ขอเกริ่นก่อนนะครับ....

เนื่องจากเพื่อนๆที่สนใจและเป็นเจ้าของ Mi16 หลายๆท่านเคยสอบถามมาว่าทำไม Mi16 เมืองไทยจึงมีกำลังอัดสูงกว่าเมืองนอก (เครื่องจากญี่ปุ่นเป็นส่วนใหญ่) ... อะไรมันต่างกันหรือ ???

ซึ่งผมก็ค้นหาคำตอบมานาน แต่ก็ยังหาไม่ได้ แต่ในวันนี้มีโอกาสดีๆได้ศึกษาจากของจริงเปรียบเทียบกันจึงถึงบางอ้อ (...เกือบถึงบางพลัด...) และอยากขยายความให้เพื่อนๆท่านอื่นได้ทราบกันครับ

ICQ :

ก่อนอื่นขอพูดถึงเครื่อง Mi16 ขนาด 1905 cc ทั้ง2แบบก่อน ทั้ง2แบบมีรหัสต้นว่า XU9J4 เหมือนๆกัน แต่มี code ต่างกันคือ ของไทย(และที่อื่นบางประเทศ) จะมีcode ประจำตัวว่า D6C ส่วนของญี่ปุ่น (และอีกบางประเทศเช่นกัน) จะมีcode ว่า DFW ซึ่งหากดูหน้าตาภายนอกเกือบเหมือนกันทั้งหมด (ถ้าไม่สังเกตจริงๆ )เพราะจะต่างกันแค่รุ่น DFW จะมี code แปะติดมา (ตามตัวอย่างในภาพซึ่งเป็นเครื่อง8วาล์ว แต่จะอยู่ที่เดียวกัน ) และมี knock sensor ติดอยู่ที่เสื้อสูบข้างๆใส้กรองน้ำมันเครื่อง เท่านั้น

สำหรับระบบควบคุมเครื่องยนต์ก็จะต่างกัน โดย D6C จะใช้ระบบ Motronic 4.1 (ที่เรียกกันว่ารุ่นกล่อง2แถว)ขณะที่ DFW ใช้ระบบ Motronic 1.3 (ที่เรียกกันว่ารุ่นกล่อง 3 แถว) ซึ่งแบบหลังจะมี sensor ต่างๆมากกว่า เพราะเป็นรุ่นที่ออกมาทีหลัง โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อควบคุมมลพิษให้ต่ำลง

นอกจากนี้บางเครื่องยังมีการตอก code ไว้ด้านล่างเสื้อสูบตามภาพด้วย

ผมขอข้ามเรื่องความแตกต่างที่เหลือไปดีกว่า เพราะมีการพูดถึงบ่อยในกระทู้เก่าๆ (ที่คุณฤทธิ์เคยอธิบายไว้ก็มี) เข้าเรื่องเลยดีกว่า

เผอิญว่าผมมีโอกาสได้ศึกษาเครื่องทั้ง 2 แบบพร้อมกันมาเปรียบเทียบกัน จึงสรุปที่มาของกำลังอัดที่แตกต่างได้ว่า เกิดจาก....

...ลูกสูบครับ ซึ่งเดี๋ยวจะเล่ารายละเอียดต่อไป

เดิมที่ท่านที่เคยเห็นลูกสูบของ Mi16 คงทราบว่าบนหัวลูกสูบจะมีการเว้าหลบวาล์วไว้ทั้ง 4 ตัว (ตามภาพ)

ทีนี้เมื่อผมนำเอาลูกสูบจากเครื่องMi16 เมืองไทย (D6C )มาเปรียบเทียบกับ Mi16 จากญี่ปุ่น (DFW) ก็จะพบว่าความลึกของหลุมต่างกันโดยของไทยจะลึกกว่าอย่างเห็นได้ชัด

ดังนั้นจึงแสดงว่าลูกสูบของ DFW มีการปาดหน้าลูกสูบลงไปมากกว่า ทำให้ปริมาตรห้องเผาไหม้มากกว่า กำลังอัดจึงลดลง

ในภาพเป็นลูกสูบของ D6C ครับ

เพื่อเป็นการยืนยันสมมติฐานนี้ ผมจึงทำการคำนวณเปรียบเทียบกำลังอัดของทั้ง 2 เครื่อง

โดยพื้นฐานสูตรของกำลังอัดคือ ปริมาตรทั้งหมดของกระบอกสูบเมื่อลูกสูบเคลื่อนลงถึงจุดต่ำสุด หารด้วย ปริมาตรของกระบอกสูบเมื่อลูกสูบเคลื่อนไปที่จุดสูงสุด

ดังนั้นในกรณีเครื่อง DFW ซึ่งมีกำลังอัด 9.7 : 1 จะสามารถเข้าเป็นสูตรได้เท่ากับ

476.25 + B / B = 9.7 ( 476.25 มาจาก 1905 / 4)

ดังนั้น 476.25 = 8.7 x B (หวังว่าคงยังจำคณิ๖ศาสตร์ได้นะครับ ...555)

B (ปริมาตรห้องเผาไหม้) ของ DFW เท่ากับ 54.74 cc

สำหรับ D6C ก็เช่นกัน 476.25 + B / B = 10.4 (กำลังอัด D6C เท่ากับ 10.4)

จะได้ B สำหรับ D6C เท่ากับ 50.66

ซึ่งแสดงว่าห้องเผาไหม้ของ D6C มีปริมาตรน้อยกว่า DFW อยู่ 4.076 cc หรือเท่ากับ 4076 ลบ.มม.

การที่ห้องเผาไหม้เล็กกว่า แต่ฝาสูบมีรูปร่างเหมือนกันทุกประการ แปลว่าลูกสูบของ D6C ต้องนูนสูงกว่า คิดเป็นสูตรได้ดังนี้

ปริมาตรส่วนที่แตกต่าง = 22/7 x Dยกกำลังสอง / 4 x h

ดังนั้นแทนค่าได้เท่ากับ

4076 = 22/7 x 83 ยกกำลัง2 / 4 x h ( 83 คือเส้นย่าศูนย์กลางกระบอกสูบของ XU9)

h จึงเท่ากับ 0.75 มม.

หมายถึงลูกสูบของ D6C จะนูนสูงกว่า DFW 0.75 มม.

เพื่อเป็นการยืนยันจึงทำการวัดความลึกหลุมเพื่อเปรียบเทียบโดยของ D6C วัดได้ประมาณ 2.8 มม.

ส่วนของ DFW วัดได้ประมาณ 2.1 มม. ซึ่งต่างกันประมาณ 0.7 มม. จริงตามที่คำนวณ

แถมท้ายครับ เพื่อนๆหลายคนคงคิดว่า อย่างนี้เครื่อง D6C มันก็แรงกว่าสิ ....

คำตอบคือ ถ้าเป็นไปตามที่เขาออกแบบมาก็ ... ใช่ครับ แต่มีปัญหาคือ เจ้า D6C นี่เค้าออกแบบมาให้ใช้น้ำมันออกเทน 97 มีสารตะกั่ว ซึ่งไม่มีจำหน่ายแล้ว(ทั่วไป) ในบ้านเรา พอมาใช้ 95 กำลังก็คงลดลงนิดหน่อย ส่วนเจ้า DFW เมืองนอกมีเรื่อง cat มาเกี่ยว แต่ถึงเวลาวางจริงๆก็เอาออกกันหมด ก็คงแรงดีขึ้นนิดหน่อย สุดท้ายก็คงไม่ห่างกันอย่างที่คิดครับ

อีกอย่างหนึ่งถ้าเพื่อนๆสังเกตภาพจากข้างบน ภาพที่ 3 และ 4 จะเห็นว่าตรงกลางลูกสูบทั้ง 2 จะถูกตอกไว้ด้วยอักษร A หรือ B นั้นหมายถึง size ของลูกสูบ ซึ่งจะถูกคัดมาให้ match กับกระบอกสูบ ซึ่งจะมี size A B C 3 ขนาด

เช่น ลูกสูบsizeA จะมีขนาดระหว่าง 82.963 - 82.977 มม. ส่วนกระบอกสูบ size A จะมีขนาด 83.000 - 83.010 มม.

ขณะที่ size B จะเป็น 82.973 - 82.987 และ 83.010 - 83.020 ตามลำดับ

ส่วน size C จะเท่ากับ 82.983 - 82.997 มม. ตามลำดับ

ซึ่งเวลาเปลี่ยนลูกสูบหรือกระบอกสูบต้องดูดีๆ อ้อ... เครืองบล็อคอื่นของเปอร์โยต์ก็เป็นแบบนี้หมดนะครับ
สำหรับ เหตุผลคือต้องการให้ประสิทธิภาพเครื่องยนต์สูงสุดโดยต้นทุนต่ำสุด (เพราะการผลิตจำนวนมากๆย่อมมีการ swing ของค่าdimensionอยู่แล้ว ถ้ากำหนดไว้ size เดียว ที่เหลือก็ทิ้งหมดนะซี่)

สุดท้าย.... ต้องขอขอบคุณ คุณ woody และ พี่หนุ่ม 6075 ที่เอื้อเฟื้อเครื่องมาเป็นแบบเปรียบเทียบในครั้งนี้ โดยที่ทั้ง 2 ท่านไม่รู้ตัวมาก่อน .... 555

อ้อ กระทู้อันก่อนสุดท้ายตกไปนิด กระบอกสูบ size C จะเท่ากับ 83.020 - 83.030 มม. ครับ

นับถือ นับถือ สมเป็นสิงห์เฒ่า เยี่ยมยอดจริงๆๆ
อ่านแล้วต้องไปหาตำราคณิตศาสตร์มาอ่าน แทนค่า (เพิ่งรู้ว่าสมองเราไม่ใช้แล้วมันฟ่อนะ 5555 ของเราเหลือแค่ถั่วเขียวแล้วมักเนี่ย)

อ้าว....เหรอ

ระเอียดดี เยียมมาก นับถือจิงๆ

อย่าลืมศุกร์นี้นะบี ที่นัดกันไว้

เอาเป็นว่าหัวลูกสูบมันเว้าไม่เหมือนกัน กำลังอัดจึงไม่เท่ากัน
ง่ายๆแค่นี้จะเข้าใจง่ายกว่ามั้ย

ลูกสูบเว้าไม่ต่างกันครับ แต่ของ DFW มีการปาดหน้าลูกสูบออกไป 0.7 มม. จึงมีกำลังอัดต่ำกว่าครับ