Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย  พูดคุยทั่วไป ได้ทุกเรื่อง
Pages: 1
แบตเตอรี่ By: ohonemo
วันอังคารที่ 16 มิถุนายน 2009 เวลา 21:33:51
หาร้านขายแบตเตอรี่ใหม่แถวใน อ.เมือง กาญจฯ เอาที่ร้านดีรับประกันเยี่ยมๆ ช่วยบอกที่อยู่เบอร์โทรด้วยครับ
Re: แบตเตอรี่ By: oakey115
วันอังคารที่ 16 มิถุนายน 2009 เวลา 23:41:18
ไม่รุ้็เหมือนกัลล์นะครับ ให้แนะนำก็ซื้อ GS น่าจะดีที่สุดครับ เขาว่ากันว่าใช้ตะกั่วบริสุทธิอ่ะ ส่วนมากก็มีประักันติดมาให้อยู่แล้ว

เพราะปกติ แบตตเตอรี่มันก็ไม่เจ๊ง ไม่พังง่ายๆหรอกครับ หาซื้อมาใส่เองเรยก็ได้ครับ

อย่างผมไฟรั่วแบตหมด ก็ไปให้ร้านช๊าตให้เอา มันพังยากนะครับ เว้นแต่หมดอายุการใช้งานของมัน
Re: แบตเตอรี่ By: Thailandproject
วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2009 เวลา 12:50:13
ขอแชร์ความรู้หน่อยครับ

ความรู้เกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์ 
          แบตเตอรี่รถยนต์ ทำหน้าที่ป้อนกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ต่างๆของเครื่องยนต์เพื่อให้ทำงานได้ เช่น มอเตอร์สตาร์ท ระบบจุดระเบิด ในขณะที่สตาร์ทรถยนต์ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ป้อนพลังงานให้กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายๆอย่าง ด้วย เช่น ระบบไฟส่องสว่าง วิทยุ เป็นต้น.
          แบตเตอรี่รถยนต์ ไม่ใช่แหล่งผลิตกระแสไฟฟ้า แต่เป็นแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง เมื่อใดก็ตามที่ไดร์ชาร์จ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้า ไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทัน เช่น การขับขี่ในตอนกลางคืนซึ่งใช้ระบบไฟเยอะกว่าปกติ ก็จะดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ ขณะเดียวกันถ้าไดร์ชาร์จทำงานได้ดีขึ้น หรือ หมุนเร็วขึ้น ก็จะมีกระแสไฟฟ้าเหลือจากการใช้งาน ซึ่งก็จะถูกส่งกลับเข้าไปยังแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง(แบตเตอรี่)จนกว่าจะเต็มแบตเตอรี่จะถูกจ่ายไฟออกอย่างเดียวก็เฉพาะตอนสตาร์ทเครื่องยนต์เท่านั้น เพื่อส่งกระแสไฟเข้าสู่มอเตอร์สตาร์ท และ ระบบต่างๆของเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทติด และทำงานแล้ว ไดร์ชาร์จก็จะทำหน้าที่ประจุไฟเข้าแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง นั่นก็หมายความว่า กระแสไฟฟ้าจะถูกจ่ายออกไป และ ถูกประจุเพิ่มเข้าไป หมุนเวียนเข้าออกแบตเตอรี่อยู่เสมอ ไม่ได้จ่ายออกไปจนหมดอย่างเดียว

นั่น หมายความว่าแบตเตอรี่รถยนต์จะหมดได้ก็มีอยู่เพียง 2 กรณี นั่นก็คือ

    1.เก็บไฟไม่อยู่ หรือ หมดอายุการใช้งาน 

    2.ไดร์ชาร์จทำงานผิดปกติ หรือ บกพร่อง ซึ่งทำให้ประจุไฟเข้าไปยังแบตเตอรี่ได้น้อยมากไม่เพียงพอต่อการใช้งาน หรือ ไม่สามารถประจุไฟเข้าไปได้เลย



อายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ แบตเตอรี่มีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ

    1.แบบเปียก นิยม ใช้กันเป็นส่วนใหญ่ แบ่งย่อยออกได้อีกเป็น 2 แบบ คือ แบบที่ต้องเติม และ ดูแลน้ำกลั่นบ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง กับ แบบไม่ต้องดูแลบ่อย (Maintenance Free) ซึ่งจะกินน้ำกลั่นน้อยมาก โดยทั้ง 2 แบบนี้จะมีฝาปิด-เปิดสำหรับเติมน้ำกลั่น ในแบบแรกนี้จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 1.5-2 ปี แต่ไม่ควรเกิน 3 ปี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน และ การดูแลรักษา ถ้ามีการดูแลรักษาอยู่สม่ำเสมอก็จะทำให้แบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ขึ้น อย่างไรก็ดีเมื่อถึงอายุการใช้งานของมันก็สมควรที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ได้แล้ว
    2.แบบแห้ง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น มีความทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า และ มีราคาแพง แบตเตอรี่รถยนต์แบบแห้งนี้จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 5-10 ปี แบตเตอรี่แบบนี้ไม่มีฝาปิด-เปิดสำหรับเติมน้ำกลั่น หรือไม่ก็ถูกซีลทับฝาไปเลย แต่จะมีตาแมวไว้สำหรับไว้คอยตรวจเช็คระดับน้ำกรด และ ระดับไฟชาร์จ

 

การเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์

        ในการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ลูกใหม่นั้น ถ้าหากว่าไม่ได้มีการติดตั้งอุปกรณ์อะไร เพิ่มเติมขึ้นมา เช่น ติดตั้งพวกระบบเครื่องเสียงต่างๆ หรือ ติดตั้งพวกอุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มีขนาดของแอมป์สูงขึ้น เพราะจะเป็นการทำให้สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ เพราะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้มีการคำนวณ และ เลือกขนาดของแบตเตอรี่ให้เหมาะสมกับการใช้งานของรถรุ่นนั้นๆอยู่แล้ว

        แต่ถ้ามีการติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวเพิ่มเติมขึ้นมาก็สามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มีขนาดของแอมป์สูงขึ้นได้สิ่ง ที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับแรกก็คือ แบตเตอรี่ที่มีขนาดของแอมป์สูงขึ้นมักจะมีขนาดของตัวแบตเตอรี่ใหญ่ขึ้นด้วย ดังนั้นฐานของแบตเตอรี่เดิมติดรถสามารถรองรับได้หรือไม่

        ไม่ควรที่จะ เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ โดยไปลดขนาดของแอมป์ลงโดยเด็ดขาด แต่สามารถเลือกแบตเตอรี่ที่มีขนาดของแอมป์สูงขึ้นได้โดยประมาณ 10-30 แอมป์

 

 

การชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่รถยนต์

        การชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ หรือ การประจุไฟเข้าไปในแต่ละครั้งนั้น ควรจะเลือกใช้การชาร์จอย่างช้าเอาไว้ และทิ้งไว้ซักประมาณ 5-10 ชั่วโมง โดยเฉพาะในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ ทั้งนี้ก็เพื่อให้แบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพได้ช้าลง และ มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น แต่ตามร้านที่เปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์โดยทั่วไป มักจะใช้วิธีชาร์จเร็วเพื่อรีบให้บริการลูกค้า ซึ่งจะทำให้แบตเตอรี่ลูกนั้นเสื่อมสภาพเร็ว ต้องเวียนมาเปลี่ยนใหม่เร็วขึ้นเล็กน้อย 

 

 



ข้อควรระวังในการทำงานกับแบตเตอรี่

        เนื่องจากในแบตเตอรี่นั้นมีสารเคมีอยู่ภายใน เช่น สารตะกั่ว น้ำกรด เป็นต้น ดังนั้นในการทำงานกับแบตเตอรี่ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

1. ให้ระมัดระวังพวกไฟ หรือ ประกายไฟต่างๆ รวมทั้งประกายไฟจากการสูบบุหรี่ด้วย
2. ให้ทำการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันดวงตา
3. ระวังอย่าให้เด็กเข้าใกล้น้ำกรด และ แบตเตอรี่
4.การจัดวางและจัดเก็บแบตเตอรี่เก่าควรจัดวางและเก็บในสถานที่ที่ปลอดภัยและเป็นจุดที่จัดเก็บแบตเตอรี่โดยเฉพาะไม่วางทิ้งเกลื่อนกลาด
5. ไม่ควรทิ้งแบตเตอรี่รถยนต์เก่าลงในถังขยะปกติธรรมดาทั่วไป
6. ให้ระมัดระวังอันตรายจากแบตเตอรี่ระเบิด ในขณะที่ทำการชาร์จแบตเตอรี่นั้นจะมีแก็สเกิดขึ้น ซึ่งแก็สนั้นเป็นสารที่ทำให้เกิดการระเบิดได้อย่างสูง
7. ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำบนตัวแบตเตอรี่ ปฏิบัติตามคู่มืองานซ่อมประจำอู่เรื่องระบบไฟฟ้า และ ปฏิบัติตามคู่มือประจำรถ
8. ให้ระวังอันตรายจากน้ำกรดเวลาเดือด น้ำกรดในแบตเตอรี่นั้นเป็นสารกัดกร่อนอย่างรุนแรง ดังนั้นควรสวมอุปกรณ์ป้องกันดวงตา และ ถุงมือขณะที่ทำงานในกรณีนี้อยู่ รวมทั้งระวังอย่าเอียง หรือ ตะแคงแบตเตอรี่เป็นอันขาด เพราะน้ำกรดสามารถรั่วไหลออกมาทางรูระบายได้

 

 


 

อ้างอิงข้อมูลจาก

- บทความของคุณ วรพล สิงห์เขียวพงษ์
- เว็บไซด์ของ 3k แบตเตอรี่,
- เว็บไซด์Yuasa แบตเตอรี่
- เว็บไซด์ Bosch แบตเตอรี่
- Elsa Win
- คุณกริช เกษมรัชดารักษ์


Re: แบตเตอรี่ By: Thailandproject
วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2009 เวลา 12:51:06
การทำงานของแบตเตอรี่
เมื่อโลหะต่างชนิด 2 ชนิด เช่น แผ่นธาตุบวกและลบ จุ่มอยู่ในสารละลายไฟฟ้า (กรดซัลฟูริคเอซิค) ประกอบกันขึ้นเป็นแบตเตอรี่และให้แรงดันไฟฟ้า ซึ่งแบตเตอรี่รถยนต์โดยทั่วไปมีแรงดันไฟฟ้าต่อเซล 2.1 โวล์ท พลังงานไฟฟ้าเกิดขึ้นโดยปฏิกริยาทางเคมีระหว่างโลหะทั้งสองและสารละลายไฟฟ้าปฏิกริยาดังกล่าวจะเกิดขึ้นและมีกระแสไหลเมื่อมีวงจรต่อระหว่างขั้วบวกและลบ (เช่น ไฟหน้ารถ เมื่อต่อเข้ากับแบตเตอรี่)
การทำงานของแบตเตอรี่รถยนต์ ประกอบด้วย 3 องค์ประกอบ คือ
1. Lead dioxide (PbO2) ลีดไดอ๊อกไซด์บนแผ่นธาตุบวก
2. Sponger lead (Pb) ฟองตะกั่วบนแผ่นธาตุลบ
3. Sulphuric acid (H2SO4) สารละลายไฟฟ้า

จุดประสงค์ของการใช้แบตเตอรี่


ประโยชน์ของแบตเตอรี่รถยนต์มี 3 ประการ
1. จ่ายพลังงานให้สตาร์ทเตอร์และระบบจุดระเบิดของเครื่องยนต์ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงาน
2. จ่ายพลังงานส่วนเกินให้กับรถยนต์เมื่อการใช้ไฟฟ้าในรถยนต์เกินปริมาณที่ระบบชาร์จไฟในรถยนต์สามารถผลิตได้
3. รักษาระดับโวล์ทเทจของระบบไฟฟ้าในรถยนต์ให้คงที่ ช่วยป้องกันอุปกรณ์ไฟฟ้าไม่ให้เกิดความเสียหาย


ข้อเท็จจริงบางอย่างเกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์


- แบตเตอรี่รถยนต์ใหม่จากโรงงานมีอายุเฉลี่ย 2.9 ปี
- 75% ของแบตเตอรี่รถยนต์ ที่เสื่อมสภาพก่อนเวลา มีสาเหตุมากจากเกลือซัลเฟทพอกพูนบนแผ่นธาตุ
- แบตเตอรี่รถยนต์ใหม่และแบตเตอรี่รถยนต์ที่ท่านกำลังใช้งานอยู่นี้ สามารถยืดอายุไปได้อีกเท่าตัว เมื่อเติมด้วย ลองกาแบต
www.winandwill.com

Re: แบตเตอรี่ By: Thailandproject
วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2009 เวลา 12:52:13
แบตเตอรี่รถยนต์ : รีไซเคิลได้ ต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วย
ผู้เขียน: วลัยพร มุขสุวรรณ
หน่วยงาน: หน่วยข้อสนเทศวัตถุอันตรายและความปลอดภัย ศูนย์ความเป็นเลิศแห่งชาติด้านการจัดการสิ่งแวดล้อมและของเสียอันตราย
 
วันที่: 7 ก.ย. 2550
 แบตเตอรี่รถยนต์ : รีไซเคิลได้ ต้องใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วย 
               หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ ฉบับวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2550 นำเสนอเรื่องราวปัญหาจากโรงงานหลอมตะกั่วจากแบตเตอรี่เก่า ที่จังหวัดนครสวรรค์ ที่ปล่อยทั้งน้ำเสียและอากาศเสียออกมาสร้างความเดือดร้อนให้กับชุมชนใกล้เคียง ทำให้สิ่งแวดล้อมเสื่อมโทรมและชาวบ้านเจ็บป่วย




โรงหลอมตะกั่วจากแบตเตอรี่เก่าเป็นตัวอย่างธุรกิจรีไซเคิลที่มีผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม คน และสัตว์ เนื่องจากประกอบไปด้วยวัสดุและสารที่เป็นพิษ หากต้องการประกอบกิจการนี้ต้องมีมาตรการควบคุมป้องกันที่ให้ความมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการแพร่กระจายของมลพิษ

 

ส่วนประกอบแบตเตอรี่ชนิดกรด - ตะกั่ว

                แบตเตอรี่ชนิดกรด-ตะกั่วเป็นแบตเตอรี่ชนิดที่ใช้แล้วสามารถอัดกระแสไฟใหม่ได้ รูปแบบที่เห็นใช้กันทั่วไปคือแบตเตอรี่รถยนต์ แบตเตอรี่ชนิดนี้ประกอบด้วย (1) กล่องพลาสติก (2) แผ่นขั้วบวกและขั้วลบที่ทำจากตะกั่ว (3) แผ่นกั้นที่ทำจากวัสดุสังเคราะห์มีรูพรุน (4) สารละลายอิเล็กโทรไลต์คือ สารละลายกรดซัลฟุริก และ (5) ขั้วต่อกับอุปกรณ์ทำด้วยตะกั่ว [http://www.batterycouncil.org/made.html, 31 ส.ค. 50]

 

การรีไซเคิลแบตเตอรี่ชนิดกรด - ตะกั่ว

                Battery Council International กล่าวไว้ในเว็บไซต์ขององค์กรว่า ส่วนประกอบของแบตเตอรี่กรด-ตะกั่วสามารถรีไซเคิลได้มากกว่าร้อยละ 97 โดยสามารถทำเป็นวงจรปิดคือ รีไซเคิลแบตเตอรี่เก่าเข้าสู่กระบวนการผลิตแบตเตอรี่ใหม่ได้เกือบทั้งหมด  การรีไซเคิลแบตเตอรี่ประกอบด้วย 5 ขั้นตอนหลัก (รูปที่ 1)  คือ


1.       ทำการแยกหรือทำให้แบตเตอรี่แตกเป็นชิ้น ๆ

 

2.       ชิ้นส่วนแบตเตอรี่จากข้อ 1 ถูกนำไปแยกส่วนที่เป็นพลาสติก (โพลีโพรพีลีน) ออกจากส่วนที่เป็นสารละลายและตะกั่วและโลหะหนักอื่น ๆ แต่ละส่วนจะส่งต่อเข้ากระบวนต่อไป

 


3.       สำหรับชิ้นส่วนที่เป็นพลาสติก จะนำไปล้าง ทำให้แห้ง แล้วส่งต่อไปโรงรีไซเคิลพลาสติกเพื่อหลอมเป็นพลาสติกใหม่

 

4.       แผงตะกั่วจะนำไปหลอมเป็นตะกั่วแท่ง มีการกำจัดสิ่งเจือปนทิ้ง (dross)

 


5.       กรดซัลฟุริก จัดการได้ 2 ลักษณะคือ 1) ทำให้เป็นกลาง แล้วทิ้ง หรือ 2) ทำให้เป็นโซเดียมซัลเฟต

 

อย่างไรก็ดี แม้วัสดุเหล่านี้จะรีไซเคิลได้ แต่วัสดุที่ผ่านการรีไซเคิลจะมีคุณภาพต่ำลงเรื่อย ๆ ตามจำนวนรอบที่ถูกรีไซเคิล ดังนั้นการรีไซเคิลจึงไม่สามารถนำมาเป็นเหตุผลในการเพิ่มปริมาณการใช้

 

ปริมาณแบตเตอรี่กรด - ตะกั่วในประเทศ

ปริมาณแบตเตอรี่กรด-ตะกั่วในประเทศไทย มีรายงานว่าในปี พ.ศ. 2545 และ 2546 มีปริมาณการผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ (ไม่รวมแบตเตอรี่กรด-ตะกั่วแบบอื่น) ในประเทศประมาณ 12.4 และ 13.2 ล้านลูก ตามลำดับ โดยในปี 2546 มีอัตราขยายตัวร้อยละ 6.8 (ธนาคารแห่งประเทศไทย อ้างโดย http://www.scb.co.th/LIB/th/article/ifct/data/4704-3.pdf ) หากประมาณปริมาณการผลิตในปี 2547 ? 2549 โดยใช้อัตราขยายตัวที่ร้อยละ 6 จะได้ปริมาณการผลิตใน 3 ปีดังกล่าวเท่ากับ 14.0, 14.8 และ 15.7 ล้านลูก ตามลำดับ ส่วนการนำเข้าและส่งออกแบตเตอรี่ชนิดกรด-ตะกั่วมีการเก็บสถิติโดยกรมศุลกากร ซึ่งมีทั้งแบตเตอรี่ที่เป็นของใหม่ยังไม่ได้ใช้งานและที่เป็นของเก่าใช้แล้ว ในระหว่างปี พ.ศ. 2545 ? 2549 มีปริมาณการนำเข้าและส่งออกแบตเตอรี่ชนิดนี้ที่เป็นของใหม่ดังรูปที่ 2 ส่วนแบบที่ใช้แล้วแสดงในตารางที่ 1

             

ตารางที่ 1 ปริมาณการนำเข้าและส่งออกแบตเตอรี่กรด-ตะกั่วที่ใช้แล้ว ระหว่างปี พ.ศ. 2545 - 2549

   
 พ.ศ. 2545
 พ.ศ. 2546
 พ.ศ. 2547
 พ.ศ. 2548
 พ.ศ. 2549
 
ปริมาณนำเข้ารวม, ชิ้น
 -
 133
 1,545
 2,014
 70,028
 
ปริมาณส่งออกรวม, ชิ้น
 -
 -
 -
 50
 378
 

 

ดังนั้น ปริมาณแบตเตอรี่ที่จะเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลเท่ากับ แบตเตอรี่ที่ผลิตในประเทศรวมกับที่นำเข้ามาหักลบกับที่ส่งออกไปในแต่ละปี จะพบว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2545 ถึง ปี 2549 มีแบตเตอรี่กรด-ตะกั่วที่อยู่ในประเทศเท่ากับ 74.84 ล้านลูก  โดยประมาณ แบตเตอรี่เหล่านี้อาจนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในธุรกิจรีไซเคิล ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการ ซึ่งส่วนหนึ่งอาจเป็นต้นเหตุของปัญหาดังกล่าวข้างต้น

 

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการหลอมตะกั่วจากแบตเตอรี่เก่า

                การประกอบกิจการหลอมตะกั่วจากแบตเตอรี่เก่า เป็นกิจการที่มีผลกระทบรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อม จึงมีกฎข้อบังคับทั้งที่เป็นการเฉพาะและที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก โดยข้อบังคับหลัก ๆ มีดังต่อไปนี้


1. มติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ในการประชุมครั้งที่ 13/2536 เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2536 ห้ามนำเข้าแบตเตอรี่ใช้แล้วชนิดกรด-ตะกั่ว เพื่อนำมาหลอมตะกั่วแท่ง

 

2. ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม ได้แก่

 

2.1  เรื่อง หน้าที่ของผู้ประกอบประกอบกิจการโรงงานหลอมตะกั่วจากแบตเตอรี่เก่า เกี่ยวกับการดำเนินการกำจัดขยะ สิ่งปฏิกูลและวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ประกาศ ณ วันที่ 27 เม.ย. 2544 ? เช่นต้องจัดการฝุ่นจากระบบขจัดฝุ่นแบบไม่ให้แพร่กระจาย ต้องทำตะกรันให้มีลักษณะตามที่กำหนด ต้องกำจัดกากตะกอนปนเปื้อนตะกั่ว กากขี้ตะกั่ว และกากตะกั่วอื่น ๆ ในเตาหลอม หรือปรับเสถียรแล้วฝังกลบอย่างปลอดภัย เป็นต้น

 

2.2  เรื่อง มาตรการคุ้มครองความปลอดภัยในการประกอบกิจการโรงงานหลอมตะกั่วจากแบตเตอรี่เก่า ประกาศ ณ วันที่ 27 เม.ย. 2544  - กำหนดลักษณะของโรงงานหลอมตะกั่วจากแบตเตอรี่เก่า เครื่องจักรและอุปกรณ์ การคุ้มครองความปลอดภัยของพนักงาน การคุ้มครองความปลอดภัยเกี่ยวกับการแพร่กระจายของสารตะกั่ว และการตรวจสอบคุณภาพอากาศ

 

2.3  เรื่อง การรายงานข้อมูลต่าง ๆ ของโรงงานหลอมตะกั่วจากแบตเตอรี่เก่า ประกาศ ณ วันที่ 27 เม.ย. 2544  - กำหนดให้ผู้ประกอบกิจการโรงงานหลอมตะกั่วต้องจักทำรายงานข้อมูลการตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบป้องกันสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ การวิเคราะห์ปริมาณสารมลพิษในระบบป้องกันสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ และการตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อม

 

2.4  เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาทำเลที่ตั้ง สภาพแวดล้อมของโรงงานหลอมตะกั่วจากแบตเตอรี่เก่า ประกาศ ณ วันที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2544  กำหนดหลักการเลือกทำเลที่ตั้ง เช่นต้องไม่มีบึง บ่อ หรือแหล่งน้ำธรรมชาติภายในบริเวณโรงงาน ต้องมีระดับน้ำใต้ดินชั้นตื้นสุดไม่น้อยกว่า 10 เมตร ห่างโรงเรียน วัด โรงพยาบาลไม่น้อยกว่า 2 เมตร และไม่เป็นพื้นที่เกษตรกรรม เป็นต้น

 

2.5 เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาอนุญาตประเภทหรือชนิดของโรงงานลำดับที่ 105 และลำดับที่ 106 ประกาศ ณ วันที่ 6 พ.ย. 2545 (โรงงานลำดับที่ 105 ได้แก่โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการคัดแยกหรือฝังกลบสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุไม่ใช้แล้วที่มีลักษณะหรือคุณสมบัติตามที่กำหนด โรงงานลำดับที่ 106 ได้แก่ โรงงานประกอบกิจการเกี่ยวกับการนำผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่ใช้แล้วหรือของเสียจากโรงงานมาผลิตเป็นวัตถุดิบหรือผลิตภัณฑ์ใหม่โดยผ่านกรรมวิธีการผลิตทางอุตสาหกรรม)

 

2.6  เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งปฏิกูลหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้วจากโรงงาน โดยทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Internet) พ.ศ. 2547 ประกาศ ณ วันที่ 17 ธ.ค. 2547

 

2.7  เรื่อง ระบบเอกสารกำกับการขนส่งของเสียอันตราย พ.ศ. 2547 ประกาศ ณ วันที่ 27 ธ.ค. 2547

 

2.8  เรื่อง การกำจัดสิ่งปฏิกูลวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว พ.ศ. 2548 ประกาศ ณ วันที่ 27 ธ.ค. 2548

 

                นอกจากกฎข้อบังคับข้างต้นแล้วยังมีข้อกำหนดในเรื่องมาตรฐานคุณภาพอากาศที่ระบายทิ้ง รวมทั้งคุณภาพน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรม ที่ต้องปฏิบัติตามด้วย เห็นได้ว่าประเทศไทยมีกฎข้อบังคับสำหรับโรงงานหลอมตะกั่วจากแบตเตอรี่เก่าอยู่หลายฉบับหลายเรื่อง แต่ยังคงเกิดปัญหาเช่นกรณีโรงหลอมตะกั่วที่จังหวัดนครสวรรค์ ที่เป็นข่าวดังกล่าวข้างต้น ดังนั้นผู้ที่เกี่ยวข้องจึงควรช่วยกันร่วมมือขจัดปัญหาไม่ให้เกิดขึ้นอีก


--------------------------------------------------------------------------------

แหล่งอ้างอิง
ประชาชาติธุรกิจ, วันที่ 27 สิงหาคม 2550 ปีที่ 31 ฉบับที่ 3926. ?ชาวบ้านสุดทนรัฐ ?ใส่เกียร์ว่าง? แก้มลพิษตะกั่วนครสวรรค์?, หน้า 33 (ฉบับออนไลน์:http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat_detail.php?s_tag=02phu06270850&day=2007-08-27&sectionid=0211)

กรมศุลกากร, รายงานสถิติการนำเข้าและส่งออก (สืบค้นเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2550 จากเว็บไซต์ http://www.customs.go.th/Statistic/StatisticIndex.jsp)

กรมโรงงานอุตสาหกรรม, www.diw.go.th

Battery Council International http://www.batterycouncil.org/batteries.html ; http://www.batterycouncil.org/recycling.html

 
 
 

Re: แบตเตอรี่ By: mars
วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2009 เวลา 20:45:52
ยกนิ้วให้เลยค่ะ คุณ Thailandproject  :หวัดดีค่ะ: สุดยอดเป็นแหล่งคลังข้อมูลเลย
มีโล่ห์ให้โล่ห์แล้วนะเนี่ย ชมจากใจจริงค่ะ  :มอบดอกไม้:
Re: แบตเตอรี่ By: Thailandproject
วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน 2009 เวลา 12:50:33
อ้างจาก: mars ที่ วันพุธที่ 17 มิถุนายน  2009 เวลา 20:45:52
ยกนิ้วให้เลยค่ะ คุณ Thailandproject  :หวัดดีค่ะ: สุดยอดเป็นแหล่งคลังข้อมูลเลย
มีโล่ห์ให้โล่ห์แล้วนะเนี่ย ชมจากใจจริงค่ะ  :มอบดอกไม้:
เขิลเลยนะเนี่ย
Re: แบตเตอรี่ By: wasin
วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน 2009 เวลา 20:21:33
เวลาผมเช็คน้ำกลั่น
จะหาแท่งแก้ววัดน้ำกลั่นมาจุ่ม
ดูว่ามันสีอะไร
ถ้าเขียว ปิดฝาคืน
ถ้าขาว จับไปชาร์จ
ถ้าแดง ซื้อใหม่

--------------------------

เชื่อมั้ยว่ารถของชาวบ้าน มักจะไม่เติมน้ำกลั่นลงแบตเตอรี่
แต่จะเติมน้ำฝนหรือน้ำดื่มลงไปแทน  

----------------------------

อันนี้ผมดูสารคดีของ discovery มา

ในอนาคต แบตเตอรี่จะไม่ได้ใช้ตะกั่ว
แต่ใช้ผงอลูมิเนียมผสมกับผงธาตุอีกอย่างนึง
ในอัตราส่วนที่พอเหมาะ ก็จะได้แบตเตอรี่
ที่มีไฟแรงกว่า 10 เท่าในขนาดที่เท่ากัน

และผงอลูมิเนียมนี้เมื่อผสมกับผงธาตุอีกอย่างนึง
ในอัตราส่วนที่พอเหมาะเช่นกัน
ก็จะมีการเผาไหม้ที่รวดเร็วและรุนแรงกว่าดินปืนถึง 5 เท่า