SM น้ำมันเครื่องตัวใหม่
มาทำความรู้จักSM น้ำมันเครื่องเกรดใหม่
SM น้ำมันเครื่องเกรดใหม่ตาม API แต่หลายคนยังไม่รู้จัก SL SJ API สถาบันปิโตรเลียมชื่อดังในสหรัฐอเมริกา เตรียมประกาศใช้เกรดคุณภาพใหม่ SM ในกลางปีนี้ SJ กำลังจะไม่ใช่ดีที่สุด ในขณะที่คนไทยรู้เกี่ยวกับน้ำมันเครื่องน้อยมาก เลือกกันตามยี่ห้อดัง ตามโฆษณา ตามราคาถ้าถูกไปก็คิดว่าไม่ดี ตามความเชื่อมั่นต่อผู้ที่เติมให้ เข้าใจผิดกันทั้งผู้บริโภค ผู้ขาย รวมทั้งช่าง !
เชื่อยี่ห้อดัง เชื่อราคา เชื่อโฆษณา เชื่อข้างกระป๋อง เชื่อคนใส่ให้
-เชื่อยี่ห้อดัง
คนส่วนใหญ่ก็ไว้ใจและคิดไปเองว่าผู้ผลิตน้ำมันเครื่องชื่อดังต้องกลัวเสียชื่อเสียง ทั้งที่ก็มีหลายรุ่นหลายระดับราคาแตกต่างกันหลากระดับคุณภาพออกมาขาย ตั้งแต่คุณภาพต่ำกระป๋องละ 200 บาทจนถึงเป็นพันบาท
-เชื่อราคา
หลายคนตัดสินจากราคารถ ความแรงของเครื่อง หรือความใหม่ของรถ ว่าควรใช้น้ำมันเครื่องราคาเท่าไร คิดว่ารถแพงหรือรถใหม่ต้องใช้น้ำมันเครื่องแพงๆ
-เชื่อโฆษณา
ด้วยสารพัดคำสารพัดประโยค ถ้าเป็นน้ำมันเครื่องยี่ห้อดัง คนก็จะเชื่อได้ง่าย เช่น โฆษณาว่าเป็นน้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องดีเซล เทอร์โบ รอบจัด คนก็เชื่อและมองว่ารถตนเองมีคุณสมบัติเช่นนั้นไหม ถ้าใช่ ก็จะซื้อมาใช้ ประโยคและคำต่างๆ ที่สรรขึ้นมาใช้ในโฆษณา อาจไม่ได้แสดงถึงคุณภาพที่แท้จริงเลย !
-เชื่อข้างกระป๋อง
บางครั้งคำโฆษณาหรือชวนเชื่อต่างๆ อาจถูกนำมาพิมพ์ไว้ที่ข้างกระป๋อง เพื่อเพิ่มแรงจูงใจอีกด้วย ทั้งที่อาจไม่เกี่ยวกับคุณภาพที่แท้จริงก็เป็นได้ อีกประเด็นสำคัญ คือ การระบุว่าสำหรับเครื่องเบนซินหรือดีเซลที่ข้างกระป๋อง หลายคนคิดว่าใช้น้ำมันเครื่องข้ามประเภทระหว่างเครื่องเบนซินกับดีเซลไม่ได้เลย ถ้าใช้แล้วจะพังในความเป็นจริง การชักจูงนั้นอาจเกิดขึ้นจากการหวังผลด้านการขายพยายามเน้นขายน้ำมันเครื่องรุ่นนั้นให้กับเครื่องประเภทหนึ่งทั้งที่ถ้าใช้กับเครื่องอีกประเภทก็ใช้ได้ดี แต่ไม่บอกแล้วไปเน้นขายน้ำมันเครื่องอีกรุ่นหนึ่งที่แพงกว่ากับเครื่องอีกประเภท
-เชื่อคนใส่ให้
เช่น นำรถเข้าศูนย์บริการ ศูนย์ซ่อมด่วน หรืออู่มาตรฐาน ก็คิดไปเองว่า เขาต้องคัดสรรน้ำมันเครื่องที่มี่คุณภาพดีมาให้ ไม่ว่าจะถูกหรือแพง ยังไงต้องพอใช้ได้ ใช้แล้วเครื่องไม่พัง ถ้าถูกหน่อยก็พอใช้ได้ ถ้าแพงก็ยิ่งคุณภาพดี พบว่าในปี 2004 ปัจจุบันนี้มีบางแห่งใช้น้ำมันเครื่องเกรดคุณภาพ API SG SH เติมให้ลูกค้า ห่างจากเกรดคุณภาพสูงสุด SL หลายระดับ
++ตัวย่อ API ตามด้วยเกรดคุณภาพ++
ถ้าผลิตอะไรออกมาแล้วต้องขายและใช้ทั่วโลก ย่อมต้องหาคนกลางมาตั้งมาตรฐานให้น่าเชื่อถือ องค์กร สถาบัน หรือหน่วยงานที่วิจัยเกี่ยวกับน้ำมันเครื่องมีอยู่ทั่วโลก นับร้อยนับพันแห่งแต่ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ผลิตน้ำมันเครื่องทั่วโลกมีไม่กี่สิบแห่ง เพราะหลายหน่วยงานก็มีการกำหนดมาตรฐานคล้ายๆ กันAPI เป็นสถาบันด้านปิโตรเลียมของสหรัฐอเมริกา (AMERICAN PETROLEUM INSTITUTE) มีความลงตัว คือ
1. เป็นสถาบันขนาดใหญ่ มีความน่าเชื่อถือ และที่สำคัญ คือ ความเป็นสหรัฐอเมริกาที่เป็นยักษ์ใหญ่ของโลก
2. ระดับมาตรฐานระบุเป็นตัวย่อแค่ 2 ตัวอักษร ไล่ลำดับ คนทั่วไปเข้าใจได้ง่าย แต่มีอีกนับสิบสถาบัน แต่คนทั่วไปไม่ค่อยสนใจ เพราะยาวทั้งชื่อย่อของสถาบันและระดับมาตรฐาน จดจำและเข้าใจยากกว่าของ API
ตัวอย่างของตัวย่อและระดับมาตรฐานต่างๆ ที่ระบุข้างกระป๋องน้ำมันเครื่อง (คัดลอกมาจากข้างกระป๋องของน้ำมันเครื่องของไทยยี่ห้อหนึ่ง)
API CH-4 / CG-4 /CF-4 / CF / SJ ACEA B2 / B3 / E2 / E3 / E5 / A3 MB 228.1 / 228.3 / 229.1 VW 501 / 505 MAN M 3275 VOLVO VDS / VDS-2 / VDS-3 MACK EO-M / EO-M PLUS ALLISON C4 CUMMINS CES 20071 / 20072 / 20076 / 20077
++เกรดคุณภาพ API รู้และจำง่ายมาก ++
เช่น API SJ, API CI-4 มี 2 ตัวอักษร ระบุตามท้ายตัวย่อสถาบัน API เสมอ เช่น API ?? รวมแล้วแค่ 5 ตัวอักษร และมีเฉพาะตัวอักษรด้านท้ายตัวเดียวเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลง แบ่งเป็น 2 มาตรฐาน คือ เกรดคุณภาพน้ำมันเครื่องของเครื่องเบนซิน จะขึ้นต้นด้วยตัวย่อ S - STATION SERVICE เสมอ เช่น API S?
เกรดคุณภาพน้ำมันเครื่องของเครื่องดีเซล จะขึ้นต้นด้วยตัวย่อ C - COMMERCIAL SERVICE เสมอ เช่น API C? ถ้ามีขีดแล้วเลข 4 ตามท้าย หมายถึงเหมาะสำหรับเครื่องดีเซล 4 จังหวะ ซึ่งทั่วไปก็เป็นเช่นนั้น ไม่ได้เป็นเครื่อง 2 จังหวะตัวอักษรท้ายสุด จะเริ่มต้นตามภาษาอังกฤษ คือ A B C ... ไล่ไปเรื่อยๆ ยิ่งไกลจากตัว A เท่าไรแสดงว่า เป็นเกรดคุณภาพสูงขึ้น API มีการประกาศใช้ระดับมาตรฐานใหม่ไม่บ่อยทุก 3-10 ปี ไล่ห่างจากตัว A และบางตัวอักษรก็ข้ามไป ของเบนซินและดีเซล ไล่ออกมาไม่เท่ากัน
ส่วนระดับมาตรฐานเก่าๆ ก็จะไล่ยกเลิกไปโดยปริยาย เพราะใครผลิตออกมาก็ขายไม่ได้ เบนซิน ไล่ตามนี้ API SA SB SC SD SE SF SG SH SJ SL SM ดีเซล ไล่ตามนี้API CA CB CC CD CE CF-4 CG-4 CH-4 CI-4 ในเบนซินข้าม SI SK ไปด้วยเหตุผลที่ API บอกว่าตั้งใจไม่ใช้ข้ามไป
แต่ไม่ระบุว่าเพราะอะไร เดาว่าคงจะไปซ้ำกับมาตรฐานอะไรสักอย่างของสถาบันอื่น จึงต้องจำไว้ว่าไม่มี SI SK แต่ดีเซลไล่ตามไปเรื่อยๆ เกรด API SJ สูงสุดของเบนซิน ประกาศใช้เมื่อกลางปี 2001 ล่าสุดกลางปี 2004 ห่างกันแค่ 3 ปีก็จะประกาศใช้ API SM แล้ว ตอนนี้อยู่ในช่วงรอให้ผู้ผลิตปรับตัวหรือส่งน้ำมันไปทดสอบ ก่อนประกาศใช้จริง
++เลือกเกรดคุณภาพใดดี ? ++
เครื่องเบนซิน ใช้ API SL จะดีเยี่ยม แต่ถ้าจะใช้ API SJ SH ก็ดีแล้ว เครื่องดีเซล ถ้าใช้API CI-4 ก็ดีเยี่ยม แต่ถ้าจะใช้ API CH-4 CG-4 ก็ดีแล้ว ปี 2005 เปลี่ยนไปแนะนำ SM แล้วเมิน SH
++ผ่าน API จริง ต้องมีวงกลมโดนัท ++
สัญญลักษณ์แสดงที่ข้างกระป๋อง โดยมีตัวย่อ API และระดับมาตรฐานอยู่ตามแนวโค้งด้านบน และในวงกลมตรงกลางระบุค่าความหนืดตาม SAE แต่ถ้าผู้ผลิตทดสอบเอง จะเป็นตัวอักษรย่อ ไม่มีวงกลมโดนัท ไม่ว่าจะมีวงกลมโดนัทที่ข้างกระป๋องหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องทำใจให้เชื่อใจว่า น้ำมันเครื่องนั้นได้มาตรฐานตามนั้นจริงๆ
++ไม่จบแค่ API อะไร ต้องดูความหนืดตาม SAE และชนิด++
นอกจากเกรดคุณภาพแล้วยังต้องดูเกรดความหนืดตาม SAE (SOCIETY OF AUTOMOTIVE ENGINEERS) และชนิดของน้ำมันเครื่องว่าจะเลือกแบบธรรมดา กึ่งสังเคราะ หรือสังเคราะห์อีกด้วย นอกจากนั้นยังมีเรื่องของระยะทางที่ถกเถียงกันงงกันว่า ยุคนี้ต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องที่ระยะทางเท่าไรกันแน่ ที่สำคัญ คือ ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับความหนืด และชนิดของน้ำมันเครื่องอยู่อีกมากที่ต้องปรับความเข้าใจให้ถูกต้อง
เกรดน้ำมันเครื่องตาม API เข้าใจและจำง่าย แต่ไม่ค่อยมีใครบอกหรือตั้งใจจะทราบ
โดยคุณ : เวช -
พะ ICQ : 44072
-
[ 18 ส.ค. 2004 , 10:44:45 น. ]
|