www.VlovePeugeot.com - Please Ctrl+D Bookmark Now!

VlovePeugeot.com Webboard


405 ปัญหาขับแล้วเกียร์ฟรี และเครื่องยนต์ดับไปเฉยๆ เลยครับ
ขับเปอร์โย 405 GR เกียร์ออโต้ ครับ ขับไปอยู่ดีๆ เกียร์ออโต้ก็ฟรีเฉยเลยครับ เหยีบคันเร่งรอบเครื่องก็ขึ้น แต่เกียร์ฟรี รถก็ไหล่ไปเรื่อยๆ แล้วอยู่ๆเครื่องก็ดับตามเลยครับ พอจอดก็สตาร์ไม่ติด ตอนแรกนึกว่าเกียร์ออโต้มีปัญหา เช็ดน้ำมันเกียร์แล้วเห็นว่าเหลือน้อย เลยเติมเข้าไป ซักพักก็ใช้งานได้ตามปกติ กลับมาบ้านเลยเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเกียร์ออโต้เข้าไปใหม่ ใช้ได้ปกติอยู่ 3 วัน พอมาวันนี้ (อังคาร 30 /11/47) พอขับออกจากบ้านได้ประมาณ 15 นาที อยู่ก็มีอาการเดิมครับ ขับอยู่ที่ประมาณ 30-40 กม./ชั่วโมง ประมาณนี้แหละครับ อาการแรกคือ เกียร์ก็มีอาการฟรี เหยีบคันเร่งแล้วรอบขึ้นอย่างเดียว แล้วรถก็ไหลไปซะพัก เครื่องยนต์ก็ดับเองครับ พอจอดจะสตาร์ต่อก็ไม่ติดแล้วครับ เช็ดน้ำมันเกียร์ก็ยังมีอยู่ เพราะพึ่งเปลี่ยนถ่ายไปใหม่ ลองสตาร์ใหม่หลายครั้ง เครื่องเหมือนจะติด ก็ดับอีกครับ ได้ยินแต่เสียงเครื่องสตาร์ แต่เครื่องไม่ติด จนต้องลากกลับบ้าน กลับมาก็สตาร์ไม่ติดอีก ได้ยินแต่เสียงเครื่องสตาร์ได้ แต่ไม่ติด มีติดเล็กน้อยบ้างแล้วก็ดับครับ ....รบกวนช่วยด้วยนะครับ ว่าน่าจะเกิดจากปัญหาอะไร รถคันนี้เปลี่ยนเกียร์มา 2 ลูกแล้วครับ ที่เคยเสียมาก็จะมีอาการเกียร์ฟรี เข้าเกียร์แล้วรถไม่ไหล หรือบ้างช่วงก็ช่วงเปลี่ยนเกียร์ 2- 3 แล้ววืด แต่เครื่องไม่เคยดับครับ แต่นี้ไม่เคยมีปัญหาหรืออาการของเกียร์มาก่อนเลย อยู่ๆ ก็เป็นเลยครับ... ขอบคุณครับ
โดยคุณ : เล็ก - talekko ICQ : - [ 30 พ.ย. 2004 , 10:04:04 น. ]

ตอบ คนที่ 1
Idle cut off solinoild
โดยคุณ : ji [ 1 ธ.ค. 2004 , 09:50:48 น.]

ตอบ คนที่ 2
ldle cut off solinoild อธิบายเพิ่มเติมได้ไหมครับ แล้วแก้ไขอย่างไรครับ ขอบคุณครับ
โดยคุณ : เล็ก - talekko [ 1 ธ.ค. 2004 , 16:45:44 น.]

ตอบ คนที่ 3
ผมก็ใช้ 405GR เกียร์ออโต้นะ ยังไม่มีปัญหานะ แต่ผมโทรถามร้านเกียร์นะ เพราะเขาให้คำตอบที่แน่นอนมาก และยินดีให้คำปรึกษาด้วยนะ ราคาเท่าที่ทราบมาถูกและไม่แพงด้วยนะครับ ไงลองโทรปรึกษาได้นะ 0-1350-6842, 0-2319-9633-5 (คุณ สุรปกรณ์ฯ นายกสมาคมเกียร์ออโต้แห่งประเทศไทยนะ เจ้าของ อู่พรหมประสิทธิ์ ทรานสมิทชั่น ถ.พระราม 9 ) บอกว่าคุณ เล็ก แนะนำมานะที่ใช้ PG 405GR
โดยคุณ : lek [ 2 ธ.ค. 2004 , 07:53:37 น.]

ตอบ คนที่ 4
อาการเดียวกันเลยครับ ผมพึ่งเกียร์เจ๊งมาสี่ห้าเดือนก่อน ตอนนั้นอยากจะโอเวอร์ฮอลเกียร์ แต่ดันเสื้อเกียร์ร้าว เลยเปลี่ยนเกียร์ลูกใหม่ เจอไป 27000 ใช้มาสามเดือนก้อเจ๊งอีกแล้ว คราวนี้เจ๊งแบบอาการที่คุณเล็กว่ามาเลย แต่ของผมน้ำมันเกียร์ไม่พร่องเลย ออกจากบ้านขับไป 30 กิโล ก้อเริ่มวืด ตอนแรกมีเสียงเหล็กสีกันไม่ดังเท่าไหร่ แต่พอดีขับตอนเที่ยงคืนมันเงียบเลยได้ยินเสียงชัด ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น จอดลงไปดูๆในห้องเครื่องก้อไม่เห็นมีอะไรผิดสังเกตเร่งเครื่องก้อไม่มีเสียงดัง ขับใหม่เสียงก้อเงียบไปขับไปได้อีก 5 โล คราวนี้วืดซักพักแล้วค่อยๆฉุดรอบเครื่องลงจนดับไปเลย โชคดีใกล้บ้าน ปล่อยไหลไปจอดหน้าบ้านได้พอดีเป๊ะๆ พอจอดก้อเลยลองสตาร์ทใหม่ ก้อขับได้เป็นปกติเลยไม่รู้มาจากอะไร แต่เดาๆได้ว่าต้องเป็นที่เกียร์แน่ๆ พอวันรุ่งขึ้นก้อขับมาว่าจะเอาไปซุกทิ้งเอาไว้ที่ออฟฟิศก่อน รอมีตังแล้วจะเอาไปซ่อม เพราะไม่มีตังซ่อมแล้ว ขับได้ 30 กิโลก้อเป็นอีกรอบ คราวนี้ดับขาลงสะพานพระราม9 บนทางด่วน โชคยังดีรู้แกวเพราะลองมาแล้วเมื่อคืน รีบดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหม่ ก้อเลยประคองรอดมาได้ เลยจอดทิ้งยาวไว้ที่ออฟฟิศ

นี่ล่าสุดพึ่งเอาไปโอเวอร์ฮอลเกียร์ใหม่มาสองสามอาทิตย์นี้เอง หมดไปอีก 25900 บาท เลี้ยวออกมาจากอู่ยังไม่ทันถึงหน้าปากซอยอู่เลย ออกอาการอีกแล้ว คือตอนเกียร์หนึ่งจะเปลี่ยนเป็นเกียร์สองจะตื้อๆอยู่พักนึงถึงจะยอมเปลี่ยน (อาการนี้ตอนเปลี่ยนเกียร์ลูกใหม่ไม่เป็น ใช้ไปซักพักถึงเป็น แล้วใช้อีกพัก อาการก้อจะพัฒนาเป็นอาการเกียร์วืดดังที่เล่า) ไม่กล้ากลับไปหาอู่อีกแล้วครับ เดี๋ยวโดนอีก 2 หมื่นห้า แค่นี้ก้อแทบจะไม่มีเงินค่านมเหลือให้ลูกแล้วครับ

ตอนนี้ก้อปลงแล้วครับ กำลังมองหารถใหม่อยู่ คงต้องขอบายกับ 405 เสียที ผมใช้เฟียต 131 5 ปี เสียค่าซ่อมรวมทั้งหมดไปประมาณไม่เกิน 2 หมื่นบาท ไม่รวมพวกของสึกหรอตามกาลเวลาเช่นน้ำมันเครื่อง เบรค แบตเตอร์รี่ ยาง ฯลฯ ใช้ซีตรอง BX Leader 3 ปี ซื้อปุ๊ปยกเครื่องทำช่วงล่างใหม่หมด หมดไป 3 หมื่นห้า จากนั้นตลอด 3 ปีไม่เคยต้องซ่อมเลยนอกจากจูนเครื่องดูแลตามกาลเวลา ใช้ 505 มา 6 ปี ค่าซ่อมรวมกันทั้งหมดประมาณหมื่นเดียว (หมื่นเดียวนี่พึ่งจับไปให้อู่จูนและก้อเปลี่ยนนู่นๆนี่ๆเมื่อช่วงต้นๆปีนี้เอง) นี่ว่ากันเฉพาะรถที่ผมใช้ขับเองเป็นประจำทุกวันนะครับ ยังไม่รวมรถอีกสองสามคันที่เป็นรถในฝันสมัยวัยเด็ก ซื้อมาสนองกิเลสตัณหาไม่ได้ใช้ในชีวิตประจำวัน กับรถของน้องชายน้องสาวที่ผมช่วยดูแลซ่อมแซมให้อีก 3 คัน

นี่ผมใช้รถมา 14 ปี หมดค่าซ่อมรถไปทั้งหมดรวมกันประมาณ 6หมื่น 5 พันบาท แต่เปอร์โยต์ 405 ผมใช้ไป 1 ปี หมดค่าซ่อมไปเกือบแสนบาทแล้วครับ

เปลี่ยนเกียร์ไป 27000 ยกเกียร์รอบสองอีก 25900 ยกเครื่องเมื่อกลางปีไปอีกเกือบ 3 หมื่น เพราะดันขับไปเสยหินที่ใครไม่รู้ทะลึ่งเอามาวางไว้กลางกลางถนนสาทรแยกนราธิวาส ตอนตีสาม !!!!!???? ตอนนั้นไม่มีแผ่นกันแคร้ง เลยเสยหินเข้าไปเต็มๆ อ่างน้ำมันเครื่องแตก น้ำมันเครื่องหมดทันทีในพริบตา จอดรถก้มลงไปดู พึ่งทำงานเสร็จดึกๆ ตี 3 กำลังเบลอๆ ได้ที่ เห็นน้ำมันเครื่องหยดติ๋งๆ นึกว่าแค่อ่างรั่วน้ำมันซึม เลยรีบบึ่งรถว่าจะไปจอดทิ้งไว้หน้าอู่แล้วเช้าๆค่อยเข้าไปเคลียร์ ที่ไหนได้ น้ำมันเครื่องหมดไปตั้งแต่ชนแล้ว ขับไปได้สิบนาที ถึงอังรีดูนังพึ่งรู้ตัว เครื่องดับ ชาร์ฟละลาย เลยต้องกลับบ้านไปเอา 505 มาลากไปเข้าอู่ ต้องยกเครื่องหมดไปร่วมสามหมื่น โอเคอันนี้เป็นความสะเพร่าของผมเอง แต่เดี๋ยวก่อนครับจอดไว้ยกเครื่องสองสามอาทิตย์ พอเสร็จก้อไปดูเปิดฝากระโปรงก้อเจอเลยครับ น้ำมันเครื่องเยิ้มเชียว เห็นมีรอยน้ำมันเครื่องซึมๆบริเวณฝาสูบ พึ่งยกเครื่องนะเนี่ย ยังไม่ได้รันอินเลย เปิดฝาหม้อน้ำขาวจั๊วะเลยครับ น้ำมันเครื่องรั่วเข้าไปผสมกับน้ำในหม้อน้ำกลายเป็นสีขาวๆขุ่นๆ เลยทิ้งให้เขาแก้อีกประมาณอาทิตย์นึง กลับไปคราวนี้ก้อดูดีครับ ขับออกมาประมาณ 15 นาที ไฟ Stop โชว์หราเลยครับ เครื่องฮีท รีบจอดดับเครื่อง เอามือจับหม้อน้ำ ไม่มีแม้ความรู้สึกว่าอุ่นเลย เย็นสนิท ใช่แล้วครับ ไม่มีน้ำเหลือในหม้อน้ำซักหยด เปิดฝาจอดรออยู่หน้ายูโทเปียเกือบชั่วโมง (แหมมันยั่วจริงๆ) รอจนเครื่องเย็น (แต่จิตใจเจ้าของมันร้อนรุ่มแทน) เติมน้ำแล้วรีบขับกลับไปให้ที่อู่แก้ ทิ้งไว้อีกอาทิตย์นึง คราวนี้รอดแล้วครับ พ้นรัชดามาได้ มาฮีทที่หัวลำโพงแทน แบบเดิมเลย เครื่องฮีท แต่หม้อน้ำเย็นเจี๊ยบ ไม่มีน้ำเหลือซักหยด คราวนี้ทนไม่ไหวเลยลุยไล่รื้อไล่เช็คดูเองอยู่ริมถนนแถวหัวลำโพงตรงหน้าโรงพิมพ์หนังสือพิมพ์จีน ถึงได้พบท่อน้ำไปสีกับมู่เล่คอมแอร์ เลยรั่วน้ำเลยเกลี้ยงหม้อ เวรกรรมจริงๆ จุดนี้เห็นตั้งแต่ซื้อรถมาใหม่ๆแล้ว สงสัยอยู่แล้วว่ามันต้องมีโอกาสสีกันแน่ๆ เลยเข้าร้านไดให้เขาช่วยรัดท่อน้ำ ดึงให้มันห่างๆคอมหน่อย พักหลังก้อนึกว่ามันรัดดีอยู่ก้อเลยลืมสังเกต มานึกได้ว่าเขายกเครื่องก้ออาจจะต้องถอดสายเส้นนี้ออกมา บิงโกเลย แล้วนี่มันความผิดผมรึเปล่าเนี่ย นี่ผมดูแลรถได้แย่ขนาดนี้เลยหรือ พึ่งเปลี่ยนเกียร์หมาดๆ ใช้ได้ 3 เดือน เกียร์พัง คลัชกระจุย โอเวอร์ฮอลเสร็จปุ๊ปอาการเดิมก้อยังอยู่ โอเวอร์เครื่องได้ 2 อาทิตย์ ขับรวมๆกันยังไม่ถึง 50 กิโล เครื่องฮีทสองรอบ ฝาคงโก่งไปเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้เลยต้องทนขับแบบฝาโก่งไป ออกจากบ้านหกโมงเช้า กลับบ้านตอนสี่ห้าทุ่ม วิ่งความเร็วค่อนข้างคงที่ประมาณ 80 กม/ชม ที่เกียร์ 4 รอบอยู่ที่ 2 พันรอบ เกือบตลอดทาง กินน้ำมัน 7 กิโลลิตรครับ -_-" เช็คมา 5 ถังได้ตัวเลขใกล้เคียงกันเลย ไม่เข็ดครับ ผมชอบเล่นรถ แต่ขยาดกับ 405 แล้วครับไม่กล้าซ่อมต่อ นี่แค่ว่ากันเรื่องเครื่องกับเกียร์ ยังไม่รวมคอมแอร์เปลี่ยนไปแล้ว 2 ตัว ไดชาร์จอีก 4 ตัว ไดชาร์จที่เปลี่ยนไป 4 ตัวนี่เสียจริงๆแค่ตัวเดียวเองครับ อีก 3 ตัวผมเอาแอมป์มิเตอร์คร่อมเช็คดูแล้วไม่เสีย จ่ายไฟได้เป็นบวกด้วย เปิดไฟสูง เปิดวิทยุ เปิดแอร์แรงสุด เปิดไฟป๊อกแป๊ก เปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างในรถแล้ว ก้อยังจ่ายไฟได้พอดีอยู่ไม่ติดลบ แต่พอขับแล้วไดไม่จ่ายไฟครับ ใช้ไปซักสามสี่วันก้อไฟเกลี้ยงต้องจั๊มสตาร์ท (อุปกรณ์ติดรถผมมีครบเกือบทุกอย่างซ่อมรถได้หลายอย่างเลย สายพ่วง และแบตเตอรี่สำรองเอาไว้สำหรับสตาร์ทเวลาแบตหมด ก้อมีติดรถไว้ครับ) กลับบ้านถอดแบตออกมา slow charge ที่บ้าน (เครื่องชาร์จแบตรถยนต์บ้านผมก้อมีครับ) ประมาณคร่าวๆเอาว่าน่าจะชาร์จได้ประมาณครึ่งลูกแบต คำนวณได้ประมาณ 18 ชั่วโมง แต่ชาร์จไป 9 ชั่วโมง เลยประมาณเอาว่าชาร์จได้ประมาณครึ่งลูก ขับไปสามวันแบตเกลี้ยงลูกอีกแล้วครับ ต้องจั๊มสตาร์ท ไดก้อไม่เสีย เพราะพอเอาแอมป์มิเตอร์เช็คทีไรก้อจ่ายได้เป็นบวกทุกที นี่เช็คที่รอบเดินเบานะครับเนี่ย ทำไปทำมาจนจับทางมันได้ว่า เวลาสตาร์ทเครื่องขึ้นมา ไดมันจะยังไม่ชาร์จ จนต้องเร่งเครื่องขึ้นไปสามสี่พันรอบ ไดถึงจะยอมทำงาน อ้อ เร่งธรรมดาก้อไม่ทำงานด้วยครับ ต้องเร่งแบบเบิ้ลเครื่อง ถึงจะยอมทำงาน ยังเงง เงงอยู่ว่ามันเกิดจากอะไรตรงไหนยังไง ถามว่าผมรู้ได้ยังไงว่า สามสี่พันรอบไดถึงจะทำงาน ก้อสังเกตได้เลยครับ พอไดทำงาน เสียงพัดลมแอร์เวลาเปิดแรงสุดมันจะฟ้องเลยครับว่าไฟมาแล้ว ไฟบนหน้าปัดก้อฟ้องด้วยครับ ว่าไดทำงานกับไดไม่ทำงานมันต่างกันยังไง ไดไม่พอจ่ายรึเปล่า ผมใช้แบต 75 แอมป์ ได 85 แอมป์ ก้อเลยลองเปลี่ยนเป็นได 100 แอมป์ สิ่งที่ได้มาก้อคืออาการอืดขึ้น แต่อาการเรื่องไฟไม่ดีขึ้น เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนปัจจุบันมาลงตัวกับได 85 แอมป์เหมือนเดิมกับแบต 75 แอมป์ ร้านไดร้านนี้ผมใช้บริการมาสิบกว่าปีแล้วมีช่างประจำที่ซ่อมกันตั้งแต่เขายังเป็นเด็กหัดงาน ผมก้อยังเรียนมหาลัยปี 2 อยู่เลยตอนนั้นขับเฟียต 131 รถคันแรกในชีวิตซื้อมาด้วยเงินรายได้พิเศษจากการสอนพิเศษ เก็บเองซื้อเอง เปลี่ยนรถมาไม่รู้กี่คันต่อกี่คัน ก้อยังเอามาทำเรื่องไฟ-แอร์ที่ร้านนี้ประจำ เห็นหน้าก้อจำกันได้ รถผมซ่อมที่ร้านนี้แล้วจบในครั้งเดียวทุกคัน ขอไม่บอกว่าร้านไหน-ไม่ได้อยากจะมาโฆษณาครับ มีแต่ 405 นี่แหละที่ซ่อมยังไงก้อไม่จบซักที

กลับมาเรื่อง 405 ขับจนแบตเกลี้ยงอย่างนี้บ่อยๆ ปีนี้ปีเดียวผมเปลี่ยนแบตไปสองลูกแล้วครับ ได 4 ลูก คอมแอร์ 2 ลูก เปลี่ยนเกียร์ 1 ครั้ง ยกเกียร์อีก 1 ครั้ง ยกเครื่อง 1 ครั้ง ปัจจุบันทั้ง คอมแอร์ ทั้งได ทั้งเครื่อง ทั้งเกียร์ ยังติงต๊องอยู่ทุกอย่างเลยครับ นี่แค่ 1 ปีเองนะครับเนี่ย ขับไปยังไม่ถึง 2หมื่นกิโลเลย หมดค่าซ่อมไปร่วมแสนนึงแล้วครับ จอดมากกว่าใช้อีก ผมต้องเอารถ 505 ที่เก็บไว้เป็นรถสำรองมาใช้มากกว่ารถคันหลักอีก นี่ผมโง่ขนาดนี้เลยหรือ ดูแลรถไม่เป็น รถถึงเจ๊งยับเยินได้ขนาดนี้เลยหรือ

รถซีตรองที่ใครๆกลัวนักกลัวหนาผมก้อใช้มาแล้ว ไฮดรอลิกรั่วท่อแตกรถเตี้ยติดพื้น ผมก้อประคองซ่อมเอง ไล่ลมปั๊มไฮดรอลิก จนรถยกขึ้นมาได้ ประคองขับไปเข้าอู่ได้ ผมก้อทำมาเองกับมือ รถเฟียตรถแลนเซียเบต้าคูเป้ ที่ใครๆกลัวหนักหนา ช่างทั้งหลายสาบแช่งกันนักหนา ผมก้อใช้มาแล้ว ไม่เห็นมีอะไรเลย เหลือแต่อัลฟ่าจูเลียตต้า ที่เป็นรถในฝันอีกคันสมัยยังเด็กๆ ไม่ได้มีโอกาสใช้ เพราะตอนนั้นมันแพงยังหาตังไม่ได้

ถึงตอนนี้ก้อคงต้องตัดใจจาก 405 เสียที ยังติดใจในเรื่องการทรงตัวของมันอยู่ เอาเฉพาะที่ผมรู้สึกก้อคือเป็นรองซีตรองนิดๆ แต่เหนือกว่ารถที่เคยขับมาทั้งหมด

ถ้ามีใครจะกรุณาให้คำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องอาการของรถผมก้อยินดีครับ แลกเปลี่ยนความรู้กัน ตอนนี้กำลังมองหา ซีตรอง XM เครื่อง 2.0 เทอร์โบ หรือไม่ก้อตัว V6 3.0 อยู่ครับ หรือไม่ก้อ E280 ระหว่างนี้ก้อใช้ 505 ไปพลางๆ ส่วน 405 ก้อคงจะนานๆเอามาขับที ได้ XM หรือ E280 มาเมื่อไหร่ค่อยคิดอีกทีว่าจะทำยังไงกับ 405 ดี
โดยคุณ : คนบ้ารถ [ 2 ธ.ค. 2004 , 19:55:46 น.]

ตอบ คนที่ 5
อ่านเรื่องของคุณคนบ้ารถแล้วมันส์จริฝ ๆ ..('ทานโทษ ) หากเป็นผมมั่งคงพูดไม่ออกเหมือนกัน แรก ๆ ก็นึกว่าเป็นแต่ผมที่ตัดสินใจเอา Mi มาเลี้ยงดู..เล่นเอาซะมึน..ต้องทนให้ลูกแม่ยายบ่นเช้า บ่นเย็น เคยคิดเหมือนกันว่าระหว่างยกเครื่อง เปลี่ยนเครื่องใหม่ หรือแปลงข้ามพันธุ์ไปเลยดี...สุดท้ายกลายเป็นยกเครื่องครับ..เปลี่ยนเกือบทุกอย่าง..ตอนนั้นก็ยังไม่รู้อะไรมาก โดนฟันหัวเลือดสาดกับค่าอะไหล่ที่บวกเพิ่มเข้ามา...แล้วยังต้องพบอาการสะเงาะสะแงะเหมือนเป็นอาฟเตอร์ช๊อคให้ต้องปวดหัวอีกพักใหญ่...ต้องนี้เรียบร้อยแล้ว...ผมว่าพอเค้าสมบูรณ์ทั้งกายและใจนี่เค้าน่ารักดี..ตามใจเราทุกอย่าง..จะสาดโค้ง จะทำเวลา หรือพาเราให้รอดอันตราย(ที่เรามีส่วนร่วม)ได้อย่างที่น้อยคันในระดับนี้จะทำได้ดีเท่า..
โดยคุณ : DEN [ 3 ธ.ค. 2004 , 08:47:16 น.]

ตอบ คนที่ 6
Send เร็วไปหน่อย...เรื่องไดร์ชาร์ท 85 แอมป์แล้วไฟไม่พอ..ระดับคุณคนบ้ารถ คงไม่ต้องถามเรื่องขนาดพูเล่ท์แล้วมั๊งครับ..เพียงอยากจะแชร์ประสบการที่เคยพบมาตอนใช้ 626 ก็เคยพบอาการแบบที่คุณว่าคือไดร์ไม่เสียแต่จะชาร์ทที่รอบสูง รอบเดินเบาก็ชาร์ทแต่น้อยไม่พอใช้ ถามช่างเห็นบอกว่าเป็นที่คัทเอาท์เสื่อมครับ ประกอบระบบสายดินไม่ดีไฟเดินลงกราวน์ไม่สะดวก โชคดีที่เปลี่ยนลูกใหม่กับเดินสายกราวน์ใหม่ก็หาย...ของคุณคนบ้ารถไม่ทราบว่าเป็นแบบที่ว่าหรือเปล่า....ผมเองก็ชอบรถคล้าย ๆ กับคุณ ผมชอบ Alfa Guliatta, 156 , Xantia , W124 .....ยังไงก็เอาใจช่วยนะครับ...

โดยคุณ : DEN [ 3 ธ.ค. 2004 , 09:12:12 น.]

ตอบ คนที่ 7
ขอบคุณคุณ DEN ครับที่แชร์ประสบการณ์กัน

ช่างก้อบอกเหมือนกันครับว่าน่าจะเป็นที่คัทเอาท์ แต่เปลี่ยนไดมา 4 ลูกแล้วอาการเป็นเหมือนเดิมเลยครับ เลยค่อนข้างมั่นใจว่าคงไม่ใช่ที่คัทเอาท์ในไดแล้วหล่ะ ส่วนเรื่องสายดินไม่ดี อู่ที่ซ่อมเครื่องก้อบอกว่าเป็นที่สายไม่ดีต้องไล่สายใหม่ แต่ยังไม่ได้ไล่สาย อู่เลยช่วยเดินสายเพิ่มให้อีกเส้นนึง แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น หลังจากทั้งเดินสายเพิ่ม และ เปลี่ยนได อาการแบบเดิมก้อยังอยู่ครบถ้วนทุกประการเลยครับ

แต่อาการของผมมันแปลกกว่าคือว่าที่รอบเดินเบามันไม่ชาร์จ แต่ถ้ามันเริ่มชาร์จแล้ว แม้จะลดรอบเครื่องลงมาเหลือแปดร้อยรอบ พันรอบ มันก้อยังชาร์จพอครับ มันก้อเลย เงง เงง ไม่รู้ว่าในรถมันจะมีวงจรอะไร หรือคัทเอาท์ตัวอื่นนอกจากที่ติดมากับไดรึเปล่า ที่จะทำให้อาการมันติงต๊อง

เมื่อคืนกลับบ้านนึกไปนึกมา รู้สึกว่าผมจะจำพลาดไปหน่อย เล่าลำดับและเวลาผิดพลาด เครื่องยกมาตั้งแต่ปลายทีที่แล้ว ถึงตอนนี้น่าจะเกือบๆปีพอดี แต่คงไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไร

เคยคิดมานานแล้ว และทุกวันนี้ก้อยังนั่งคิดอยู่ว่าจะลุยซ่อม 405 คันนี้ต่อดีไหม เพราะลุยซ่อมมามากแล้ว อาการมันก้อไม่ได้ดีขึ้น กลัวว่าจะซ่อมไม่จบ เห็นอาการแล้วพลอยนึกไปเหมือนกับว่าเงินที่เราเสียไปเพื่อซ่อมนั้นเสียไปฟรีๆเลย แต่ถามว่าขับดีไหม ดีครับ ถ้ารถสมบูรณ์ ขับดีมาก ผมตียาวจากเชียงใหม่ เข้ากรุงเทพ ใช้เวลา 5 ชั่วโมงเศษๆ กินน้ำมันเฉลี่ย 11 กิโลลิตร ช่วงจากลำปางเข้ามาทางตาก ซัดไป 160-170 เกือบตลอดทาง เกาะตูดเรียงแถวกันมา 3 คัน กับรถกระบะ (สงสัยวาง J) อีก 2 คัน แก้ง่วงดี ผมเกาะอยู่ท้ายสุด จะแซงก้อน่าจะพอแซงไหว แต่ไม่ได้อยากแข่ง แค่แก้ง่วง แต่ขับแล้วมันรู้สึกมั่นใจว่าเอาอยู่ การควบคุมรถ การขับขี่ เอาเฉพาะเท่าที่ผมลองมาหลายๆคัน ผมว่ามันเป็นรองแค่ซีตรอง ที่เคยขับแค่อย่างเดียวเอง ตอนนี้เลยนึกอยากจะลอง XM ว่าจะเป็นยังไงบ้าง

ยังไงก้อยินดีที่ได้พบกับคนที่ชอบรถคล้ายๆกันครับ
โดยคุณ : คนบ้ารถ [ 3 ธ.ค. 2004 , 10:47:51 น.]

ตอบ คนที่ 8
รู้สึกว่าประสบการณ์ของคุณ คนบ้ารถ นี้จะมีประสบการณ์คล้ายผมเลยน่ะครับ ผมก็เคยขับรถไปเสยหินกลางถนนเหมือนกันตรงพระราม 3 แต่มีเหล็กกันกระแทก อ่างน้ำมันเครื่องยังร้าวเลย กลับมาเห็นมันซึมๆ ก็เลยรีบเอาไปซ่อม ปะกาวซีเมนต์เหล็กครับ ต่อมาก็เรื่องไดร์ชาร์ท ที่ทำให้แบตหมดอยู่เลื่อยๆ รถไปดับอยู่กลางถนนบ่อยมากๆๆ เหมือนกัน เปลี่ยนไป 2 ตัวแล้ว ส่วนเกียร์ก็เปลี่ยนไป 2 ลูกเช่นเดียวกัน แล้วก็เรื่องหม้อน้ำรั่ว และแตกก็มีตรงบริเวณที่ยางท่อน้ำโดนคอมแอร์เสียดสีเช่นกันเลยครับ นอกนั้นก็สารพัดปัญหาครับ กับเปอร์โยรุ่น 405 GR นี้ ต่อไปคงไม่คิดใช้เปอร์โยอีกแล้วละครับ ที่บ้านใช้เปอร์โย วอลโว่ เจอปัญหาเยอะ และที่สำคัญคือซ่อมแล้วไม่ค่อยจะหายด้วยนะซิครับ
โดยคุณ : เล็ก - talekko [ 4 ธ.ค. 2004 , 11:06:20 น.]

ร่วมเสนอแนะความคิดเห็น....
กรุณาคลิ๊ก Post message เพียงครั้งเดียว
อย่ากดยกเลิกกลางคัน อันจะเป็นเหตุให้ตัวเลขกระทู้ไม่ตรงได้ครับ 
จาก : *
email :
icq :
Username :
Password : สมัครสมาชิก
รูปภาพ :
ได้เฉพาะสมาชิกเท่านั้นครับ(ไม่เกิน 50K)

รายละเอียด
Icon new Icon old
*
*

กรุณาคลิ๊ก Post message เพียงครั้งเดียว
อย่ากดยกเลิกกลางคัน อันจะเป็นเหตุให้ตัวเลขกระทู้ไม่ตรงได้ครับ