Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2010 เวลา 17:27:42
เป็นที่น่าเสียดายว่าผู้รวบรวมไม่สามารถค้นคว้าหาผังวงจรของระบบไฮดรอลิกมาประกอบการอธิบายการทำงานของการเปลี่ยนเกียร์ในบันทึกช่วยจำ ในบทที่ 5 นี้ให้สมบูรณ์ได้ ดังนั้นหากท่านใดมีผังวงจรระบบไฮดรอลิกของเกียร์อัตโนมัติ AL4 นี้ ใคร่ขอความอนุเคราะห์จากท่านช่วยแบ่งปันข้อมูลเพื่อให้เป็นความรู้แก่ผู้สนใจด้วยจะเป็นพระคุณยิ่ง
ภาพตัวอย่างผังวงจรของระบบไฮดรอลิกของเกียร์อัตโนมัติ ZF 4HP20
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2010 เวลา 17:29:44
6. อุปกรณ์ตรวจวัดต่างๆ (Sensors) ภาพแสดงตำแหน่งที่ตั้งของอุปกรณ์ต่างๆ บางส่วน
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2010 เวลา 17:33:44
Sensor ต่างๆที่ถูกประกอบติดตั้งอยู่กับ Gear box มีดังต่อไปนี้
(6A) Transmission Input Speed Sensor หรือ Turbine Speed Sensor มีหน้าคอยตรวจวัดความเร็วรอบของเพลา Input Shaft ที่หมุนไปพร้อมกับ Turbine ของ Torque Converter โดย Sensor นี้จะส่งสัญญาณคลื่นความถี่ไฟฟ้ากระแสสลับให้ ECU เกียร์นำไปประมวลผลเปรียบเทียบกับ Engine Speed เพื่อ:
- ให้ทราบถึงความแตกต่างระหว่างความเร็วรอบของเครื่องยนต์และ Turbine เพื่อทราบถึงการลื่นไถลของของเหลวภายใน Torque Converter ที่เกิดขึ้น แล้วนำไปสั่งการปรับเปลี่ยนค่า Pulse Width Modulation (PWM) เพื่อควบคุมแรงดันคุมให้กับ Modulation Electrovalve ทั้ง EVM และ EVLU
(6B) Transmission Output Speed Sensor มีหน้าคอยตรวจวัดความเร็วรอบของเฟืองลดรอบ Step Down Gear โดยส่งสัญญาณคลื่นความถี่ไฟฟ้ากระแสสลับให้ ECU เกียร์นำไปประมวลผลเปรียบเทียบความสัมพันธ์ความเร็วรอบระหว่าง Input กับ Output เพื่อการตรวจสอบการลื่นไถลของ Clutches และ Brake แล้วนำไปสั่งการปรับเปลี่ยนจังหวะเวลาระหว่างรอยต่อของการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสม
การทำงานของ Input และ Output Speed sensor นี้จะเป็นแบบ Inductive Type Pulse Generator คือใช้หลักการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กที่ตัดกับขดลวด เช่นเดียวกับทำงานของ Engine Speed and Crankshaft Position Sensor
ซึ่งได้กล่าวไว้ในเรื่องหลักการทำงานของระบบควบคุมเครื่องยนต์ในกระทู้
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=16926.0 และ
พิกัดค่าความต้านทานของ Input & Output Speed Sensor นี้ = 300 ? ? 40 (6C) Vehicle Speed Sensor แบบ Hall Effect Sensor - เซ็นเซอร์ตรวจจับความเร็วรถยนต์ Vehicle Speed Sensor มีหน้าที่ส่งสัญญาณเป็นคลื่นไฟฟ้าสี่เหลียม เป็นจังหวะเช่นเดียวกันกับการ เปิด-ปิด สวิทช์ไฟฟ้า ให้ Engine ECU และ ECU เกียร์เรียกใช้ข้อมูลนี้ผ่านระบบ Multiplex ของเครือข่าย CAN (Controller Area Network) ที่มี BSI เป็นตัวกลางในการต่อเชื่อมข้อมูล ทั้งนี้หลักการทำงานของ Vehicle Speed Sensor และระบบ Multiplex ได้กล่าวไว้พอสังเขปในกระทู้ที่อ้างถึงข้างต้นเช่นกัน
ECU เกียร์จะนำข้อมูลความเร็วรถยนต์มาประเมินเพื่อกำหนดการเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็วรถยนต์
ตำแหน่งที่ตั้งและจุดตรวจวัดของ Input & Output Speed Sensor และ Vehicle Speed Sensor
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2010 เวลา 17:46:19
(6D) Oil Temperature Sensor และ Oil Wear Counter หรือ Old Oil Function Oil Temperature Sensor ตัวนี้จะใช้คุณสมบัติของตัวต้านทานชนิดหนึ่ง (NTC Resistor) ที่ค่าความต้านทานจะลดลงเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น อุณหภูมิที่เกียร์สามารถทำงานได้จะอยู่ระหว่าง - 40 ? C ถึง 140 ? C
พิกัดค่าความต้านทานของ Temperature Sensor นี้ = 2360 ? ? 2660 ? ที่ 20 ? C และ 290 ? ? 327 ? ที่ 80 ? C การทำงานของ Oil Temperature Sensor นี้ใช้หลักการเดียวกันกับ Inlet Air Temperature Sensor แต่ทำให้อยู่ในโครงสร้างที่แข็งแรงทนทานกว่ามาก ซึ่งได้กล่าวไว้ในเรื่องหลักการทำงานของระบบควบคุมเครื่องยนต์แล้วเช่นกัน ตำแหน่งที่ตั้งของ Oil Temperature Sensor ได้กล่าวไว้ในหัวข้อ 5.2.3.D ชุดสายไฟ (Electrical Harness) แล้ว
(6D.1) ECU จะใช้ข้อมูลของอุณหภูมิน้ำมันเกียร์เพื่อ: -
? กำหนดค่าแรงดันไฮดรอลิกของระบบ (Line Hydraulic Pressure)
? ในกรณีที่อุณหภูมิสูงเกิน (118 ? C) ECU จะเปลี่ยนไปทำงานใน Mode Emergency (ใน Mode Emergency การเปลี่ยนเกียร์จะไม่นำรูปแบบการป้องกันเกียร์อัตโนมัติที่ได้กำหนดไว้มาใช้)
? นำมาเป็นปัจจัยหนึ่งในการกำหนดการทำงานของ Lock-Up Converter
? และยังนำข้อมูลอุณหภูมิไปใช้ในการคำนวณอายุการใช้งานของน้ำมันเกียร์ (Oil Wear Counter หรือ Old Oil Function)
(6D.2) การนับค่าการเสื่อมสภาพของน้ำมันเกียร์ Oil Wear Counter หรือ Old Oil Function
หลักการทำงาน ECU เกียร์ นับจะเริ่มจับเวลาทันทีที่มีไฟจ่ายเข้า ECU เกียร์ เมื่อบิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง Ignition โดยที่จำนวนแต้มนับจะเพิ่มขึ้นตามอายุเวลาใช้งานและเป็นสัดส่วนตรงกับอุณหภูมิน้ำมันเกียร์ คือแต้มนับจะขึ้นเร็วเมื่ออุณหภูมิสูง
กล่าวคือจำนวนหน่วยนับมีเท่ากับ 32,958 แต้ม มีอายุการใช้งานได้ 6000 ชั่วโมงทำงาน ที่อุณหภูมิน้ำมันต่ำกว่า 95 ? C
เมื่อหมดแต้มนับ ECU เกียร์จะแจ้งให้ผู้ขับขี่ทราบโดยมีไฟ Sport และ Snow กระพริบขึ้นบนแผงหน้าปัด
ทั้งนี้การตรวจสอบอ่านค่าและปรับเปลี่ยนแต้มสามารทำได้โดยใช้เครื่อง Diagnostic เช่น PPS-Peugeot Planet System แล้วเข้าไปที่ Mode ?Measurement? เช่น Reset แต้มให้เป็น 0 เมื่อเปลี่ยนเกียร์ลูกใหม่, เมื่อต้องเปลี่ยน ECU เกียร์ตัวใหม่สามารถอ่านค่าแต้มจากตัวเดิมมาใส่ในตัวใหม่ได้ และเมื่อทำการเติมน้ำมันเกียร์ ให้ลดแต้มลง 2750 แต้มทุกๆ 0.5 ลิตรของน้ำมันเกียร์ใหม่ที่เติมลงไป
(6E) Oil Pressure Sensor - ตัวตรวจวัดความแรงดันน้ำมัน Oil Pressure Sensor มีหน้าคอยตรวจวัดแรงดันน้ำมันของระบบ (Line Pressure) ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงไปตามภาระต่างๆ แล้วป้อนสัญญาณกลับเข้า ECU เกียร์เพื่อเปรียบเทียบกับแรงดันอ้างอิงที่ ECU ต้องการให้เป็น แล้วส่งสัญญาณเป็นแรงดันไฟฟ้า (Voltage) ในช่วง 0-5 V. ให้กับ ECU เกียร์นำไปประมวลผลแล้วทำการปรับแก้ค่า Duty Cycle ของ Pulse Width Modulation ป้อนให้ EVM ปรับแรงดันระบบต่อไป และถ้า ECU พบว่า Pressure sensor ทำงานบกพร่องก็จะสั่งให้คงความดันน้ำมันของระบบไว้ที่ 6.5 bars. เป็นเหตุให้ ECU สั่งให้กลับไปทำงานใน Mode ?Limp Home? หรือทำการ Downgraded Mode ลงคือการยอมให้ทำงานต่อไปได้ แต่บางคุณสมบัติของเกียร์จะถูกละเว้นไม่ถูกนำมาใช้ในขณะนั้น
การทำงานของอุปกรณ์ จะใช้คุณสมบัติของสารที่สามารถเปลี่ยนแปลงค่าความต้านทานไฟฟ้าได้ตามความดัน เช่นเดียวกับการทำงานของ Inlet Air Pressure Sensor ? เซ็นเซอร์วัดความดัน อากาศในท่อร่วมไอดี
พิกัดค่าความต้านทานของ Oil Pressure Sensor นี้มีค่าประมาณ 20 ? การทดสอบค่าแรงดันน้ำมันขณะรถจอดนิ่ง, ดึงเบรกมือและกดแป้นเบรกค้างไว้ และใช้เครื่องมือตรวจวินิจฉัย (Diagnostic Device) โดยมีค่าพิกัดกำหนดไว้ดังนี้
- ขณะดับเครื่องยนต์ แรงดันน้ำมันเกียร์ต้องต่ำกว่า 0.2 bar.
- ขณะเครื่องยนต์เดินเบา ที่เกียร์ D หรือ R แรงดันน้ำมันเกียร์ควรอยู่ประมาณ 2.6 bars.
- ขณะเครื่องยนต์มีรอบเครื่อง 1400 rpm. ที่เกียร์ D หรือ R แรงดันน้ำมันเกียร์ควรอยู่ประมาณ 8.7 bars.
ทั้งนี้แรงดันน้ำมันจะถูกควบคุมอย่างต่อเนื่องตลอดเวลา เช่น
- ในขณะระหว่างการเปลี่ยนเกียร์ ECU จะสั่งลดแรงดันควบคุมลงให้อยู่ระหว่าง 3-12 bars. เพื่อความนุ่มนวลของการเปลี่ยนเกียร์
- ในขณะรถเคลื่อนที่ แรงดันควบคุมจะอยู่ระหว่าง 12-21 bars.
- ในขณะเข้าเกียร์ว่าง ?N? แรงดันควบคุมจะอยู่ระหว่าง 3 bars
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2010 เวลา 17:50:45
(6F) วาล์วควบคุมปริมาณน้ำมันเกียร์เข้าชุดระบายความร้อน (Oil Flow Electrovalve = EPDE) Oil Flow Electrovalve จะทำหน้าที่ปิด-เปิด ให้น้ำมันเกียร์ไหลเข้าสู้ชุดอุปกรณ์ระบายความร้อน (Oil Radiator-Exchanger) ให้เหมาะสม โดย ECU เกียร์จะสั่งให้ทำการปิดหรือเปิดวาล์วเท่านั้น ทั้งนี้ในขณะที่ Valve EPDE นี้ปิดอยู่ก็จะมีช่องทางให้น้ำมันเกียร์ไหลผ่านไปได้ (Bypass)ในปริมาณที่เหมาะสมกับการระบายความร้อนในภาวะปกติอยู่แล้ว แต่จะสั่งเปิด Valve ให้น้ำมันไหลผ่าน ได้เต็มที่เมื่ออุณหภูมิน้ำมันเกียร์และความเร็วรอบเครื่องยนต์สูงถึงค่าที่ได้กำหนดไว้เท่านั้น โดยจะสั่งให้เปิด Valve ที่อุณหภูมิ 120 ? C และหยุดทำงานเมื่ออุณหภูมิ 110 ? C และความเร็วรอบเครื่องยนต์ต่ำกว่าค่าที่ได้กำหนดไว้
พิกัดค่าความต้านทานของ EPDE นี้ = 40 ? ? 4 to 23 ? C
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2010 เวลา 17:52:30
(6G) สัญญาณแจ้งการเบรก (Redundant Brake Switch, Braking Information) ให้ ECU เกียร์
สวิตช์นี้จะทำหน้าที่แจ้งสัญญาณการเบรกให้ ECU เกียร์ทราบสภาวะความต้องการของผู้ขับขี่ เพื่อนำไปประเมินผล
ใช้เป็นข้อมูลในการ :
- ปลดล็อกคันเกียร์ออกจากตำแหน่ง ?P? (Shift Lock หรือ Locking Plunger)
- ชดเชยรอบเดินเบาของเครื่องยนต์
- Lock-Up Clutch ในชุด Torque Converter
- ปรับเปลี่ยนเกียร์ตามหลักเกณฑ์ต่างๆ
หมายเหตุ
1. Redundant Brake Switch เป็นสวิตช์แบบปกติ ?เปิด? แต่เมื่ออยู่ในตำแหน่งที่ติดตั้งจะถูกก้านเบรกกดให้ ?ปิด?
2. Stop Lamp Switch เป็นสวิตช์ไฟเบรกแบบปกติ ?ปิด? แต่เมื่ออยู่ในตำแหน่งที่ติดตั้งจะถูกก้านเบรกกดให้ ?เปิด?
ภาพประกอบลักษณะและวงจรไฟฟ้าของสวิตช์ไฟเบรกและสวิตซ์แจ้งการเบรกให้เกียร์ในที่ติดตั้ง, เมื่อไม่ได้เหยียบแป้นเบรก
ooOoo จบบทที่ 6
หมายเหตุ พิกัดค่าความต้านทาน ที่ปรากฎในบทที่ 5 และ 6 นั้นเป็นค่ากำหนดที่ควรจะเป็น ฉะนั้นควรเปลี่ยนอุปกรณ์ตัวที่มีค่าแตกต่างจากที่กำหนดไว้ เพื่อคงไว้ซึ่งความสมบูรณ์ของระบบการทำงานของเกียร์
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: Gotji
วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2010 เวลา 08:26:06
(6F) วาล์วควบคุมปริมาณน้ำมันเกียร์เข้าชุดระบายความร้อน (Oil Flow Electrovalve = EPDE)
Oil Flow Electrovalve จะทำหน้าที่ปิด-เปิด ให้น้ำมันเกียร์ไหลเข้าสู้ชุดอุปกรณ์ระบายความร้อน (Oil Radiator-Exchanger) ให้เหมาะสม โดย ECU เกียร์จะสั่งให้ทำการปิดหรือเปิดวาล์วเท่านั้น ทั้งนี้ในขณะที่ Valve EPDE นี้ปิดอยู่ก็จะมีช่องทางให้น้ำมันเกียร์ไหลผ่านไปได้ (Bypass)ในปริมาณที่เหมาะสมกับการระบายความร้อนในภาวะปกติอยู่แล้ว แต่จะสั่งเปิด Valve ให้น้ำมันไหลผ่าน ได้เต็มที่เมื่ออุณหภูมิน้ำมันเกียร์และความเร็วรอบเครื่องยนต์สูงถึงค่าที่ได้กำหนดไว้เท่านั้น โดยจะสั่งให้เปิด Valve ที่อุณหภูมิ 120 ? C และหยุดทำงานเมื่ออุณหภูมิ 110 ? C และความเร็วรอบเครื่องยนต์ต่ำกว่าค่าที่ได้กำหนดไว้
พิกัดค่าความต้านทานของ EPDE นี้ = 40 ? ? 4 to 23 ? C
ขอบคุณสำหรับคำตอบเรื่องกรองน้ำมันเกียร์สรุปถอดล้างไม่ได้ต้องยกเกียร์ลงไม่เหมือน4hp14
ดูเหมือนวิศวกรออกแบบมาเพื่อทำให้อุณหภูมิน้ำมันเกียร์สูงมากอยู่ระหว่าง 110? C-120? C ทำไมสูงจังเลยครับ
และทำไมต้องเอาน้ำร้อนจากเครื่องยนต์ไปผ่าน oil cooler ของเกียร์แทนที่จะเอาน้ำด้านที่เย็นกว่า หรือว่าเอาไปเพิ่มอุณหภูมิน้ำมันเกียร์ให้อยู่ระหว่าง 110-120? C
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2010 เวลา 21:52:01
(6F) วาล์วควบคุมปริมาณน้ำมันเกียร์เข้าชุดระบายความร้อน (Oil Flow Electrovalve = EPDE)
Oil Flow Electrovalve จะทำหน้าที่ปิด-เปิด ให้น้ำมันเกียร์ไหลเข้าสู้ชุดอุปกรณ์ระบายความร้อน (Oil Radiator-Exchanger) ให้เหมาะสม โดย ECU เกียร์จะสั่งให้ทำการปิดหรือเปิดวาล์วเท่านั้น ทั้งนี้ในขณะที่ Valve EPDE นี้ปิดอยู่ก็จะมีช่องทางให้น้ำมันเกียร์ไหลผ่านไปได้ (Bypass)ในปริมาณที่เหมาะสมกับการระบายความร้อนในภาวะปกติอยู่แล้ว แต่จะสั่งเปิด Valve ให้น้ำมันไหลผ่าน ได้เต็มที่เมื่ออุณหภูมิน้ำมันเกียร์และความเร็วรอบเครื่องยนต์สูงถึงค่าที่ได้กำหนดไว้เท่านั้น โดยจะสั่งให้เปิด Valve ที่อุณหภูมิ 120 ? C และหยุดทำงานเมื่ออุณหภูมิ 110 ? C และความเร็วรอบเครื่องยนต์ต่ำกว่าค่าที่ได้กำหนดไว้
พิกัดค่าความต้านทานของ EPDE นี้ = 40 ? ? 4 to 23 ? C
ขอบคุณสำหรับคำตอบเรื่องกรองน้ำมันเกียร์สรุปถอดล้างไม่ได้ต้องยกเกียร์ลงไม่เหมือน4hp14
ดูเหมือนวิศวกรออกแบบมาเพื่อทำให้อุณหภูมิน้ำมันเกียร์สูงมากอยู่ระหว่าง 110? C-120? C ทำไมสูงจังเลยครับ
และทำไมต้องเอาน้ำร้อนจากเครื่องยนต์ไปผ่าน oil cooler ของเกียร์แทนที่จะเอาน้ำด้านที่เย็นกว่า หรือว่าเอาไปเพิ่มอุณหภูมิน้ำมันเกียร์ให้อยู่ระหว่าง 110-120? C
ขอแยกเป็น 2 คำตอบนะครับ
1. กรองเกียร์ 2 ตัว
1.1 การล้างกรองน้ำมันเกียร์ตัวที่ต่อเข้ากับ Oil Pump ต้องยกเกียร์ลงครับ คงต้องไปทำเอาตอนผ่าเกียร์ละครับ
1.2 กรองตัวที่อยู่ใน Valve Block ไม่ต้องยกเกียร์ลงครับ แต่สามารถถอด Valve Block ได้โดยการถอด Battery พร้อมฐานและชุดไส้กรองอากาศออกมาก่อน แล้วเปิดฝาครอบ Valve Block ก็เข้าถึงตัว Valve Block แล้วก็ถอดออกมาล้างทั้งสมองเกียร์ (Valve Block) กันเลยทีเดียว
2. อุณหภูมิน้ำมันเกียร์
- จากหัวข้อ (6D) อุณหภูมิที่เกียร์สามารถทำงานได้จะอยู่ระหว่าง - 40 ? C ถึง 140 ? C
ไฟ Sport และ Snow จะกระพริบเตือนเมื่ออุณหภูมิเกิน 118? C (Ref. หัวข้อ 12.4.1 (4)) - จากรูปในบทที่ 8 ที่จะได้กล่าวถึงต่อไปจะแสดงให้เห็นทิศทางการไหลของน้ำในระบบ
จากรูปน้ำที่ออกจากด้านล่างของหม้อน้ำจะมีอุณหภูมิต่ำกว่าด้านบนจะไหลเข้าไปหมุนเวียนเข้า Oil Cooler เนื่องจากน้ำร้อนจะมีความหนาแน่นน้อยกว่าน้ำเย็นจึงลอยตัวขึ้นข้างบนประกอบกับน้ำร้อนจากเครื่องยนต์จะผ่านวาล์วน้ำเข้าทางด้านบนของหม้อน้ำด้วยเช่นกัน ด้วยเครื่องยนต์และเกียร์ประกบติดกันอยู่จึงมีการถ่ายเทความร้อนให้กันและมีอุณหภูมิสูงกว่าน้ำในหม้อน้ำอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงใช้น้ำจากหม้อน้ำที่เย็นกว่ามาช่วยพาความร้อนออกจากน้ำมันเกียร์ไปได้ ตามปกติน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์จะมีอุณหภูมิสูงกว่าค่าที่ Coolant Temperature Sensor วัดได้แล้วไปแสดงค่าบนหน้าปัดอยู่ประมาณ 10-20 ? C
สรุปว่าปกติแล้วอุณหภูมิน้ำมันเกียร์ที่กำลังใช้งานจะอยู่ที่ประมาณ ค่าอุณหภูมิที่ปรากฏบนหน้าปัด + อีก 10 - 20 ? C (เช่น 90+20 = 110 ? C) แต่เมื่ออุณหภูมิน้ำมันเกียร์ขึ้นถึง 120 ? C แล้วเท่านั้น Valve ของ EPDE ถึงจะเปิดให้น้ำมันเกียร์ไหลเข้าไปใน Oil Cooler ได้เพิ่มมากขึ้นอุณหภูมิน้ำมันเกียร์ก็จะลดลงครับ
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2010 เวลา 21:55:18
7. Selector Control (7A) Selector Lever ? คันเกียร์เป็นกลไกสำหรับให้ผู้ขับขี่เลือกใช้เกียร์ Mode ต่างๆ โดยจะต่อไปกระตุ้นให้สวิตช์ ภายในตัวของ Multifunction switch เปลี่ยนตำแหน่งสวิตช์ไป และยังเกี่ยวพาให้ Manual Valve เลื่อนเปลี่ยนตำแหน่งตามไปด้วยโดยผ่านทางชุดกลไก Parking Selection Control
ตำแหน่งของคันเกียร์มีดังนี้
P = Park = เพื่อการจอดรถ
R = Reverse = เพื่อการขับถอยหลัง
N = Neutral = เกียร์ว่าง
D = Drive = เพื่อการขับไปข้างหน้า โดยจะเข้าเกียร์ให้อย่างอัตโนมัติ ตั้งแต่เกียร์ 1- 4
3 = เพื่อการขับไปข้างหน้า โดยจะเข้าเกียร์ให้อย่างอัตโนมัติ ตั้งแต่เกียร์ 1- 3
2 = เพื่อการขับไปข้างหน้า โดยจะเข้าเกียร์ให้อย่างอัตโนมัติ ตั้งแต่เกียร์ 1- 2
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2010 เวลา 21:56:51
(7B) Shift Lock หรือ Locking Plunger - แกนล็อกคันเกียร์ Shift Lock เป็นอุปกรณ์เพิ่มความปลอดภัย ที่ผู้ขับขี่จะต้องเหยียบเบรกก่อนการเปลี่ยนตำแหน่งคันเกียร์ออกจาก ?P? โดยอุปกรณ์ตัวนี้ทำงานโดยการสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าขึ้นในขดลวดของโซลินอยด์แล้วดึงแกนเหล็กกระทุ้งที่มีสปริงออกแรงดันอยู่ ดังนั้นเมื่อคันเกียร์ถูกเลื่อนไปในตำแหน่ง P แกนกระทุ้งก็จะถูกสปริงดันเข้ารูล็อกในคันเกียร์ได้เอง การปลดล็อกทำได้โดยการทำให้กุญแจไปที่ Ignition แล้วเหยียบเบรก และถ้า Shift Lock Actuator นี้เสียสามารถปลดล็อกโดยการใช้สกรูไดรเวอร์ปากแบนสอดเข้าไปในร่องที่ปลายของแกนกระทุ้งแล้วเขี่ยออกมาตามแนวศรแดง
พิกัดค่าความต้านทานของ Shift Lock นี้ = 40 ? ? 4 ที่ 23 ? C.
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2010 เวลา 21:58:02
(7C) Program Selector ? ปุ่มกดเลือกโปรแกรมเกียร์ Program Selector ตั้งอยู่ข้างคันเกียร์ด้านซ้ายมี 3 ปุ่มให้เลือกกด คือ S = Sport, * = Snow และ 1 = เมื่อต้องการใช้เกียร์ 1 โดยที่คันเกียร์จะต้องอยู่ในตำแหน่ง 2
การกดปุ่มเลือกโปรแกรมนี้จะทำให้ ECU เกียร์ทราบความต้องของผู้ขับขี่ ทั้งนี้การเปลี่ยนเกียร์ให้อย่างอัตโนมัติจะขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์การเปลี่ยนเกียร์ตามเงื่อนไขต่างๆแล้วยังสามารถเพิ่มเติมโปรแกรมทั้ง 3 นี้เข้าไปได้ด้วยโดย
- เมื่อไม่ได้เลือกกดปุ่มใด เกียร์จะทำงานใน Mode ?Auto-Adaptive? ตามปกติ
- เมื่อเลือกกดปุ่ม ?S? เกียร์ยังคงถูกเปลี่ยนให้เองอย่างอัตโนมัติแต่จะรอรอบเครื่องยนต์ให้สูงขึ้นกว่าปกติก่อนการเปลี่ยนเกียร์ขึ้นแต่ละเกียร์ทำให้ขับสนุกแต่ไม่ประหยัด
- เมื่อเลือกกดปุ่ม ? * ? โปรแกรมนี้เหมาะกับการขับขี่ในถนนลื่น โดยจะเข้าเกียร์ 2 ให้แทนการออกรถตามปกติที่เกียร์ 1
การออกจากโปรมแกรมนี้มี 2 ทาง คือกดเลือก ? * ? อีกครั้ง หรือจะถูก Reset ดับเครื่องยนต์
- เลือกกดปุ่ม ? 1 ? เมื่อต้องการใช้เฉพาะเกียร์ 1 โดยที่คันเกียร์ต้องอยู่ในตำแหน่ง 2
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2010 เวลา 21:59:35
(7D) Multifunction Switch Multifunction Switch เป็นสวิตช์หลายหน้าสัมผัสที่หมุนไปบนแกนเดียวกันตามการเปลี่ยนตำแหน่งของคันเกียร์โดยผ่านกลไกของชุด Selector lever Control Cable
หน้าที่ของ Multifunction switch :-
- ส่งข้อมูลข้อมูลตำแหน่งเกียร์ที่เลือกใช้ ให้ ECU เกียร์ทราบ
- ป้องกันการ Start เครื่องยนต์ถ้าคันเกียร์ไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง P หรือ N โดยการตัดไฟเข้า Starter Inhibitor Relay
เมื่อการเข้าเกียร์ไม่ราบรื่น หรือเมื่อ Start เครื่องที่เกียร์ P หรือ N แล้วไม่ติดแต่ถ้าขยับคันเกียร์เล็กน้อยก็จะติดได้เป็นปกติ หรือ Switch นี้เคลื่อนขยับตัวออกจากตำแหน่งที่ถูกต้องไป(เช่นยางลูกหมากฉีกขาด หรือเปลี่ยนลูกหมากใหม่) ก็จะต้องทำการปรับตั้งใหม่โดย :-
- ให้คันเกียร์อยู่ในตำแหน่ง “ N “ แล้วคลายน๊อตยึด 2 ตัวที่ยึดอยู่พอให้ Switch ขยับตัวได้
- ใช้ Ohmmeter จับที่ขั้วของ Contactor (ในรูปข้างบนขวา)
- หมุนบิดตัว Switch ทวนเข็มนาฬิกาจนสุดร่องเลื่อน
- ค่อยๆงัดหมุนตัว Switch กลับไปตามเข็มนาฬิกา จนถึงจุดหนึ่งที่มีความต้านทาน = 0 Ω ก็ให้ขีดเส้นด้วยของมีคมให้เป็น เครื่องหมายไว้ที่บนตัว Switch(ที่ขอบร่องเลื่อนตรงกึ่งกลางน็อต)และเสื้อเกียร์
- ค่อยๆงัดหมุนตัว Switch ต่อไปตามเข็มนาฬิกาอีก จนถึงจุดที่มีความต้านทาน = ∞ Ω ก็ให้ขีดเส้นทำเครื่องหมายไว้บนเสื้อเกียร์อีกครั้งโดยให้ตรงกับเส้นที่ได้ทำไว้บนตัว Switch
- ค่อยๆงัดตัว Multifunction Switch กลับ ให้เส้นบนตัว Switch อยู่ตรงจุดกึ่งกลางของเส้นทั้ง 2 ที่อยู่บนเสื้อเกียร์ แล้วขันน๊อตยึดให้แน่น
หมายเหตุ การปรับตั้ง Switch ตัวนี้สามารถใช้วิธีการอื่นๆได้อีก ซึ่งจะเป็นเทคนิคเฉพาะตัวของช่างแต่ละคน
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2010 เวลา 22:02:58
(7E) Parking Lock System ? ระบบล็อกเพื่อการจอดรถ Parking Lock System เป็นกลไกที่จะทำการล็อกไม่ให้ Step Down Gear หมุนได้เมื่อคันเกียร์ถูกเลื่อนไปที่ตำแหน่ง P โดยผ่านกลไกของชุด Parking Selection Control ไปกระตุ้นการทำงานก้านล็อก
จากรูปข้างล่าง รูปขวาบน ขณะที่คันเกียร์อยู่ที่ ตำแหน่งอื่นที่ไม่ใช่ ?P? จะเห็นว่าแผ่น Lock (5) จะถูกสปริง (7) ดันไว้ให้ลงด้านล่างตลอดเวลา ดังนั้นซี่ฟันของแผ่น Lock ก็จะถูกยกให้สูงขึ้นพ้นจากร่องฟันของ Step Down Gear ( 8 ) จึงเป็นอิสระไม่ถูกล็อก
แต่เมื่อคันเกียร์อยู่ที่ตำแหน่ง ?P? กลไกหมายเลข 6 จะเลื่อนไปอยู่ที่เส้นร่างรูปสีฟ้า หมุด (9) ก็จะไปกดที่สันของแผ่น Lock (5) ให้ซี่ฟันเคลื่อนที่เข้าไปอยู่ในร่องฟันของ Step Down Gear ตามเส้นร่างรูปสีแดง ดังนั้น Step Down Gear จึงเป็นถูกล็อกไว้ไม่ให้หมุนได้อีก
และเนื่องด้วย ฟันเฟืองของ Step Down Gear ขบอยู่กับฟันเฟืองของชุด Differential Gear และเพลาล้อ ทั้งหมดจึงถูกล็อกไว้เช่นกัน
ooOoo จบบทที่ 7
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันจันทร์ที่ 12 เมษายน 2010 เวลา 22:09:40
8. Water/Oil Heat Exchanger การระบายความร้อนให้กับน้ำมันเกียร์จะใช้น้ำจากหม้อน้ำของเครื่องยนต์ไหล เข้า-ออก ผ่านท่อยางเข้าชุด Water/Oil Heat Exchanger เกียร์พาเอาความร้อนส่วนหนึ่งออกจากน้ำมันเกียร์
ภาพประกอบแสดงทิศทางการไหลและสถานะอุณหภูมิของน้ำ
ooOoo จบบทที่ 8
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: Gotji
วันอังคารที่ 13 เมษายน 2010 เวลา 10:11:09
Thanks you.
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันอังคารที่ 13 เมษายน 2010 เวลา 18:43:28
9.หน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ของเกียร์ - Automatic Transmission-Electronic Control Unit (AT-ECU)แผนผังแสดงองค์ประกอบโดยรวมของระบบควบคุมเกียร์อัตโนมัติ AL4
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันอังคารที่ 13 เมษายน 2010 เวลา 18:44:14
แผนผังแสดงวงจรไฟฟ้าของระบบควบคุมเกียร์อัตโนมัติ AL4 ใน PG406 EA9
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันอังคารที่ 13 เมษายน 2010 เวลา 18:53:31
ECU ของ เกียร์ AL4 เป็นแบบ Auto-Adaptive และสามารถ Downloading Upgrade Softwareได้ โดยมีหน่วยความจำแบบ 56 Track Flash EPROM อยู่ภายใน
ECU ทำหน้าที่ดังต่อไปนี้:- (9A) ? ทำการเปลี่ยนเกียร์ตามหลักเกณฑ์ ECU มีหลักเกณฑ์การเปลี่ยนเกียร์ ให้ใช้งาน 10 หลักเกณฑ์ ตามรูปแบบของการขับขี่ โดยที่การจะเลือกใช้แบบ (Mode) ใดนั้นจะขึ้นกับเงื่อนไขทั้งจากภายในและภายนอก ซึ่งมีหลักเกณฑ์ต่างๆให้ใช้นั้น มีดังนี้ต่อไปนี้คือ
? 6 หลักเกณฑ์ สำหรับ Autoadaptivity
? 1 หลักเกณฑ์ สำหรับ Mode ?Sport
ใน Mode Sport นี้เกียร์ยังแบ่งเป็น 2 Mode ย่อย คือ Sport และ Aggressive
- Mode Sport/ ขับสนุก จะแช่อยู่ที่เกียร์เดิมนานขึ้น โดยจะไม่เข้าเกียร์ 4 จนกว่าความเร็วเกิน 100 กม./ชม.และเมื่อเราทำการชะลอความเร็วรถโดยการเหยียบเบรกหรือเพียงแค่ถอนคันเร่ง มันก็จะรีบ Lock-Up Clutch ให้เร็วขึ้นหรือ
ลงเกียร์ต่ำอย่างรวดเร็วเพื่อให้มีแรงช่วยหน่วงจาก Engine brake
- Mode Aggressive/ดุดัน จะถูกใช้ในขณะเบรก โดยการเปลี่ยนเกียร์ลงอย่างฉับพลันในทางลาดและตามความรุนแรงของการเบรก จึงนับได้ว่า Mode Sport ของ เกียร์ AL4 ขับสนุกว่าเกียร์อัตโนมัติอื่นใด
? 1 หลักเกณฑ์ สำหรับ Mode ?Snow?
เมื่อเลือกใช้ Mode Snow ECU - เกียร์ จะสั่งให้เข้าเกียร์ 2 แทนการออกรถตามปกติที่เกียร์ 1 เพื่อลดการปั่นล้อฟรีบนถนนมีหิมะหรือถนนที่ลื่นมาก โดยเกียร์จะไม่เปลี่ยนลงมาที่เกียร์1 อีกจนกว่าจะออกจากโปรมแกรมนี้ซึ่งมี 2 ทาง คือกดเลือก ? * ? อีกครั้ง หรือจะถูก Reset เองเมื่อดับเครื่องยนต์ และ Mode Snow นี้จะไม่ถูกนำมาใช้ในระบบ Auto-Adaptive
? 2 หลักเกณฑ์ สำหรับการเปลี่ยนเกียร์โดยผู้ขับขี่ (Manual gear change) โดยไม่ต้องใช้คลัตช์ แต่สามารถเลื่อนตำแหน่งคันเกียร์ไปข้างหน้าเมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์ขึ้น และไปข้างหลังเมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ ที่ตำแหน่งเกียร์2 เมื่อกดปุ่ม 1 จะเปลี่ยนเป็นเกียร์ 1 กดอีกครั้งจะกลับมาที่เกียร์2 และเพื่อมิให้เกิดความเสี่ยงต่อความเสียหายของเกียร์มันจึงไม่ยอมให้เปลี่ยนเกียร์ลงถ้ารอบเครื่องยนต์สูงเกินกว่าที่กำหนดแต่กลับเข้าเกียร์สูงให้แทน และถ้าเลือกเข้าเกียร์สูงเช่นเกียร์ 4 ในขณะที่รอบเครื่องยนต์ต่ำมันก็จะทำสั่งให้ปลดการ Lock-Up Converter หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นเกียร์ต่ำให้แทนเพื่อป้องเครื่องยนต์สะดุดดับ (Engine Stall)
นอกจากนี้เกียร์จะไม่ทำการ Lock-Up Clutch ถ้าอุณหภูมิเกียร์ต่ำกว่า 15 ?C เพื่อช่วยอุ่นเครื่องยนต์และ Catalytic Converter ให้ร้อนเร็วขึ้นซึ่งจะช่วยลดมลภาวะจากไอเสียเนื่องจากส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศจะหนาในช่วงอุ่นเครื่องยนต์ก่อนถึงอุณหภูมิทำงาน
(9B) ? โปรแกรมต่างๆ ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกได้เอง ECU มี 3 โปรแกรมให้ผู้ขับขี่ได้เลือกใช้คือ: Auto-Adaptive, Snort และ Snow
(9C) ? AUTO-ADAPTIVE Auto-Adaptive คือ ความสามารถของเกียร์ AL4 ในการปรับเปลี่ยนเกียร์ลอกเลียนรูปแบบการขับขี่ของผู้ขับขี่ (Auto-Adaptive) โดยพิจารณาจากภาระของรถ, ความเร็วรอบเครื่องยนต์, ความเร็วรถยนต์, ความลาดเอียงและพื้นผิวของถนน, ความเร็วในการกระตุ้นคันเร่ง และปัจจัยอื่น ๆ อีกเช่น อุณหภูมิน้ำมันเกียร์และเครื่องยนต์ โดยคอมพิวเตอร์ใน ECU เกียร์จะสามารถจัดชุดรูปลักษณ์ (Identikit portrait) ตามรูปแบบของการขับขี่ได้ภายในหนึ่งนาที โดยพิจารณาจากความเร็วของรถ จำนวนครั้งและความเร็วในการกดคันเร่งตรงที่ตำแหน่งใดของปีกผีเสื้อ เมื่อจัดเข้าชุดได้แล้วก็จะปรับเปลี่ยนเกียร์ให้เหมาะสมกับสภาวะนั้นๆตามแบบ (Mode) ต่างๆที่ได้โปรแกรมไว้เป็น 6 หลักเกณฑ์ ทั้งนี้การเปลี่ยนเกียร์จะเปลี่ยนไปทีละขั้น เช่นเปลี่ยนเกียร์ขึ้นจาก Eco. >Med.>Sport และจะกลับลงทีละขั้นเช่นกัน ตามตารางแสดง Pattern ประกอบด้านล่าง
? ตามรูปแบบ (Pattern) การขับขี่ มี 3 หลักเกณฑ์ คือ ?Economic", ?Medium" และ "Sport?
? ตามสภาพความลาดชันของถนนและน้ำหนักบรรทุก มี 3 หลักเกณฑ์ คือ Downhill =ลงเนิน, Average Ascent (หรือ Braking Pattern 1) = ขึ้นเนินทั่วไป และ Steep Ascent (หรือ Braking Pattern 2) = ถนนขึ้นเนินสูงชัน
ตารางแสดง Mode Pattern ต่างๆ
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันอังคารที่ 13 เมษายน 2010 เวลา 19:03:58
(9D) ? ป้องกันหรือชะลอการเปลี่ยนเกียร์ที่สูงขึ้นเอาไว้ก่อน ในช่วงขณะที่ทำการถอนคันเร่งทันทีทันใด เพื่อให้ได้แรงหน่วงจากเครื่องยนต์ (Engine Brake) มาช่วยลดความเร็วรถยนต์
(9E) ? ทิ้งช่วงการเปลี่ยนเกียร์ไม่ให้ต่อเนื่องกันเร็วเกินไป เพื่อความปลอดภัยและนุ่มนวลในการเปลี่ยนเกียร์ จึงมีการป้องกันการเปลี่ยนเกียร์ ขึ้น หรือ ลง ต่อเนื่องกันเร็วเกินไป แม้จะถึงหลักเกณฑ์ของการเปลี่ยนเกียร์ใหม่แล้วก็ตาม
(9F) - การเปลี่ยนเกียร์ลง ECU จะรับผิดชอบการเปลี่ยนเกียร์ลงทั้งหมด ตามตัวแปรของภาระเครื่องยนต์ ความเร็วรถและสภาพการขับขี่ โดยมีอำนาจในสั่งการให้เปลี่ยนเกียร์ลงมาทีละเกียร์หรือจะเปลี่ยนลงมาทีละ 2 เกียร์ เช่น จาก 4 ไป 2 หรือ 3 ไป 1 เลยก็ได้
ยิ่งกว่านั้น ECU ยังเตรียมพร้อมที่จะเปลี่ยนเกียร์ลงในกรณีที่ประเมินได้ว่าจะมีการเบรก เช่นในขณะที่เราแตะแป้นให้เบรกทำงานเบาๆค้างไว้ เพื่อช่วยเสริมการเบรกให้ดียิ่งขึ้นโดยได้แรงช่วยจาก Engine Brake
(9G) - เปลี่ยนเกียร์ไปเป็น โปรแกรม Sport เป็นการชั่วคราว เพื่อให้ได้มีกำลังดีกว่าโปรแกรมปกติ ECU จะเปลี่ยนไปใช้หลักเกณฑ์ที่เป็น Sport กว่า1 ขั้นเป็นการชั่วคราว เมื่อคันเร่งถูกเหยียบกดลงทันทีทันใดแต่ยังไม่ลงไปสุดก่อนการ Kick down
(9H) - Kickdown ECU เกียร์จะสั่งให้ทำการ Kickdown หลังจากคันเร่งถูกเหยียบกดลงจนสุดอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้จะขึ้นกับความเร็วรถยนต์ในขณะนั้นด้วย
(9I) - จัดการกำหนดให้ใช้เกียร์ต่างๆ ECU มีหน้าที่รับผิดชอบในการ กำหนดการเปลี่ยนเกียร์ ให้เป็นไปตามเกณฑ์การทำงานและความปลอดภัย
(9J) ? การควบคุมแรงดันน้ำมันเกียร์ของระบบ (Line Pressure) ECU จะเป็นผู้กำหนดค่าแรงดันน้ำมันที่เหมาะสมให้กับ Turbine ของ Torque Converter สำหรับสภาวะการทำงานที่แปรเปลี่ยนไป ด้วยวิธีการแบบ Closed loop feedback ด้วยค่าแรงดันน้ำมันเกียร์
Closed loop feedback คือระบบควบคุมแบบวงจรปิดโดยการนำเอาค่าแรงดันทางออก (Output) ที่ได้จาก Oil Pressure Sensor ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามภาระต่างๆ มาป้อนกลับเข้า ECU เกียร์เพื่อเปรียบเทียบกับแรงดันอ้างอิงที่ได้ประเมินไว้ ก็จะได้ค่าความแตกต่างระหว่างแรงดัน Output กับแรงดันอ้างอิงทางด้าน Input (Main Pressure Regulation) แล้วทำการปรับแก้ค่าแรงดันทางด้าน Output
(9K) - จัดการสั่งให้เปลี่ยนเกียร์ เมื่อ ECU ตัดสินใจให้เปลี่ยนเกียร์ มันจะต้องสั่งให้ Electrovalves ตัวที่เกี่ยวข้องให้ทำงานอย่างแม่นยำและในช่วงเวลาที่เหมาะสมกับภาระเครื่องยนต์และความเร็วรถในขณะนั้นๆ
(9L) - การให้ Lock-up Clutch ทำงาน การพิจารณาตัดสินใจว่าจะทำการ Lock-up Clutch เมื่อใดนั้นจะขึ้นอยู่กับความเร็ว รถ, ตำแหน่งของลิ้นปีกผีเสื้อ, เกียร์ที่ใช้ และอุณหภูมิน้ำมันเกียร์
เพื่อให้ Torque Converter ทำการส่งถ่ายพลังงานให้ได้ประสิทธิภาพสูงที่สุดจะต้องทำการ Lock-up Clutch ในช่วงที่เหมาะสม เพื่อการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง, เพื่อเอาประโยชน์จาก Engine brake, เพื่อช่วยลดอุณหภูมิและลดการลื่นไถลของน้ำมันเกียร์
(9M) ? การลดแรงบิด บทบาทนี้จะถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กันผู้ขับขี่ โดยการลดแรงบิดของเครื่องยนต์ลงชั่วขณะที่เปลี่ยนเกียร์ ซึ่งเป็นการกระทำร่วมกันของ ECU เกียร์และ ECU เครื่องยนต์ที่จะส่งข้อมูลสื่อสารกัน ว่ากำลังจะทำการเปลี่ยนเกียร์ตามหลักเกณฑ์ที่มีอยู่ ECU เครื่องยนต์จึงสั่งให้ทำการจุดระเบิดล่วงหน้าก่อนถึงศูนย์ตายบนมากขึ้น (Ignition Advance) เพื่อลดกำลังเครื่องยนต์ลง
(9N) - การชดเชยรอบเดินเบา เมื่อมีแรงต้านจากชุดเกียร์ส่งผ่าน Torque Converter ไปเป็นภาระให้เครื่องยนต์ ในขณะที่เครื่องยนต์กำลังอยู่ในช่วงการใช้รอบเดินเบา เช่นทำการเบรกหรือรถกำลังขึ้นเนิน ECU เครื่องยนต์จะสั่งชดเชยรอบเดินเบาที่สูญเสียไปกับแรงต้านจากชุดเกียร์ เมื่อ ECU เกียร์ ได้รับสัญญาณจาก Input, Output และ Pressure sensor ไปประมวลผลแล้วส่งข้อมูลไปให้ ECU ของ เครื่องยนต์ผ่านระบบเครือข่าย CAN
(9O) - การป้องกันเกียร์อัตโนมัติ ? เพื่อความปลอดภัยของเกียร์ จึงต้องป้องกันการเข้าเกียร์ถอยหลัง ถ้าความเร็วรถมากกว่าค่าที่กำหนดไว้ (Threshold)
? ป้องกันการเข้าเกียร์ไม่ถูกต้อง เช่น
การเปลี่ยนเกียร์จาก N ไป D หรือ จาก N ไป R จะทำไม่ได้ต่อเมื่อความเร็วรอบเครื่องยนต์ในขณะนั้นสูงกว่าค่าที่กำหนดไว้ (Threshold) แต่จะทำได้ก็ต่อเมื่อ รอบต้องต่ำกว่าค่าที่กำหนดไว้
(9P) - การล็อกคันเกียร์ เมื่อคันเกียร์อยู่ในตำแหน่ง ?P? คันเกียร์จะถูกล็อกไว้ด้วยแกนกระทุ้งของโซลินอยด์ และจะปลดล็อกได้โดยการให้กุญแจไปที่ Ignition แล้วเหยียบเบรก
หมายเหตุ: การติดตั้งโซลินอยด์ล็อกคันเกียร์จะต้องทำการ Configuration ให้ ECU เกียร์รู้ด้วย ดูเพิ่มเติมในหัวข้อ 12.7 Configuration
(9Q) - การแสดงผลบนแผงหน้าปัด ECU จะแสดงตำแหน่งคันเกียร์และโปรมแกรมเกียร์ที่เลือกใช้ไว้บนแผงหน้าปัด และจะเตือนให้ทราบว่าเกียร์มีข้อบกพร่องเกิดขึ้นโดยก็จะมีไฟ Sport และSnow กระพริบขึ้นเตือนพร้อมๆกัน
(9R) - การเตือนเมื่อน้ำมันเกียร์เก่าเกิน (Old Oil) ค่าตัวแปรของอุณหภูมิน้ำมันเกียร์และระยะเวลาที่น้ำมันอยู่ภายใต้อุณหภูมิสูงจะส่งไปให้ ECU นำไปคำนวณประเมินโดยจะนับเป็นคะแนนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนสูงขึ้นถึงค่าที่ได้ตั้งไว้ ก็จะสั่งให้ไฟ Sport และSnow กระพริบขึ้นเตือนพร้อมๆกัน
(9S) ? เฝ้าสังเกตการณ์ เพื่อความปลอดภัย - ทำการวินิจฉัยข้อบกพร่อง ECU จะทำหน้าทีต่างๆดังนี้
? เฝ้าตรวจสอบการจ่ายไฟ, การทำงานของ Sensors และอุปกรณ์ทำงาน (Actuator) ต่างๆ ว่าทำงานอย่างถูกต้องหรือไม่
? ยืนยันความบกพร่องและเก็บพฤติกรรมความบกพร่องของการทำงานไว้
? ให้สามารถสื่อสารกับเครื่องมือช่วยวินิจฉัย (Diagnostic Tools) ผ่านสาย K (Diagnostic Connector) ได้
? ปรับลดรูปแบบการทำงานลง (Downgrade Mode) เพื่อประคับประคองให้เกียร์ยังคงทำงานต่อไปได้ในขอบเขตที่จำกัดไว้
? ร้องขอให้ ECU ของเครื่องยนต์ขึ้นไฟเตือนหากมีเหตุบกพร่องที่จะทำให้เกิดมลภาวะเกินกำหนด
(9T) ? การยอมให้สามารถลงโปรแกรมเพื่อปรับปรุงคุณลักษณ์การทำงานของ ECU ได้ (Configuration-Downloading) สามารถปรับปรุงโปรแกรมให้ทำงานดีขึ้นได้โดยการดาวน์โหลดโปรแกรมลง ECU เกียร์ได้ที่ศูนย์บริการ
(9U) - หน้าที่อื่น ๆ Multifunction switch ทำงานให้กับเกียร์ดังต่อไปนี้
1 - ส่งสัญญาณเสียง-บี๊บ (Buzzer) เมื่อผู้ขับขี่ผละจากรถโดยลืมเลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง P (ถ้ามี Optionsนี้)
2 - ไฟถอยหลังติดขึ้นเมื่อคันเกียร์อยู่ในตำแหน่ง R
3 ? ป้องกันไม่ให้ทำการ Start เครื่องยนต์ขณะคันเกียร์ไม่ได้อยู่ในตำแหน่ง P หรือ N
ooOoo จบบททที่ 9
Re: บันทึกช่วยจำ ? เรื่องหลักการทำงานของเกียร์อัตโนมัติ AL4/DPO By: zuzarz
วันพุธที่ 14 เมษายน 2010 เวลา 18:43:33
10. การทำการวินิจฉัยข้อบกพร่องอย่างอัตโนมัติ (AUTO-DIAGNOSTIC) 10.1 การแจ้งเตือนเมื่อมีข้อบกพร่องเกิดขึ้น ECU เกียร์มีความสามารถในการแจ้งเตือนให้ผู้ขับขี่ทราบว่าเกียร์มีความผิดปกติเกิดขึ้น โดยจะมีไฟ Sport และ Snow กระพริบ ขึ้นพร้อมกัน เมื่อตกอยู่ในภาวะดังต่อไปนี้
? เมื่อน้ำมันเกียร์ร้อนเกิน (ไฟ Stop กระพริบด้วย)
? เมื่อน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพ (หมดแต้ม Oil Wear Counter)
? เมื่อสายเชื่อมต่อระหว่าง ECU กับแผงหน้าปัดไม่เชื่อมต่อกัน
? เกิดความบกพร่องขึ้นใน ECU เกียร์
? ปัญหาการจ่ายไฟเข้า ECU
? ตัวตรวจจับอุณหภูมิ (Temperature Sensor) ทำงานบกพร่อง
? ปัญหาการจ่ายไฟเข้า Sequence Electrovalve (EVS 1-6)
? เกิดความบกพร่องในการควบคุมแรงดัน ไฮดรอลิกของระบบ Line Pressure
? เกิดความบกพร่องที่ Multifunction Switch
? เกิดความบกพร่องขึ้นในตัวของ Sequence Electrovalve (EVS 1-6) เอง
? เกิดความบกพร่องขึ้นในตัวของ (EVM) Line Pressure Modulation Electrovalve
(EVM=วาล์วจ่ายแรงดันควบคุมแล้วให้กับ ชุด Converter Vane)
? เกิดความบกพร่องขึ้นในตัวของ (EVLU) Lock-Up Converter-Pressure Modulation Electrovalve
(EVLU=วาล์วจ่ายแรงดันควบคุมแล้วให้กับ ชุด Lock-Up Clutch)
? เกิดความบกพร่องขึ้นในตัวของวาล์วระบายน้ำมันเกียร์ (EPDE) เข้าชุดระบายความร้อน (Heat exchanger)
? เกิดความบกพร่องขึ้นในตัวของวาล์วควบคุมแรงดันหลัก Regulating Valve
? เกิดความบกพร่องในการรับรู้สัญญาณการเหยียบคันเร่ง (Throttle Position)
? เกิดความบกพร่องในเรื่องของสัญญาณความเร็วรอบของ Input Speed และ Output Speed Sensors
? เกิดความบกพร่องในเรื่องของสัญญาณความเร็วรอบของ Input Speed (Turbine Speed) และความเร็วรอบของเครื่องยนต์ (Engine Speed)
? เกิดความบกพร่องในเรื่องของสัญญาณความเร็วรอบของ Output Speed และความเร็วรอบของเครื่องยนต์ (Engine Speed)
? เกิดความบกพร่องในเรื่องของสัญญาณข้อมูลจากเครื่องยนต์
? เกิดความบกพร่องในเรื่องของสัญญาณอนาล็อก เช่น Oil Temperature Sensor, Oil Pressure Sensor, Throttle Position Sensor