รถผม 406 D8 กินน้ำมัน 5 กิโล/ลิตร เข้าศูนย์ช่างบอกว่าตรวจเช็ค diag 2000 แล้วไม่พบอะไรผิดปกติ ตรวจสอบกำลังอัดแล้วก็ ok ยังดีมากอยู่ (รถวิ่งมา 9.7 หมื่นแล้วครับ) เว้นแต่น๊อคเซ็นเซอร์รายงานว่ามีการน๊อคบ่อยเท่านั้นช่างบอกว่าได้ลองเอาน้ำมันผมไปตรวจดูแล้วพบว่าน้ำมันมีอุณหภูมิต่ำผิดปกติ แล้วถามว่าผมใช้น้ำมันจากปั๊มเดิมตลอดหรือเปล่า ผมบอกว่าเปล่าแต่พยายามเติม shell เท่านั้นเพราะคิดว่ามันดี ช่างเลยแนะนำว่าให้ผมลองเปลี่ยนยี่ห้อน้ำมันดู หากเปลี่ยนแล้วอาการน๊อคไม่หายไป ก็น่าจะลองล้างทำความสะอาดวาล์วไฮโดรลิคดู เพราะบางทีมันอาจจะเปิดปิดผิดพลาด ทำให้เกิดการน๊อคขึ้น แล้วเลยกินน้ำมัน (ตรงนี้ผมก็งงแล้วว่าการน๊อคมันจะเกิดจากจังหวะการเปิดปิดวาล์วนี้ด้วยเหรอเนี่ย) อย่างไรก็ตามผมก็ได้ลองเปลี่ยนมาเติม Esso ก็พบว่ายังกิน 5 กิโล/ลิตรอยู่ดี แต่ผมมีข้อสังเกตุว่ารถผม ตรงวาล์วกักไอน้ำมัน และตรง housing unit ของลิ้นเร่งจะมีคราบน้ำมันและฝุ่นผงเกาะเยอะ ผมคิดว่ามันจะสกปรกหรือมีอะไรรั่วๆ แถวนี้หรือไม่ ตรงรางหัวฉีดก็ดูไม่มีอะไรรั่วซึม อยากถามทุกๆ ท่านว่า ไอ้การที่รถกินน้ำมันมากกว่าปกติ 1.5-2 กิโล/ลิตร นี่มันจะมาจากการเปิดปิดวาล์วผิดจังหวะเล็กน้อย หรือมาจากการที่ส่วนผสมหนาเกินไป หรือจะมาจากเกิดการรั่วซึมในระบบ อะไรน่าจะเป็นตัวการมากกว่ากันครับ คือผมเชื่อว่าการล้างวาล์วไฮโดรลิคไม่น่าจะแก้ปัญหาการกินน้ำมันได้ การล้างน่าจะแก้เรื่องการเดินไม่เรียบ สะดุด อะไรทำนองนั้นมากกว่าน่ะครับ

ICQ :

ผมว่าไม่น่าเกี่ยวกับวาล์ว ถ้าเปิดปิดผิดจังหวะ เครื่องจะต้องสั่นโดยเฉพาะเดินเบา
อาการที่ว่า knock บ่อย มันหมายถึงมีการชิงจุดระเบิดก่อนจังหวะศูนย์ตายบนในห้องเผาไหม้ (ไม่รู้เรียกถูกหรือเปล่า) มันก็เนื่องมาจากน้ำมันที่ใช้ค่าอ๊อกเทนไม่ถึง ไม่สามารถหน่วงเวลาการจุดระเบิดได้ ก็น่าจะมีผลต่อการกินน้ำมันได้นะ เพราะ Knock Sensor จะสั่งให้ ecu ลดองศาจุดระเบิดลง เพื่อไม่ให้ชิงจุดก่อน รถก็จะวิ่งไม่ออก (อาการตั้งไฟอ่อน) อาการนี้ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ผู้ขับจะไม่รู้สึก เพราะระบบจะปรับทุกอย่างให้พอดี

ผมสังเกตุว่า 406 d8 หลายคันมีอาการกินน้ำมัน และวิ่งไม่ออก แ้ก้เท่าไหร่ก็ไม่หาย
ผมสงสัยเรื่ององศาจุดระเบิดมากๆ แต่ไม่เห็นมีช่างที่ไหนพูดถึง (เพราะอาศาจุดระเบิดกับการจ่ายน้ำมัน ควบคุมด้วย ecu) แต่ที่ผมสงสัยคือมันมี sensor อะไรบ้างที่ป้อนข้อมูลไป ecu เกี่ยวกับการจ่ายน้ำมันและองศาจุดระเบิด เช่น knock sensor, oxegen sensor, speed sensor, และ sensor ทุกตัวที่อยู่ที่ชุดปีกผีเสื้อ ฯลฯ ช่างน่าจะเอา sensor ทั้งหลายทั้งปวงพวกนี้ออกมาทำความสะอาดปลั๊กหรือตรวจสอบดู น่าจะเป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ตรงจุดนะครับ

ตอนนี้ไม่ได้ใช้ d8 แล้ว แต่อยากให้พวกเราที่ใช้อยู่ ใช้ได้อย่างไม่มีปัญหา จึงพยายามหาข้อมูลและให้ความเห็น เพื่อจะเป็นแนวทางได้บ้างนะครับ

ใช้ 406D8 เหมือนกันครับ แก้ปัญหามาพอสมควรแล้ว (ได้พี่วันชัยนี่แหละครับคอยแนะนำ) แต่ขอสอบถามเพิ่มเติมนิดเกี่ยวกับลักษณะการขับขี่ครับ อยากทราบว่าที่ได้ 5 โลลิตรเนี่ย รถติดขนาดไหนครับ แบบ ขับจอดๆ ตลอดเลยหรือว่าไหลๆ แล้วลักษณธการเหยียบคันเร่งเป็นยังไงครับ เป็นแบบ ค่อยๆ ออกหรือว่าเหยียบเพื่อให้ได้อัตราเร่งครับ ตรงนี้ผมคิดว่ามีผลพอสมควรเลยนะครับ

ของผมเนี่ยก็ได้ในเมืองแค่ 7 โลลิตรครับ แต่นอกเมืองได้ 11-12 ผมลองวิเคราะห์แล้วครับว่าทำไม D8 ถึงกินน้ำมันในเมืองกว่าชาวบ้านได้ผลอย่างนี้ครับ(ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ครับ)
- รอบเดินเบาสูงครับ (ตั้งไม่ได้อีกต่างหาก) ถ้ารถติดมากๆ เนี่ยรับรองซดอุตลุดครับ
- มี engine brake ครับ -> อันนี่เป็นอีกปัจจัยนึงเลยที่ทำให้การขับขี่ในเมืองกินน้ำมันเพิ่มขึ้น เพราะจังหวะที่เราอยู่เกียร์ 3 แล้ว เหยียบเบรค รถจะทำ engine brake โดยลดมาเกียร์ 2 แล้วเพิ่มรอบเพื่อให้เครื่องไม่กระตุกจนเกินไป อันนี้แหละครับที่ผมคิดว่ากินน้ำมันเยอะ เพราะลดความเร็วแต่รอบเพิ่ม อันนี้ก็ต้องทำใจครับ ความปลอดภัยที่ต้องจ่ายน้ำมันเพิ่มนิดหน่อย ^-^

เพราะฉะนั้นถ้าเป็นการขับขี่ในเมืองที่รถไหลไปเรื่อยๆ แต่ขับแบบเร่งๆ เนี่ย จะโดนทั้ง 2 เด้งเลยครับ ^-^
ทั้งหมดเป็นแค่ความเห็นส่วนตัวครับ พี่ๆ คนอื่นๆ ช่วยเสริมได้ครับ

ึึอย่างที่คุณ กานต์ บอกครับ ลองปรับเปลี่ยนวิธีการขับดู อาจจะช่วยได้มากอยู่ ของผมวัดอัตราสิ้นเปลืองล่าสุด วิ่งจากรังสิตผ่านถนนวิภาวดีฯ ไปถึงถนนสาธร ไป-กลับเกือบทุกวัน อัตราสิ้นเปลืองได้ 10.25 กม./ลิตร กดคันเร่งแผ่วๆ วิ่งไม่เกิน 110 กม./ชม. เปลี่ยนไส้กรอง+เป่า+น้ำมันเครื่องตามกำหนดและสม่ำเสมอ... นอกนั้นเกี่ยวกับเครื่องยนต์ยังไม่ได้ทำอะไรเลยครับ...