VlovePeugeot.com Webboard |
ทำเสร็จแล้วครับ สำหรับการแปลง Oil cooler จากใช้น้ำมาเป็นใช้อากาศระบายความร้อน
โดยคุณ : เฮง - ![]() |
ตอบ คนที่ 1
โดยคุณ : เฮง - ![]() |
ตอบ คนที่ 2
โดยคุณ : เฮง - ![]() |
ตอบ คนที่ 3
โดยคุณ : เฮง - ![]() |
ตอบ คนที่ 4
โดยคุณ : เฮง - ![]() |
ตอบ คนที่ 5
คุณเฮงครับ วันหลังถ่ายรูปสวยๆด้านหน้า ให้เห็นตำแหน่งชัดๆ จะได้เอาอย่างบ้าง สนใจครับโดยคุณ : คุณตุ้ย - ![]() |
ตอบ คนที่ 6
โดยคุณ : เฮง - ![]() |
ตอบ คนที่ 7
ถ้าเจอกันต้องขอชมเป็นขวัญตาหน่อยแล้ว พี่ทั่นโดยคุณ : fish - ![]() |
ตอบ คนที่ 8
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ก็ต้องเติมน้ำมันเกียร์เพิ่ม 1 ลิตรเพราะส่วนหนึ่งมันจะหมุนเข้าไปที่แผง oil cooler เลยต้องเติมเพิ่มเล็กน้อย จากนั้นติดเครื่อง เติมน้ำหม้อน้ำกลับเข้าไปไล่ลมต่อไปนี้ก็ไม่ต้องไปยุ่งกับหม้อน้ำอีก เอาท่อน้ำหลังเครื่องออก เอาท่อน้ำจากหม้อน้ำไป oil ตัวเก่าออก ไม่ใช้อีกแล้ว ผลคือเราจะประหยัดท่อน้ำ 2 เส้นที่ไปเลี้ยง oil cooler 2 เส้นนี้แพงเอาการเกือบ 4 พันนะ ต่อไปนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องท่อบวม ท่อหมดสภาพ ท่อเปื่อยจากความร้อนอีก การดูแลตรวจสอบง่ายดาย ระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ก็จะเป็นอิสระไม่ต้องแบ่งน้ำมาที่ oil cooler อีกต่อไป การระบายความร้อนของเกียร์ดีขึ้นเป็น 100% จากนั้นก็ติดเครื่องทดสอบและตรวจสอบระบบ ตรวจตราสายรัด การรั่วซึม เมื่อแน่ใจว่าไม่มีปัญหาก็วิ่งเลยครับ ทดสอบโดยการขับออกไปในระยะทางยาวๆ เพื่อดูความผิดปกติของเกียร์ว่ามีอะไรผิดสังเกตุไหม ไชโย เลยครับเกียร์เปลี่ยนได้นิ่มนวล กำลังดีขึ้น เหมือนรถเบาๆ อย่างไงไม่รู้คงเนื่องจากแรงดันภายในเกียร์ถูกส่งออกมา แทนที่จะเป็นเพียงเอาน้ำเข้าไประบาย กลายเป็นน้ำมันเกียร์พุ่งออกมาเข้าแผงแล้วรับความเย็นจากนั้นเวียนไหลกลับเข้าเกียร์ไปใหม่ น่าพอใจครับ ลงทุนไม่มาก แผง oil มือสองญี่ปุ่น กับค่ากลึงโลหะ oil cooler ค่าสายไฮโดริคน้ำมันเมตรกว่าๆ ค่าจุกจิกอีกนิดน่อย เช่นสายรัด ตัวอุดท่อน้ำ ค่าน้ำมันเกียร์ 1 ลิตร ค่าแรง ไม่ถึง 3 พันบาท แล้วจะมารายงานผลการใช้อีกครั้งโดยคุณ : เฮง - ![]() |
ตอบ คนที่ 9
จะสู้ระบายความร้อนด้วยน้ำได้ไงครับโดยคุณ : SP [ 25 ต.ค. 2005 , 01:45:00 น.] |
ตอบ คนที่ 10
น่าจะเป็นท่อ อุ่น น้ำมันเกียรให้ร้อน ไม่ใช่ ระบายความร้อนโดยคุณ : NTr [ 25 ต.ค. 2005 , 06:12:37 น.] |
ตอบ คนที่ 11
ขยายความอีกหน่อยก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นด้วยน้ำหรืออากาศ คือการทำให้อุณหภูมิของเกียร์คงที่ไม่ร้อนเกินไปและต่ำเกินไป โดยปกติเมื่อเริ่มติดเครื่องเกียร์จะเริ่มหมุนทำงาน ความร้อนมันจะขึ้นมาโดยอัตโนมัติและร้อนสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องไปทำให้มันอุ่นอย่างที่คุณ NTr เข้าใจที่ว่าระบายความร้อนคือทำให้มันลดลง (มันก็คือระบายความร้อนนั้นแหล่ะ) จุดประสงค์ของผู้ผลิตรถใช้น้ำจากหม้อน้ำเพื่อควบคุมความร้อน เพราะบ้านเมืองเค้าหนาว อากาศเย็น จึงเอาน้ำอุ่นๆ เข้าไปไม่ให้น้ำมันเกียร์ร้อนสูงเกินไป หรือเย็นเกินไป แต่เมื่อมาเมืองไทยความร้อนอากาศผิดกันครับ ไม่จำเป็นต้องอุ่นเลยยิ่งวิ่งยิ่งสูงขึ้น แต่ด้วยตัว oil cooler ที่ติดรถมารูระบายที่ให้น้ำไหลผ่านเล็กเกินไป เผื่อหลีกเลี่ยงปัญหาท่อยางที่ต้องมั่นดูแล มีราคาแพง อีกทั้งโลหะของ oil cooler ชอบผุรั่ว เลยใช้วิธีเอาน้ำมันเกียร์ออกมาระบายความร้อน แทนที่จะให้น้ำเวียนลงไประบายความร้อน ดีไม่ดีอย่างไงรถญี่ปุ่น และรถยุโรปราคาแพง ก็ติดตั้งระบบเช่นนี้มานานแล้ว ยิ่งพวกติดเทอร์โบจะเห็นว่าก็ใช้ oil แบบนี้ระบายน้ำมันเครื่องเหมือนกัน ผมเห็น peugeot หลายคันทำมาบ้างแล้วนะ ไม่เป็นไรผมขอทดสอบเอง ดีไม่ดีอย่างไงใช้ไปทดสอบวิ่งอีกสักระยะ จะรายงานให้ทราบเองโดยคุณ : เฮง - ![]() |
ตอบ คนที่ 12
Good job!โดยคุณ : Gizmo [ 25 ต.ค. 2005 , 09:36:36 น.] |
ตอบ คนที่ 13
ผมเคยคุยกับอาดำริห์ว่า ตัวรังผึ้ง ถ้าจะสร้างให้มันพอดีกับของ PG เลย จะได้สวยและลงตัวด้วย .. ยังคุยกันหาแบบสรุปยังไม่ได้ แต่อาทำเสร็จแล้วโดยคุณ : ทอม - ![]() |
ตอบ คนที่ 14
ในที่สุดพี่เฮงก็ได้ไช้เหมือนผมด้วย ต่างกันนิดนึง ของผม ติดข้างในครับต่อจากรังผึงหม้อน้ำ ไม่ได้รับความเย็นจากพัดลมแบบเต็มๆ แต่จากที่ติดตั้งมาประมาณ 3,000กม. เกียร์ยังเป็นปกติครับ ขับทางไกล 600 กม ยังนิ่ม อยู่ครับ..สรุป ดีขึ้นครับ ยิ่งมารู้จากพี่เฮงว่า ท่อน้ำแพงมาก ทำเอาผมคุ้มไปเลยโดยคุณ : สิงห์บางบัวทอง [ 25 ต.ค. 2005 , 10:54:18 น.] |
ตอบ คนที่ 15
ผมโดนตัว oil เก่ามันเล่นงานมาซะกลัวเลย ครั้งแรกหัวท่อที่เสียบจากหม้อน้ำลงไปที่แกนเสียบมันบวม แล้วก็ปริวิ่งไปความร้อนค่อยๆ ขึ้นจึงจอดรถ เปิดฝากระโปรงก็เห็นเลยน้ำมันพุ่งปรีดออกมาตรงสายรัดพอดี เอามือจับก็ไม่ได้มันร้อน ต้องเอาน้ำมาราดหน่อยแล้วก็ตัดหัวสายออกชั่วคราว ความรู้สึกว่าสายมันนิ่มมากๆ ขอเอารถกลับบ้านก่อน พอวันรุ่งขึ้นไปถามราคาสายเส้นนี้ ทำไมมันแพงจังเพียงแค่มันเข้ารูปหน่อยเดียว ก็เลยยังไม่เปลี่ยนว่าจะหาสายท่อน้ำดีๆ จากนอกศูนย์มาเปลี่ยน พอทนใช้ไปอีกหน่อยเอาอีกแล้ว คราวนี้มีน้ำไหลออกมาใต้ท่อเสียบคราวนี้ไปอู่ให้ถอดสายมาดู ปรากฏว่าแกนท่อผุกร่อน ต้องเอาออกไปให้โรงกลึงทำให้ใหม่ ใช้ต่อมาอีกระยะคราวนี้มารั่วที่ท่ออีกข้าง สรุป 2 เส้นเรียบร้อยโรงเรียนจีนไปแล้ว ผมยังไม่ซื้อเพราะคิดโครงการอันนี้ไว้แล้ว กำลังให้โรงกลึงทำอยู่เอาสายเก่าๆ มาใช้ก่อนแล้วเดินท่อทางเดินน้ำใหม่ใช้มาได้ดี พอมาเมื่อวานเปิดฝาหม้อน้ำพบน้ำมันลอยในปนอยู่ พอถอด oil มาดูพบว่าภายในมันผุทำเอาน้ำมันเกียร์ปนออกมาในหม้อน้ำ ก็เลยต้องทำแล้วละเมื่อวานก็เลยไปซื้อของที่โกดังซอยลาดพร้าว 71 เอามาทำเลย เพิ่งทดสอบวิ่งได้ไม่ถึง 50 โล แต่ความรู้สึกมันแตกต่างกับของเดิมนะ รู้สึกวิ่งแล้วรถมันออกตัวเบาๆ เหยียบขึ้นเร็วกว่าเดิมไม่อืดโดยคุณ : เฮง - ![]() |
ตอบ คนที่ 16
ยินดีกับของเล่นใหม่ด้วยคน ผมก็ทำเหมือนๆกับแบบคุณเฮง กับเจ้า BM ตัวเก่า ก็ใช้มาหลายปีไม่มีปัญหา ตอนที่คิดดัดแปลงไปแอบเห็น รถญี่ปุ่นหลายรุ่น จะใช้ชุด Air Cool ดังกล่าวกับเกียร์ Auto โดยเฉพาะรถที่วางเครื่องตระกูล J อย่างไรก็ดีส่วนตัวมีความเห็นว่า Water Cool น่าจะเป็นระบบที่ดีที่สุด แต่ต้องติดตั้งในตำแหน่งที่ถูกต้อง ผมได้ดัดแปลง Water Cooling มาใช้กับ 405 เหมือนโดยใช้ชนิดหลอดที่ฝังในหม้อน้ำ เน้นให้ฝังไว้ในฝั่งน้ำที่ได้ระบายความร้อนไปแล้ว(ฝั่งอุณหภูมิต่ำ) ส่วนใหญ่ช่างเวลาดัดแปลงมักจะฝังหลอดไว้ฝั่งด้านร้อนเพราะอยู่ติดกับเกียร์ ทำให้เดินสายได้สั้นสะดวก เวลารถติดมากๆ อุณหภูมิน้ำจะขึ้นสูงมากแทนที่น้ำมันเกียร์จะได้ระบายความร้อนกับมารับความร้อนแทน ประเด็นสำคัญอย่าลืมว่า (1)น้ำมันเกียร์ Auto จะต้องมีอุณหภูมิสูงระดับหนึ่งจึงจะทำงานได้ดี ทำให้น้ำมันไม่ข้นหรือเหลวเกินไป การฝังไว้กับน้ำระบายความร้อนจึงมีข้อดีตรงจุดนี้โดยอุณหภูมิจะใกล้เคียงกับน้ำซึ่งถูกควบคุมไว้ กับระบบควบคุมความร้อนโดยใช้พัดลมไฟฟ้าบวกกับการควบคุมของ Themostat(วาวล์น้ำ) ขณะที่ Air Cool จะควบคุมได้ไม่ดีเท่า (2) ปรกติถ้าเป็นเกียร์ไฟฟ้า(ควบคุมด้วยกล่อง) มักจะใช้อุณหภูมิน้ำ(มีเซ็นเซอร์วัด)เป็นตัวไปควบคุมการทำงานของการเปลี่ยนเกียร์ การทำงานของ Lock up โดยถ้าอุณหภูมิต่ำเกินไป จะสังเกตุว่าการทำงานของเกียร์จะไม่เหมือนตอนเครื่องร้อน เพื่อป้องกันการสึกหรอ(ช่วงนี้น้ำมันหนืดมาก) อย่างไรก็ดีรถของผมก็มีต่อทดลองใช้ทั้งสองแบบ ก็ยังไม่พบปัญหาอะไร เอาที่ง่ายไม่จุกจิก ก็ O.K. ครับโดยคุณ : amt - ![]() |
ตอบ คนที่ 17
working temperature is at approx. 80 c โดยที่ 20 c oil level at dipstick 3-15 mm 30 c8-20mm 40 c 13-25mm 50c 16-27mm 60c19-29mm 70c 22-34mm 80c 26-38mm 90c 31-43mmโดยคุณ : NTr [ 25 ต.ค. 2005 , 19:43:33 น.] |