1.ให้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้าย-ขวา ทุกครั้งที่เปลี่ยนเลน หรือจะเลี้ยว
2.ไม่เปิดสปอร์ตไลท์เมื่อไม่จำเป็น ( ได้แก่ ฝนตก หมอกลง ถนนมืดมาก ) แสงไฟจะรบกวนเพื่อนร่วมทางมาก จากสถิติที่พบว่าผู้ที่เปิดสปอร์ตไลท์ จะมีเปอร์เซ็นต์ประสบอุบัติเหตุน้อยกว่าพวกที่ไม่เปิด นั้น ก็ทราบว่าพวกที่ไม่เปิด (หรือเปิดบ้าง)จะเป็นเหยื่อของพวกที่คันที่เปิดสปอร์ตไลท์ที่แสงจ้ามาก ๆ นั่นเอง
3.พวกที่ใช้รถกระบะอีซูซุทุกคัน กรุณาช่วยเตระดับไฟต่ำของท่าน เนื่องจากไฟต่ำของอีซูซุ จะสูงมาแต่กำเนิด และพวกไฟซีนอนคุณภาพต่ำมาแต่กำเนิด (ดราก้อนอาย)ก็เช่นกันครับ กรุณาเห็นใจเพื่อนร่วมทางด้วยการปรับระดับไฟต่ำเสียใหม่
4.จากข้อ 3 ท่านที่ขับรถกระบะทุกยี่ห้อด้วย เมื่อบรรทุก ท้ายจะยก ไฟจะแยงตาเพื่อนร่วมทางนะครับ
5.ท่านที่ใช้รถจักรยานยนต์ โปรดทราบว่าตั้งแต่ที่รัฐบาลให้ท่านทั้งหลายเปิดไฟวิ่งตอนกลางวันด้วย นั้น ท่านเปิดไฟต่ำเพื่อนร่วมทางก็จะเห็นท่านชัดเจนแล้วครับ เพราะส่วนใหญ่ท่านจะเปิดไฟสูงตลอด จนกระทั่งกลางคืน ทราบไว้ด้วยว่าไฟสูงของจักรยานยนต์ก็รบกวนเพื่อนร่วมทางได้เท่าๆกับรถยนต์นะครับ
6.อย่าขับรถจี้ท้ายกันเลยครับ อันตราย เมื่อประสบอุบัติเหตุแล้ว ท่านจะบอกว่า ไม่น่าเลย
7.ท่านที่มีกิจการรถบัส กรุณาช่วยคัดเลือกพนักงานขับรถหน่อยเถิดครับ เขาจะต้องรับผิดชอบชีวิตคนเป็นหลายสิบนะครับ ผมเห็นแถวปู่เจ้าสมิงพราย ขับเร็วมาก อยากให้รัฐมีการทดสอบทางจิตวิทยาพวกนี้ด้วย เวลาสอบใบขับขี่ คุณลองดูสิครับว่านักบินกว่าจะได้เป็นนักบินได้ ผ่านกี่ขั้นตอน..
-นักบิน 737--รับผิดชอบชีวิต 148 ชีวิตให้ปลอดภัย--เครื่องยนต์ไอพ่น 0.8 มัค
-พนักงานขับรถโดยสาร--รับผิดชอบชีวิต 52 ชีวิตให้ปลอดภัย--เครื่องยนต์ลูกสูบดีเซล 8,500 ซีซี
เห็นไหมครับ หน้าที่เดียวกัน ต่างกันแค่เทคโนโลยี น่าจะวัดสภาพจิตใจเหมือนกันนะครับ พขร.บางคนเจอเพื่อนก็แข่งกันเลย นี่หรือครับผู้รับผิดชอบชีวิต
8.จากข้อ 7 รถสิบล้อ-รถพ่วงด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ สัญญาณไฟสำคัญมากนะครับ เป็นมือเป็นเท้าพวกเราเลยล่ะครับ ใช้สัญญาณไฟให้เป็นนิสัยนะครับ
.

ICQ :

ดีมากเลยครับ เห็นด้วย เห็นด้วย...

สาธุ

เห็นด้วยเต็มกำลังครับ
ถ้าเป็นอยู่บ้านนอก สูงมา ผม ก็จะเตือนให้รู้ว่าสูง

แต่อยู่ในเมือง มันไม่ได้น่ะครับ
โดยเฉพาะ คันที่ตามเรามา

เห็นด้วยครับ เพิ่มอีกนิดนึงนะครับ
ไม่ควรใช้ไฟฉุกเฉินเวลาวิ่งตรงผ่านสี่แยก และขณะฝนตกครับ
เวลาแสงอาทิตย์หมดเปิดไฟใหญ่เถอะครับ อย่าเปิดไฟหรี่ (Parking Light) เลย ชื่อบอกอยู่แล้วว่าเป็นไฟจอด (Parking Light) เอาไว้เปิดตอนจอดข้างทางในที่มืดเพื่อเป็นการเตือนคันอื่นครับ (ประสพการณ์ตรงของผมเคยเสียค่าโง่เป็นใบสั่งมาแล้วครับเมื่อตอนขับอยู่ที่อเมริกาใหม่ๆ)
วินัยเริ่มที่เราก่อนครับ ทำให้เราอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างสงบสุขครับ

ใช่ครับ
เรื่องเปิด ไฟฉุกเฉิน เวลาจะขับไปตรง เนี่ย
ไม่รู้เอามาจากไหนกัน ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า Emergency Light ใช้สำหรับฉุกเฉิน

ถ้าเปิดตรงสี่แยก คันที่อยู่ทางซ้ายของเรา ก็จะเห็น ไฟเลี้ยว ซ้ายกระพิบ ก็นึกว่าเลี้ยวซ้าย คนอยู่ทางขวา ก็นึกว่าเลี้ยว ขวา
ทำไมต้องไปทำอะไรให้มันยุ่งยากครับ

เคยขับรถไปแถว ศรีษะเกศ เขาเปิดไฟฉุกเฉินกลางแยก กันทั้งเมือง....

ปัญญาเรื่องระเบียบวินัยการจราจร
ผมว่าน่าจะบรรจุไว้ในหลักสูตร ของกระทรวงศึกษาฯ ได้แล้วมั้งเนี่ย (ถ้าพ่อแม่ไม่สั่งสอนลูก ๆ)
เข่น เรื่องเปิดประตูไม่ระวังรถด้านข้าง กระแทกประตู คันข้างไปจัง ๆ หรือเรื่องมารยาทในการขับรถ....

จะว่าไป รถบ้านเราน่าจะตัดไฟฉุกเฉิน ออกจากระบบของรถมันไปซะเลย
ตอนนี้ ไฟฉุกเฉิน กลายเป็นไฟบอกว่าจะตรงไป ตามสี่แยก

ยังไม่พอ ไฟฉุกเฉิน ก็จะเป็นที่นิยมเปิดตอนที่ ฝนตกหนัก ๆ โดยเฉพาะบนทางด่วน หรือ ทางหลวงที่หมอกลงจัด ( ผมว่าตรงนี้แค่เปิดไฟตัดหมอกหลัง หรือ ถ้ารถรุ่นเก่าหน่อยไม่มีไฟตัดหมอกหลัง แต่แค่เปิดไฟต่ำก็น่าจะพอแล้ว )
พฤติกรรมเช่นนี้ ก็เกิดคำถามว่า แล้วถ้าจำเป็นจะต้องเปลียนเลน จะให้สัญญาณ ยังไง
"ปิดไฟฉุกเฉิน แล้วก็เปิดไฟเลี้ยว พอเปลี่ยนเสร็จ ก็เปิดไฟฉุกเฉินต่อ....."

แต่พอเวลารถเสียจอดข้างทางกลับไม่เปิดไฟฉุกเฉิน ด้วยเหตุว่า รถเสียอาจจะต้องจอดนาน เดี๋ยว แบตฯหมด

ผมเจอยิ่งกว่านั้นอีก...ท่านใดเคยเจอรถมูลนิธิ....เปิดไฟขอทาง+ไซเรนเพื่อไปนั่งกินก๋วยเตียวมั้ย รถร่วมทางอุตส่าห์หลบให้ พอมันขับขึ้นหน้าได้ก็ไปเบรคพรืดดดดหน้าร้านแล้วลงไปกินกันหน้าตาเฉยมากก..พยายามเข้าใจเหมือนกันว่าคงจะรีบ แต่รับไม่ได้กับพฤติกรรมการขับรถแบบนั้นเหมือนกัน..เรื่องไฟฉุกเฉินนี่เห็นว่ามันกลายเป็นธรรมเนียมนิยมไปแล้วในบ้านเรา ขนาดรถผ้าป่าสามัคคี หรือทัวร์ฉิงฉับก็ยังเปิดกันให้เห็นเป็นที่ครืนเครงบ่อย ๆ ....คงต้องทำใจ+ทัมใจกันแล้วละท่าน..

พระมาโปรด ผมเห็นด้วยจากใจจริงครับ