Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย  พูดคุยทั่วไป ได้ทุกเรื่อง
Pages: 12
2553 จุดจบประเทศไทย By: Kong@Peugeot
วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 15:23:38
มาจาก Forward mail อีกแล้วครับ แต่ไม่รู้ว่าจะจริงรึเปล่า อะไร

อ้างถึง
ปี 2553 จุดจบประเทศไทย ......ถ้ายังเป็นคนไทยอยู่ช่วยอ่านด้วย
เรื่องนี้คนไทยทุกคนควรที่จะได้รู้ .....ประเทศต่าง ๆ ในโลกนี้มีเกิด มีดับ ตลอดเวลา ..ประเทศไทยก็ไม่พ้นวิถีนี้เช่นกัน สืบเนื่องจากการบรรยายของคุณนิติภูมิ ซึ่งเป็นสื่อมวลชน จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมอสโค
ซึ่งเป็นสถาบันที่สตาลินสร้างขึ้นเพื่อสร้างภูมิปั??ญญาหวังครองโลกในสมัยหนึ่ง
เมื่อหลายปีก่อนคุณนิติภูมิ ได้ทำนายไว้ว่า ประเทศอินโดนีเชียจะแตกเป็น 6-14ประเทศ
ซึ่งในตอนนั้น นักรัฐศาสตร์ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ หัวเราะจนฟันกระเด็น
แต่ต่อมาพอปี 2542 เหตุการณ์เริ่มเป็นจริง! ประเทศอินโดฯได้เริ่มแตกเป็น ติมอร์
และตอนนี้ก็กำลังจะเกิดประเทศ อาเจะห์ และอีกหลายประเทศที่จะเกิดตามมา

ในวันที่ 11 ธันวาคม 2543 ที่ผ่านมาที่งานคนดีศรีสังคม ณ หอประชุมวัฒนธรรมฯ
คุณนิติภูมิได้บรรยายว่า ประเทศไทยจะต้องแตกเป็นประเทศใหม่อีก 4 - 6 ประเทศ แน่นอน !
ทั้งนี้ไม่ใช่เกิดขึ้นโดยบังเอิญแต่เกิดขึ้นอย่างมีกระบวนการ โดยสถานการณ์จะเริ่มชัดขึ้นในปี 2553
ซึ่งเป็นปีที่ข้อตกลง GATTs จะเริ่มมีผลสมบูรณ์   การค้าเสรีจะมีผลสมบูรณ์
สินค้าเกษตรต่าง ๆ จากต่างประเทศจะทะลักเข้ามาในประเทศไทยจำนวนมหาศาล

ในขณะที่เกษตรกรของไทยจะไม่กินสินค้าเกษตรของไทยด้วยกัน
และสินค้าเกษตรของไทยก็จะขายไม่ออกเนื่องจากมีต้นทุนที่สูงกว่าสินค้าเกษตรจากต่างประเทศ
ประกอบกับการที่การพัฒนาการเกษตรของไทยได้พัฒนาอย่างผิดทิศทาง
เป็นการพัฒนาแบบปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้คนปลูกลำใยไทยก็จะปลูกแต่ลำใย
จะกินข้าวก็ต้องซื้อข้าวเวียตนามมากิน คนปลูกข้าวไทยก็ต้องไปซื้อหอมกระเทียมจากจีนมากิน
คนปลูกหอม กระเทียมจะไม่ซื้อลำใยจากไทยแต่จะไปซื้อจากเกาหลีมากิน
เป็นวงจรอย่างนี้ทำให้สินค้าเกษตรของไทยขายไม่ได้
เพราะแม้แต่เกษตรกรไทยด้วยกันก็ยังไม่ซื้อของเกษตรไทยด้วยกันมากิน
เนื่องจาก สินค้าของต่างประเทศมีต้นทุนถูกกว่าสินค้าเกษตรของไทยมีต้นทุนที่สูงกว่า
เพราะใช้ปัจจัยการผลิตปุ๋ยของต่างประเทศ พันธุ์พืชก็ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ

เนื่องจากในอีก 10 ปีข้างหน้าพันธุกรรมท้องถิ่นจะถูกทำลายจาก GMOs
และเมื่อเกษตรกรไทยซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ร้อยละ 80 ของประเทศอยู่ไม่ได้
วิกฤตที่มหาโหดสุดก็จะเกิดขึ้นกับประเทศไทย  รัฐบาลไทยจะไม่มีปั??ญญาที่จะแก้ไขปัญ?หาได้
เพราะมาตรการทางการเงินก็จะใช้ไม่ได้ เนื่องจากธนาคารไทยกลายเป็นของต่างประเทศหมดแล้ว
ไฟฟ้าก็แพงขึ้น   น้ำมันก็แพงขึ้น โทรศัพท์แพงขึ้นเนื่องจากรัฐวิสาหกิจเหล่านี้กลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
เขาสามารถตั้งราคา   ได้ตามใจชอบถ้ารัฐบาลไปขอให้ลดราคาก็จะได้รับคำตอบว่า เขาจะไม่มีกำไร
ธุรกิจจะอยู่ได้ด้วยกำไรเท่านั้น  ถ้าเขาไม่มีกำไรเขาก็จะตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดโทรศัพท์
คุณเลือกเอาว่าจะยอมจ่ายในราคาที่แพงหรือว่าจะยอมไม่มีใช้

ดังนั้น รัฐบาลในอนาคตจะได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ๆ เมื่อเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้
การขายที่ดินราคาถูก ๆ และจำนวนมหาศาลจะตามมา  คนที่มีกำลังซื้อก็คือชาวต่างชาติ
ซึ่งปัจจุบันก็ปรากฏแล้วว่าที่ดินบริเวณภาคตะวันออกได้ถูกต่างชาติกว้านซื้อไปเป็นจำนวนมากแล้ว
เกษตรกรไทยที่ขายที่ดินได้ ก็ไม่สามารถนำเงินที่ได้ไปลงทุนให้เกิดรายได้อื่นได้
เพราะธุรกิจอื่นได้ตกอยู่ในกำมือของต่างชาติแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการค้าปลีกก็ตกอยู่ในมือของ Big C, Lotus,
Carrefour, ธุรกิจอาหารก็ตกอยู่ในมือของ KFC, Pizzahut, McDonal, สิ่งทอเสื้อผ้าก็ของพวกฝรั่งเศส ฯลฯ

ดังนั้น   เงินตราของไทยก็มีแต่จะถูกดูดออก   เหมือนกับคนที่เลือดไหลไม่หยุด ...
เมื่อคนจนอยู่ไม่ได้ ... รัฐจะอยู่ได้ฤา ?

4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นแห่งแรกที่จะขอแยกตัวออกจากประเทศไทย
เนื่องจากความแตกต่างที่เห็นชัดเจนและความแตกต่างทางวัฒนธรรม ในปี 2553
คนไทยภาคใต้จะเห็นด้วยกับการแยกประเทศ เพราะเห็นความล้มเหลวของรัฐบาลไทย
การเมืองไทย การคัดค้านจะน้อยลง การสนับสนุนให้แยกจะทวีความรุนแรงขึ้น
จนรัฐบาลไทยไม่สามารถควบคุมได้ถ้ารัฐบาลใช้กำลังทหาร  ก็จะถูกต่างชาติส่งทหารมาต่อต้านกองทัพไทย
ซึ่งแน่นอนกองทัพไทยไม่มีปัญญาไปต่อสู้อยู่แล้ว  การแยกตัวจะสำเร็จได้ในไม่นาน

จากนั้น ภาคตะวันออก บริเวณจันทบุรี   ตราด   ระยอง   ฉะเชิงเทรา  จะขอแยกตัวตามมา
เนื่องจากที่ดินแถบนั้นกลายเป็นของต่างชาติหมดแล้ว
เนื่องจากที่ดินบริเวณดังกล่าวถูกใช้เป็นแหล่งพันธุกรรมของต่างชาติ ทั้งสมุนไพร อาหารต่าง ๆ
เมื่อรัฐบาลไทยเป็นอุปสรรคของต่างชาติ  การขอแยกตัวก็จะทำได้ไม่ยาก
นั่นหมายถึง การซื้อประเทศไทย คล้ายกับที่สหรัฐอเมริกาซื้อรัฐ Alaska จาก  Russia
ถ้าไทยต่อต้าน เจอทหารต่างชาติแน่

เราจะเตรียมรับมือกับวิกฤติในอนาคตอย่างไร ?

ผมติดตามงานเขียนคุณนิติภูมิ มาหลายปี  และสิ่งที่เขียนในไทยรัฐหน้า 2 เกือบทุกวันนั้น
ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนังสือพิมพ์ต่างประเทศจะเอาข้อมูลงานเขียนของนิติภูมิ
ไปแปลลงหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ ในการวิเคราะห์
บ่อยครั้งที่นิติภูมิ มองการค้า การเมือง สังคมไปพร้อมกัน
รวมทั้งประวัติศาสตร์เขามอง อาเจนติน่า ก่อนล่มสลายทางเศรษฐกิจ
ก่อนล่มจริง... เขาทำนาย การเกิดสงคราม อเมริกากับอิรัค ข้อคิด รวมทั้งอนาคตชาวเชเชนไว้น่าสนใจ
ผมว่า สิ่งที่เขาพูดเป็นไปได้นิติภูมิ ทำให้ผมต้องกลับมาซื้อของโชห่วยของคนไทย
แทนที่ไปเดิน big-c, lotus, careflour, เพราะผมบอกแม่บ้านและลูก ๆ ว่า
เราซื้อของร้านโชห่วย ข้างบ้าน ไม่ต้องไปห้างใหญ่อีกเพราะอะไร
เพราะเราไป คาร์ฟู เงิน 100 บาทที่เราจ่ายไปจะไปสู่ฝรั่งเศส 86 บาท เหลือให้คนไทย 14 บาท
เพราะของต่างชาติเกือบ 100 เปอร์เซนต์ บิ๊กซี โลตัสเหมือนกัน

นิติภูมิเคยเอาเปอร์เซนต์ที่ต่างชาติถือหุ้นมาลงให้ดู ของ 3 ห้างดัง
ผมตกใจมาก และตัดสินใจซื้อน้ำปลาข้างบ้านตั้งแต่วันนั้น 
เพราะว่าต่างชาติถือหุ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์  แล้วบางห้าง 86 ปอร์เซ็นต์
สอนลูกว่ามันจะแพงกว่าห้าง 3 บาท ก็ซื้อที่นี่มันจะแพงกว่า 5 บาทก็ซื้อที่นี่
เพราะมันจะเป็นภาษีคนไทย กลับมาหาลูกเอง ผมคิดแบบนี้จริง ๆ ๆ
ถ้าซื้อจากห้าง 1,000บาท  มันไหลไปต่างประเทศ 900บาท ที่เหลือ 100 บาท

ที่เห็นจ่ายค่ายามเฝ้าห้างไง มองอาเจนติน่าง่ายนิดเดียว
ห้างต่างชาติบุกไปตั้งมากกว่า 400 ห้าง ทั่วประเทศ
คนอาเจนติน่าจึงทำเงินส่ง คาร์ฟู ส่งห้างต่างชาติ เกือบ100 เปอร์เซ็นต์
เงินคนทั้งชาติของชาวอาเจน จึงไหลไปหมด ในประเทศจึงไม่เหลืออะไร
ทางสุดท้ายที่ไม่น่าเชื่อเลยว่าทำได้   ผมพาลูกผมหัดทานขนมกรอบให้น้อยลง
เลิกกิน kfc และพยายามทานให้ลดลง และจำนวนหน ต่อปีน้อยสุด

ผมอธิบาย วิธีสิ้นชาติแบบทางเศรษฐกิจตั้งแต่เริ่มจนจบให้เด็กที่บ้าน และลูกฟัง
หัดให้ลูกมาทานบัวลอย ขนมชั้น ข้าวเหนียวเปียกแทน ถั่วดำข้าวเหนียว ดีครับ
ได้ผล... ลูกเปลี่ยนวิธีกิน... วิธีคิดไปเลย ... เปลี่ยนไปได้มาก
พอเย็นสั่งผมซื้อเต้าส่วนบ้าง ขนมชั้นบ้าง ลูกเดือยบ้าง
ผมพูดนิดนึงที่เขาเข้าใจคือ ผมไปตลาดซื้อไก่ทอดแม่ค้ามา 3 ขาไก่ทอดแบบไทย ๆ
แล้วผมไป kfc ซื้อมา 3 ชิ้น เลือกน่องครับเหมือนกัน ราคาต่างกันลิบเลย
ผมก็อธิบายคำว่า  license ( ค่าลิขสิทธิ) ให้ลูกฟัง
ผมบอกว่า ซื้อไก่ 35 บาท ค่าไก่ 15 บาท ที่เหลือเป็นค่าลิขสิทธ
ไก่แม่ค้าที่ถูกเพราะไม่มีค่าลิขสิทธิ ใบตองที่ห่อขนมไทย ไม่มีลิขสิทธิ
มันเป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ไม่ถึง 3 เดือน   
ขนมต่างชาติ ห่อสวย   แพง เพราะยี่ห้อมันมีลิขสิทธิ
เวลามันหล่นที่พื้น ไม่มีคนเก็บมันจะย่อยสลายภายใน 200 ปี
ผมสอนแบบนี้  ลูกผมเปลี่ยนวัฒนธรรมไปเลย  ผมทำได้และได้ทำแล้ว

ปล. ใคร่จะขอกรุณาช่วยนำบทความไปเผยแพร่ต่อ จะเป็นพระคุณมากครับ
ยาวไปหน่อย แต่อยากให้อ่าน 


ไว้ว่างๆ จะลองกินขนมไทยดูนะ แต่น้ำตาบในขนมไทยมันเยอะมากๆ นี่สิ ทำไงดีล่ะเนี่ย :เครียดดูดบุหรี่:
Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: gaszohol
วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 16:03:55
 ไม่นะ ไม่นะ โอวม่ายยยย นึกแล้วเศร้าใจ  :มุมโคตรเศร้า:
Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: oakey115
วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 16:11:48
 อือๆๆ


Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: TumXsi
วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 16:12:37
ถ้าเป็นอย่างที่ว่าจริง สงสารลูกหลานเราที่ไม่มีประเทศอยู่นี่ล่ะสิ เพราะตนเหตุเกิดจากคนรุ่นพ่อแม่ทำ......
Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: ponggoa
วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 17:25:38
เข้าทำนองว่า ถ้าข้าไม่โกง คนอื่นก็โกง งั้นข้าโกงเองซะเลยดีกว่า หึหึหึ น่ากลัวจริง ๆ
Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: wasin
วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 17:57:37
ตามจริงโลกเราก็แตกไปแล้วแหละครับ  และถึงจุดจบ ตามที่เขาทำนายไว้

มีแต่คนไปคิดว่า โลกจะระเบิดหรือ  ไหนล่ะไม่เห็นระเบิดเลย

ก็ยังอยู่ดีนี่  ทำนายมั่วหรือเปล่า

แต่ที่โลกมันแตก  มันไม่ได้แตกที่ตัวโลกหรอกครับ

มันแตกที่สภาพสังคมของคนเรานี่แหละ  สังคมทั้งโลก

จะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ปี 2000 มา ปัญหาสังคมในโลกมีมากจริงๆ

ไหนจะสงคราม  ไหนจะเศรษฐกิจ  ไหนจะการเมือง เพียบครับ

ลองดูข่าวๆวันๆนึงก็ได้  มีสงครามกันกี่ประเทศ  จราจลกี่ประเทศ

เศรษฐกิจพังไปกี่ประเทศ   การเมืองก็ประท้วงกันกี่ประเทศ

Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: vopang
วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 20:03:20
มีความเป็นไป้ได้หรือเปล่าไม่ทราบ  แต่ถ้าแนวคิดนักการเมือง มือสกปรก ใจสกปรก สมองเป็นรา รวมทั้งสื่อถูกซื้อด้วยเงิน เยาวชนติดยาเสปติด การศึกษาของเยาวชนตำ และมีกระเทยเต็มเมือง(5555) และถ้าเราไม่ช่วยกันประเทศเราลำบากแน่  ข้อสังเกตุ สิงคโปร์จะอยู่แถวสีลมและจะเป็นเจ้าของแบงค์และธุระกิจบริการ ส่วนยุ่นจะยู่ตามนิคมอุตสาหกรรม ฝรั่งจะทำห้างดังๆ คนไทยทะเลาะกันไม่เลิก55555 คิดต่อครับ...
Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: pp1805
วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 20:41:10
เศร้า.........
Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: dej
วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 21:11:50
                ดีใจมากที่ยังมีคนคิดถึงชาติบ้านเมือง ความจริงเขาได้แผ่อิทธิพลเพื่อจะครอบครองประเทศไทยมานานแล้ว เห็นชัดเจนรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เสด็จไปประทับที่เมืองลพบุรี เพราะเรือรบต่างชาติไม่สามารถเข้าไปถึง พ้นจากวิถีกระสุนปืนใหญ่ ซึ่งหากรบกันด้วยกองกำลังทหารราบ กองคชบาล กองทัพม้า รับรองฝรั่งสู้ไทยไม่ได้ จนสิ้นรัชกาล
                 ครั้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ยุคล่าอาณานิคมขนาดหนัก พม่ากษัตริย์ธีบอ
ตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ ตรงกับรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่๓
ครั้นรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์เห็นท่าจะรักษา กรุงเทพมหานคร ไว้ได้ยากพระองค์ทรงศึกษากุศโลบายของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
สมัยกรุงศรีอยุธยา ว่าเหตูใดจึงทรงรักษาเอกราชของชาติเอาไว้ได้ ทั้งที่มีฝั่งเศส ฮอลันดา
โปร์ตุเกต ญี่ปุ่น ยุคนั้นพม่าไม่กล้าแหยม
                  สมัยรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เงินถุงแดงถูกฝรั่งเศสปล้นเอาไปจนหมดท้องพระคลังมหาสมบัติ แดนเสียไปมากกว่าประเทศไทยในปัจจุบัน
                   จนถึงยุค พ.ศ.๒๔๗๕ ชาวพาราศิวิไล ห้ามผู้หญิงกินหมาก ญ หญิงไม่มีหาง ห้ามผู้หญิงนุ่งโจงกระเบน ผู้ชายสวมหมวก สวมรองเท้าหนัง ต้นหมากถูกตัดโค่น ถือว่าผิดกฏหมาย ดนตรีไทย โขน ละคร ลิเก ลำตัด อีแซว ถือว่าล้าหลัง
                   คูคลองถมสิ้น วัฒนธรรมตะวันตกหลั่งไหลถมทับเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง ตั้งแต่สมัยกางเกงหรั่ง หนังคาวบอย เพลงร็อก...................................................หนังไทยไมดู ลิเกในทีวีไม่ีได้ จนให้อเมริกาเข้าตั้งฐานทัพทั่วไทย เพื่อจะได้เอาระเบิดไปทิ้งเวียตนาม แล้วก็บินกลับมาลงในสนามบินประเทศไทย สร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศเพื่อนบ้าน เหมือนกับการให้ผู้อื่นมาอาศัยยิงหนังสติกในบ้านเรายิงใสหลังคาข้างบ้าน
                 ขณะนี้นอกจากธนาคารออมสินแล้ว ธนาคารอะไรบ้างที่คนไทนเป็นเจ้าของ พื้นฐานหลักเช่น การสื่อสารคมนาคม การปิโตรเลี่ยม การค้า อหังหาริมทรัพย์ พืชพันธุัุ์ธัญญาหาร การศึกษา การลงทุน ใครถ้าไม่ใช่........ขายชาติ่
Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: mars
วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 22:21:50
แปลกใจที่คนไทยไม่ค่อยมีความเป็นชาตินิยมซักเท่าไหร่
ของบางอย่างที่คนไทยทำก็ไม่นิยมกัน ผ้าไทยสวยๆก็ไม่ใส่  กระเป๋าถือผู้หญิงที่ทำจากผ้าไทยก็ไม่ถือ ต้องไปถือหลุยส์ติงต๊อง ใบล่ะตั้งหลายหมื่น ดาว์นรถได้เป็นคัน ไม่เห็นจะสวยเล้ย (หรือว่าเราไม่มีศิลปะในการมองหว่า)

อย่างว่าค่ะ ไทยไม่ช่วยไทย แล้วใครจะช่วยเรา ก็คงต้องเริ่มจากตัวเราก่อน
ปัจจุบันอะไรที่เป็นสินค้าไทยก็จะซื้อใช้ค่ะ เครื่องสำอางค์ ของใช้ประจำวันบางอย่าง เช่นพวกแชมพู สบู่  ยาสระผม ก็ใช้โอท๊อปบ้านเรา (แบบว่าดูที่ว่ามีมาตรฐานรับรองนิดนึง) พวกโลชั่นทาผิวก็ใช้น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ผลิตภัณฑ์โอท็อบอีกเช่นเคย พอใช้แล้วก็ไม่ต่างจากโลชั่นบอดี้ช็อบ หรือวิคตอเรียซีเคร็ตเท่าไหร่ พอๆกัน ประหยัดตังค์กว่าด้วย ที่แน่คืออุดหนุนคนไทยด้วยกัน
มาช่วยกันอุดหนุนของไทยเถอะค่ะ (อะไรที่อุดหนุนได้) ประโยชน์ไม่ได้ตกที่ใคร ก็ตกที่เราและก็ลูกหลานของเรา


ใครจะมาลองแบบนัทก็ไม่หวงห้ามค่ะ แต่ถ้าทำแล้วประหยัดตังค์ได้เยอะขึ้น ทำให้รวยขึ้นก็อย่ามาโทษกันนะ
Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: ponggoa
วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 22:34:39
อ้างจาก: mars ที่ วันพุธที่ 22 ตุลาคม  2008 เวลา 22:21:50
แปลกใจที่คนไทยไม่ค่อยมีความเป็นชาตินิยมซักเท่าไหร่
ของบางอย่างที่คนไทยทำก็ไม่นิยมกัน ผ้าไทยสวยๆก็ไม่ใส่  กระเป๋าถือผู้หญิงที่ทำจากผ้าไทยก็ไม่ถือ ต้องไปถือหลุยส์ติงต๊อง ใบล่ะตั้งหลายหมื่น ดาว์นรถได้เป็นคัน ไม่เห็นจะสวยเล้ย (หรือว่าเราไม่มีศิลปะในการมองหว่า)

อย่างว่าค่ะ ไทยไม่ช่วยไทย แล้วใครจะช่วยเรา ก็คงต้องเริ่มจากตัวเราก่อน
ปัจจุบันอะไรที่เป็นสินค้าไทยก็จะซื้อใช้ค่ะ เครื่องสำอางค์ ของใช้ประจำวันบางอย่าง เช่นพวกแชมพู สบู่  ยาสระผม ก็ใช้โอท๊อปบ้านเรา (แบบว่าดูที่ว่ามีมาตรฐานรับรองนิดนึง) พวกโลชั่นทาผิวก็ใช้น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ผลิตภัณฑ์โอท็อบอีกเช่นเคย พอใช้แล้วก็ไม่ต่างจากโลชั่นบอดี้ช็อบ หรือวิคตอเรียซีเคร็ตเท่าไหร่ พอๆกัน ประหยัดตังค์กว่าด้วย ที่แน่คืออุดหนุนคนไทยด้วยกัน
มาช่วยกันอุดหนุนของไทยเถอะค่ะ (อะไรที่อุดหนุนได้) ประโยชน์ไม่ได้ตกที่ใคร ก็ตกที่เราและก็ลูกหลานของเรา


ใครจะมาลองแบบนัทก็ไม่หวงห้ามค่ะ แต่ถ้าทำแล้วประหยัดตังค์ได้เยอะขึ้น ทำให้รวยขึ้นก็อย่ามาโทษกันนะ


เราไม่มีความเป็นตัวของตัวเองมั้ง เป็นทาส(ค่านิยม และแฟชั่น)เลยดีกว่า
Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: wut405
วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม 2008 เวลา 10:11:29
สั้นๆคำเดียว เกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ ผลประโยชน์ไม่ลงตัว คนชั้นบริหารกับคนชั้นสูงของสังคม มันขัดผลประโยชน์กัน ประเทศไทยถึงได้เป็นแบบที่เห็นอย่างนี้ละครับ ไม่สบายๆๆๆๆ


ไม่ต้องมองว่าใครผิดใครถูก คนที่ด่าเขาทุกวัน ว่าคนอื่นชั่ว ถามตัวเองสักนิดว่า แล้วตัวเองมีดีอะไรถึงไปด่าเขาได้ การสะกดจิตหมู่ ทำได้แต่คนที่มีจิตใจอ่อนแอเท่านั้น แต่คนที่ฝึกจิตมาดีแล้ว เรื่องจะมาสะกดจิตหมู่ปลุกระดม มันไม่ง่ายอย่าที่คิดหรอกครับ  :สะกดจิต:

ผมอยู่ทางใต้ ผมรู้ว่าเขาทำอะไรกัน เขาก็แค่ต้องการเปลี่ยน ขั่วอำนาจการบริหารมาอยู่ฝ่ายตัวเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรที่ทำไปเพื่อประชาชนโดยแท้จริง มันก็แค่การสร้างภาพ ให้ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับตัวเองเป็นฝ่ายร้ายเท่านั้น แต่ฝ่ายตัวเอง เทพ หมด ไม่เคยมีผิดสักกะนิด ถ้ามันจะชั่ว ผมก็ว่า มันก็ชั่วกันทั้งคู่ละครับ :ใบเหลือง:

เอาเป็นว่า ดูที่ความถูกต้องเป็นหลัก ดีกว่าดูที่ความถูกใจจะดีกว่าครับ สังคมไทย กำลัง หลงทาง อย่างแรงนะครับ พี่น้องงงงงงงงงงงงง :มุมโคตรเศร้า:
Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: oakey115
วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม 2008 เวลา 12:02:21
อ้างจาก: wut405 ที่ วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม  2008 เวลา 10:11:29
สั้นๆคำเดียว เกี่ยวกับเรื่องนี้ คือ ผลประโยชน์ไม่ลงตัว คนชั้นบริหารกับคนชั้นสูงของสังคม มันขัดผลประโยชน์กัน ประเทศไทยถึงได้เป็นแบบที่เห็นอย่างนี้ละครับ ไม่สบายๆๆๆๆ


ไม่ต้องมองว่าใครผิดใครถูก คนที่ด่าเขาทุกวัน ว่าคนอื่นชั่ว ถามตัวเองสักนิดว่า แล้วตัวเองมีดีอะไรถึงไปด่าเขาได้ การสะกดจิตหมู่ ทำได้แต่คนที่มีจิตใจอ่อนแอเท่านั้น แต่คนที่ฝึกจิตมาดีแล้ว เรื่องจะมาสะกดจิตหมู่ปลุกระดม มันไม่ง่ายอย่าที่คิดหรอกครับ  :สะกดจิต:

ผมอยู่ทางใต้ ผมรู้ว่าเขาทำอะไรกัน เขาก็แค่ต้องการเปลี่ยน ขั่วอำนาจการบริหารมาอยู่ฝ่ายตัวเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรที่ทำไปเพื่อประชาชนโดยแท้จริง มันก็แค่การสร้างภาพ ให้ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับตัวเองเป็นฝ่ายร้ายเท่านั้น แต่ฝ่ายตัวเอง เทพ หมด ไม่เคยมีผิดสักกะนิด ถ้ามันจะชั่ว ผมก็ว่า มันก็ชั่วกันทั้งคู่ละครับ :ใบเหลือง:

เอาเป็นว่า ดูที่ความถูกต้องเป็นหลัก ดีกว่าดูที่ความถูกใจจะดีกว่าครับ สังคมไทย กำลัง หลงทาง อย่างแรงนะครับ พี่น้องงงงงงงงงงงงง :มุมโคตรเศร้า:

 love love love

เห็นด้วยกับคำพูดคุณ wut405 อย่างแรงครับ โดนใจๆ
Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: wasin
วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม 2008 เวลา 15:00:27
ผมเคยดูสารคดีเกี่ยวกับการเมืองรัสเซีย

มีคนเขาบอกว่า  เวลาเลือกนักการเมือง

จะมีอยู่ 2 ตัวเลือก  คือ

ชั่ว กับ ชั่วมากกว่า

ผมว่า มันคงไม่เฉพาะรัสเซียหรอก

ประเทศไหนก็คงเหมือนกันหมดนั่นแหละครับ
Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: CoRso
วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม 2008 เวลา 16:37:05
ทำใจ.....
Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: pom
วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม 2008 เวลา 20:46:42
อ้างจาก: wut405 ที่ วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม  2008 เวลา 10:11:29
ผมอยู่ทางใต้ ผมรู้ว่าเขาทำอะไรกัน เขาก็แค่ต้องการเปลี่ยน ขั่วอำนาจการบริหารมาอยู่ฝ่ายตัวเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรที่ทำไปเพื่อประชาชนโดยแท้จริง มันก็แค่การสร้างภาพ ให้ฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับตัวเองเป็นฝ่ายร้ายเท่านั้น แต่ฝ่ายตัวเอง เทพ หมด ไม่เคยมีผิดสักกะนิด

ถูกใจและดีใจครับที่ยังมีคนในพื้นที่มองออก

ส่วน นิติภูมิ สำหรับผมไม่มีราคาครับนั่งเทียนมากกว่าที่รู้จริง
ใครอยากรู้จักนิติภูมิจริงๆ ลองหาโหลด ป้าเช็ง มาฟังซิครับ...

Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: jamesdrum
วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม 2008 เวลา 21:23:26
ผมว่าถ้าอนาคต(อันใกล้ หรือไกล)เป็นจริง...ประชาชนของประเทศเราเกินครึ่งคงไม่ยอมแน่ๆ...ผมล่ะคนนึงขอสู้และยอมตายบนแผ่นดินเกิด...!!!ขอบคุณครับ...
Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: hara
วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม 2008 เวลา 18:41:52
คุณนิติภูมินี่ถ้าเป็นสถานะการณ์ปัจจุบันที่แกเขียนในหน้า2ไทยรัฐผมก็ชอบอ่านนะ  แต่แกมาทำนายอนาคตนี่ผมไม่ค่อยเชื่อแกเท่าไหร่  มันเหมือนกับหมอดูที่ทายคนไปทัั่วแต่ชีวิตตัวเองยังจัดการให้ดีไม่ได้  แล้วยิ่งเกี่ยวกับการเมืองด้วยหารด้วย 100 ยังน้อยไปครับ ผมเห็นนักการเมืองพวกนึงก็ว่า จะดีใหญ่โตเป็นฮับโน้นฮับนี่  อีกพวกก็ว่าจะล่มจม  แต่สุดท้ายมันก็ยังเหมือนเดิม ยังไม่ตายไปไหน  แต่มันต้องดีกว่าเดิมแน่นอน  ถ้าหยุดสาดโคลน หยุดตีกัน  แล้วมาระดมสมองจับมือกันทำงานเพื่อชาติจริงๆบัดเดี๋ยวนี้
Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: songdej
วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม 2008 เวลา 22:45:23
เลิกใช้ รถฝรั่งเศส แล้วจะใช้ไรดีเนี้ย
Re: 2553 จุดจบประเทศไทย By: oakey115
วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม 2008 เวลา 23:01:13
อ้างจาก: นิสิตสุรา ตี4 ที่ วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม  2008 เวลา 20:46:42

ส่วน นิติภูมิ สำหรับผมไม่มีราคาครับนั่งเทียนมากกว่าที่รู้จริง
ใครอยากรู้จักนิติภูมิจริงๆ ลองหาโหลด ป้าเช็ง มาฟังซิครับ...[/color]

ไครอยากฟังป้าเช็ง PM เมลล์มาได้ครับ เดี๋ยวจัดไปให้ ฟังแก้เครียดนะครับ