หลังจากไปจดสถิติรถตัวเองมา ก็พบว่า
เติมน้ำมันครั้งแรก(วัดจากเต็มถัง)
1) วิ่งได้ 80 กม. ใช้น้ำมันไป 20 ลิตร
2) วิ่งได้ 101 กม. ใช้น้ำมันไป 24 ลิตร
3) วิ่งได้ 33 กม. ใช้น้ำันไป 7.8 ลิตร

ทั้งหมดนี้คืออัตราวิ่งในเมืองนะคะ รถไม่ได้ติดมากมายนัก กลางๆหน่ะ แต่มันก็ไม่มีจังหวะที่เราจะได้ขับเร็วเลยอ่ะ

แต่ ถ้าออกต่างจังหวัด จะประมาณ 8-9 กม.ต่อลิตร ความเร็วที่ 80-120 โดยประมาณนะคะ ก็ไม่ถือว่าสิ้นเปลืองมาก จึงไม่ติดใจ แต่คาใจตรง ในเมืองอ่ะ จะทำไงได้บ้าง แคทก็ตัดแล้ว ปีกผีเสื้อ ตัวเซ็นเซอร์ ก็ล้างแล้ว วาร์วก็เช็คแล้ว จะให้ทำอารายอีกป่าวคะพี่ นุ่นจะแย่แล้วนะคะ ช่วยหน่อยนะ แล้วว่างๆเจอกันที่อู่นะคะ ขอบคุณค่ะ

ICQ :

จากข้อมูลของคุณนุ่นผมว่า 306 คันนี้ผิดปกติมาก เนื่องจากเครื่องในตระกูล XU ค่อนข้างจะบริโภคน้อยครับ ผมมี 306 SR 1999 ใช้งานในเมืองเกิน 7 km/L แน่นอน ส่วนทางไกลวิ่งเฉลี่ย 110 (100-140) จะกินประมาณ 12-14 km/L ครับ ใกล้เคียงกับ spec โรงงาน

วิธีแก้ไข
1) ถ้ายังรักใน PG306 จริง แนะนำว่าแก้ง่ายสุดเปลี่ยนคันใหม่ครับ เนื่องจากถ้าทำไปขนาดนั้น (ผมค้นกระทู้เก่าของคุณนุ่นแล้วผมว่าทำไปเยอะมากและผิดปกติมาก)แต่ยังไม่ดีอีกแสดงว่าอาจเป็นคันที่มีปัญหามาจากโรงงานก็ได้ อ้อผมมี 306 SR อยู่คันหนึ่งเหมือนกันกำลังจะขายสนใจไหมครับลองดูได้ในกระทู้ซื้อขาย (ขอโทษครับที่โฆษณาแอบแฝง)

2) การกินน้ำมันผิดปกติมาจาก A/F ratio ไม่ถูกต้อง ปกติเครื่องยนต์หัวฉีดจะต้องเป็น lean burn (A/F น้อยกว่าค่าเหมาะสมทางทฤษฎี) นิดๆ ทุกคันครับ วิธีตรวจสอบการเผาไหม้ทำได้โดยให้ศูนย์หรือร้านที่ตรวจสภาพไอเสียได้ วัดค่าก๊าซในไอเสียซึ่งจะมีค่าที่เหมาะสมอยู่ครับ (พอดีจำไม่ได้เดี๋ยวจะลองไปหาให้ครับ)

ชิ้นที่เกี่ยวข้องกับ A/F ใน 306 คือ
AIR
- throttle (ลิ้นปีกผีเสื้อ) => ทำแล้วไม่หาย
- vacuum sensor => เข้าใจว่าทำแล้วยังไม่หาย

น่าสงสารนุ่นจัง
เอ้า พี่ๆช่วยน้องนุ่นกันหน่อย

จากข้อมูลของคุณนุ่นผมว่า 306 คันนี้ผิดปกติมาก เนื่องจากเครื่องในตระกูล XU ค่อนข้างจะบริโภคน้อยครับ ผมมี 306 SR 1999 ใช้งานในเมืองเกิน 7 km/L แน่นอน ส่วนทางไกลวิ่งเฉลี่ย 110 (100-140) จะกินประมาณ 12-14 km/L ครับ ใกล้เคียงกับ spec โรงงาน

วิธีแก้ไข
1) ถ้ายังรักใน PG306 จริง แนะนำว่าแก้ง่ายสุดเปลี่ยนคันใหม่ครับ เนื่องจากถ้าทำไปขนาดนั้น (ผมค้นกระทู้เก่าของคุณนุ่นแล้วผมว่าทำไปเยอะมากและผิดปกติมาก)แต่ยังไม่ดีอีกแสดงว่าอาจเป็นคันที่มีปัญหามาจากโรงงานก็ได้ อ้อผมมี 306 SR อยู่คันหนึ่งเหมือนกันกำลังจะขายสนใจไหมครับลองดูได้ในกระทู้ซื้อขาย (ขอโทษครับที่โฆษณาแอบแฝง)

2) การกินน้ำมันผิดปกติมาจาก A/F ratio ไม่ถูกต้อง ปกติเครื่องยนต์หัวฉีดจะต้องเป็น lean burn (A/F น้อยกว่าค่าเหมาะสมทางทฤษฎี) นิดๆ ทุกคันครับ วิธีตรวจสอบการเผาไหม้ทำได้โดยให้ศูนย์หรือร้านที่ตรวจสภาพไอเสียได้ วัดค่าก๊าซในไอเสียซึ่งจะมีค่าที่เหมาะสมอยู่ครับ (พอดีจำไม่ได้เดี๋ยวจะลองไปหาให้ครับ)

ที่เกี่ยวข้องกับ A/F ใน 306 คือ
AIR
- throttle (ลิ้นปีกผีเสื้อ) => ทำแล้วไม่หาย
- vacuum sensor => เข้าใจว่าทำแล้วยังไม่หาย
- วาล์วไอดีไอเสีย => ทำแล้วไม่หาย
- กรองอากาศ => ทำไม่น่ายากและคิดว่าทำแล้ว
- ระบบไอเสีย ตัด cat แล้ว (จริงๆไม่ควรตัดนะรักษาสิ่งแวดล้อมเผื่อรุ่นหลังด้วย) => ยังไม่หาย
FUEL
- ระบบหัวฉีด => ลองตรวจสอบปริมาณการฉีดต่อ cycle ดูว่าปกติหรือไม่ อันนี้อาจต้องยอมพึ่งศูนย์
- กรองน้ำมันเชื้อเพลิง => เปลี่ยนทุก 20,000 km นะครับ

แถมระบบจุดระเบิด (Ignition) และการเผาไหม้
- หัวเทียน => หลายครั้งที่กินน้ำมันเกิดจากสภาพหัวเทียนเสื่อมจุดระเบิดไม่ดี
- Coil จุดระเบิด => ถ้าเสื่อมจะทำให้เครื่องเดินไม่เรียบและทำให้กินน้ำมันมาก
- Battery และไดชาร์ท => อันนี้ไม่ค่อยเกี่ยวเท่าไรแต่อย่าลืมดูแล
- ระบบสายกราวด์ (ground) => สำหรับเครื่องหัวฉีดสำคัญมากเนื่องจากจะทำให้ระบบไฟฟ้าครบวงจรอย่างสมบูรณ์ และไหลสะดวก ถ้าไม่ดีเครื่องอาจเดินไม่เรียบกินน้ำมันได้เช่นกัน
- ปริมาตรห้องเผาไหม้ => เช็คประเก็นฝาสูบ การเปิดปิดของวาล์วทั้งไอดีไอเสียว่าสนิทหรือไม่ รวมถึงการเคลื่อนที่ของลูกสูบและสภาพแหวนลูกสูบ
- ความฝืดในการทำงานของเครื่องยนต์ => รถวิ่งในกรุงเทพ ambient temp ค่อนข้างสูงและ 306 เป็นรถที่ระบายความร้อนไม่ค่อยดี ดังนั้นพวกน้ำมันเครื่องอาจต้องเปลี่ยนบ่อยเพื่อรักษาคุณสมบัติการหล่อลื่นที่ดี (ธรรมดา 5000 => 3500, syn 20,000 => 15000)

ระบบอื่นที่ควรเช็ค
- Air ทำงานปกติหรือไม่ comp air ตัดต่อปกติไหมถ้าถี่เกินไปจะกินน้ำมัน เนื่องจากต้องใช้แรงเครื่องหมุนออกตัวตอน comp ทำงาน
- รอบเดินเบาปกติจะอยู่ที่ 750-850 ถ้าสูงกว่านี้ผิดปกติและเป็นสาเหตุของการกินน้ำมันมากได้
- ระบบระบายความร้อนปกติ ดูจากอุณหภูมิน้ำหล่อเย็น ถ้ารถไม่ติดควรอยู่ในช่วง 80-85 ถ้าติดมากๆ ไม่ควรเกิน 95 ครับ (ปกติ PG ทุกคันถ้าปกติ Temp max จะไม่เกินกึ่งกลาง)

เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่ค่อยใช้ 306 เอง ใช้แต่ 605 ซึ่งเป็น 4 V/สูบ และ 305 Caburator จึงพอรู้แค่นี้ครับ ลองตรวจดูขอให้โชคดีนะครับ แต่ถ้าไม่หายต้องลองเปลี่ยนคันใหม่แล้วครับ (โฆษณาแฝงอีกแล้ว :D )

รายละเอียดอื่นๆ ลองให้ถามคนใช้ 306 ที่ไม่กินน้ำมันดูครับ

Oxygen sensor ครับ ดูปลายท่อขเม่าดำหรือเปล่า หากดำ ก็น่าจะมีปํญหา.....
ตัวนี้ทำหน้าที่ Generating แรงดันประมาณ 0-1.0 volts หาก Sensor สร้างแรงดันออกมาต่ำจะทำให้ส่วนผสมหนา เป็นตัว update อัตราการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงของระบบหัวฉีด
ง่ายๆ นำรถไปเช็คค่า Co จะมีค่าสูงมาก

แก้คำผิด เขม่า...

หรือว่าตัวคนขับมีน้ำหนักมากเกินไป จึงทำให้อัตราการบริโภคน้ำมัน มากเกินปกติ แก้ไขง่ายๆ โดยการลดน้ำหนักครับ......

ผิดปกติแน่ๆครับ บริโภคเท่ากับ Jeeb 4.0 L. เลย เอาใจช่วยนะครับ น้ำมันแพง

พี่คะ คันนี้ซื้อเมื่อธันวา ปี 96 วิ่งไปจนถึงตอนนี้ก็ 275,870 กม. ตอนออกมาใหม่ๆเลย(ป้ายแดงเลยเนี่ย) ถ้าความเร็วประมาณ 120 ได้ 12 โล/ลิตร

พี่คะ คันนี้ซื้อมาป้ายแดงเลยปี 96 ขนาดตอนนั้น ยังวิ่งได้ถ้าความเร็วประมาณ 120
กม.ก็จะ กินที่ 12 ลิตร แล้วจากนั้นประมาณ 4-5 ปีก็กินที่ 8 ลิตร ที่ความเร็วประมาณเดิม
ก็ไม่หนักหนา ในเมืองแบบรถติดๆ ก็จะ ประมาณ 6 อืม ลืมบอกไป ว่าจนถึงวันนี้ก็ใช้ไป
275,850 กม.แล้ว ไม่รู้เกี่ยวกันป่าวนะคะ แต่ตอนนี้มันแบบ...จู่ๆก็ได้ 4 โลลิตรตอนในเมือง
ซึ่งไม่ติดมาก แอร์ปกติ กราวน์นี่นุ่นไม่แน่ใจว่าปกติป่าว สังเกตุจากอะไรได้บ้างคะ

แล้วความรอ้นก็ปกติที่ไม่เกิน 90 อืม หัวเทียนเปลี่ยนแล้ว กรองอากาศเปลี่ยน เหลือหัวฉีด
กะ กรองน้ำมัน มั้งนะ (มันเยอะอะไม่แน่ใจว่าเปลี่ยนยัง)

น่าเห็นใจครับ 306 เหมือนกัน ของผม 8 กม.ขึ้นนะครับ ติดบ้างไม่ติดบ้าง นอกเมือง 11-12.5 ครับ ผมว่าน่าจะเข้าข่ายของคุณ ji นะถ้าใช้นำ้มันมาก ขอเสนอนะครับ
แก๊ส........ครับ ถูกแน่นอน (ผมก็สนใจอยู่เหมือนกัน)

วิ่งมา 275,000 km อาจมีผลแต่ถ้าสภาพเครื่องดีไม่เกี่ยวครับ บางคันวิ่งมาเกิน 300,000 แล้วเช่น 305 ของผมการกินน้ำมันยังใกล้เคียง specโรงงานครับ

ขอ update ข้อมูลเรื่อง วัดค่าก๊าซในไอเสียที่ค้างไว้ครับ ถ้า A/F ปกติควรได้ค่าใกล้เคียงตามนี้ครับ

Carbonmonoxide (CO) < 1.5% v/v กรณีไม่มี cat => มากกว่านี้แสดงว่าส่วนผสมหนาไปทำให้เผาไหม่ไม่สมบูรณ์ครับ

็Hydrocarbon (HC) < 200 ppm กรณีไม่มี cat => ตัวนี้จะบอกปริมาณเชื้อเพลิงคงค้างที่ไม่ถูกเผาไหม้ครับ ถ้ามากแสดงว่า A/F ผิดปกติ

Carbondioxide (CO2) = 12.8-14.3 % v/v
Oxygen (O2) = 0.6 - 2.4 % v/v
ทั้ง 2 ตัวนี้จะเป็นตัวบ่งบอกการเผาไหม้สมบูรณ์ ถ้า O2 เหลือเยอะแสดงว่ามี excess air เป็น lean burn ที่ถูกต้องแล้วครับ อย่างไรก็ตามต้อง check oxygen sensor ตามที่คุณ ji บอกด้วยครับซึ่งถ้าไม่ปกติอาจทำให้ระบบหัวฉีดทำงานผิดพลาดได้

Oxygen sensor มีหน้าที่ calibrate ปริมาณการจ่ายน้ำมันให้เหมาะสมกับอากาศดังนั้นถ้าเพี้ยน เช่นอ่านค่า O2 ได้มากกว่าความเป็นจริงก็จะสั่งจ่ายน้ำมันเพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุของการกินน้ำมันอย่างที่คุณ ji ว่าไว้ครับ

หมายเหตุ ค่าไอเสียที่ได้นี้ต้องวัดตอนเครื่องอยู่ในอุณหภูมิทำงานและระบบไอเสียต้องไม่รั่วนะครับจึงจะได้ค่าที่ถูกต้อง

แนะนำว่าทำที่ Shell Autoserv ได้ครับน่าจะมี gas analyser เนื่องจากที่บริษัทเคยจ้างมาตรวจสภาพครับ

ขอให้โชคดีครับ

นุ่น พวกเราไปรอที่อู่ทั้งวันก็ไม่เห็นมาเลย จะได้ช่วยกันดูว่าเกิดอะไรขึ้นถึงได้กินขนาดนั้น

น่าจะหาช่างที่ชำนาญ แก้ปัญหาได้ตรงจุดน่าจะดีกว่า

สังเกตุดูหากเป็น Post ของนู๋นุ่นเนี้ยพี่ ๆ จะเอาใจใส่เป็นพิเศษ..กระทู้ยาวเหยียดเชียว...ต้องยกให้เป็นขวัญใจตัวจริงซะแล้ว..(ไม่รู้จายกไหวเปล่า 5555 ) อีกตัวนึ่งอย่าลืมดูเพราะไปกระตุกที่นู๋นู่น Post ไว้ว่าจู่ ๆ ก็เป็นขึ้นมาแบบกระทันหัน..มันต้องมีจุดชำรุดอยู่แน่ ๆ ก็เห็นไล่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ แสดงว่ายังไม่ท้อ...อีกตัวแล้วกัน...Pressor Regurator ครับ ตรวจดูยัง ?....เจ้าตัวที่อยู่ปลายรางหัวฉีดที่ทำหน้าที่คุมแรงดันน้ำมันส่วนเกินให้กลับเข้าถังน่ะ...ยังปกติสุขดีอยู่หรือเปล่า..เพราะหากมันเจ๊งก็ทำให้กินน้ำมันได้เหมือนกัน...คิดว่าป่านนี้ปลายท่อไอเสียคงดำปี๋แล้วมั้ง.......

ตอนนี้สงสัย
1.Pressor Regurator ไม่รู้เช็คยังไงใครรู้บ้าง
2.ถังดักไอน้ำมันเครื่อง กับตัวปั๊มเล็กๆ ไม่รู้เรียกว่าอะไร(ไม่รู้เช็คยังไงใครรู้บ้าง
...อีกแล้ว) น่าจะถอดมาล้างบ้างแต่ก็ถอดออกมาไม่เป็น เพราะมันอยู่ในซุ้มล้อด้านซ้าย (หันหน้าเข้ารถ)
3.O2 เซ็นเซอร์ เพราะว่าไปตัด cat ออกแล้วจะมีปัญหาเรื่องของสายกราว์ท่อไอเสียมั้ย(ไม่รู้ O2 ต้องใช้กราว์ที่ท่อไอเสียมั้ย)

ข้อที่ 1 เช็คโดยการดึงสายท่ออากาศที่เสียบออกดูหากมีน้ำมันเบนซินไหลออกมาแสดงว่าตัวนั้นใช้ไม่ได้แล้ว และอีกอย่างมันจะติดเครื่องยากด้วย
ข้อที่ 2 ถังดักไอน้ำมันสามารถเอาออกมาเป่าได้ แต่ถ้าหากมันตันจริงๆ ควรเปลี่ยนพร้อมล้างวาวล์ตัวเล็กๆ ที่ว่าไปพร้อมกัน สังเกตุหากมีกลิ่นน้ำมันฉุนๆ มีโอกาสถังดักตัวนี้ตันทำให้กินน้ำมันได้
ข้อที่ 3 ถึงจะตัด cat ออกเจ้า O2 ก็ยังทำงานและอาศัยสายดินจากท่อไอเสียใต้รถครับ

ก็เสาร์อาทิตย์นี้มันไม่ว่างค่ะพี่ เจอกันเสาร์หน้าเช้าๆแล้วกันนะ

พี่ค่ะ เนี่ยขับกลับมาจากชลบุรีเนี่ย 300 กม.ใช้น้ำมันไป 27.7 ลิตร ดีใจมากๆ แต่นี้มันวิ่งต่างจังหวัดไง

กลับเข้ามากท. ก็เอาอีกแล้ว.....แปลกใจมากๆ หรือเป็นไปได้ม๊ะที่เกียร์ 1 -2 มันกินน้ำมันมากผิดปกติ

ไอ้ตัวนี่แหละPressor Regurator
พี่เปลี่ยนมาแล้ว หายซดเป็นปลิดทิ่ง
ดับเครื่อง ดึงสายออกมา เอานิ้วแตะที่ปลาย
ถ้ามีน้ำมันหยด แสดงว่าเจ๊งแล้ว

แต่รถนุ่นติดเครื่องง่ายนะ สตาร์ททีเดียวติดตลอด เกี่ยวป่าวคะ ก็อ่านจากที่พี่เฮงโพส เห็นบอกว่าถ้าตัวนี้จะติดเครื่องยาก

จุ๊จุ๊....อย่าบอกใครนะ...นู๋ก็แอบจิ๊กของชาวบ้านไปลองใส่ดูก่อนสิ...ยกมาทั้งรางเลยเป็นไง...หายแล้วค่อยซื้อเปลี่ยนในเวปนี้มีตั้งหลายคัน.....

รถนุ่น Pressor Regurator เท่าที่เคยมองๆแห้งสนิทเลย(ภายนอกนะ) แล้วก็จะเหลือถังดักไอน้ำมันที่มองไม่เห็น......
ส่วนสายยางที่ต่ออยู่กับวาวล์ตัวเล็กๆ ไปถังดักไอน้ำมันค่อนข้างจะแข็งแล้ว ตันไปแล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้
*** แล้วเราจะตรวจเช็ค O2 เซ็นเซอร์ได้ยังไงครับว่าเสียหรือยัง แล้วสายดินต่ออยู่เรียบร้อยดี เพราะก้มลงไปดูก็มองไม่เห็น(สายดิน)เลย

เออ.....จิงเหรอพี่ สารภาพว่า ยังหาเองไม่เจอเลยไอ้ตัวเนี้ย Pressor Regurator แต่ก็ขอบคุณท่านพี่อ๊อดมากที่อุตส่าห์มองแล้วจำได้......และแล้วความซวยก็กระหน่ำซ้ำนอกจากจะรับประทานน้ำมันสุดๆแล้ว เมื่อวานดันมีเบาดับอีก จะบ้าตาย อารายหว่าแต่วันนี้ไม่เป็นไรนะ งง มากๆๆๆๆๆ

ขอบคุณพี่ DEN เป็นความคิดที่ดีมากเลยท่าน

ถึงเวลาเปลี่ยนรถใหม่แล้วจ้า...

คันนี้เขาว่าปี89แต่จดทะเบียน90 ในเมือง 10 ก.ม./ลิตรสบายๆที่ความเร็ว90
ถ้าต่างจังหวัดความเร็วระหว่าง100-120
จิบๆที่14กม.++/ลิตร ก็สมกับที่ให้ความดูแลเค้าอย่างดี

เฮ๊ย นุ่น รีเซ็ทกล่องไปยัง ?

นุ่นเห็นรถพี่อย่าอิจฉานะ 15.8 กม/ลิตร ที่ 80 กม/ชม.

ทำแล้วอ๊าร์ทเอ้ยยยยย
ช่่วงนี้มีเบาดับด้วย จะบ้าตาย