ผมใช้ Peugeot 406 มาหลายปีแล้ว แต่ในระยะ 2ปีที่ผ่านมาทำไมพบแต่เรื่องที่ให้ความรู้สึกแย่ๆจนอยากจะขายรถทิ้งและเปลี่ยนไปใช้ยี่ห้ออื่น ทั้งๆที่ใช้คันนี้เป็นเปอโยต์คันที่ 4 แล้ว ผมอยากเพื่อนๆ ลองอ่านเรื่องนี้ดูแล้วคุณจะรู้สึกยังไง เมื่อปีที่แล้วผมเอารถเข้า Check ตามระยะ ผมได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่รับรถตรวจสอบ Battery ดูเพราะรู้สึกว่าไฟจะอ่อนเวลา Start ตอนเย็นไปรับรถได้รับแจ้งว่าไม่เป็นอะไรยังใช้ได้ ผมใช้ประมาณ 3-4 วัน ปรากฎว่ารถ Start ไม่ติด เปิดฝากระโปรงดูเจอขี้เกลือเต็มขั้วแบตเตอรี่หนามากและ Battery รั่วไหลลงไปถูกSwitch ที่อยู่ใต้แบตเตอรี่เสียหาย ผลคือต้องเปลี่ยนแบต + Switch ใหม่ ต้องเสียเงินเพราะความไม่รับผิดชอบของช่างสาขาสุรวงศ์ ต่อมาไม่นานก็เอารถเข้า Check ระยะอีกเพราะจะไปเที่ยวเชียงราย โดยให้ช่าง Check เบรคให้ด้วย ได้รับแจ้งว่าทุกอย่างปกติเรียบร้อย ผมขับรถไปเชียงใหม่รุ่งเช้าก็ไปเชียงรายต่อ ผลที่ได้รับคือเบรคไม่อยู่ผมกับครอบครัวเกือบตกเขาตายพราะความไม่เอาใจใส่ของช่างสาขาสุรวงศ์เหมือนเดิม ผมประคองรถไปจนถึงเชียงรายจนไปเข้าศูนย์ที่เชียงราย ช่างตรวจเช็คให้พบว่าขันน๊อตไม่แน่น ผมกลับมาก็แจ้งไปให้ศูนย์ทราบ ทุกอย่างก็เงียบเหมือนป่าช้าเหมือนฟังหูซ้ายทะลุหูขวา ผมไม่เคยได้ยินคำว่าขอโทษแม้แต่คำเดียวทั้งที่ครอบครัวผมเกือบตกเขาตาย ประมาณ 4-5 เดือนที่แล้วผมได้รับแจ้งว่าท่อไอเสืยท่อนกลางชำรุดและเบรคใกล้หมด ผมก็เปลี่ยนเพราะคิดว่าอะไหล่ทุกชิ้นมีระยะที่จะต้องเปลี่ยน ผลลัพธ์ที่ได้คือเวลาหักเลี้ยวถอยเข้าจอดจะได้ยินเหมือนเสียงฆ้อนมาทุบรถเบาบ้าง หนักบ้าง ผมเอารถกลับไปCheck ให้ตรวจสอบดูใหม่ว่าเป็นเพราะอะไร ก็หาไม่เจอ พยายามลองรถอยู่กับผมเพื่อฟังเสียงดูแต่ก็ได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้าง ซึ่งในที่สุดก็สรุปว่าเป็นเพราะผมหักพวงมาลัยสุดทำให้มีเสียง ส่วนเรื่องที่ผมขอให้มีการถอดเอาส่วนอะไหล่ที่เพิ่งเปลี่ยนไปลองประกอบใหม่ไม่สามารถทำได้เพราะเสียงจากการทดสอบไม่ชัดเจน จากผลการสรุปนี้ทำให้ผมต้องทนฟังเสียงฆ้อนทุบรถ มานาน 4-5 เดือน ซึ่งมันเริ่มรุนแรงขึ้นจนผมนึกว่ามันเป็นที่เพลา อาทิตย์ก่อนผมเอารถเข้า Check ระยะตามปกติ ก่อนรับรถผมเช็คเจอขี้เกลือบนขั้วแบต และสีของ Indicator ก็เป็นสีขาวซึ่งมันคือต้อง Charge ผมแจ้งให้ช่วยทำความสะอาดและ Charge แบต รวมทั้งCheck เสียงที่ยังคงดังอยู่ด้วย ก่อนมารับรถผมโทรเช็ครถ ได้รับแจ้งว่าแบตทำการ Charge เสร็จแล้ว (หลังจากรับรถเสร็จ ตอนเช้ามาดูที่ขั้วแบต ยังมีขี้เกลือเต็มเหมือนเดิม ส่วน Indicator ขาวสนิท ผมอยากถามว่า Charge แบตยังไงไม่ถอดขั้วแบต ถ้าคุณไม่Charge ทำไมไม่บอกผมตรงๆ ผมเป็นลูกค้าคุณมาตั้ง 10 กว่าปี มันเสียความรู้สึก ส่วนเสียงที่ผมต้องทนฟังมาอยู่ตั้ง4-5เดือนนั่นเป็นเพราะขันน๊อตไม่แน่น และ นอกจากนี้ยังมีของแถมมาให้ผมอีกต่างหาก แจ้งผมว่าแคตตาไลติกเสีย ต้องเปลี่ยนหรือทะลวงไส้กลางทิ้งออกไป ผมแจ้งช่างไปว่ารถคันนี้เพิ่งเปลี่ยนไปเมื่อประมาณ 4 ปีที่แล้วหลังจากที่ใช้งานได้ประมาณ2-3ปี นั่นหมายความว่าแคตตาไลติกมีอายุการใช้งานประมาณ 3-4 ปีต่อการเปลี่ยน 1 ครั้ง (30,000 บาท) ผมอยากถามว่านี่มันอะไรกัน ผมก็ทำงานในบริษัทผลิตรถยนต์เหมือนกัน ซึ่งช่างทุกคนก็พูดเหมือนกันว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ นอกจากนี้คนที่ใช้รถรุ่นเดียวกันและรู้จักกับผมก็ยังไม่เคยมีใครเปลี่ยนแคตตาไลติกเหมือนผมเลย แคตตาไลติกไม่ใช่อะไหล่สิ้นเปลืองและไม่น่าจะมีอายุการใช้งานน้อยอย่างนี้ ผมได้คุยกับช่างเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเค้าบอกว่ามันขึ้นอยู่กับการใช้งาน ผมบอกเค้าว่าผมขับรถไปกลับที่ทำงานประมาณ 17-24 กม.ต่อวันและไปกาญจนบุรีเดือนละครั้งประมาณ 350 -400 กม. ซึ่งเค้าก็ไม่สามารถให้คำตอบผมได้ ผมรู้ว่าอะไหล่ทุกชิ้นจะมีอายุการใช้งานที่เป็น Standard อยู่ สำหรับ แคตตาไลติก ชิ้นนี้ มีอายุการใช้งานเท่าไร ผมไม่ได้สนใจนะว่าจะต้องจ่ายค่าอะไหล่ไปเท่าไร แต่ผมสนใจว่าเงินที่ผมจ่ายออกไปมันควรคุ้มกับสิ่งที่ผมได้รับ ถ้าฝ่ายบริการของคุณลองพยายามเข้าใจคำว่าลูกค้าสักนิดมันคงดีกว่านี้ และคุณคิดยังไงกับบริการแย่ๆ ที่ผมได้รับมาตลอด 2 ปี นี้

ICQ :

อ่านแล้วอึ่งเหมือนกัน นี่แหล่ะคือที่มาของกลุ่มคนใช้รถเปอร์โยต์ ที่ต้องรวมตัวเพื่ออะไรหรือครับ เพื่อช่วยเหลือตัวเองและเพื่อช่วยเพื่อนผู้ใช้รถเปอร์โยต์ด้วยกัน เห็นใจจริงๆ ครับแนะนำว่าเปลี่ยนสถานที่บริการใหม่ สิ่งที่คุณคิดว่าไว้ใจได้กลับไม่เป็นอย่างที่คิดก็ต้องหาที่พึ่งใหม่อย่าไปทนใช้บริการ ผมไม่ได้โทษศูนย์โดยตรง ผมโทษช่างมากกว่า ความไม่สนใจ ไม่รับผิดชอบงาน ท้ายสุดก็มาตกที่ศูนย์ที่ต้องรับผิดชอบ เปลี่ยนที่ใหม่ครับ

เรียนจนท.ศูนย์บริการแห่งนั้นถ้าเข้ามาอ่านได้โปรดรับข้อมูลไปปรับปรุงเถอะครับ กราบ ละ.. 10 กว่าปียังไง ก็ไม่เปลี่ยนเลยหรือครับ จ้าวนายยยย...
ผมเห็นด้วยกับพี่เฮงครับ หาที่อื่นเถอะ

.....ผมเจอแบบนี้ผมก็คงอึ้งเหมือนกัน ดีนะที่เป็นแฟนเปอร์โยต์ถ้าไม่รักกันจริงเป็นคนอื่นคงเปลี่ยนยี่ห้อไปแล้ว ศูนย์ฯเข้ามาอ่านเจอก็พิจารณาตัวเองหน่อยแล้วกัน ผมเข้าใจว่าการทำงานมันต้องมีผิดพลาดกันได้ แต่ไอ้ผิดซ้ำซาก พลาดซ้ำซ้อน นี่ซิมันคือปัญหาแล้ว แย่ครับ บอกตามตรง ......

คงจะเปลี่ยนยากครับ...เดี๋ยวนี้ช่างเก่ง ๆ หนีออกไปเปิดอู่เองแล้ว บางส่วนก็เบื่อกับระบบงานที่ยังไม่ได้ปรับปรุงกระบวนการบริหาร ที่เหลืออยู่ก็เป็นพวกที่ไม่รู้จะไปไหน ทำไปวัน ๆ รถก็ขายได้น้อยลงศูนย์ก็คงต้องลดค่าใช้จ่ายเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด สุดท้ายไปคว้าเอาช่างจบใหม่ ๆ เงินเดือนถูก ๆ มาทำงานแล้วให้ หน.ช่างคุมงานอีกที ดีมั่ง ไม่ดีมั่งว่ากันไปตามดวงของลูกค้า...

สมาชิกที่นี่ส่วนใหญ่ก็เคยมีประสพการณ์อย่างนี้มาก่อนครับ และนี่ก็คือเหตุผลที่เราต้องมารวมตัวกันไงครับ ผมว่าลองเอาข้อความนี้ส่งไปยังฝ่ายรับเรื่องร้องเรียนของ www.peugeot-th.com จะดีกว่าไหมครับ

อืม ได้ฟังแล้วน่าเศร้าใจนะครับ ตัวผมเองไม่เคยใช้บริการที่ศูนย์สุรวงศ์ในเรื่องการเช็คเครื่อง เคยแต่เคลมเรื่องสีนิดหน่อย ส่วนเรื่องเช็คเครื่องผมว่าอู่ที่หัวหมากทำได้ดีนะครับ รับผิดชอบดีด้วย ถ้ายังรักเปอร์โยต์อยู่ไม่น่าเปลี่ยนยี่ห้อนะครับ หรือว่าถ้าจะลองเปลี่ยนอู่ดูผมว่าในเว็ปนี้น่าจะให้คำแนะนำได้ดีครับ ส่วนเรื่องที่เสียอารมณ์กับการบริการที่อู่นี้ ผมว่าทำจดหมายร้องเรียนไปทางยนตรกิจน่าจะดีนะครับ เห็นใจจริงๆ ครับ

ผมว่าออกมาทำอู่ข้างนอก ที่พวกเราเชื่อถือกันดีกว่า เพราะศูนย์สุรวงศ์ ผมไม่เคยได้ยินชื่อเสียงในทางที่ดีเลย
มีแต่หัวหมากกับรองเมืองที่ดูเข้าท่าหน่อย

ผมเข้าศูนย์สุรวงศ์บ้างครับ เข้าไปเช็คราคาอะไหล่น่ะ อิอิอิ แต่ซ่อมข้างนอกตลอด ไม่กล้าเข้าศูนย์ กลัวเป็นหนี้อ่ะครับ แล้วเมื่อมีงานยนตกิจ ผมก็เอารถเข้าตรวจสภาพ ปรากฏว่า เครื่องยนต์ทุกอย่างดีหมด เว้นแบตตารี่ ช่างบอกว่า ต่อสายอะไรเต็มไปหมด มันเลยกินแบต.....ที่เขาเห็นคือกราววายที่ช่วยระบบไฟต่างหาก ไม่ได้เกี่ยวกับกินแบตเลย แบบนี้ผมจะกล้าไปใช้บริการหรือนี่....

ได้คุยกับผู้จัดการศูนย์หรือยังครับเกี่ยวกับทุกๆปัญหา เพราะถ้าช่างชุ่ยเขาก็คงจัดการกันเองครับทุกรายการแจ้งซ่อมของลูกค้ามีบันทึกตลอดช่างมั่วไม่ได้แน่ ถ้าแจ้งแล้วไม่ซ่อมก็ความผิดช่างเต็มๆ

แต่ถ้าเป็นเพราะเขาแจ้งว่าถึงเวลาเปลี่ยนอะไหล่แล้วไม่เปลี่ยนแต่ขอลากยาวอีกหน่อยแบบนี้เขาจะมีบันทึกอยู่ใน Job ที่เขาซ่อมเหมือนกันว่าแจ้งขอเปลี่ยนแล้ว ตัวอย่างเช่นเรื่องผ้าเบรคนี่เขาแจ้งขอเปลี่ยนก่อนตั้งแต่ไฟเบรคยังไม่โชว์เลย แต่ลูกค้าบางท่านค่อนข้างรู้เยอะก็จะขอลากยาวจนไฟขึ้น แต่ถ้าวิ่งในกทม. คงไม่มีปัญหาอะไรเพราะเข้าศูนย์ง่าย เซอร์วิส24ชม.ก็มี แต่ถ้าออกต่างจังหวัดมันก็ลำบากครับ

ยังไงถ้าติดใจอะไรก็ไปไล่จ๊อบงานดู และคุยกับผู้จัดการศูนย์ซ่อมดู เท่าที่รู้ผิดพลาดงานแบบนี้ถึงไล่ออกนะครับ แค่ใช่อุปกรณ์ผิดประเภทก็ถึงไล่ออกนะไม่ต้องถึงกับทำรถลูกค้สเสียหายหรอก

ลองดูครับ

ของผมครับเอารถไปเช๊คเครื่อง ตอนไปรับรถสังเกตเห็นรอยมือช่างเปื้อนบริเวณกระปุก rain sensor ก้อไม่ได้สนใจอะไร แต่ก็ งง อยู่เหมือนกันว่ามันมาทำไรแถวนี้ว่ะ แต่พอไปเจอฝนตกลองใช้แบบ auto ดู ปรากฏเสีย ใช้ไม่ได้ พอเข้า 0 เช็ค ช่างบอก rain sensor เสีย เล่นเอา งง ไปเลย หมดประกันแล้วด้วย ซวยฉิบ พอมานึกย้อนหลัง น่าจะ โดนช่างใน 0 ถอดเปลี่ยน เอาไป แต่ขี้เกียจไป โว๊ยวายเพราะผ่านมา นานแล้ว ก้อเลยต้องเสียเงินเปลี่ยนเอง 4500 บาท สบายไป

สูญพันธุ์ครับ รับรองได้ ถ้านโยบายยังเป็นยังงี้อยู่ คือเอารถ peugeot ไปวางอยู่ในตลาดรถหายาก โดยไม่ได้เน้นยอดขายแต่เน้นความแปลก ไม่เหมือนใคร ผมเข้าใจ concept นี้เหมาะสำหรับพ่อค้าที่หวังแต่กำไร ไม่ได้หวัง brand image แต่แท้ที่จริงแล้วผู้ผลิตได้พยายามสร้าง brand image และก็ผลิตรถให้ครอบคลุมทุก segment ไม่ว่าจะเป็น จักรยานก็ยังทำเลย ยนตรกิจไม่ได้สนใจ concept นี้ เพราะไม่ได้อะไร ดังนั้นยนตรกิจก็จะเลือกตัวที่สามารถทำกำไรได้สูงที่สุดโดยการตั้งราคาเพราะยนตรกิจเข้าใจว่ายังมีคนไทยอยู่ส่วนหนึ่งที่ชอบไม่เหมือนใคร ดังนั้นเมื่อ concept ออกมาอย่างงี้ อย่าไปหวังอะไรกับการบริการ เพราะไม่สามารถทำให้ดีได้เนื่องจากไม่มี volume
การบริการที่ดีต้องอาศัย volume พอสมควร เพื่อให้ช่างหรือฝ่ายเทคนิคเรียนรู้และมีประสพการณ์เพียงพอต่อการแก้ปัญหาต่างๆ อย่าได้ไปหวังเอาว่ามี diag 2000 เครื่องเดียวจะสามารถแก้ปัญหาทุกปัญหาได้โดยที่ไม่ต้องอาศัยความชำนาญของช่างเลย สุดท้ายการบริการของยนตรกิจก็จะเหลือแต่สาขาเท่านั้น dealer ต่างๆทยอยถอนตัวกันหมดเพราะอยู่ไม่ได้เนื่องจากสาเหตุข้างต้นคือไม่มี volume ทีนี้เราลองมานึกดู สาขายนตรกิจที่มีอยู่ทุกวันนี้ก็ถูกควบรวมโดยการให้บริการทุกยี่ห้อที่ยนตรกิจขาย แล้วความชำนาญมันจะเกิดได้อย่างไร
ผู้บริโภคอย่างเราๆที่ชอบใน brand นี้ก็คงจะต้องทนเจ็บตัวและเจ็บใจไป จนกว่าจะเลิกใช้ไปเอง ขนาดผมใช้ peugeot มาตลอด ยังไม่กล้าอีกต่อไปเลยครับ

หัวหน้าช่าง สุรวงศ์ ชื่อสมคิดครับ โทรเข้าไปคุยกับเค้าได้

ช่างไม่ดีเปลี่ยนช่างครับ อู่ไม่ดีก็เปลี่ยนอู่ แต่ไม่ต้องเปลี่ยนรถเพราะดีอยู่แล้ว และควรทำหนังสือเป็นทางการรายงานถึงบริษัทแม่ที่ฝรั่งเศสด้วย กรณีเช่นนี้ไม่ควรปล่อยเอาไว้ครับ

เมื่อวานไปเดินงานมอเตอร์โชว์ ขณะเดินดู 307 อยู่กำลังจะก้มดูภายใน ก็มีหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาขอชมด้วย แล้วกระซิบชอบเปอร์โยต์มานาน แต่ไม่ชอบยนตรกิจเลย เพิ่งรู้ว่าความคิดนี้แพร่หลายในหมู่คนใช้รถยุโรปมากๆ

ผมเคยเอารถ 305 ไปตั้งรอบเดิมเบา ศูนย์เปลี่ยนหัวเทียนทองคำขาว 4 หัวของผมไป เอาหัวเทียนธรรมดาใส่ให้ (ผมทราบเพราะรถวิ่งไม่ออก) พร้อมกับเปลี่ยนผ้าปั๊มคาร์บิว ฯลฯ ผมเลยขอหัวเทียนของผมกลับ แล้วไปถอดใส่เอง ปรากฏว่าหัวเทียนยังดีอยู่เลยครับ

เหมือนกันเลยครับ ผมก็ใช้ 406 เหมือนกัน เข้าศูนย์สุรวงค์มาโดยตลอด แต่ตั้งแต่เข้าไปทำสีทั้งคันมา ก็มีปัญหาเบรคติดมาตลอด เนื่องมาจากทางศูนย์ได้จอดรถเอาไว้โดยไม่มีการขยับเป็นเวลาทั้งเดือน (ทางช่างเป็นคนบอกเอง) ทำให้เบรคติด และทางศูนย์ก็ให้ผมซ่อม โดยที่ผมต้องเสียค่าใช้จ่ายไปหลายพันบาท (ค่าชุดซ่อม) แต่ก็ไม่หายซักที คุยกับผู้จัดการศูนย์ คุณสมคิดก็แล้วไม่มีอะไรดีขึ้น จนเดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปใช้บริการที่รองเมืองแล้ว ไม่ต้องจอดรอคิวนานด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ศูนย์ใหญ่อย่างสุรวงค์แต่ก็ยังไม่เจอปัญหาครับ