www.VlovePeugeot.com - Please Ctrl+D Bookmark Now!

VlovePeugeot.com Webboard


406 อยากติดLPG
มี406 อยู่คับไม่ทราบจาติดLPG ได้ไหมคับ
แล้วติดที่ไหนดี ราคาประมาณเท่าไรคับ
โดยคุณ : Bignew - ICQ : - [ 11 ต.ค. 2005 , 14:28:06 น. ]

ตอบ คนที่ 1
บนกระแสความเปลี่ยนแปลงของพลังงานสำหรับรถยนต์ ที่หลายคนสุดทนกับการแบกรับภาระค่าน้ำมันเบนซิน หันมาคบกับพลังงานทางเลือกอย่างก๊าซแอลพีจีกันเป็นทิวแถวนั้น ส่งผลให้ ณ วันนี้ มีศูนย์บริการติดตั้งระบบแอลพีจีเกิดขึ้นใหม่เป็นดอกเห็ด แต่ก็ยังไม่สามารถรองรับความต้องการของผู้ใช้รถยนต์ได้อย่างเพียงพอ เชื่อหรือไม่ว่าศูนย์บริการระดับกลางๆ ที่มีชื่อเสียงนั้น คิวรอติดตั้งระบบแอลพีจีให้กับรถยนต์ บางแห่งต้องรอนานถึง 2 เดือนเลยทีเดียว หรือแบบมีทั้งชื่อเสียและชื่อเสียงรวมกันก็ยังมีคนเสี่ยงรอคิวนานร่วมเดือน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หลายคนเห็นเป็นโอกาสอันดี หันมาเปิดศูนย์บริการแบบนี้มากขึ้นทุกวัน แน่นอนว่าปริมาณที่เพิ่มขึ้นทุกวันเหล่านี้ ทำให้มีคำถามตามมาว่ามีการควบคุมมาตรฐานคุณภาพทั้งการเลือกใช้อุปกรณ์และเทคนิคการติดตั้งเพียงพอแค่ไหน?


ทุกวันนี้ผมได้รับคำถามจากเพื่อนๆ คนรู้จักมากมายเกี่ยวกับปัญหาหลังจากติดตั้งระบบเชื้อเพลิงก๊าซแอลพีจีไปแล้ว เมื่อตรวจสอบหาสาเหตุจึงพบว่าส่วนมากมักเกิดจากการขาดความละเอียดรอบคอบในการติดตั้ง รวมถึงการเร่งทำปริมาณให้ได้จำนวนมาก เพื่อกอบโกยเงินทองมากกว่าจะสนใจกับคุณภาพงานและความปลอดภัยของลูกค้า

ผมเคยเข้าไปพูดคุยกับศูนย์ติดตั้งระบบแอลพีจีบางแห่ง เพื่อให้ช่วยแก้ไขตามจุดที่ผิดพลาดของรถเพื่อนๆ ที่เข้าไปติดตั้ง จึงพบว่าหลายแห่งยังขาดความรู้ความเข้าใจอย่างเพียงพอที่จะให้บริการ ทั้งในเรื่องระบบการทำงานของอุปกรณ์ชนิดต่างๆ ขั้นตอนการติดตั้ง ขณะเดียวกันผู้บริโภคหรือเจ้าของรถเองก็ไม่มีความรู้เพียงพอจะไปตรวจสอบคุณภาพที่ออกมาได้ จึงจำต้องเป็นผู้รับเคราะห์ไปอย่างไม่รู้ตัว

ปัญหาที่พบเจอมีตั้งแต่ต่อท่อต่างๆ ไม่แน่นเพียงพอ มีการรั่วซึม ใช้อุปกรณ์ไม่ครบทำให้รถมีปัญหา การติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เช่นหม้อต้มก๊าซในตำแหน่งไม่ถูกต้องเสี่ยงต่อการติดไฟหากมีการรั่วซึม ไม่มีการแนะนำการใช้งานและการดูแลรักษาเบื้องต้นอย่างถูกวิธี หรือจะให้ดีผมว่าอย่างน้อยควรมีเอกสารคู่มือการใช้งานและตรวจเช็คระบบเบื้องต้นให้กับลูกค้าก็น่าจะพอใช้ได้

อีกกรณีที่เพิ่งพบในไม่กี่วันที่ผ่านมา และแทบไม่น่าเชื่อว่าเป็นศูนย์ติดตั้งที่ทำมานานนับสิบยี่สิบปีแล้วก็คือ การติดตั้งหรือเดินท่อส่งก๊าซจากถังบรรจุด้านท้ายรถมายังหม้อต้มก๊าซในห้องเครื่อง ปรากฏว่าแทนที่จะพิจารณาให้ดีว่าตำแหน่งของท่อควรจะเดินไปในแนวไหน โดยเฉพาะต้องระวังเรื่องชิ้นส่วนที่เคลื่อนได้เช่นระบบช่วงล่าง แต่ปรากฏว่าบังเอิญรถคันนั้นเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนเล็กน้อยต้องถอดกันชนออกมาทำสี จึงยกรถขึ้นด้วยลิฟต์ยกรถเพื่อความสะดวกในการทำงาน จึงพบว่าล้อรถไม่ห้อยลงเท่าที่ควรจึงมุดเข้าดูปรากฏว่าชิ้นส่วนของช่วงล่างถูกรั้งด้วยท่อทองแดงส่งก๊าซ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากในอนาคตจะเกิดเรื่องเศร้าขึ้นกับรถคันนี้ได้ หากยังมิได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน แถมการติดตั้งท่อเข้ากับชุดกรองก๊าซก่อนเข้าหม้อต้มก็ตึงเกินไปไม่มีระยะเผื่อการให้ตัวสำหรับการสั่นสะเทือน ซึ่งจุดนี้จะให้ดีควรมีการดัดท่อส่งก๊าซม้วนเป็นวงกลมเผื่อระยะการให้ตัวไว้ด้วย

ไหนๆ ก็ลงมือแล้วคราวนี้เลยถอดท่ออากาศเปิดดูกรวยมิกเซอร์ ปรากฏว่าขนาดเล็กเกินกว่าจะใช้สำหรับเครื่องยนต์ขนาด 2,500 ซีซี ใช้เวอร์เนียวัดดูปรากฏว่าเส้นผ่าศูนย์กลางเพียง 26 มิลลิเมตร จากขนาดของท่อส่งอากาศเดิมที่กว้างราว 70 มิลลิเมตร ซึ่งมิกเซอร์ขนาดนี้ถือเล็กเกินกว่าจะใช้กับเครื่องยนต์ระดับนี้ เพราะค่าเฉลี่ยสำหรับมิกเซอร์นั้นประมาณคร่าวๆ ควรอยู่ในระดับ 70-75% จากของเดิม ดังนั้นในภาวะที่ต้องกลับมาใช้น้ำมัน ทำให้การที่มีอากาศเข้าน้อยเกินไปไม่เพียงพอกับการผสมกับเชื้อเพลิง จึงส่งผลทำให้เครื่องยนต์กินน้ำมันเนื่องจากเผาไหม้ไม่หมด ควันดำ และวิ่งไม่ออก

เจ้าของรถยังบอกอีกว่าแม้จะใช้แก๊สแอลพีจีแล้ว แต่ปรากฏว่าน้ำมันในถังก็ยังหายไปอีก เลยเช็คดูปรากฏว่าปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงหรือปั๊มติ๊กยังทำงานอยู่ แต่ท่อส่งน้ำมันถูกบล็อกไว้ด้วยวาล์วไฟฟ้า ซึ่งเมื่อพบกับแรงดันจากปั๊มน้ำเชื้อเพลิงในระดับ 30-45 ปอนด์/ตารางนิ้ว จึงมีโอกาสรั่วมายังระบบได้ ทำให้เป็นสาเหตุที่น้ำมันค่อยๆ หายไปถังทีละนิด ขณะเดียวกันหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ก็ยังทำงานอยู่โดยไม่มีน้ำมันเชื้อเพลิงมาเลี้ยง เพราะช่างที่ติดตั้งไม่ได้ทำการยกเลิกระบบของ 2 ส่วนนี้ขณะใช้ระบบก๊าซแอลพีจี ในอนาคตจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะพบว่าชุดหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นชิ้นส่วนราคาแพงและพังยากของรถคันนี้ จะต้องกลับบ้านเก่าในเวลาอีกไม่นาน

อีกปัญหาที่พบคือรถหลายคันที่ใช้ก๊าซแอลพีจีเป็นเชื้อเพลิง มักจะปล่อยให้มีน้ำมันติดถังเพียงเล็กน้อย ขณะที่ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงต้องการน้ำมันหล่อเลี้ยงตลอดเวลาเพื่อระบายความร้อน ทำให้อีกไม่นานปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงก็ถึงเวลาต้องกลับบ้านเก่าก่อนเวลาอันควรอีกเช่นกัน ดังนั้นจึงควรเติมน้ำมันอย่างน้อยก็มากกว่าครึ่งถังไว้ดีกว่า

อีกปัญหาที่พบคือหลายท่านเกรงกลัวราคาน้ำมัน จนไม่ยอมกลับมาใช้น้ำมันอีกเลย เรียกว่าใช้ก๊าซแอลพีจีกันตั้งแต่สตาร์ทเลยทีเดียว ดังนั้นเมื่อถึงเวลาจำเป็นต้องกลับมาใช้น้ำมันในบางโอกาสอีก ปรากฏว่าเกิดน้ำมันรั่วขึ้นตามข้อต่อต่างๆ ซึ่งมีซีลยางอยู่ข้างใน สาเหตุนี้เกิดจากการไม่มีน้ำมันมาหล่อเลี้ยงและช่วยระบายความร้อนในระบบ เมื่อท่อน้ำมันว่างเปล่าผสมกับความร้อนในห้องเครื่องซีลยางหลายตัวจึงหมดอายุ หดตัวหรือแตกหักทำให้น้ำมันรั่วออกมาได้

โชคดีได้กลิ่นก่อนแล้วดับเครื่องทันก็แล้วไป โชคไม่ดีก็แย่หน่อย แล้วแต่ดวงว่าใครทำบุญมามากแค่ไหน แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป โดยเฉพาะหากบริเวณที่รั่วซึมอยู่ใกล้ท่อไอเสีย การป้องกันทำได้ไม่ยากแค่หาโอกาสให้เครื่องยนต์ได้มีโอกาสใช้น้ำมันบ้าง เพื่อหล่อเลี้ยงในระบบอย่างน้อยสัก 3-4 วัน ใช้น้ำมันสัก10-30 นาทีก็ยังดี แต่สำหรับผมจะสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยน้ำมันทุกเช้าเมื่ออุณหภูมิได้ที่ประมาณ 50-70 องศา จึงเปลี่ยนมาใช้ก๊าซ

สิ่งที่ผมพบอีกอย่างก็คือ ในการเจาะตัวถังรถเพื่อร้อยท่อต่างๆ และร้อยนอตยึดถังบรรจุก๊าซนั้น ศูนย์ติดตั้งหลายแห่งมักละเลยการป้องกันสนิมสำหรับรอยเจาะที่เกิดขึ้นใหม่ จะให้ดีทุกวันนี้ เคมีและสีกันสนิมมีให้เลือกใช้มากมาย ราคาไม่แพงครับ ก่อนร้อยท่อบางแห่งมีรายละเอียดดีหน่อยก็มีการใช้ซีลยางกันน้ำและป้องกันรอยเจาะทำความเสียหายให้ท่อ แต่บางแห่งก็ร้อยลงไปเลย คราวนี้ก็คิดเอาเองนะครับว่าขอบเหล็กคมๆ กับท่อยางและท่อทองแดงใครจะไปก่อนกัน

พื้นที่ใกล้หมดแล้วครับ... เอาวิธีตรวจเช็คง่ายๆ มาฝาก วันหยุดวันไหนมีเวลาก็ลองเปิดฝากระโปรงรถแล้วสตาร์ทเครื่องด้วยน้ำมัน ปล่อยให้เครื่องยนต์ทำงานสักพักแล้วตรวจเช็คระบบท่อส่งน้ำมันและรางหัวฉีดดูว่ามีร่องรอยการรั่วซึม มีกลิ่นน้ำมันออกมาบ้างหรือเปล่า จากนั้นจึงเปลี่ยนเข้าระบบก๊าซแล้วใช้น้ำผสมกับสบู่หรือแชมพูตีให้เป็นฟองแล้วใช้ฟองน้ำชิ้นเล็กๆ ซับน้ำสบู่ขึ้นมาแล้วป้ายลงไปบริเวณรอยต่อส่วนต่างๆ ของท่อแก๊สหากเกิดฟองอากาศขึ้นบริเวณใดก็แสดงว่ามีการรั่วซึมในระบบครับ

โดยคุณ : Think [ 11 ต.ค. 2005 , 16:15:17 น.]

ตอบ คนที่ 2
ขอบคุณครับ
โดยคุณ : tor [ 11 ต.ค. 2005 , 16:35:11 น.]

ตอบ คนที่ 3
โดยคุณ : Gotji [ 11 ต.ค. 2005 , 19:10:59 น.]

ตอบ คนที่ 4
อย่างงี้ก็คือถ้าต้องการประหยัดก็ต้องดูแลมากเป็นพิเศษ เป็นการแลกเปลี่ยน แบบนี้เหมาะสำหรับคนที่ขยันนะครับเนี่ย
โดยคุณ : serial - serial [ 12 ต.ค. 2005 , 07:54:38 น.]

ตอบ คนที่ 5
เป็นการให้ความเข้าใจที่ดีและรู้จักกับระบบการทำงานการดูแลรถรวมถึงการคำนึงถึงความปลอดภัยก่อนการตัดสินใจใช้แก๊สเป็นประโยชน์มากครับ ขอบคุณคร้าบ
โดยคุณ : d8มีนบุรี - มีนบุรี-ดี8 [ 12 ต.ค. 2005 , 09:27:24 น.]

ตอบ คนที่ 6
ข้อความของคุณ tink ให้ข้อคิดหลายประการนะครับ ผมถึงยังไม่คิดหันไปใช้ก๊าซเพราะยังหาคำตอบเรื่องระบบหัวฉีด กับระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ได้ ตั้งคำถามในกระทู้ไปหลายครั้งว่า กล่อง ECU ยังสั่งงานหัวฉีดอยู่หรือเปล่าขณะเราใช้ก๊าซ ปั้มติ๊กยังฉีดน้ำมันอยู่หรือเปล่า แล้วก็พบว่ามี SRI เมื่อใช้ก๊าซได้ไม่นาน พบว่ากล่อง ECU ยังสั่งหัวฉีด กับปั้มอยู่ ร้านก็พยายามเดินวงจรเพื่อให้มันตัด ทำไปทำมากล่อง ECU เสียไปเลยติดเครื่องด้วยน้ำมันไม่ได้อีก ผมขอดูให้แน่ใจก่อนไม่มีผลกระทบอื่นใดค่อยจัดสินใจอีกที
โดยคุณ : เฮง - เฮง [ 12 ต.ค. 2005 , 09:59:51 น.]

ตอบ คนที่ 7
ต้องรู้และเข้าใจระบบ จึงทำการติดตั้งครับ โดยทำอย่างไรเมื่อ swith ไปใช้แก๊ซแล้วไปให้ ECU สั่งตัดระบบไฟที่จ่ายให้หัวฉีดและปั๊มเบนซิน และทำอย่างไรให้ECU คงสั่งการทำงานต่างๆ เสมือนใช้น้ำมันอยู่ (ยกเว้นหัวฉีดและปั๊ม)
โดยคุณ : KT [ 13 ต.ค. 2005 , 10:10:17 น.]

ตอบ คนที่ 8
เครื่องจักรทุกชนิดถ้ามีการศึกษาระบบให้เข้าใจ เราก็รู้ว่ามันทำงานอย่างไร ใช้อะไรตัวไหนควบคุม-ตรวจสอบ ฯลฯ ควบคุมให้ทำงานตามที่เราคิดเราสั่งได้.....เพราะเราเป็นผู้คิดและสร้างเพื่อเอามาใช้งาน....ซึ่งมีการพัฒนาทางเทคโนโลยีมากมายทั้งความสบับซับซ้อน ความละเอียด ....
..ไม่รู้ใครเขียนไว้ (จำเอามา) นักวิทยาศาสตร์บางประเทศทุ่มเทเงินทุนวิจัยที่จะทำปากกาที่สามารถเขียนในอาวกาศได้ เป็นเงินหลายล้าน ในขณะที่อีกประเทศหนึ่งไม่ต้อใช้ทั้งสมอง-เงินทอง-เวลา ในการวิจัย
เอาดินสอนี่แหละขึ้นไปเขียน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีมาแต่ดึกดำบรรพ์....แล้วเลือกเอามาใช้ในโอกาสและเวลาที่เหมาะสม
โดยคุณ : โต้ง - INFANTRY125 [ 14 ต.ค. 2005 , 07:23:33 น.]

ตอบ คนที่ 9
การติดแกสให้วิ่งได้แบบแทกซี่ไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะให้วิ่งแบบน.มเป็นเรื่องยากมาก ติดsriวิ่งมาเกือบห้าพันโลแล้วยังต้องจูนทุกวัน จนคนนั่งข้างๆคิดว่าหมอนี่ถ้าจะบ้า มีข้อสังเกตอยู่อย่างหนึ่ง ติดใหม่ๆจะจูนยากมาก ใช้ไปสักพัก ecu มันจะเซ็ตระบบเอง อาการรวนต่างๆจะหายไป เครื่องเดินเรียบขึ้น อัตราเร่งดีทุกช่วงความเร็ว ติดเครื่องแบบ auto ทุกครั้งเพื่อกันสมองเสื่อม ที่จูนยากอาจเป็นเพราะ ทำที่จูนไว้ 7 จุดคือ หม้อต้ม วาวล์ก่อนเข้า mix ที่ตัว mixปรับได้ ท่อแกส+น.ม เข้าตรงมอเตอร์เดินเบามีที่ปรับ 3 จุด( อากาศ แกส และส่วนผสม ก่อนเข้ามอเตอร์เดินเบา) และปีกผีเสื้อ กว่าจะปรับได้เล่นเอาเหนื่อย แต่คุ้มค่า ฉะนั้นต้องใจเย็นๆและคอยสังเกต และผู้ใช้จะต้องเป็นผู้จูนเองครับ
โดยคุณ : al [ 14 ต.ค. 2005 , 21:06:08 น.]

ตอบ คนที่ 10
ผมติดมา 2 เดือนแล้ว บอกตรงๆว่าพอใจมาก

สิ่งที่ไม่เหมือนน้ำมันคือ สตารท์ยาวกว่านิดหน่อย

ผมเสี่ยงมาก รถผมเป็น 406 คันแรกของร้านด้วยครับ โครตเสียวเลย

สรุปว่าติดได้ไม่มีปัญหา หาช่างที่มีฝีมือ และใก้ลบ้าน
โดยคุณ : คมกฤช [ 17 ต.ค. 2005 , 09:12:05 น.]

ตอบ คนที่ 11
คุณ คมกฤช ติดมาจากร้านไหนคับ
และติดแบบไหนมาคับ
รบกวนหน่อยคับ
โดยคุณ : Bignew [ 19 ต.ค. 2005 , 08:04:33 น.]

ตอบ คนที่ 12
ขอโทษด้วย ไม่ได้เข้าหลายวัน
ตอบคุณ Bignew ผมติดที่ แก็สการาจ ลาดพร้าว 71 ช่างสมานครับ ผมติดแบบ FIX Mixer ครับ ร้านนี้ติดได้แบบเดียว มีถังเลือกได้ สองแบบ หลายขนาด มีหม้อต้ม สองแบบ ของไทยกับของนอก

ร้านนี้มีข้อดีอีกอย่าง คือช่างสมาน ไม่เกี่ยงให้คำปรึกษาตลอด และเคลมได้

เดี๋ยวจะว่าเป็นหน้าม้า เลือกติดทีไหนก็ได้เอาที่เค้าติด รถแบบเรามาแล้วยิ่งดี เอาใกล้ๆด้วยเผื่อเคลม

เล่าประสบการอีกนิด ผมซนไปจูนเอง ประหยัดขึ้นอีก แต่....รอบเดินเบาสั่นครับ คงต้องไปใหช่างแก้ครับ ผลจากความซน
โดยคุณ : คมกฤช [ 26 ต.ค. 2005 , 13:49:32 น.]



Ending By Admin!!!