ผมไม่ได้มาป่วนนะครับ คือ อยากถามว่า
เปอโยต์พอนานไปมีปัญหามากหรือครับ เช่นระบบไฟหรือสายไฟเสียภายในเวลาไม่นาน อุปกรณ์ภายใน ขอบยางมักเสื่อมเร็วมาก ส่วนศูยน์นั้นก็แพงสุดๆ อะไหล่ก็ใช่ย่อย เครื่องยนต์อึดแถมระบบเกียร์รวนมากๆ ผมสนใจอยู่ 405 L5 แต่พอหากระทู้อ่าน บอกเลยสงสัยสุดๆ เลยเอาที่เค้าว่ามาถามครับ ช่วยตอบที ขอบคุณครับ ..ถามไม่จริง ผมใช้แน่ๆ

ICQ : -

405 ใช้มา13ปียังไม่เคยทำอะไรเกี่ยวกับสายไฟเลยครับ อุปกรณ์พลาสติกภายในค่อนข้างจะไม่ทนถ้าตากแดดบ่อย เกียร์ออโต้ถ้าถ่ายน้ำมันเกียร์ตามระยะก็ทนพอๆกับรถญี่ปุ่น เครื่องยนต์ก็ไม่อืดนะครับนอกจากไปเจอคันที่ไม่ค่อยจะดูแลจริงๆ

405 GR รถ 14 ปีแล้วครับ ทุกอย่างยังคงเดิมนะ ทั้งระบบไฟ และ ขอบยาง อยู่ในสภาพใช้งานได้ปกติ 80 - 90 % ขึ้นนะ ที่จะมีก็คงเป็นการยุบตัวของขอบยางนะครับ อาจทำให้เกิดมีลมเข้าบ้าง ก็คงเป็นปกติของรถ 14 ปีนะครับ (ปี 90) แต่ที่ผมจะให้แง่คิดคือ สภาพรถอยู่ที่การใช้งานนะครับ อย่ามองเรื่องอื่น เช่น การขับขี่, การจอดตากแดด เป็นต้นนะครับ

ผมใช้เปอร์คันนี้มาตั้งแต่1985 วิ่งมา 3 แสน กม.เศษเดื๋ยวนั้ยังใช้คันเดิมอยู่เรื่องระบบไฟยังปกติดี แค่ดูแลสายGrond ทุกปีเท่านั้นท่อยางระบบความร้อนเข้า ออก ยังเส้นเดิมอยู่ ขอบยางประตูแฟบตามเวลา อะหลั่ยใน กทม.แถววรจักรมีตรึม เกือบทุกชิ้นราคาถูกมาก (มากกว่ารถสกุลเอเชีย) ส่วนข้อเสียหายจริงๆมีดังนี้
1.เกิดจากศูนย์ที่เอาแต่ได้ ตั้งราคาอะหลั่ยแพงกว่าท้องตลาดมากๆๆๆๆค่าแรงก็แพงแบบไม่สมเหตสมผล(รถญี่ปุ่นในปัจจุบันก็เริ่มเจอแบบนี้แล้ว) ด้วยหวังจะใช้ราคาเป็นการยกระดับเกรดรถให้สูงกว่ารถญี่ปุ่น
2. ไม่ยอมถ่ายทอดเทคนิคการซ่อมให้กับช่างภายนอก มีแต่ช่างเถอะมั่วเลยเละพอหมดฝีมือก็บอกว่าเปอร์โยต์ไม่ดี ส่วนช่างศูนย์ที่ออกมาเปิดอู่เองมีไม่น้อยที่มีความคิดฟันลูกค้าเหมือนศูนย์
3. การพัฒนาระบบการให้บริการและอบรมช่างให้มีความเชี่ยวชาญโดยเฉพาะรถรุ่นใหม่ๆมีน้อยกว่าผู้ค้ารถญึ่นปุ่นหลายก้าว เนื่องจากตลาดรถยุโรปในเมืองไทยที่ผ่านมาใน อตีตนั้นมีขนาดจิ้บจ้อยเมื่อเทียบกับประเทศใหญ่ๆทั่วโลกเนื่องจากรายได้ประชากรต่ำ ผู้ผลิตรถยนต์ค่ายยุโรปจึงมองข้ามประเทศไทยไป
4.ผู้ใช้รถค่ายยุโรปเมื่ออกหักกับวิธีคิด และการปฏิบัตืต่อลูกค้าของศูนย์ เลยช่วยกระจาะข่าวจนเสียหายถึงตัวยี่ห้อรถนั้นๆทำให้ราคารถมือสองค่ายยุโรปตกแบบไม่สมเหตุสมผล เลยเป็นเรื่องที่ดีของผู้ที่ต้องการของดีราคาถูก และมีรู้ทันเล่ห์กลพวกนักฟันตลอดจนพอมีฝีมืออยู่บ้างจะได้รถดีดีไว้ใช้

ถ้าเอาเฉพาะเรื่องสายไฟ ระบบไฟรวนเมื่อเก่ามากๆ ถ้าพูดกันที่ระดับ 10ปีคิดว่ายังไม่มีปัญหานะ ถ้าเจ้าของรถไม่ไปให้พวกช่างเถอะซ่อมรถให้

แต่ถ้าเกิน 10ปีขึ้นไปก็ตามสภาพล่ะ น่าจะเป็นทุกยี่ห้อนะเรื่องนี้ แต่ยี่ห้ออื่นอาจจะถูกขายไปซะก่อนตั้งแต่5ปีที่ใช้มาเลยไม่รู้ว่ามันจะเสีย

เปอร์โยต์ของผมอายุยังไม่ถึง 10ปีเลยไม่รู้ว่ามันจะรวนหรือเปล่า แต่ซีตรองของผมซึ่งมันก็โรงงานเดียวกับเปอร์โยต์นี่แหละใช้มันถึง16ปี สายไฟมันก็กรอบตามอายุนะ พวกแผงรีเลย์นี่จะช๊อตบ่อย แต่ช่างซีตรองเขาก็แก้ได้แบบขาดเลย สุดท้ายตัวถังพังก่อนระบบไฟและเครื่อง 16ปีอัดสุดๆไม่เคยโอเวอร์ฮอลเลย ยกคลัชอย่างเดียว

เรื่องเกียร์ ใช้ 405 ถึงแสนกม.ก็ปกติดี คลัชก็ไม่เคยเปลี่ยนวิ่งได้เต็มไมล์เหมือนใหม่ๆ ซึ่งรุ่นนี้เขาก็ร่ำลือกันว่าจะพังตั้งแต่ 8 หมื่นกม.โน้น แต่ที่ใช้อยู่ก็ผ่านแบบไม่มีปัญหา

อยู่ที่การดูแลครับทุกยี่ห้อ ถ้าซ่อมถึง รถมันก็สภาพถึงๆอยู่แล้ว

หากผู้ใช้รถมีความรู้เรื่องโครงสร้าง และการออกแบบระบบช่วงล่างของรถอยู่บ้าง ถ้าก้มลงดูใต้ท้องรถเปอร์โยต์กับรถญี่ปุ่นทุกยี่ห้อก็จะบอกได้ทันทีว่ารถยี่ห้อใดตีราคาค่าชีวิตของผู้ใช้รถสูงกว่ากัน

ผมยินดีจริงๆ กับทุกคำตอบเลยถูกใจมากๆ ให้ความเห็นได้ตรงใจในหลายๆ มุม ตอนนี้ผมถึงได้ใช้รถดีราคาถูกอย่างคุณที่ 3 ว่าเลยรถยุโรปให้สมรรถนะในความปลอดกัย ดีกว่าญี่ปุ่นเยอะ เวลาฉุกเฉินเสี่ยววินาทีคุณจะรู้ว่าสิ่งที่เรารอดมาได้ก็เจ้าคันนี้แหล่ะ ความที่มันเกาะหนึบเป็นตุ๊กแก ไม่โคลงไปมา จะกระชากหักหลบฉุกเฉินก็ทรงตัวอยู่ในสภาพที่เราควบคุมได้ ผู้ตั้งกระทู้คงหมายถึง 406 L5 ตัวใหม่ไปดูตัวจริงมาแล้ว ราคากับคุณภาพสมเหตุสมผลกว่า รถญี่ปุ่นขนาดเดียวกัน เพียงแต่คุณศึกษาและเข้าใจระบบพื้นฐาน การบำรุงรักษา แค่นี้เรียกได้ว่าได้รถดีคันหนึ่ง

รถผมเรื่องระบบไฟมีปัญหาเล็กๆ(แตรไม่ดัง ไฟหน้าไม่สว่าง)ในช่วงแรกๆที่ได้รถมาครับ แต่ไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่เพราะมีวงจรให้ไล่ สาเหตุที่รวนก็มาจากระบบสายไฟของเปอร์โยจะเป็นแบบท่อนๆแล้วต่อแต่ละท่อนด้วยคอนเน็กเตอร์ ซึ่งมันดีตรงที่เวลาซ่อมส่วนไหนกรอบเก่าก็ซื้อท่อนนั้นมาเปลี่ยน แต่ข้อเสียคือ ตรงช่วงคอนเน็กเตอร์(ส่วนของห้องเครื่อง)เมื่อดูแลไม่ดีมันจะแบดคอนแทคด้วยฝุ่นและความชื้นและความสกปรกต่างๆ ทำให้ไฟเดินไม่สะดวก แต่สายไฟและคอนเน็กเตอร์ในห้องโดยสารยังดีอยู่มาก ไม่มีกรอบหรือสีเปลี่ยนเลย

อุปกรณ์ภายในพวกคอนโซลเหนียวและเสียงดัง จะมีปัญหาในรุ่น GR ตั้งแต่ปีไหนลงไปผมจำไม่ได้ครับ ส่วนวิธีแก้ก็เอาแอลกอฮอล์มาเช็ดออก แล้วจะพ่นสีทับหรือแว็กซี่ลงอย่างเดียวก็ตามใจ ส่วนเสียงดังก็คงต้องหาวัสดุมาอัดตามรอยต่อระหว่างชิ้นให้แน่น ส่วนรถผมไม่ได้ทำครับ ขี้เกียจถอด บางทีถอดอาจมีแตกได้ ในความคิดผม คิดว่าเกิดจากการออกแบบและเลือกวัสดุมาใช้ยังไม่ดี หรือมันอาจจะดีเมื่อ10กว่าปีที่แล้วก็ได้ ยกตัวอย่างพวกสวิทช์กระจกขึ้นลง หรือโคมไฟในห้องโดยสาร ขาที่ล๊อกมันบอบบางและกรอบแตกได้ง่าย ดึงออกจากเบ้า บางทีขาหักเฉยเลย เลยต้องเอาอะไรมาอัดให้แน่นแทน

ที่ว่าขอบยางเสื่อมก็คงตามอายุแหละครับ แต่มันก็ไม่ถึงกับน้ำเข้าแบบนองเต็มรถนะครับ แค่ลมเข้าที่ 110Km/H และผมยังไม่เคยเจอรถที่มีอายุเป็น10 แล้วขอบยางยังดีอยู่เหมือนป้ายแดงเลยครับ หรืออย่างป้ายแดงเมื่อวิ่งเร็วๆก็มีลมเข้าเหมือนกัน แต่ซัก140-170ได้มั้ง

เทียบอะไหล่ศูนย์ด้วยกัน ผมว่าเปอร์โยถูกกว่ายี่ห้ออื่นนะครับ

เรื่องอืด ผมว่าเป็นความจงใจของรถฝรั่งมั้งครับ จากประสบการณ์ (ยกเว้น BMW) ตอนออกตัวแทบทุกยี่ห้อแพ้ญี่ปุ่นทั้งนั้น แต่พอซักเกียร์ 3 ขึ้นไปก็เริ่มแซง ส่วนเกียร์ก็อายุพอๆกับยี่ห้ออื่น แต่มีหลายลูกที่สั้นกว่า ก็ไม่รู้ว่าดูแลไม่ดีหรือโรงงานไม่ดี

406 L5 ยังไม่เคยครับ

ขอบคุณสำหรับคำตอบของทุกท่านครับที่ทำให้ผมตัดสินใจได้ว่าจะใช้รถคันไหน ขอบคุณครับ

แล้วตกลงคุณคอมคลับจะเลือกรถคันไหนครับ?

405 กะ 406 เป็นรถคนละยุคกัน 406 เป็นรถยนต์ยุคใหม่ hi tech มาก ๆ โดยเฉพาะ EA9 ดังนั้นควรพิจารณาข้อเสียตามที่คุณความเห็นที่ 3 ว่ามาให้มากๆนะครับ
ส่วนข้อเสียอื่นๆที่เจ้าของกระทู้ถามมา 406 ไม่มีแล้วครับ

ผมเลือก 406 L5 ละครับ ปัญหาจากความเห็นที่3 ไม่ได้เกิดจากตัวรถเอง คงพอแก้ไม่ยากนัก ถ้าจำเป็นก็ต้องถามใน webboard ละครับ

เข้ามาตอบแบบมึนๆ เพราะเพิ่งเจอลูกค้าโทรมาคุยตอนเกือบๆ ตี1......ฮ๊าวววววว มีเพื่อนแม่เพิ่งถอย 406 L5 มา หลังจากเขาไปลองบีเอ็ม 318i ซึ่งออฟชั่นน้อยกว่าแต่...ราคาแพงกว่า แล้วจึงตัดสินใจเลือกเปอร์โยต์ เขาให้เหตุผลง่ายๆ ว่า รถกับออฟชั่น คุ้มเกินราคา หรูหรา และไฮเทคกว่า นั่งสบายกว่า เรื่องความหล่ออาจจะน้อยกว่านิดนึง แต่ แลกกับหลายๆ อย่าง "คุ้มกว่า"