็นครูหลายประการ จึงขออนุญาติเล่านิทานสั้นๆให้ฟังดังนี้ขอรับ
ตอนละอ่อนอายุซาวสี่ก้อมีปัญญาหาสตางค์ถอยรถมิตซูแลนเซ่อร์ป้ายแดงมาขี่อวดสาวเป็นคันแรก
พอเศรษฐกิจดี ธุรกิจของละอ่อนดีขึ้นก็ถอยเซฟิโร่ออกมาขี่ไปทั่วเมืองไทย ด้วยใจรักรถขับหลังไม่ถึงปีก็มีวอลโว่ 760 ลงเครื่อง 2J มาวิ่งทำงานให้เปลืองน้ำมันเล่น
เหมือนฟ้าซ้ำกรรมซัด นายกจิ๋วเดินทางสองแสนไมล์มาทำลายเศรษฐกิจบ้านเมืองแหลกเป็นจุลในพริบตา
ลูกค้าของละอ่อนน้อยล้มตึง ตัวละอ่อนต้องขายรถใช้หนี้ซับพลายเอ้อร์ จากนั้นมาก็เริ่มต้นชีวิตใหม่จากศูนย์ หัดนั่งรถเมล์ นั่งรถตู้ อดทนที่ต้องรออะไรนานๆ ได้มากขึ้น
เริ่มเข้าใจชีวิตคนทำงานที่ต้องเบียดเสียดกันบนรถเมล์ ได้รู้ว่าทำไมรถตู้ต้องขับปาดหน้าปาดหลังน่าโมโหอย่างนั้น ได้รู้ว่าเราควรหยุดรถส่วนตัวเพื่อให้รถเมล์ไปก่อน
พอมีโอกาสศึกษาเรื่องของรถจึงได้พบว่า นอกจากรถขับหล้งที่ซดน้ำมันคราวละมากๆต่อกิโลฯ ก็ได้พบว่ารถฝรั่งเศสยี่ห้อเปอโยต์และซีตรองมีคุณสมบัติเด่นเฉพาะตัวต่างกันไป
คือ 1. ซีตรองเด่นในเรื่องไฮดรอลิค ทั่วโลกนี้ยังไม่มีใครทำได้เท่าซีตรอง
2. เปอโยต์ กิตติศัพท์ของ 205 เครื่องพันเก้าทที่เอาชนะปารีสดักการ์ 5 ปีซ้อน พอหยุดลงแข่งกลับมาลงใหม่ก็ยังเป็นที่หนึ่งอีกดังเดิม
และด้วยรูปลักษณ์ของ 405 ที่คงรูปเป็นสาวสองพันปีมากว่า 10 ปี จากรุ่นGR มา MI16, SRI ถึง GRI
ผมได้ค้นพบว่าสุดยอดของยนตกรรมโลกในชั้นกลาง ก็คือ 405 MI16 นี่คือรถในฝันครับ
จากการยุ่งนัวเนียอยู่กับรถเปอโยต์ก็มีเพื่อนมาเสนอรถรุ่น 205 ที่วิ่งไม่ได้ให้หนึ่งคัน
จากนั้นก็เริ่มซื้ออะไหล่ และลงมือซ่อมเองบ้าง ส่งอู่บ้าง เสียค่าโง่ไปก็พอควร

รายการของใหม่ ซื้อที่เอกชัยกลการ วรจักร และร้านอะไหล่ย่านสะพานควาย
1. ชุดคลัช(แผ่นคลัช, หวีคลัช, ลูกปืนคลัช) 4,500 บาท
2. แผ่นจานดีสเบรค 2 แผ่น
3. ลูกหมากล้อหน้า 2 ข้าง
4. ลูกหมากคันชัก
5. ยางหุ้มเพลาขับ
6. ยางกันฝุ่นแร็ค
มีอย่างอื่นอีกจำไม่ได้รวมทั้งประมาณ 8,600 บาท
ไฟว์วีลมือสอง 2,500 บาท
ลิ้นปีกผีเสื้อ 1,500 บาท
จ่ายครั้งแรกรถวิ่งได้แต่ยังสะอึก และเบาดับ

ครั้งที่สองแสวงหาชุดหัวฉีดเพื่อหาเซ็นเซอร์ลิ้นเร่ง ไปได้ชุดหัวฉีด Bosch ของรถเซียท สเปน (รวมเซ็นเว่อร์ตำแหน่งลิ้นเร่ง หัวปลั็กต่างๆ สเต็ปมอเตอร์) ราคา 5,500 บาท
หลังการเปลี่ยนเซ็นเซ่อร์ หัวปลั๊กต่างๆ อาการสะดุสะอึก เบาดับก็หายไป แต่อาการที่มาใหม่คือเสียงกุกกักเวลาวิ่งผ่านฝาท่อระบายน้ำหรือผ่านผิวถนนไม่เรียบ
สันนิษฐานว่าเพลาขับซ้ายหลวมหลังการเปลี่ยนน็อตหัวเพลาขับเพราะการขันหัวน็อตแรงเกินไป
จึงเปลี่ยนเพลาขับหน้า(ของซ่อมไว้แล้ว) ข้างละ 1,800 บาท --ร้านขจรศักดิ์อะไหล่ ลาดหญ้า ธนบุรี


รายการซื้อครั้งที่ 2 ที่เอกชัย วรจักร
1. สายพานไทมิ่ง 550 บาท ค่าเปลี่ยนสายพาน 400 บาท(อู่มงคล)
2. ลูกรอกสายพานไทมิ่ง 700 บาท
3. ยางแท่นเครื่องตัวหิ้วเกียร์ ประมาณ 250 บาท
4. ยางแท่นเครื่องตัวบน ไม่เกิน 300 บาท(จำราคาไม่ได้)
5. ยางแท่นเครื่องตัวล่าง ประมาณ 350 บาท
6. ซีลเพลาข้างซ้าย 180 บาท
7. ประเก็นฝาครอบเครื่อง 450 บาท
8. ลูกปืนล้อ 2,400 บาท (ข้างละ 1,200 บาท)
9. ยางหุ้มเหล็กกันโครง 2 อัน(สีฟ้า) 240 บาท
10. น็อตหัวล้อตวละ 150 บาท
11. กรองน้ำมันเครื่อง 120 บาท
12. ลูกปืนคอมแอร์ 450 บาท(ของญี่ปุ่น)

วันน้ำเดือด น้ำรั่วออกจากท่อน้ำเข้าฮีตเต้อร์ ใช้วิธีตัดท่อน้ำเข้าฮีตเต้อร์ออกเอาหัวเทัยนเก่าอุดและรัดด้วยที่รัดท่อยางไว้
ค่าช่าง 100 บาท (อู่ดำริห์)

จากนั้นมาเวลาออกตัวหลังรถเคลื่นที่เกียร์หนึ่ง ถึงเกียร์สองรถจะสะดุดตึงๆ เหมือนเครื่องกระแทก จึงตรวจใต้ท้องรถพบว่ายางแท่นเครื่องที่ผมและน้องๆ ช่วยกันเอาฆ้อนตอกเข้าไปนั้น
คือสาเหตุของอาการดังกล่าว จึงส่งรถเข้าอู่มงคลเปลี่ยนยางแท่นเครื่องล่าง
ค่าอัดยางแท่นเครื่องล่าง ถ้าเปลี่ยนยางแท่นเครื่องอย่างเดียว 360+ค่าแรงอีกไม่เกิน 300 บาท
ถ้าขาแท่นเครื่องล่างหลวมต้องเปลี่ยนใหม่พร้อมเสื้ออลูมิเนียม ประมาณ 3-4,XXX บาท __ หามือสองแทนได้ประมาณหนึ่งพันบาท
พอช่างรู้ความจริงว่าผมดันทุรังตอกยางแท่นเครื่องจนพังทั้งขาอลูมิเนียม ก็ค้อนผมควับๆ ว่าเห็นมั๊ยไปทำอะไรมาจนพังขนาดนี้ (อะไรประมาณนี้ละ่ครับ--ผมเองก็อายช่างพอดู แฮะๆ)


จากปัญหาทั้งหมดที่ผ่านมา ค่าโง่ที่ใหญ่พอๆกับค่าโง่ทางด่วนก็คือ ผมกับช่างน้องๆ ช่วยกันรื้อแผงคอนโซลแค่เพื่อล้างตู้แอร์ เป็นเรื่องที่ไม่สวมควรอย่างยิ่งสำหรับผู้ไม่รู้จริง
เพราะผลที่เกิดขึ้นคือเซ็นเซ่อร์อุณหภูมิแอร์พังไปเลย หลายจุดของแผงคอนโซลแตกหัก แต่ผมใช้กาวตราช้างต่อติดเองกับมือ พอจบตรงนี้ช่างน้องชายผมลือเสียบแจ็คไฟแผงหน้าปัทม์
ทุกวันนี้ต้องวิ่งกลางตืนมืดๆ มองไม่เห็นการทำงานของแผงหน้าปัทม์เพราะไม่กล้ารื้ออีกจนกว่าจะเจอช่างที่ชำนาญเรื่่งแอร์เปอโยต์ และเจอเซ็นเซ่อร์อุณหภูมิแอร์

วันนี้ผมขับ 205 อย่างมีความสุขในสมรรถนะของกสรกระชากตัวอย่างเร็ว การพุ่งเพื่อแซงในเมืองหลวง การวิ่งทางไกลกรุงทพ-พัทยา-ระยอง ในความเร็ว 120-140 กม/ชม.
ท่านเจ้าของอู่ดำริห์แนะนำให้ผมไปทำแอร์ละแวกสตีรวิทย์ 2 ลาดพร้วท 71 แต่ยังไม่ได้ไปสอดส่องหา ท่านไดมีอู่ไหปนจะเสนอ ผมว่าชี้มาชัดๆ เลยครับ ว่าชื่ออะไร เบอร็โทรอะไร
ที่นี่เราอยู่บนเว็บไซด์ ล่องลอยเป็นอณูในอากาศ จับต้องตัวตนกันไม่ได้ ไม่ต้องมัวกลัวใครจะได้-เสียประโยชน์เลยครับ
บอกกันมาตรงๆเลยครับ จะได้่วยกันแก้ไขปัญหาของเจ้าสิงห์ยกขาให้หมดไปและถูกทางด้วยกัน
เพื่อประโยชน์สูงสุดสู่ฝูงสิงห์ผยองทั้งหลายครับ

ขอบพระคุณWebmaster ที่ทำให้มีเว็บดีๆ อย่างนี้
ขอบพระคุณเพื่อน พี่ น้อง ร่วมเว็บนี้ที่ได้ชี้ทางสว่างให้กับทุกคน

ขอให้ทุกคนมีความสุขกับเปอโยต์
ขอให้ผมได้ 405 SRI, GRI หรือ MI16 ด้วยเทอญ

นายกระป๋องเขียว

สาธุ ขอให้สมหวัง

ขอบคุณ คุณกระป๋องเขียวมากครับครับที่ให้ข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อที่ว่าสมาชิกจะได้นำข้อมูลไปใช้ในการแก้ไขต่อไปครับ ดีใจจังที่ web นี้ก็มีสมาชิกผู้รัก 205 เพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว

นึกว่าเราเป็นลูกกำพร้าอยู่กัน2คนนะคับคุรปด
ตกลง มีลูกกำพร้า เพิ่มมาอีกคน
....

เรื่องร้อนๆ จากระยองฮิ
เมื่อวันที่ 5 มีค.ที่ผ่านมา ผมไปพบลูกค้าที่จังหวัดระยอง วันนั้นเป็นวันที่แดดจัดอากาศร้อนจนแทบกลายเป็นหมูย่างใน 205 ซะแล้ว
ออกเดินทางจากลำลูกกาเวลาหกโมงเช้า แอร์เย็นฉ่ำ ใช้หลังมือขวารับลมจากท่อแอร์เพื่อเป็นตัวเซ็นเซ่อร์อุณหภูมิแอร์ไปในตัว เมื่อหลังมือเย็นจัดก็เอื้อมมือซ้ายไปกดสวิทช์ A/C ตัดการทำงานของคอมแอร์ ทำเช่นนี้ 4-5 ครั้งในเวลาหนึ่งชั่วโมงแก่ๆ วิ่งความเร็ว 140 จากมอเตอร์เวย์ลำลูกกาก็ไปถึงพัทยา พักเตรียมงานที่นั่นก็ไประยองทำงานเสร็จสรรพ์ ขากลับวิ่งร้อนๆ แอร์ไม่มีความเย็นออกมาเลย เลยมาบตาพุดจะเข้าบ้านฉาง พัดลมแอร์หยุดการทำงานไปเฉยๆ งั้นแหละ ต้องปิดแอร์ปิดพัดลมแอร์ เปิดกระจกวิ่งซึ่งเย็นกว่าเปิดแอร์ครับ พอรถติดไฟแดงผมลองหมุนสวิทช์พัดลมแอร์มาจนสุดปรากฏว่าพัดลมทำงาน “ชึ่ง” เดียวก็ดับสนิทไปเลย
ผมประคองตัวหมูย่างในรถ 205 มาถึงสวนนงนุชแวะทำธุระปรึกษาพี่ๆในสวนก็ไม่มีใครช่วยได้ โทรตามน้องชายที่ช่วยกันบูรณะรถคันนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะอยู่เพราะเป็นช่วงปิดเทอม ตัดสินในแวะเข้าชอปช่างยนต์ที่ประจำ เจอพ่อน้องชายกำลังพาลูกศิษย์เตะตะกร้ออย่างเมามัน ต้องไปลากตัวมาดูให้แค่ขยับสวิทช์ Blower(อยู่ใต้แผงคอนโซลด้านซ้ายมือ) พัดลมก็ทำงานปกติ ตอนเย็นผมไปงานที่โรงแรมในพัทยา สามทุ่มเลิกงานกะบึ่งกลับกรุงเทพเดี๋ยวนั้นเลย สตาร์ทรถเปิดแอร์ พัดลมไม่ทำงานอีกแล้วท่านผู้ชม ต้องกลับเข้าชอปช่างยนต์บังคับให้น้องดูให้ ตรวจไปมาปรากฏว่าน้ำยาแอร์พร่องไปเกินปริมาณที่ควรมี

รายละเอียดการตรวจ พบรายการดังนี้ครับ
1. น้ำยาแอร์มีน้อย(ยังไม่หมด) แอร์จึงไม่เย็น
2. พัดลมแอร์จะตัดการทำงานอัตโนมัติเมื่อแรงดันน้ำยาแอร์ต่ำกว่าเซ็นเซ่อร์ที่ตั้งใว้ (แปลว่าเมื่อน้ำยาแอร์ลดลงจนเกือบหมดพัดลมแอร์จะหยุดการทำงานเพื่อไม่ให้เราดันทุรังเปิดแอร์ต่อไปจนพัง)
3. เมื่อเติมน้ำยาแอร์ 12A เข้าไปใหม่จนเต็ม พัดลมก็ทำงานปกติ แอร์เย็นฉ่ำเหมือนเดิม
4. แต่กลางคืนวิ่งทางไกลแอร์จะเย็นมาก จนด้านบนคอนโซลเริ่ม “เปียก” ผมเข้าใจว่าการทำงานของแอร์ไม่ปกติ ทำให้ตู้แอร์และทางเดินลมแอร์เริ่มเป็นน้ำแข็ง เมื่อเป็นน้ำแข็งก็เริิ่มละลายซึมขึ้นมาตามผิวหน้าคอนโซลพอปะทะกับอุณหภูมิที่สูงกว่าก็กลั่นตัวเป็นหยดน้ำเปียกปอนไปจนทั่ว--ข้อสังเกตุเมื่อแผงคอนโซลเริ่มเปียก ความเย็นแอร์จะลดลงหรือ “หยุดเย็น” ลมที่พุ่งออกมาจะเป็น“ไอ” เหมือนเวลาเราพูดในฤดูหนาวที่หนาวจัด--พอถึงจุดนี้ให้กดสวิทช์ A/C ตัดคอมแอร์เลยครับ แต่อย่าปิดพัดลมนะ เราจะได้ลมเย็นฉ่ำจากน้ำแข็งอีกนาน พอเริ่มร้อนก็กดเปิดแอร์ใหม่ ทำไปเช่นนี้จนกว่าจะหาร้านซ่อมแอร์เปอโยต์ 205 ได้ล่ะครับ

อ้าว!!ผมเพิ่งทราบนะครับว่าพวกเราเป็นลูกเมียน้อย
ผมไม่สนหรอก จะอยู่สู้ต่อไปจนกว่าจะจัดการได้สำเร็จ
ขอบพระคุณทุกท่านครับ

อ่านดูเหมือนเคยใช้บริการใน shop ช่างยนต์ที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งแถวๆบ้านอำเภอหรือเปล่าครับ (เคยเรียนที่นั่นครับ)

วิทยาลัยการอาชีพบางละมุงครับ
ตัวน้องชายเป็นศิษย์เก่าเทคนิคสัตหบ ตรงบ้านอำเภอ นั่นแหละครับ อ้อ!เคยเป็นอาจารย์สอนที่นั่นด้วยครับ

ผมก็ใช้205อยู่นะครับยังไงถ้ามีปัญหาโทรมาคุยได้เลยครับ ใช้ไปซ่อมไปเช่นกันเด้อ
01-5553455