ฟังจากช่าง ๆ บอก 20w 50 กึ่งสังเคาะห์
ความเชื่อของตัวเอง สังเคราะห์ 100 % ดีกว่าแต่ความหนืดจะอยู๋ประมาณ 10 w 40 ถึงแม้สังเคราะห์ความหนืดต่ำกว่าก็จริง แต่เมื่อมันเหลวกว่ามันก็สามารถซอกซอนไปตามจุดต่าง ๆ ของเครื่องยนต์เพื่อหล่อลื่นได้มากกว่า และทำความความร้อนในเครื่องยนต์น้อยลงด้วย และด้วยคุณสมบัติของฟิลม์น้ำมัน สังเคราะห์ 100 ไม่แปรเปลี่ยนตามอุณหภูมิมากนัก ดังนั้นจึงดีกว่า ไม่ทราบว่าความเชื่อของผมผิดหรือถูก

ICQ :

ความคิดนี้ก็ถูกครับเป็นส่วนดี แต่ก็มีส่วนที่มองแล้วเป็นข้อด้อยก็มี เราต้องมองรถของเราด้วยว่าสมบูรณ์ขนาดไหนอย่างเช่น อายุรถขนาด 10 ปีถ้ายังไม่มีการยกเครื่องใหม่ คิดไม่ครับว่ามันสึกหรอตามการใช้งานมากน้อยแค่ไหน พูดได้ว่าวิ่งกันมาเป็นแสนกิโลแล้ว จากความที่มันหนืดต่ำกว่ามันก็สามารถซอกซอนไปตามส่วนต่างๆ ได้มันก็สามารถรั่วซึมไปตามแหวน ตามกระบอกสูบที่หลวมระเหยไปตามการสันดาปของเครื่อง สังเกตุได้เลยครับ พวกที่เติมสังเคราะห์พอใช้ไปสักพักลองดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออกมาวัดใหม่ ปริมาณจะลดลงหายไป แต่ยอมรับครับว่ามันมีคุณสมบัติดีกว่าเยอะแต่ต้องหมั่นตรวจสอบนะครับ เอาเป็นว่าความเหมาะสมอยู่ที่รถของเราด้วยครับ ขอความเห็นท่านอื่นๆ ว่าไงครับ

ที่พี่เฮงพูดถูกแล้วครับ ผมเองก็ชอบศึกษาเกี่ยวกับน้ำมันเครื่องมาก และก็ทดลองใช้มาหลายยี่ห้อ การใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ดีกว่าแน่นอน แต่สำหรับรถเก่าโดยเฉพาะเครื่องหลวมจะกินน้ำมันเครื่องซึ่งมีราคาแพง จะเห็นว่าเบอร์เกรดจะมีตั้งแต่เริ่มต้นตัวแรกด้วย 0-15 จนถึงตัวหลัง 30-50 แล้วแต่สภาพของเครื่องยนต์ ซึ่งรถใหม่ๆไม่จำเป็นต้องใช้ตัวหลังสูงๆ เพราะเครื่องยังฟิต เพราะค่าความหนืดตัวหลังสูงก็คือความหนืดสูง แต่รถใหม่จะดีต้องเบอร์ตัวแรกต่ำคือ 0 หรือ 5 คือ 0 w 30 หรือ 5w40 ส่วนรถเก่าควรดูความหนืดตัวหลังให้สูงคือ 15w50 20w50 ตอนนี้ผมเห็นมีอยู่ยี่ห้อนึงแบบสังเคราะห์ 5w50 ดูเบอร์แล้วใช้ได้ดีทั้งรถใหม่รถเก่าแต่ค่อนข้างแพง แต่ผมว่าใช้แบบสังเคราะห์ดีกว่าเปลี่ยนที่ 15000 กม.ครับไม่ต้องรีบ ส่วนสารเติมแต่งในเครื่องยนต์ผมเคยลองหลายยี่ห้อพี่ชอบเอามาฝากจากอเมริกาใช้ดีมากแต่ที่นั่นราคาไม่กี่เหรียญ แต่บ้านเราเป็นพันเก็บเงินที่เติมไว้ซ่อมเครื่องดีกว่า เพราะเขาใช้สำหรับรถรอบจัดพวกรถแข่ง รถเก๋งซิ่งๆใส่ทุกคันครับ ของเราถ้าไม่ขับแบบน้องอาร์ตเปลี่ยนถ่ายตรงเวลาก็พอแต่ใช้ที่มีคุณภาพหน่อย(สังเคราะห์ไปเลยครับ)

จริง ๆ อยากใช้ พวกน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ มากกว่า แต่ดันมีความคิด( ไม่รู้คิดมากไปหรือเปล่านะครับ )
คือ บ้านเรามันเป็นเมืองร้อนชื้น รวมทั้งฝุ่นละอองในอากาศสูง และไม่ค่อยมั่นใจในน้ำมันเบนซิน มากนัก ถ้าจะใช้น้ำมันเครื่องแบบสังเคราะห์ แล้วนาน ๆ เปลี่ยนที่ ตัวที่จะรับภาระหนักขึ้น ก็คือ กรองน้ำมันเครื่อง
ปัจจุบันหลังจากมีความคิดเช่นนี้ เลยคิดว่าใช้ น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์น่าจะเหมาะกว่า และจะเปลี่ยนพร้อมไส้กรองน้ำมันเครื่องทุกครั้ง และจะใช้งานประมาณ 7000+ กม.

ส่วนตัวผมเชื่อว่าจะเกรดสังเคราะห์หรือไม่ขอให้ได้ตามมาตรฐาน API ไม่ต่ำกว่าที่คู่มือรถแนะนำมาครับ นำมันเครื่องเกรดสังเคราะห์จะได้เปรียบตรงที่รักษาคุณสมบัติได้นานกว่าเกรดธรรมดา และน้ำมันเครื่องสมัยนี้ก็พัฒนาคุณสมบัติมากขึ้นเยอะ ล่าสุดนี่ถึงมาตรฐาน API SM แล้วนะครับ ส่วนจะเปลี่ยนถี่แค่ไหนขึ้นกับสภาพการใช้งานของแต่ละบุคคลมากกว่าครับ เช่นใช้ในเมืองรถติดบ่อยๆก็เปลี่ยนบ่อยหน่อยครับ ทุก 5000 โล ถ้าอยู่ชานเมืองวิ่งโล่งๆก็ยาวกว่านี้เป็นต้นครับ

รถผมใช้น้ำมันเครื่องที่เพื่อนบ้านใช้ครับเพราะขาดบ่อยต้องเติมทุก 5000 กม.อาศัยยืมที่ติดก้น แกลอนไม่ต้องวิ่งซื้อ

แบบที่คุณทอมว่าก็ดีครับแถมให้อีก 1000 กม. เป็น 8000 กม.เปลี่ยนยังไหวครับ มันเป็นเหตุผลทางธุรกิจที่เขากำหนดให้เราเปลี่ยนเท่านี้กม. แต่ในความเป็นจริงใช้ได้นานกว่านี้ ล่าสุดถึงขั้น SM แล้วหรือครับนึกว่า SL

งั้นสรุปว่าถ้าใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์แล้วปรากฎว่าไม่มีอาการกินน้ำมันเครื่องแล้ว ก็ควรจะใช้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะเหมาะสมกว่าถ้าเงินในกระเป๋าเราเอื้ออำนวยนะจิ ครับ

405 gr ของผมตอนนี้เล่น 10w 30 sj ของtoyota ก็ใช้ได้นะ