vlovepeugeots.com - Please Ctrl+DBookmark Now!

vlovepeugeots Webboard


ตกลงแล้วเวลาจอดติดไฟแดงควรปรับเป็น D หรือ N ขอแบบตามหลักวิชาการ สำนักไหนก็ได้ครับ
อยากรู้ครับว่ายังไง หรือว่าแล้วแต่รุ่น แล้วแต่สภาพรถ แล้วแต่ระบบเกียร์หรืออะไรกันแน่ ผมงงจริงๆ
โดยคุณ : คนช่างสงสัย - ICQ : - [ 12 มิ.ย. 2545 , 21:09:54 น. ]

ตอบ
ติดแยกไหนที่คุณคิดว่าไม่นานนักก็เข้า D ไว้
เหยียบเบรค แต่ถ้าติดแบบสาหัสควรเข้า N ดีกว่า
ไม่งั้นน้ำมันเกียร์จะร้อนจัด (มันทำงานแต่รถไม่เคลื่อนที่) ผมสรุปง่ายๆยังงี้ก็แล้วกันครับ
โดยคุณ : 505 & 405 man [ 12 มิ.ย. 2545 , 21:20:43 น.]

ตอบ
Automatic Transmission Fluid Oxidation
Automatic transmission fluid will provide 100,000 miles of service before oxidation occurs under normal operating temperatures of about 170°F. Above normal operating temperatures, the oxidation rate doubles (useful life of fluid is cut in half) with each 20° increase in temperature.

The approximate life expectancy at various temperatures is as follows:


175°F 100,000 miles
195°F 50,000 miles
212°F 25,000 miles
235°F 12,000 miles
255°F 6,250 miles
275°F 3,000 miles
295°F 1,500 miles
315°F 750 miles
335°F 325 miles
355°F 160 miles
375°F 80 miles
390°F 40 miles
415°F Less than 30 minutes


This information clearly shows why transmission oil coolers and the various maintenance intervals are recommended for severe usage.

Above 300°F, the metals inside the transmission will warp and distort in varying degrees depending on the severity of overheat. Because this damage occurs and fluid life is so seriously impaired, rocking out of snow, mud or sand should never exceed a very few minutes.

โดยคุณ : >>>>> [ 13 มิ.ย. 2545 , 13:09:59 น.]

ตอบ








ขอคำแนะนำการใช้รถเกียร์ออโตเวลารถติดค่อยๆขยับทีละนิด
เวลารถติดยาวขยับทีละนิดผมไม่ค่อยเข้าเกียร์ไปที่ N แต่ใช้เบรคมือดึงค้างไว้ เวลารถขยับค่อยปลดเบรค ไม่ทราบทำอย่างนี้บ่อยๆ เกียร์จะพังมั๊ยครับ ไม่ทราบท่านอื่นใช้วิธีใหนกันบ้าง ขอบคุณครับ

จากคุณ : abc - [12 มิ.ย. 45 18:05:44 A:203.155.228.33 X:]


--------------------------------------------------------------------------------










--------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็นที่ 1

copy มาลองอ่านดู

รถเกียร์ออโต กับการจดนิ่งบนการจราจร กับ 2 แนวทาง

1. เข้าเกียร์ D+เบรก
2.ปลดมา N ไม่เบรก จอดตัวเปล่าๆ

ผมบอกได้เลย ว่า ไม่ว่าจะทำแบบไหน ล้วนมีดีมีเสีย ต่างกัน
ไม่มีแบบใดดีไปทุกอย่าง

เริ่มจาก
กรณีที่ 1. เข้าเกียร์ D+เบรก

* ข้อดี คือ ชุดคลัตช์ ไม่ต้องมีการจับปล่อยๆ ให้สึกหรอ ลองสังเกตดูสิครับ ทุกครั้งที่เข้าจาก เอ็น ไป ดี จะมีการกระตุก
นั่นคือ การจับตัวของคลัตช์

ให้ทอร์คคอนเวอร์ตเตอร์หมุนฟรีแทน

การเหยียบเบรก ผ้าเบรกไม่สึกหรอครับ เพราะรถนิ่งแล้ว

* ข้อเสีย มีทั้งทางวิศวกรรม และสังคม

ในเกียร์ น้ำมันเกียร์ร้อนขึ้นบ้าง แต่ไม่มีปัญหา เพราะหมุนรอบต่ำ

แต่ึคำว่าร้อนขึ้นบ้าง น้ำมันเกียร์ที่ร้อนกว่า ย่อมมีโอกาสสร้างความสึกหรอมากขึ้นบ้างนะครับ

เครื่องยนต์ ถูกฉุด มีโหลด ถ้าค้างไว้เกียร์ ดี และเบรก
ถ้าเครื่องยนต์ ไม่มีระบบเร่งรอบ ชดเชย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์คาร์บิว หรือหัวฉีด
การกินน้ำมันอาจจะพอๆ กันระหว่าง เข้าเอ็น กับดี+เบรก
เพราะไม่มีการเร่งรอบขึั้้้น

แต่ก็ไม่แน่นะครับ คิดง่ายๆ เราตั้งรอบเดินเบาไว้ 900 พอเข้าเกียร์ ดี รอบตกมาที่ 700 โดยไม่มีการชดเชย

การกินน้ำมันในรอบเดินเบาระหว่าง 700 มีโหลด กับ 900 ไม่มีโหลด เท่ากันไหม ? ผมยังไม่ได้ใช้เครื่องมือวัด แต่คิดว่าไม่เท่ากันเป๊ะ แต่ก็ไม่กินมาก แบบเคยเดินเบาตัวเปล่า 900 มีโหลด ฉุดมาที่ 700 ระบบมีการเร่งรอบเองไปที่ 900 คืนมา อย่างนี้ กินน้ำมันขึ้นแน่

ถ้าคิดอีกแง่ สมมุติ เราตั้งรอบเดินบาไว้ 900 มีคอมแอร์ฉุดรอบลงมาที่ 700 โดยไม่มีการชดเชย

คุณว่า เครื่องที่เดินเบา 900 ตัวเปล่ากับ 700+แอร์ อะไรกินน้ำมันกว่ากัน ? ผมเปิดประเด็นให้ออกความเห็น


สมมุติ เครื่องยนต์น่าจะกินน้ำมันขึ้นบ้าง คิดเป็นซีซี เป็นบาท ซีซีละ 1.3 สต. ถ้านาทีนึงกินมากขึ้น 10 ซีซี 13 สต. ถ้า 5 ซีซี ก็ 6.5 สต. ต่อนาทีมังครับ
วันนึงปีนึง ค้างไว้ที่เกียร์ ดี กี่นาที คิดเป็นค่าน้ำมันกี่บาท ? (กรณีที่สมมุติว่ากินขึ้นนะครับ)


การกดเบรกทิ้งไว้ เวลาเข้า ดี
จริงครับที่ผ้าเบรกไม่สึก เพราะจานหรือดุมมันนิ่งๆ

แต่ ความร้อน สิครับ

จากจานเบรก ถูกถ่ายไปยังผ้าเบรก ลูกยาง และน้ำมันเบรก ได้มากขึ้นกว่าที่จอดไว้โดยไม่เบรก การถ่ายเทความร้อนยังมีน้อยกว่าการกดเบรกไว้ แม้จะเป็นดิสก์เบรกที่ผ้าเบรกเลียๆ จานอยู่ก็ตาม

ปกติแล้ว ผ้าเบรกก็ต้องรับความร้อนอยู่แล้ว แต่ก็ไม่อยากรับมากหรือแช่นานๆ แหงๆ ส่วนลูกยางเบรก น้ำมันเบรก ยิ่งหนีความร้อนได้ยิ่งดี

การกดเบรกขณะจอด ถ้าขับมาแล้วจานเบรกไม่ร้อนมาก การถ่ายเทความร้อนไปยังผ้า ลุกยาง และน้ำมัน คงไม่มีปัญหา
แต่ถ้าเบรกหนักๆ มา แล้วมาจอด ร้อนแหงๆ

ถึงจะถ่ายทอดน้อยหรือมาก แล้วจะไปเพิ่มมันทำไม จอดที่ เอ็น แล้วไม่เบรกดีไหม

ลูกยางเบรก เสื่อมเร็ว น้ำมันเบรกด้วย กี่บาท ?

เรื่องทางสังคม ไฟเบรกรถรุ่นใหม่ๆ นอกจากจะสว่างมากแล้ว ไฟเบรกดวงที่ 3 ก็ยังมี

แยงตานะครับ

อีกอย่าง เมื่อยขา
ถ้ามีใครมาชนท้าย เท้าขวายก รถวิ่งต่อได้เองอีก
ถ้าใครดึงเบรก มือ ไม่เมื่อยเท้า แต่ยุ่งในการขับเพิ่มขึ้น


สรุปว่า เข้า ดี+ เบรก
คลัตช์ ไม่ต้องจับปล่อย แต่อาจกินน้ำมันขึ้นบ้าง (อาจนะครับ อาจไม่ทุกคัน) ชุดเบรก รับความร้อนตอ่เนื่อง ไม่ยอมให้หายใจกันเลย และไฟเบรกแยงตา
****

2.ปลดมา N เดินเบาตัวเปล่า

ชัวร์ฺว่าไม่มีภาระกับเครื่องยนต์และเกียร์ เลย
สามารถตั้งรอบเดินเบาไว้ต่ำหน่อย เพราะไม่ต้องจอดค้างไว้ที่ ดี แล้วเบรก (ในรถบางรุ่น) การกินนำ้มันน้อย

ถ้าเป็นเครื่องที่เข้า ดี แล้วมีการชดเชยรอบให้ การปลดมาเอ็น กินน้ำมันน้อยกว่าแหงๆ (ลองดูรถคุณสิครับ วัดรอบดูง่ายๆ ว่าที่เอ็นรอบเท่าไร ที่ ดี+เบรก รอบเท่าไร)

ผ้าเบรก ลูกยาง น้ำมันเบรก ไม่ต้องรับความร้อนจากจานเบรก เต็มที่ ผ้าเบรก จานเบรก ได้หายใจ ถ้าจอดเอ็น ไม่เบรกไว้
ทนขึ้น

แต่การออกตัวช้าหน่อย เพราะต้องเข้าเกียร์ รอให้คลัตช์จับ แล้วค่อยกดคันเร่ง

ข้อเสียอีกข้อครับ คลัตช์ จับปล่อยๆ บ่อยๆ ระหว่าสลับไปมา เอ็นกับดี แต่ผมใช้คำว่า สึกหรอเร็วขึ้น ไม่ใช่พังทันทีนะครับ

เช่น คลัตช์ชุดนี้ ยอมรับการจับปล่อยได้ 1 ล้านครั้ง ดังนั้น ถ้าสลับระหว่าง เอ็นกับดี วันละ 100 ครั้ง คลัตช์ จะอายุสั้นลงกี่วัน
อันนี้ ผมสมมุติตัวเลขนะครับ

และอย่าลืมว่า การสลับระหว่า เอ็นกับดี ตอนเดินเบานั้น เครื่องยนต์ ม่รอบต่ำ แรงบิดน้อย หน้าคลัตช์จะสึกหรอขึ้นเท่าไรกัน ??????

ประเด็นสำคัญจริงๆ ครับ อยู่ตรงนี้

การสลับ เอ็นกับดี ในฝ่ายที่บอกว่า คลัตช์ชุดนั้น จะอายุสั้นลง
ผมว่าจริงครับ สั้นลง
แต่ผมก็ว่าสั้นลงไม่มาก เพราะตอนเดินเบานั้น เครื่องยนต์ ม่รอบต่ำ แรงบิดน้อย หน้าคลัตช์จะสึกหรอขึ้นเท่าไรกัน ??????

ผมว่าน้อย

และน้อยกว่า ตอนที่เกียร์ เปลี่ยนจาก 2 ไป 3 3 ไป 4
4 ลงมา 3 3 ลง มา 2 2 ลงมา 1
เพราะในเกียร์ 2-3-4 ที่เกียร์เปลี่ยนไปมา นั้น รอบเครื่องยนต์หมุนเท่าไรครับ 3000-6000 รอบเชียวนะครับ คัลตช์ยังไม่เห็นพัง

แต่นี่ รอบเดินเบา คลัตช์ แช่ในน้ำมัน การจับปล่อย มันจะรุนแรงไหมครับ คงไม่แรงมั้ง

นั่นจึงเป็นที่มาของคนที่บอกว่า ทุกครั้งที่จอดบนการจราจร เขาสลับเกียร์ มาเอ็น ไม่เห็นคลัตช์อายุสั้น เขายังใช้ได้ ตั้งหลายแสน กม.

ผมบอกให้ครับ การสลับแบบนั้น คลัตช์อายุสั้นลงแน่ แต่ไม่น่ามาก
จาก 3 แสนกม .เหลือ 1.5 แสนกม. (ข้อนี้ ต้องพิสูจน์)

ทีขับกดคันเร่งมิด แล้วเกียร์ เปลี่ยน คลัตช์ จับที่ 5500 รอบ มันมิยิ่งพังเหรอครับ หรือคิกดาวน์ แต่ละที คลัตช์จับสลับไปมา แรงไหมล่ะ ยังไม่เห็นพัง

*****
ข้อสรุป
เลือกปฏิบัติเอาเองครับ ได้อย่างเสียอย่างเป็นธรรมดา

***

โดยส่วนตัวผมเอง (ไม่ชี้นำ ไม่แนะนำให้ใครทำตาม)

ผมจะปลดมาเอ็น เวลาจอดเกือบทุกครั้ง ยกเว้น เห็นๆ เลยว่า ไม่น่าเกิน 1 นาที รถจะไหล ผมจะค้่างไว้ ดี แล้วเบรก (ไม่ต้องเสียเวลาคิด จนเครียดว่าอีกกี่นาทีรถจะไหล หรอกครับ สัญชาติญานมันทำโดยอัตโนมัติ )

ผมยอมให้คลัตช์ มันสึกหรอขึ้นบ้าง เพราะผมว่าไม่น่ามาก เพราะรอบก็แค่เดินเบา น้ำมันเกียร์ก็หมุนเวียนอยู่ การจับปล่อย เบานิดเดียว
เพราะขณะขับ ผมว่าเกียร์เปลี่ยนที่ 3000-6000 รอบอยู่แล้ว คลัตช์อื่นๆ กระชากตัว ตอนนั้น สึกหรอกว่าแหงๆ

ผมอยากให้เครือ่งยนต์ ไม่มีโหลด ซึ่งไม่กินนำ้มันขึ้นแหงๆ
เกียร์ ไม่มีโหลด น้ำมันไม่ร้อนขึ้น
ชุดเบรกทั้งหมด ไม่ต้องรับการคายความร้อนจากจานเบรก ทนขึ้นแหงๆ เพราะผมขับรถเร็ว แล้วเบรกหนักๆ บ่อยมาก อยากให้เบรกหายใจบ้าง

อีกอย่าง ผมขี้เกียจครับ ผมอยากกระดิกเท้าตามจังหวะเพลงขณะรถติดไฟแดงบ้าง ไม่อยากคาไว้ที่เบรก ครั้นจะดึงเบรกมือ ผ้าเบรกก็รับการถ่ายเทความร้อนซะอีก
และการขยบัมือไปดึง-ปลดเบรกมือ ไม่ยากครับ แต่ผมถือว่าทำลายความสะดวกของผม ผมว่ายากการการเอามือไปเขี่ย คันเกียร์เบาๆ แน่ๆ

รถยนต์ เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกของผม ต้องดูแลรักษา แต่ถ้าต้องทำลายความสะดวก ผมไม่เอา เพราัะยังไงวันนึงมันก็ต้องเสีย ต้องซ่อม

เกียร์ ที่พังเร็วขึ้นบ้าง จากการปลดมาเอ็นบ่อยๆ จริงครับ แค่แค่อายุสั้นลง ไม่ได้พังทันที

แต่สมมุติว่า จาก 3 แสนกม. ลงมาเหลือ 2.5 แสน กม.
ผมไม่ทราบความผมจะขายรถก่อนไหม

และถึงไม่ขาย ผมว่า ผมเซฟค่าซ่อมเบรก ค่าน้ำมันตอนเดินเบาที่ไม่ต้องมีโหลด ตั้งหลายปี รวมแล้ว ผมซ่อมหรือเปลี่ยนเกียร์เร็วขึ้น 5 หมื่นกม. (ตัวเลขสมมุติ) แต่ผมเซฟค่าใช้จ่ายอื่น รวมทั้ง ผมสบายขึ้น นั่งกระดิกขา ฟังเพลงได้

ผมไม่แคร์ครับ ผมไม่ได้จ่ายเงินซ่อมเกียร์ แพงขึ้น แต่จ่ายเร็วขึ้นบ้าง
และบังเอิญว่่า ถ้าเป็นรถคันยุโรป ผมซื้ออะไหล่เอง หาช่างซ่อมรวมแล้ว 2 หมื่นกว่าบาท ส่วนคันญี่ปุ่น บางคันของผม เกียร์เชียงกง ลูกละ 5000 บาท อีกคัน เกือบหมื่นบาท

ทำไมผมต้องมากังวล กับการจับปล่อยของคลัตช์ เมื่อสลับ ดี/เอ็น ในรอบเดินเบาล่ะครับ ผมได้อะไรทดแทนมาตั้งหลายอย่าง และไม่ต้องเกรงใจคนขับรถตามหลัง กับแสงไฟเบรกด้วย (รถบางคันของผม ไฟเบรก 3 ดวง โคตรสว่างเลย)

ปล. ชุดสุดท้ายนี้ ผมทำโดยส่วนตัว จึงมีทั้งความเหมาะสมทางวิศวกรร ทางการเงิน ทางความขี้เกียจ ทางสังคม มาผสมกัน

แต่หลักการข้างบนนั้น เป็นวิชาการครับ










จากคุณ : ผ่านมา - [12 มิ.ย. 45 19:18:50 A:203.146.98.3 X:unknown]






ความคิดเห็นที่ 2

ให้ข้อคิดที่ดีมากครับ

จากคุณ : ขอบคุณ - [13 มิ.ย. 45 14:36:52 A:210.203.176.69 X:]






ความคิดเห็นที่ 3

ยอดเยี่ยมครับ

จากคุณ : abc - [13 มิ.ย. 45 17:56:58 A:203.155.224.94 X:]






ความคิดเห็นที่ 4

ในรถยุโรปบางยี่ห้อ ถ้าเหยียบเบรกนานเกิน 5-15 วินาที มันจะเปลี่ยนเป็น N แล้วถ้าต่อมาเหยียบคันเร่งเพื่อออกตัวจากรถติด มันจะเปลี่ยนเป็น D ให้อัตโนมัติ มันฉลาดอย่างนี้จริงๆ คิดดูเอาละกันนะครับว่า ทำไมเขาทำอย่างนี้

จากคุณ : F9 - [13 มิ.ย. 45 18:14:14 A:203.144.143.254 X:202.133.168.63]







--------------------------------------------------------------------------------




--------------------------------------------------------------------------------

ความคิดเห็น :
ชื่อ / e-mail : สีกรมท่าสีด่างทับทิมสีใบตองสีเขียวใต้ทะเลสีเขียวขี้ม้า จัดชิดซ้ายจัดกลางหน้าจัดชิดขวา
ไฟล์ประกอบ : ( gif, jpg, png, mid, wav, mp3, swf )






โดยคุณ : copy from pantip.com [ 13 มิ.ย. 2545 , 19:39:42 น.]

ร่วมเสนอแนะความคิดเห็น....
กรุณาคลิ๊ก Post message เพียงครั้งเดียว
อย่ากดยกเลิกกลางคัน อันจะเป็นเหตุให้ตัวเลขกระทู้ไม่ตรงได้ครับ 
จาก : *
email :
icq :
Username :
Password : สมัครสมาชิก
รูปภาพ :
ได้เฉพาะสมาชิกเท่านั้นครับ(ไม่เกิน 50K)

รายละเอียด
*
*

กรุณาคลิ๊ก Post message เพียงครั้งเดียว
อย่ากดยกเลิกกลางคัน อันจะเป็นเหตุให้ตัวเลขกระทู้ไม่ตรงได้ครับ