|
หัวข้อ: ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหว่าง 4 - 2 - 1 กัน 4 - 1 เลย ... เริ่มหัวข้อโดย: สิงห์คะนองนา ที่ วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2008 เวลา 20:39:26 อย่างไหนจะไม่อั้นครับ คือการระบายไอเสียที่รวดเร็ว (ส่งผลถึงความแรงด้วย)
หัวข้อ: Re: ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหว่าง 4 - 2 - 1 กัน 4 - 1 เลย ... เริ่มหัวข้อโดย: gunner ที่ วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2008 เวลา 22:26:46 4 2 1 4 - 1 อยากรู้คืออาไร มีวิธีแนะนำ การเลือกท่อ ใส่ เกียร์ออโต้ ไหม ครับ
หัวข้อ: Re: ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหว่าง 4 - 2 - 1 กัน 4 - 1 เลย ... เริ่มหัวข้อโดย: โอ๊ต_XU5_ฝาส้ม ที่ วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2008 เวลา 22:34:02 4 2 1 4 - 1 อยากรู้คืออาไร มีวิธีแนะนำ การเลือกท่อ ใส่ เกียร์ออโต้ ไหม ครับ เป็นสูตรการเดินท่อไอเสียครับ สูตร 4 - 2 - 1 คือ ออกจากด้านหลังวาล์วไอเสีย 4 ท่อ แล้วไปซักหน่อยก็รวบเหลือ 2 ท่อ สุดท้ายออก 1 ท่อครับ สูตร 4 - 1 คือ ออกจากวาล์วไอเสีย 4 ท่อ แล้วมารวบเหลือ 1 ท่อเลย ------------------------------------------------------------------------ ส่วนระบบท่อไอเสีย สำหรับเกียร์ออโต้ ถ้าไม่อยากวุ่นวายมาก เปลี่ยนแค่หม้อพักปลายก็พอครับ เอาพวกไส้เยื้อง ไม่ก็ไส้ย้อนครับ เกียร์ออโต้เรื่องท่อไอเสีย นี่ต้องทำใจนิดนึงนะครับ มันจะจบยากกว่าเกียร์ธรรมดา หัวข้อ: Re: ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหŪ เริ่มหัวข้อโดย: ภณ(PON) ที่ วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2008 เวลา 22:36:27 พูดถึงเรื่องนี้ยาวนะครับ
ผมไม่ได้มีประสบการณ์โดยตรง พอจะตอบได้คร่าวๆ ดังนี้นะครับ ทั้งหมดเป็นเรื่องกลศาสตร์ของไหล ในระบบวิศวกรรม นะครับ ดังนั้นสิ่งที่เกี่ยวพันก็จะเป็นทางเดินอากาศทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นอากาศเข้า เข้ามาถึงกรองอากาศ เข้าถึงลิ้นปีก เลยต่อไปทางท่อไอดี แล้วจึงเข้าห้องเผาไหม้ จากนั้นก็ออกมาที่ Header แล้วเข้าสู่ท่อไอเสีย เข้าหม้อพักกลาง ออกจนถึงหม้อปลาย ทั้งหมดถูกออกแบบมาให้พอเจาะพอเหมาะกันครับ ดังนั้นจึงเป็นไม่แทบไม่ได้เลยที่จะทำอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วจะวิ่งดีขึ้น ทั้งหมดต้องทำรวมครับผม มาถึงเรื่องอั้น กับโล่งก่อนครับ เป็นเรื่องที่รู้กันโดยทั่วไปว่า โล่งจะวิ่งดีกว่า แต่ไม่ค่อยมีคนจะพูดเรื่องรอบเครื่องต้นๆ 2000-4000 รอบต่อนาที เพราะการที่โล่งไปก็ส่งผลทำให้ตีนต้นหายไปไม่น้อยเช่นกัน ทั้งนี้เพราะไอเสียระบายเร็ว ก็หมายความว่าอาจจะมีไอดีออกไปด้วยก็ได้ และถ้าไอเสียระบายช้า ก็หมายความว่าอาจจะมีไอดีเข้าน้อย และไอเสียค้างอยู่ในห้องเผาไหม้ก็ได้ครับ รถสปอร์ตบางคัน ถึงมีระบบเปิดปิดท่อไอเสียในรอบตีนต้น แล้วเปิดกว้างถึงรอบปลายก็มี เกริ่นมาตั้งนานแล้ว กันที่ทำ 4 2 1 นั้นมีข้อดีข้อเสียในตัว (ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสียนะ) มาดูก่อนว่า Peugeot เรามีการจุดลำดับการจุดระเบิดแบบได้ 1 3 4 2 นั้นหมายความ ถ้าจะทำ 4 2 1 นั้น ก็ต้องเอาท่อของสูบ 1 กับ 4 มาพ่วงกัน และ 3 กับ 2 มาพ่วงกัน แล้วค่อยเอาทั้งหมดมารวมกัน ข้อดีคือมี เมื่อมีการคายไอเสียออกมาก็จะทำให้ไอเสียสามารถวิ่งออกได้สม่ำเสมอ ทั้งยังมีแรงดึงจากอีกสูบให้ดึงไอดีเข้ามาเตรียมจุดระเบิดด้วย จะใช้งานได้เหมาะสมดี ข้อเสียคือ เมื่อรอบสูงขึ้น ก็จะมีอาการที่เรียกว่าระบายไม่ทันเกิดขึ้นได้ง่าย เกิดการอั้นได้ ส่วนที่จะทำ 4 1 นั้น ก็มีข้อดีและเสียด้วยเช่นกัน ข้อดีคือทุกสูบคายออกมาแล้วออกตรงไปเลย ดังนั้นจะการระบายดีมากในรอบสูงๆ และรอบต่ำๆ แต่ข้อเสียคือ เมื่อตีนต้นๆ รอบต่ำๆ นั้นการคายไอเสียที่ดีเกินไป ทำให้อาจมีการระบายไอดีออกไปด้วย แต่เอาให้เหมาะ ก็ควรเป็น 4 2 1 ครับ วิ่งดีเกือบตลอดย่านครับ เหมาะสมกว่า ต้นดีขึ้น ปลายก็เกือบเท่าเดิม ผิดพลาดประการใด โปรดช่วยกันแก้ไขนะครับ หัวข้อ: Re: ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหว่าง 4 - 2 - 1 กัน 4 - 1 เลย ... เริ่มหัวข้อโดย: สิงห์คะนองนา ที่ วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2008 เวลา 22:43:56 พูดถึงเรื่องนี้ยาวนะครับ ผมไม่ได้มีประสบการณ์โดยตรง พอจะตอบได้คร่าวๆ ดังนี้นะครับ ทั้งหมดเป็นเรื่องกลศาสตร์ของไหล ในระบบวิศวกรรม นะครับ ดังนั้นสิ่งที่เกี่ยวพันก็จะเป็นทางเดินอากาศทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นอากาศเข้า เข้ามาถึงกรองอากาศ เข้าถึงลิ้นปีก เลยต่อไปทางท่อไอดี แล้วจึงเข้าห้องเผาไหม้ จากนั้นก็ออกมาที่ Header แล้วเข้าสู่ท่อไอเสีย เข้าหม้อพักกลาง ออกจนถึงหม้อปลาย ทั้งหมดถูกออกแบบมาให้พอเจาะพอเหมาะกันครับ ดังนั้นจึงเป็นไม่แทบไม่ได้เลยที่จะทำอย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วจะวิ่งดีขึ้น ทั้งหมดต้องทำรวมครับผม มาถึงเรื่องอั้น กับโล่งก่อนครับ เป็นเรื่องที่รู้กันโดยทั่วไปว่า โล่งจะวิ่งดีกว่า แต่ไม่ค่อยมีคนจะพูดเรื่องรอบเครื่องต้นๆ 2000-4000 รอบต่อนาที เพราะการที่โล่งไปก็ส่งผลทำให้ตีนต้นหายไปไม่น้อยเช่นกัน ทั้งนี้เพราะไอเสียระบายเร็ว ก็หมายความว่าอาจจะมีไอดีออกไปด้วยก็ได้ และถ้าไอเสียระบายช้า ก็หมายความว่าอาจจะมีไอดีเข้าน้อย และไอเสียค้างอยู่ในห้องเผาไหม้ก็ได้ครับ รถสปอร์ตบางคัน ถึงมีระบบเปิดปิดท่อไอเสียในรอบตีนต้น แล้วเปิดกว้างถึงรอบปลายก็มี เกริ่นมาตั้งนานแล้ว กันที่ทำ 4 2 1 นั้นมีข้อดีข้อเสียในตัว (ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสียนะ) มาดูก่อนว่า Peugeot เรามีการจุดลำดับการจุดระเบิดแบบได้ 1 3 4 2 นั้นหมายความ ถ้าจะทำ 4 2 1 นั้น ก็ต้องเอาท่อของสูบ 1 กับ 4 มาพ่วงกัน และ 3 กับ 2 มาพ่วงกัน แล้วค่อยเอาทั้งหมดมารวมกัน ข้อดีคือมี เมื่อมีการคายไอเสียออกมาก็จะทำให้ไอเสียสามารถวิ่งออกได้สม่ำเสมอ ทั้งยังมีแรงดึงจากอีกสูบให้ดึงไอดีเข้ามาเตรียมจุดระเบิดด้วย จะใช้งานได้เหมาะสมดี ข้อเสียคือ เมื่อรอบสูงขึ้น ก็จะมีอาการที่เรียกว่าระบายไม่ทันเกิดขึ้นได้ง่าย เกิดการอั้นได้ ส่วนที่จะทำ 4 1 นั้น ก็มีข้อดีและเสียด้วยเช่นกัน ข้อดีคือทุกสูบคายออกมาแล้วออกตรงไปเลย ดังนั้นจะการระบายดีมากในรอบสูงๆ และรอบต่ำๆ แต่ข้อเสียคือ เมื่อตีนต้นๆ รอบต่ำๆ นั้นการคายไอเสียที่ดีเกินไป ทำให้อาจมีการระบายไอดีออกไปด้วย แต่เอาให้เหมาะ ก็ควรเป็น 4 2 1 ครับ วิ่งดีเกือบตลอดย่านครับ เหมาะสมกว่า ต้นดีขึ้น ปลายก็เกือบเท่าเดิม ผิดพลาดประการใด โปรดช่วยกันแก้ไขนะครับ สุดยอดเลย สรุปคือ 4- 1 ก็ดี และ 4 - 2 - 1 ก็ดี แต่ 4 - 2 - 1 เป็นค่ากลาง ๆ ก็คือดีที่สุด (ค่ากลาง) หัวข้อ: Re: ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหว่าง 4 - 2 - 1 กัน 4 - 1 เลย ... เริ่มหัวข้อโดย: สิงห์คะนองนา ที่ วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2008 เวลา 22:48:51 คุณปอนด์ครับ ถ้า เป็น 4 - 4 เลย หมายถึงมีท่อ 4 ท่อเลย เราไม่คิดถึงราคาแพง ข้อดีมีมากกว่าข้อเสียไหม
อันนี้ขอความคิดเห็นนะครับ หัวข้อ: Re: ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหว่าง 4 - 2 - 1 กัน 4 - 1 เลย ... เริ่มหัวข้อโดย: ภณ(PON) ที่ วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2008 เวลา 22:59:34 คุณปอนด์ครับ ถ้า เป็น 4 - 4 เลย หมายถึงมีท่อ 4 ท่อเลย เราไม่คิดถึงราคาแพง ข้อดีมีมากกว่าข้อเสียไหม ไม่มีใครทำหรอกครับ เพราะข้อเสียเยอะกว่าครับ เรียกว่าแย่เลยก็ว่าได้ครับอันนี้ขอความคิดเห็นนะครับ หัวข้อ: Re: ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหว่าง 4 - 2 - 1 กัน 4 - 1 เลย ... เริ่มหัวข้อโดย: สิงห์คะนองนา ที่ วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2008 เวลา 23:03:19 อืมมมม ขอบคุณครับบบบ
หัวข้อ: Re: ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหว่าง 4 - 2 - 1 กัน 4 - 1 เลย ... เริ่มหัวข้อโดย: Gotji ที่ วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม 2008 เวลา 12:51:29 นึกว่าแบ่งครึ่งไว้ทำไม
ที่แท้ก็เป็น Header 4-2-1 เอาท่อน 2 จะไป 1 มาให้ดู หัวข้อ: Re: ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหว่าง 4 - 2 - 1 กัน 4 - 1 เลย ... เริ่มหัวข้อโดย: ก้อนกรวด ที่ วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม 2008 เวลา 21:07:51 :Ii:
อ้างถึง ความรู้เรื่องท่อไอเสีย copy มาอีกที อ้างถึง เฮดเดอร์ เป็นอุปกรณ์หนึ่งในระบบระบายไอเสียที่ได้รับความสนใจ ในการเพิ่มกำลังของเครื่องยนต์ แต่จะยุ่งยาก แพง หรือได้กำลังเพิ่มขึ้นมาคุ้มค่าแค่ไหน ? เครื่องยนต์ 4 จังหวะที่ใช้กันในรถยนต์ทั่วไปมีการทำงานต่อเนื่อง ดูด-อัด-ระเบิด-คาย ในการหมุนเพลาข้อเหวี่ยงรอบต่อ 1 วัฏจักรการทำงาน คือ ดูด-ลูกสูบเลื่อนลง วาล์วไอดีเปิดเพื่อรับไอดีเข้ามา, อัด-ลูกสูบเลื่อนขึ้น วาล์วไอดี-ไอเสียปิดสนิท เพื่ออัดเตรียมให้มีการจุดระเบิดในจังหวะต่อไป, ระเบิด-จุดระเบิดด้วยหัวเทียน (สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน) หรือจุดระเบิดด้วยการฉีดละอองน้ำมันเข้าผสมกับอากาศท ี่ถูกอัดแน่นจนร้อนจัด (สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล) แล้วต่อเนื่องถึงจังหวะสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับ -เฮดเดอร์- คือ คาย-ลูกสูบเลื่อนขึ้น วาล์วไอเสียเปิดเพื่อระบายไอเสียออกจากเครื่องยนต์ เและเตรียมรับไอดีในจังหวะดูดต่อไป การปรับแต่งเครื่องยนต์ให้ได้ผลเต็มที่ ต้องเพิ่มการประจุอากาศและน้ำมันในด้านไอดี ควบคู่กับการระบายไอเสียออกจากเครื่องยนต์ให้เร็วและ หมดจดที่สุด ถ้าเพิ่มเฉพาะไอดีแต่ไอเสียระบายออกไม่ทันหรือไม่หมด กำลังของเครื่องยนต์ก็เพิ่มขึ้นไม่เต็มที่ แม้เครื่องยนต์ที่ไม่ได้ปรับแต่งด้านการประจุไอดี แต่ถ้าสามารถเพิ่มการระบายไอเสียให้ดีขึ้นได้ก็จะมีก ำลังเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเสมือนเครื่องยนต์เป็นบ้าน ถ้าเพิ่มเฉพาะประสิทธิภาพการนำน้ำสะอาดเข้าบ้าน โดยไม่เพิ่มประสิทธิภาพการนำน้ำเสียออก น้ำเสียอาจค้างอยู่และผสมกับน้ำดี หรือมีแรงต้านการดูดน้ำดีเข้าบ้าน และแม้ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพการนำน้ำดีเข้าบ้าน แต่ถ้าเร่งให้น้ำเสียออกจากบ้านได้เร็วและหมดจดก็ยัง ดี พื้ น ฐ า น ร ะ บ บ ร ะ บ า ย ไ อ เ สี ย การระบายไอเสียออกจากเครื่องยนต์ใช้การขยายตัวของก๊า ซแรงดันสูงและร้อน ที่จะเคลื่อนตัวหาอากาศภายนอกที่เย็นและมีแรงดันต่ำก ว่า ร่วมกับการเลื่อนตัวขึ้นของลูกสูบ ผ่านวาล์วไอเสียและพอร์ทไอเสียบนฝาสูบออกนอกเครื่องย นต์ ระบบระบายไอเสียภายนอกเครื่องยนต์ที่ต่ออยู่กับฝาสูบ ยาวต่อเนื่องไปถึงปลายท่อด้านท้ายนี้เองที่เกี่ยวข้อ งกับเฮดเดอร์ และได้รับความสนใจในการเพิ่มกำลังเครื่องยนต์เพราะสะ ดวก ไม่ต้องยุ่งกับชิ้นส่วนอื่นของเครื่องยนต์ ระบบระบายไอเสียนี้แยกเป็น 4 ส่วน คือ 1. ท่อร่วมไอเสีย - Exhaust Manifold (หรือภาษาสแลงเรียกว่า เขาควาย) ส่วนที่ติดกับฝาสูบของเครื่องยนต์ก่อนรวบเป็นท่อเดี่ ยว (หรือคู่ในบางรุ่น) เฉพาะส่วนนี้เองที่ -เฮดเดอร์- เข้ามาแทนที่ 2. ต่อจากนั้นเป็นท่อไอเสียเดี่ยว (หรือคู่ในบางรุ่น) 3. เข้าหม้อพักเก็บเสียง โดยอาจมีหม้อพักหลายใบ (ในหลายแบบ) 4. ต่อเนื่องไปยังปลายท่อระบายไอเสียออกสู่ภายนอก โดยเครื่องยนต์หัวฉีดรุ่นใหม่มีอุปกรณ์บำบัดไอเสีย-แคตตาไลติก คอนเวอร์เตอร์ ติดหลังท่อร่วมไอเสียก่อนเข้าหม้อพักใบแรก หรืออาจรวมอยู่กับท่อร่วมไอเสียเลย รถยนต์ทั่วไปมักเลือกใช้ท่อร่วมไอเสียเป็นเหล็กหล่อแ ละสั้น เพราะผลิตจำนวนมากได้สะดวก ขนาดกะทัดรัด และไม่ยุ่งยากเหมือนเฮดเดอร์ที่ต้องนำท่อเหล็กมาดัดแ ละเชื่อมด้วยกำลังคน โดยยอมให้ไอเสียระบายปั่นป่วนและไม่คล่องนัก ก่อนรวบเข้าสู่ท่อไอเสีย (หรือแคตตาไลติก คอนเวอร์เตอร์) และใช่ท่อไอเสียช่วงต่อเนื่องไปขนาดไม่ใหญ่นัก พร้อมหม้อพักแบบไส้ย้อนที่ชะลอและหมุนไอเสียเพื่อลดเ สียงดัง แล้วระบายออกปลายท่อแบบธรรมดา ก า ร เ พิ่ ม ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ร ะ บ บ ร ะ บ า ย ไ อ เ สี ย ไม่ว่าจะปรับแต่งเครื่องยนต์ด้านการประจุไอดีด้วยหรื อไม่ เครื่องยนต์ทั่วไปสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการระบายไอเ สียได้ โดยได้ผลมากบ้างน้อยบ้าง ขึ้นอยู่กับระบบไอเสียเดิมว่าอั้นหรือโล่งแค่ไหน และชุดใหม่ดีแค่ไหน การทำให้การระบายไอเสียออกจากเครื่องยนต์เร็วและหมดจ ดที่สุดย่อมมีผลดี เพราะถ้าอั้นการไหลออกจะมีแรงดันย้อนกลับ-back Pressure คอยต้านการเลื่อนขึ้นของลูกสูบ และถ้าระบายไอเสียออกไม่หมด ไอดีที่เข้ามาในจังหวะต่อไปจะผสมกับไอเสีย เมื่อมีการจุดระเบิด การเผาไหม้จะลดความรุนแรงลง กำลังของเครื่องยนต์ก็จะลดลงเพราะไอดีมีออกซิเจนน้อย ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ไม่สามารถออกแบบและเลือกใช้ระบ บท่อไอเสียทั้งชุดให้มีประสิทธิภาพสูงสุดได้ เพราะติดปัญหาเรื่องต้นทุน ความยุ่งยากในการผลิต และเรื่องเสียงที่อาจดังขึ้นบ้าง เ ฮ ด เ ด อ ร์ ไ ม่ ใ ช่ ม า แ ท น ทั้ ง ร ะ บ บ เป็นเพียงท่อร่วมไอเสียแบบพิเศษที่ถูกนำมาทดแทนท่อร่ วมไอเสียเดิม ที่สั้นจนเกิดความปั่นป่วนและระบายไอเสียไม่โล่งมาก ไม่ใช่มาแทนระบบระบายไอเสียทั้งหมด เพราะยังต้องต่อออกไปยังท่อไอเสีย หม้อพัก และปลายท่อ (หรือแคตตาไลติก คอนเวอร์เตอร์ด้วย) เฮดเดอร์ผลิตจากท่อเหล็กหรือสเตนเลสดัดขึ้นรูปหลายท่ อแล้วเชื่อมรวบเป็นท่อเดี่ยว (หรือคู่) สำหรับต่อเข้าสู่ท่อไอเสีย (หรือแคตตาไลติก คอนเวอร์เตอร์) โดยมีการจัดระเบียบและปล่อยให้ไอเสียในแต่ละกระบอกสู บไหลออกมาเข้าสู่ท่ออิสระไม่เกี่ยวกับกระบอกสูบ เป็นระยะทางยาวกว่าท่อร่วมไอเสียเดิม เช่น เครื่องยนต์ 4 สูบ เดิมออกจากฝาสูบ 4 ท่อ ยาวแค่ 6 นิ้ว ก็ต้องรวบกันเพื่อเตรียมเข้าสู่ท่อไอเสีย แต่เฮดเดอร์มี 4 ท่ออิสระต่อออกจากฝาสูบ ยาวกว่า 12 นิ้วก่อนรวบ และยังมีการจัดลำดับเพื่อไม่ให้มีความปั่นป่วนของการ ไหลของไอเสีย การระบายไอเสียออกจากเครื่องยนต์ในช่วงต้นจึงคล่อง เร็ว และไม่ปั่นป่วน จากเฮดเดอร์ที่เปลี่ยนแทนท่อร่วมไอเสียเดิม โดยสรุป จุดเด่นของเฮดเดอร์ คือ มีท่อเดี่ยวของแต่ละกระบอกสูบยาวขึ้น และจัดระเบียบการไหลของไอเสียก่อนรวบตามจังหวะการจุด ระเบิดของเครื่องยนต์เพื่อเข้าสู่ท่อไอเสียเดี่ยว ดีกว่าท่อร่วมไอเสียเดิมแบบสั้นๆ ที่ระบายไม่คล่อง และการไหลของไอเสียมีความปั่นป่วนพอสมควร สู ต ร เ ฮ ด เ ด อ ร์ แ ท้ จ ริ ง เกี่ยวข้องกับแคมชาฟท์ เพื่อช่วยดูดไอดีด้วย จุดประสงค์ที่แท้จริงของเฮดเดอร์ ไม่ได้มีหน้าที่เพียงช่วยระบายไอเสียเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างแรงดูดไอดีเข้าสู่กระบอกสูบในจังหวะด ูดของเครื่องยนต์ ในจังหวะโอเวอร์แล็ป-over Lap คือ จังหวะต่อเนื่องระหว่างคาย-ดูด ลูกสูบเลื่อนขึ้นเกือบสุด วาล์วไอเสียเกือบปิด แต่วาล์วไอดีเริ่มเปิดล่วงหน้าเล็กน้อย ตามหลักการของคลื่นเสียง Acoustic ที่มีการย้อนกลับเมื่อก๊าซแรงดันสูงหรือเสียงวิ่งไปถ ึงระยะหนึ่ง สลับไป-มาจนกว่าแรงดันจะหมดลง (ไม่สามารถมองเห็นได้) เฮดเดอร์ที่มีความยาวแต่ละท่อเหมาะสม จะช่วยให้ไอเสียไหลออกจากเครื่องยนต์ได้เร็วที่สุด เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะย้อนกลับมายังเครื่องยนต์และย้อ นกลับออกไป การย้อนกลับไป-มาของไอเสียตามหลัก Acoustic ถ้าเฮดเดอร์มีความยาวเหมาะสม การย้อนกลับมาต้องพอดีกับจังหวะโอเวอร์แลป วาล์วไอดีเริ่มเปิด วาล์วไอเสียเกือบปิด เข้ามาช่วยดึงไอดีเข้าสู่กระบอกสูบได้เร็วขึ้น และเมื่อย้อนกลับออกไป วาล์วไอเสียก็ปิดสนิทพอดีและมีแรงดันลดลงแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับเข้ามาได้อีก การควบคุมให้ไอเสียมีการย้อนกลับไป-มาช่วยดูดไอดี ความยาวของท่อเฮดเดอร์ก่อนรวบเข้าท่อเดี่ยวขึ้นอยู่ก ับจังหวะเวลาการเปิด-ปิดวาล์วไอดี-ไอเสีย ซึ่งควบคุมด้วยลูกเบี้ยวบนเพลาลูกเบี้ยวหรือแคมชาฟท์ ดังนั้นถ้าต้องการให้เฮดเดอร์ช่วยดูดไอดี ต้องออกแบบเฮดเดอร์ให้มีความยาวของท่อต่างๆ เหมาะสมกับองศาหรือจังหวะการควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วของแคมชาฟท์ เครื่องยนต์บล็อกเดียวกัน มีรายละเอียดเหมือนกันทุกอย่าง หากใช้แคมชาฟท์ต่างกันด้วย ก็ต้องใช้เฮดเดอร์ที่มีความยาวของท่อต่างกัน แต่เนื่องจากมีการคำนวณที่ยุ่งยากมาก รวมทั้งไม่สามารถทราบองศาหรือจังหวะการเปิด-ปิดวาล์วไอดี-ไอเสียโดยละเอียดสำหรับเครื่องยนต์แบบมาตรฐานส่วนใหญ ่จึงไม่นำมาตีพิมพ์ เมื่อคำนวณหาความยาวของเฮดเดอร์แล้ว มักมีความยาวมากจนไม่สามารถใส่ลงไปในห้องเครื่องยนต์ ทั่วไปได้ นอกจากรถแข่งบางแบบที่มีพื้นที่เหลือเฟือ แคมชาฟท์พันธุ์แรงหรือแคมชาฟท์สำหรับรถแข่งที่มีองศา การเปิด-ปิดวาล์วนานๆ มักคำนวณออกมาเป็นท่อเฮดเดอร์ที่สั้นกว่า ส่วนแคมชาฟท์สำหรับเครื่องยนต์ทั่วไปซึ่งมีการเปิด-ปิดวาล์วช่วงสั้นกว่า เมื่อคำนวณความยาวของเฮดเดอร์ออกมาแล้ว มักยาวเหยียดจนไม่สามารถใส่ลงไปได้ เฮดเดอร์ทั่วไปจึงตัดประโยชน์ด้านการช่วยดูดไอดีออกไ ป เน้นเพียงประสิทธิภาพการช่วยระบายไอเสียออกไปให้เร็ว โล่ง และหมดจดที่สุด โดยไม่เน้นความยาวของท่อต่างๆ ของเฮดเดอร์เพื่อให้เกิดการย้อนกลับไป-มาตามหลัก Acoustic หากแต่เป็นไปตามความเหมาะสมของพื้นที่ในห้องเครื่องย นต์ เพราะทำเฮดเดอร์ยาวเกินไปก็ใส่ลงไปไม่ได้ สู ต ร ไ ห น ดี แยกเป็น 2 กรณี คือ ความยาวของเฮดเดอร์ และรูปแบบของเฮดเดอร์ก่อนรวบเป็นท่อเดี่ยว ความยาวของเฮดเดอร์ ในเมื่อไม่สามารถทำตามความยาวที่แท้จริงและเหมาะสมได ้ ขอเพียงมีท่ออิสระของแต่ละกระบอกสูบ ไม่มีการกวนของไอเสียแต่ละกระบอกสูบก่อนรวบเป็นท่อเด ี่ยว ยิ่งยาวได้เท่าไรยิ่งดี แต่อย่างไรก็ยังสั้นเกินไปสำหรับการช่วยดูดไอดีอยู่ด ี เลือกยาวที่สุดย่อมดีกว่า รูปแบบ หมายถึง รูปแบบของท่อต่างๆ ของเฮดเดอร์ก่อนรวบเป็นท่อเดี่ยว มีผลต่อการไหลลื่นของไอเสีย เช่น เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ เฮดเดอร์มี 2 แบบหลัก คือ 4-1 เป็นท่อเดี่ยว 4 ท่อ ออกจากฝาสูบ ฝาสูบละ 1 ท่อ ยาวตลอดจนรวบเป็นท่อเดี่ยวก่อนเข้าสู่ท่อไอเสียหรือแ คตตาไลติก คอนเวอร์เตอร์ และ 4-2-1 เป็นท่อเดี่ยว 4 ท่อ ออกจากฝาสูบ ฝาสูบละ 1 ท่อ แล้วรวบเป็น 2 ท่อคล้ายตัววี ก่อนรวบเข้าเป็นท่อเดี่ยวเข้าสู่ท่อไอเสียในตำแหน่งจ ุดที่รวบเป็นท่อเดี่ยวยาวใกล้เคียงกัน โดย 2 ท่อของ 2 สูบที่จะรวบเข้าหากันต้องสลับกันจากจังหวะการจุดระเบ ิด เช่น เครื่องยนต์มีจังหวะการจุดระเบิดเรียงตามสูบ 1-3-4-2 ก็ต้องรวบสูบ 1 กับ 4 เข้าด้วยกัน และ 3 กับ 2 เข้าด้วยกัน แล้วค่อยเป็นตัววี ต่อเนื่องก่อนรวบเข้าท่อเดี่ยว เช่น เฮดเดอร์แบบ 4-2-1 เป็น 4 ท่อออกจากฝาสูบ ยาว 15 นิ้ว ช่วง 2 ท่อยาว 15 นิ้ว รวมเฮดเดอร์ยาว 30 นิ้ว แบบ 4-1 เป็น 4 ท่อออกจากฝาสูบ ยาว 30 นิ้ว รวมเฮดเดอร์ยาว 30 นิ้วเท่ากัน สำหรับเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ เฮดเดอร์แบบ 4-2-1 ให้อัตราเร่งตีนต้น-ปานกลาง ให้ผลดีและยืดหยุ่นกว่าแบบ 4-1 ที่ดีในช่วงตีนปลายหรือรอบสูงเป็นหลัก เครื่องยนต์แบบ 6 สูบเรียง มีรูปแบบเฮดเดอร์ 2 รูปแบบหลัก คือ 6-2-1 และ 6-1 โดยรูปแบบ 6-2-1 ทำได้สะดวกกว่าในเรื่องของความยาวและพื้นที่ ในขณะที่รูปแบบ 6-1 เกะกะกว่า ส่วนผลที่ได้รับ เฮดเดอร์แบบ 6-2-1 ให้อัตราเร่งตีนต้น-ปานกลาง ให้ผลดีและยืดหยุ่นกว่าแบบ 6-1 ที่ดีในช่วงตีนปลายหรือรอบสูงเป็นหลัก สำหรับเครื่องยนต์แบบ วี 6 สูบ ซึ่งฝาสูบและพอร์ทไอเสียแยกกันอยู่แล้ว ต้องทำเฮดเดอร์แบบ 3-1 ในฝาสูบแต่ละข้าง รวมเป็น 3-1 + 3-1 แล้วรวบเข้าท่อเดี่ยว 1+1 เป็นหลัก สำหรับเครื่องยนต์ 4 สูบ และ 6 สูบเรียง เลือกเฮดเดอร์แบบ 4-2-1 และ 6-2-1 เป็นหลัก จะให้อัตราเร่งและความยืดหยุ่นในการใช้งานทั่วไปดีลั กษณะของเฮดเดอร์ข้างต้นที่ให้ผลแตกต่างกัน เป็นเพียงพื้นฐานส่วนใหญ่ เพราะแบบใดจะให้ผลต้นจัด ปลายแรง ต้องขึ้นอยู่กับส่วนประกอบอื่นด้วย เช่น เครื่องยนต์ที่ใช้แคมชาฟท์องศาสูง ถึงใส่เฮดเดอร์แบบ 4-2-1 ก็อาจจัดจ้านในรอบสูงเหมือนเดิม หรือเฮดเดอร์แบบ 4-2-1 กับแบบ 4-1 ที่ออกแบบสำหรับเครื่องยนต์เดียวกัน แบบแรกอาจให้ผลดีในรอบสูงกว่าแบบ 4-1 ซึ่งแย้งกับหลักการข้างต้นก็ได้ เพราะยังต้องขึ้นอยู่กับความยาวและขนาดของท่อต่างๆ ของเฮดเดอร์อีกด้วย ร า ย ล ะ เ อี ย ด อ ย่ า ม อ ง ข้ า ม ในเมื่อเฮดเดอร์ต้องเน้นเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพการ ระบายไอเสียเป็นหลัก ความสำคัญจึงไม่ใช่แค่ความยาวหรือขนาดของท่อต่างๆ เท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีกด้วย ค ว า ม ย า ว ในเมื่อไม่สามารถทำเฮดเดอร์ให้มีความยาวตามการคำนวณเ พื่อให้สามารถช่วยดูดไอดีได้ การทำให้ท่อไอเสียแต่ละท่อที่ออกมาจากฝาสูบแต่ละกระบ อกสูบมีการไหลอย่างอิสระที่สุดก่อนรวมกันย่อมมีผลดี ข น า ด ข อ ง แ ต่ ล ะ ท่ อ ท่อที่ต่อออกมาจากฝาสูบต้องมีขนาดเท่าพอร์ทไอเสียหรื อใหญ่กว่าเล็กน้อย ห้ามเล็กกว่า เพราะไอเสียจะสะดุดหรืออั้นการไหล และหากเป็นเฮดเดอร์แบบ 4-2-1 หรือ 6-2-1 ช่วง 2 ท่อก่อนรวบเข้าท่อเดี่ยว ต้องมีขนาดใหญ่กว่าท่อที่ต่อออกมาจากฝาสูบประมาณ 1-3 หุน (3-9 มิลลิเมตร) เพราะต้องรองรับไอเสีย 2-3 สูบต่อ 1 ท่อ ก่อนรวบเข้าท่อเดี่ยวตามขนาดที่เหมาะสมตามความจุกระบ อกสูบ (ซีซี) ของเครื่องยนต์ ก า ร ดั ด ท่ อ เฮดเดอร์ทุกแบบต้องมีการดัดท่อโลหะเข้ารูปก่อนนำมาเช ื่อมกัน การดัดต้องไม่มีรอยคอดหรือย่น ซึ่งเครื่องมือสำหรับดัดท่อโลหะในไทยแบบไม่มีรอยคอดห รือย่นมีไม่มากนัก เพราะมีราคาแพง ถ้าท่อมีรอยคอดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในท่อจะมีพื้นที่ล ดลง ทำให้การไหลของไอเสียไม่สะดวก และเกิดความปั่นป่วน ช่างเฮดเดอร์ในไทยบางรายให้ความสนใจกับรอยคอดหรือย่น นี้ แต่ยังขาดเครื่องมือดัดคุณภาพสูง จึงดัดแปลงใช้วิธีปิดท่อด้านหนึ่งแล้วอัดทรายเข้าไป ปิดท่ออีกด้านแล้วนำไปดัด หลังจากนั้นจึงตัดหัว-ท้ายเอาทรายออกก่อนนำท่อไปใช้ ซึ่งให้ผลดีพอสมควร ท่อไม่คอด ไม่ย่น โดยเรียกวิธีดัดแบบนี้เป็นภาษาสแลงว่า -ดัดทราย- ร อ ย เ ชื่ อ ม การทำเฮดเดอร์ต้องมีการเชื่อมหลายจุด ต้องหลีกเลี่ยงรอยเชื่อมที่ทำให้มีการสะดุดของการไหล ของไอเสียตั้งแต่หน้าแปลนที่เฮดเดอร์ประกบกับฝาสูบขอ งเครื่องยนต์ และท่อต่างๆ ที่มีการเชื่อม ต้องตรวจสอบให้ดี เพราะปัญหานี้เกิดขึ้นมาก แต่มักถูกมองข้าม ท่ อ ช่ ว ง เ ดี่ ย ว ต่อเนื่องจากท่อร่วมไอเสียหรือเฮดเดอร์ ก่อนระบายออกทางด้านท้ายรถยนต์ ต้องคั่นด้วยหม้อพักอีก 1-3 ใบที่ติดอยู่กับท่อไอเสียช่วงเดี่ยวหรือคู่ สำหรับเครื่องยนต์ความจุสูงๆ บางรุ่นด้วยผู้ผลิตรถยนต์มักเลือกใช้ท่อไอเสียช่วงเด ี่ยวขนาดไม่ใหญ่นัก เพราะต้นทุนต่ำและอยากรักษาอัตราการไหลของไอเสีย ท่อเดี่ยวที่ใหญ่มากจะโล่งเกินไปทำให้ไอเสียไหลออกช้ า เช่นเดียวกับการเป่าลมออกไปด้วยหลอดกาแฟหรือท่อประปา ขนาด 1 นิ้ว อย่างหลังย่อมโล่งเกินไปจึงระบายได้แย่กว่า แต่ถ้าเป่าลมออกทางหลอดยาคูลท์ขนาดจิ๋วย่อมแย่หนักกว ่า เพราะระบายไม่ทัน โดยทั่วไปสามารถเพิ่มขนาดท่อช่วงนี้ได้ประมาณ 1-3 หุน (3-9 มิลลิเมตร) โดยไม่ทำให้โล่งเกินไป ให้ผลดีขึ้นในรอบเครื่องยนต์ปานกลางขึ้นไป แต่ยังคงอัตราการไหลของไอเสียช่วงรอบต่ำได้เป็นปกติ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการตกแต่งส่วนอื่นของเครื่องย นต์ด้วย ถ้ามีการเพิ่มประสิทธิภาพการประจุไอดีด้วยเทอร์โบ ขยายพอร์ท-วาล์ว ก็ต้องเพิ่มขนาดท่อมากกว่าเครื่องยนต์เดิมๆ เสมือนมีน้ำดีเข้าบ้านมากขึ้น ก็ต้องขยายท่อน้ำทิ้งตามไปด้วย หัวข้อ: Re: ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหว่าง 4 - 2 - 1 กัน 4 - 1 เลย ... เริ่มหัวข้อโดย: สิงห์คะนองนา ที่ วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม 2008 เวลา 21:17:56 ยาวจัง แต่ก็ดีครับ สรุป 4 - 2 - 1 ก็ไม่ได้ดีไปกว่า 4-1 เลย อยู่ที่รอบของเครื่องยนต์
หัวข้อ: Re: ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหว่าง 4 - 2 - 1 กัน 4 - 1 เลย ... เริ่มหัวข้อโดย: virat 405gr ที่ วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2008 เวลา 07:54:04 สุดยอดเลยครับ O0 O0 :claping:
หัวข้อ: Re: ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหว่าง 4 - 2 - 1 กัน 4 - 1 เลย ... เริ่มหัวข้อโดย: ภณ(PON) ที่ วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2008 เวลา 08:24:54 ก็อย่างที่บอกละครับ มีข้อดีข้อเสีย แต่ที่เหมาะสม เราต้องการอย่างไงต่างหาก ส่วนตัว 4 2 1 เหมาะสุด แล้วค่อยไปทำปลายให้เหมาะอีกที จะเสริมจุดอ่อน หรือพัฒนาจุดแข็งครับ หัวข้อ: Re: ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหว่าง 4 - 2 - 1 กัน 4 - 1 เลย ... เริ่มหัวข้อโดย: au306 ที่ วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2008 เวลา 10:48:42 ขอบคุณครับ ผมไปเดินปลายเลสตรง มาคืออกมาจาก หม้อพัก ตรงกลางรถแล้วก็ตรงออกมา ตรงปลายท่อเลย อยากถามว่ามีผลไหมครับ แต่ตอนนี้ใช้อยู่รู้สึกว่าไม่มีผลอะไรเลย(ได้แต่ความสวยงาย
หัวข้อ: Re: ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหว่าง 4 - 2 - 1 กัน 4 - 1 เลย ... เริ่มหัวข้อโดย: PG205TRD ที่ วันอาทิตย์ที่ 01 มิถุนายน 2008 เวลา 22:30:05 เคยลองทั้ง 2 เเบบ 4-2-1 รอบต้น กับรอบกลางจะมีเเรงบิด เเละเเรงม้าดี เเต่ถ้าเน้นลากรอบสูงๆ หรือ รถสนามส่วนมากเค้าจะเดิน 4-1 นะครับ ถ้าใช้ในชีวิตประจำวัน เเนะนำ 4-2-1 ถ้าชอบเค้นรอบก็ 4-1 ครับ
|