ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2025 เวลา 17:01:15

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  หมวดหมู่ทั่วไป [ General topics ]
| |-+  พูดคุยทั่วไป ได้ทุกเรื่อง
| | |-+  ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหว่าง 4 - 2 - 1 กัน 4 - 1 เลย ...
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ขอถามผู้รู้หน่อยครับว่า ท่อไอเสียระหว่าง 4 - 2 - 1 กัน 4 - 1 เลย ...  (อ่าน 7150 ครั้ง)
สิงห์คะนองนา
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 780



เว็บไซต์
« เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2008 เวลา 20:39:26 »


อย่างไหนจะไม่อั้นครับ คือการระบายไอเสียที่รวดเร็ว (ส่งผลถึงความแรงด้วย)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ใครสนใจบิท เชิญได้สมัครได้ที่

http://www.bitgoon.com/bit/account-signup.php?refer=ponggoa

มี การ์ตูน ความรู้ต่าง ๆ เพลงสากล เพลงไทย DVD bluray เอยครับ
gunner
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 777



« ตอบ #1 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2008 เวลา 22:26:46 »


 4 2 1  4 - 1 อยากรู้คืออาไร     มีวิธีแนะนำ  การเลือกท่อ  ใส่ เกียร์ออโต้ ไหม ครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

3S-FE
โอ๊ต_XU5_ฝาส้ม
ใจไปไวกว่าแสง
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,870



« ตอบ #2 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2008 เวลา 22:34:02 »


4 2 1  4 - 1 อยากรู้คืออาไร     มีวิธีแนะนำ  การเลือกท่อ  ใส่ เกียร์ออโต้ ไหม ครับ

เป็นสูตรการเดินท่อไอเสียครับ

สูตร 4 - 2  - 1 คือ ออกจากด้านหลังวาล์วไอเสีย 4 ท่อ  แล้วไปซักหน่อยก็รวบเหลือ 2 ท่อ สุดท้ายออก 1 ท่อครับ

สูตร 4 - 1 คือ ออกจากวาล์วไอเสีย 4 ท่อ แล้วมารวบเหลือ 1 ท่อเลย

------------------------------------------------------------------------

ส่วนระบบท่อไอเสีย สำหรับเกียร์ออโต้

ถ้าไม่อยากวุ่นวายมาก เปลี่ยนแค่หม้อพักปลายก็พอครับ

เอาพวกไส้เยื้อง ไม่ก็ไส้ย้อนครับ

เกียร์ออโต้เรื่องท่อไอเสีย นี่ต้องทำใจนิดนึงนะครับ มันจะจบยากกว่าเกียร์ธรรมดา
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
ภณ(PON)
สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม
Administrator
เซียนสิงห์
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,041



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2008 เวลา 22:36:27 »


พูดถึงเรื่องนี้ยาวนะครับ

ผมไม่ได้มีประสบการณ์โดยตรง พอจะตอบได้คร่าวๆ ดังนี้นะครับ
 ทั้งหมดเป็นเรื่องกลศาสตร์ของไหล ในระบบวิศวกรรม นะครับ
ดังนั้นสิ่งที่เกี่ยวพันก็จะเป็นทางเดินอากาศทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นอากาศเข้า
เข้ามาถึงกรองอากาศ เข้าถึงลิ้นปีก เลยต่อไปทางท่อไอดี แล้วจึงเข้าห้องเผาไหม้
จากนั้นก็ออกมาที่ Header แล้วเข้าสู่ท่อไอเสีย เข้าหม้อพักกลาง ออกจนถึงหม้อปลาย
ทั้งหมดถูกออกแบบมาให้พอเจาะพอเหมาะกันครับ ดังนั้นจึงเป็นไม่แทบไม่ได้เลยที่จะทำอย่างใดอย่างหนึ่ง
แล้วจะวิ่งดีขึ้น ทั้งหมดต้องทำรวมครับผม

มาถึงเรื่องอั้น กับโล่งก่อนครับ
เป็นเรื่องที่รู้กันโดยทั่วไปว่า โล่งจะวิ่งดีกว่า แต่ไม่ค่อยมีคนจะพูดเรื่องรอบเครื่องต้นๆ 2000-4000 รอบต่อนาที
เพราะการที่โล่งไปก็ส่งผลทำให้ตีนต้นหายไปไม่น้อยเช่นกัน
ทั้งนี้เพราะไอเสียระบายเร็ว ก็หมายความว่าอาจจะมีไอดีออกไปด้วยก็ได้
และถ้าไอเสียระบายช้า ก็หมายความว่าอาจจะมีไอดีเข้าน้อย และไอเสียค้างอยู่ในห้องเผาไหม้ก็ได้ครับ
รถสปอร์ตบางคัน ถึงมีระบบเปิดปิดท่อไอเสียในรอบตีนต้น แล้วเปิดกว้างถึงรอบปลายก็มี

เกริ่นมาตั้งนานแล้ว กันที่ทำ 4 2 1 นั้นมีข้อดีข้อเสียในตัว (ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสียนะ)
มาดูก่อนว่า Peugeot เรามีการจุดลำดับการจุดระเบิดแบบได้ 1 3 4 2
นั้นหมายความ ถ้าจะทำ 4 2 1 นั้น ก็ต้องเอาท่อของสูบ 1 กับ 4 มาพ่วงกัน และ 3 กับ 2 มาพ่วงกัน แล้วค่อยเอาทั้งหมดมารวมกัน
ข้อดีคือมี เมื่อมีการคายไอเสียออกมาก็จะทำให้ไอเสียสามารถวิ่งออกได้สม่ำเสมอ ทั้งยังมีแรงดึงจากอีกสูบให้ดึงไอดีเข้ามาเตรียมจุดระเบิดด้วย จะใช้งานได้เหมาะสมดี
ข้อเสียคือ เมื่อรอบสูงขึ้น ก็จะมีอาการที่เรียกว่าระบายไม่ทันเกิดขึ้นได้ง่าย เกิดการอั้นได้
ส่วนที่จะทำ 4 1 นั้น ก็มีข้อดีและเสียด้วยเช่นกัน
ข้อดีคือทุกสูบคายออกมาแล้วออกตรงไปเลย ดังนั้นจะการระบายดีมากในรอบสูงๆ และรอบต่ำๆ
แต่ข้อเสียคือ เมื่อตีนต้นๆ รอบต่ำๆ นั้นการคายไอเสียที่ดีเกินไป ทำให้อาจมีการระบายไอดีออกไปด้วย

แต่เอาให้เหมาะ ก็ควรเป็น 4 2 1 ครับ วิ่งดีเกือบตลอดย่านครับ เหมาะสมกว่า ต้นดีขึ้น ปลายก็เกือบเท่าเดิม

ผิดพลาดประการใด โปรดช่วยกันแก้ไขนะครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

รูปงาน Meeting ครบ 10 ปี
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=22111.0

คิดถึง Mi16 จังเลยอือๆ
โชคดีโชคร้ายไม่มี....แตกต่างเพียงมุมมองในสถานการณ์

มีปัญหาเรื่องรถก็โทรคุยกันได้ ช่วยบอกชื่อท่าน รุ่นรถก่อนถาม
และเคารพสิทธิส่วนบุคคลผมด้วยครับ เบอร์ 084-556-8หกหกหก
วิดีโอของชมรมนะครับ : http://www.youtube.com/vlovepeugeot
สนใจสมัครนักเขียน : http://www.allwhatever.com
สิงห์คะนองนา
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 780



เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2008 เวลา 22:43:56 »


พูดถึงเรื่องนี้ยาวนะครับ

ผมไม่ได้มีประสบการณ์โดยตรง พอจะตอบได้คร่าวๆ ดังนี้นะครับ
 ทั้งหมดเป็นเรื่องกลศาสตร์ของไหล ในระบบวิศวกรรม นะครับ
ดังนั้นสิ่งที่เกี่ยวพันก็จะเป็นทางเดินอากาศทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นอากาศเข้า
เข้ามาถึงกรองอากาศ เข้าถึงลิ้นปีก เลยต่อไปทางท่อไอดี แล้วจึงเข้าห้องเผาไหม้
จากนั้นก็ออกมาที่ Header แล้วเข้าสู่ท่อไอเสีย เข้าหม้อพักกลาง ออกจนถึงหม้อปลาย
ทั้งหมดถูกออกแบบมาให้พอเจาะพอเหมาะกันครับ ดังนั้นจึงเป็นไม่แทบไม่ได้เลยที่จะทำอย่างใดอย่างหนึ่ง
แล้วจะวิ่งดีขึ้น ทั้งหมดต้องทำรวมครับผม

มาถึงเรื่องอั้น กับโล่งก่อนครับ
เป็นเรื่องที่รู้กันโดยทั่วไปว่า โล่งจะวิ่งดีกว่า แต่ไม่ค่อยมีคนจะพูดเรื่องรอบเครื่องต้นๆ 2000-4000 รอบต่อนาที
เพราะการที่โล่งไปก็ส่งผลทำให้ตีนต้นหายไปไม่น้อยเช่นกัน
ทั้งนี้เพราะไอเสียระบายเร็ว ก็หมายความว่าอาจจะมีไอดีออกไปด้วยก็ได้
และถ้าไอเสียระบายช้า ก็หมายความว่าอาจจะมีไอดีเข้าน้อย และไอเสียค้างอยู่ในห้องเผาไหม้ก็ได้ครับ
รถสปอร์ตบางคัน ถึงมีระบบเปิดปิดท่อไอเสียในรอบตีนต้น แล้วเปิดกว้างถึงรอบปลายก็มี

เกริ่นมาตั้งนานแล้ว กันที่ทำ 4 2 1 นั้นมีข้อดีข้อเสียในตัว (ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสียนะ)
มาดูก่อนว่า Peugeot เรามีการจุดลำดับการจุดระเบิดแบบได้ 1 3 4 2
นั้นหมายความ ถ้าจะทำ 4 2 1 นั้น ก็ต้องเอาท่อของสูบ 1 กับ 4 มาพ่วงกัน และ 3 กับ 2 มาพ่วงกัน แล้วค่อยเอาทั้งหมดมารวมกัน
ข้อดีคือมี เมื่อมีการคายไอเสียออกมาก็จะทำให้ไอเสียสามารถวิ่งออกได้สม่ำเสมอ ทั้งยังมีแรงดึงจากอีกสูบให้ดึงไอดีเข้ามาเตรียมจุดระเบิดด้วย จะใช้งานได้เหมาะสมดี
ข้อเสียคือ เมื่อรอบสูงขึ้น ก็จะมีอาการที่เรียกว่าระบายไม่ทันเกิดขึ้นได้ง่าย เกิดการอั้นได้
ส่วนที่จะทำ 4 1 นั้น ก็มีข้อดีและเสียด้วยเช่นกัน
ข้อดีคือทุกสูบคายออกมาแล้วออกตรงไปเลย ดังนั้นจะการระบายดีมากในรอบสูงๆ และรอบต่ำๆ
แต่ข้อเสียคือ เมื่อตีนต้นๆ รอบต่ำๆ นั้นการคายไอเสียที่ดีเกินไป ทำให้อาจมีการระบายไอดีออกไปด้วย

แต่เอาให้เหมาะ ก็ควรเป็น 4 2 1 ครับ วิ่งดีเกือบตลอดย่านครับ เหมาะสมกว่า ต้นดีขึ้น ปลายก็เกือบเท่าเดิม

ผิดพลาดประการใด โปรดช่วยกันแก้ไขนะครับ

สุดยอดเลย สรุปคือ 4- 1 ก็ดี และ 4 - 2 - 1 ก็ดี แต่ 4 - 2 - 1 เป็นค่ากลาง ๆ ก็คือดีที่สุด (ค่ากลาง)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ใครสนใจบิท เชิญได้สมัครได้ที่

http://www.bitgoon.com/bit/account-signup.php?refer=ponggoa

มี การ์ตูน ความรู้ต่าง ๆ เพลงสากล เพลงไทย DVD bluray เอยครับ
สิงห์คะนองนา
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 780



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2008 เวลา 22:48:51 »


คุณปอนด์ครับ ถ้า เป็น 4 - 4 เลย หมายถึงมีท่อ 4 ท่อเลย เราไม่คิดถึงราคาแพง ข้อดีมีมากกว่าข้อเสียไหม

อันนี้ขอความคิดเห็นนะครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ใครสนใจบิท เชิญได้สมัครได้ที่

http://www.bitgoon.com/bit/account-signup.php?refer=ponggoa

มี การ์ตูน ความรู้ต่าง ๆ เพลงสากล เพลงไทย DVD bluray เอยครับ
ภณ(PON)
สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม
Administrator
เซียนสิงห์
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,041



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2008 เวลา 22:59:34 »


คุณปอนด์ครับ ถ้า เป็น 4 - 4 เลย หมายถึงมีท่อ 4 ท่อเลย เราไม่คิดถึงราคาแพง ข้อดีมีมากกว่าข้อเสียไหม

อันนี้ขอความคิดเห็นนะครับ
ไม่มีใครทำหรอกครับ เพราะข้อเสียเยอะกว่าครับ เรียกว่าแย่เลยก็ว่าได้ครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

รูปงาน Meeting ครบ 10 ปี
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=22111.0

คิดถึง Mi16 จังเลยอือๆ
โชคดีโชคร้ายไม่มี....แตกต่างเพียงมุมมองในสถานการณ์

มีปัญหาเรื่องรถก็โทรคุยกันได้ ช่วยบอกชื่อท่าน รุ่นรถก่อนถาม
และเคารพสิทธิส่วนบุคคลผมด้วยครับ เบอร์ 084-556-8หกหกหก
วิดีโอของชมรมนะครับ : http://www.youtube.com/vlovepeugeot
สนใจสมัครนักเขียน : http://www.allwhatever.com
สิงห์คะนองนา
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 780



เว็บไซต์
« ตอบ #7 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม 2008 เวลา 23:03:19 »


อืมมมม ขอบคุณครับบบบ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ใครสนใจบิท เชิญได้สมัครได้ที่

http://www.bitgoon.com/bit/account-signup.php?refer=ponggoa

มี การ์ตูน ความรู้ต่าง ๆ เพลงสากล เพลงไทย DVD bluray เอยครับ
Gotji
PG 405 is basic.
สิงห์ปริญญาโท
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 314



« ตอบ #8 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม 2008 เวลา 12:51:29 »


นึกว่าแบ่งครึ่งไว้ทำไม
ที่แท้ก็เป็น Header 4-2-1
เอาท่อน 2 จะไป 1 มาให้ดู


* R0012290.JPG (82.09 KB, 640x480 - ดู 699 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

XU9JA/Z+NGV
ก้อนกรวด
GRI GOLD
สิงห์ปริญญาตรี
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 281



« ตอบ #9 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม 2008 เวลา 21:07:51 »


 อิอิ
อ้างถึง
ความรู้เรื่องท่อไอเสีย copy มาอีกที
อ้างถึง
เฮดเดอร์

เป็นอุปกรณ์หนึ่งในระบบระบายไอเสียที่ได้รับความสนใจ ในการเพิ่มกำลังของเครื่องยนต์ แต่จะยุ่งยาก แพง หรือได้กำลังเพิ่มขึ้นมาคุ้มค่าแค่ไหน ? เครื่องยนต์ 4 จังหวะที่ใช้กันในรถยนต์ทั่วไปมีการทำงานต่อเนื่อง ดูด-อัด-ระเบิด-คาย ในการหมุนเพลาข้อเหวี่ยงรอบต่อ 1 วัฏจักรการทำงาน คือ ดูด-ลูกสูบเลื่อนลง วาล์วไอดีเปิดเพื่อรับไอดีเข้ามา, อัด-ลูกสูบเลื่อนขึ้น วาล์วไอดี-ไอเสียปิดสนิท เพื่ออัดเตรียมให้มีการจุดระเบิดในจังหวะต่อไป, ระเบิด-จุดระเบิดด้วยหัวเทียน (สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน) หรือจุดระเบิดด้วยการฉีดละอองน้ำมันเข้าผสมกับอากาศท ี่ถูกอัดแน่นจนร้อนจัด (สำหรับเครื่องยนต์ดีเซล) แล้วต่อเนื่องถึงจังหวะสุดท้ายที่เกี่ยวข้องกับ -เฮดเดอร์- คือ คาย-ลูกสูบเลื่อนขึ้น วาล์วไอเสียเปิดเพื่อระบายไอเสียออกจากเครื่องยนต์ เและเตรียมรับไอดีในจังหวะดูดต่อไป
การปรับแต่งเครื่องยนต์ให้ได้ผลเต็มที่ ต้องเพิ่มการประจุอากาศและน้ำมันในด้านไอดี ควบคู่กับการระบายไอเสียออกจากเครื่องยนต์ให้เร็วและ หมดจดที่สุด ถ้าเพิ่มเฉพาะไอดีแต่ไอเสียระบายออกไม่ทันหรือไม่หมด กำลังของเครื่องยนต์ก็เพิ่มขึ้นไม่เต็มที่ แม้เครื่องยนต์ที่ไม่ได้ปรับแต่งด้านการประจุไอดี แต่ถ้าสามารถเพิ่มการระบายไอเสียให้ดีขึ้นได้ก็จะมีก ำลังเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเสมือนเครื่องยนต์เป็นบ้าน ถ้าเพิ่มเฉพาะประสิทธิภาพการนำน้ำสะอาดเข้าบ้าน โดยไม่เพิ่มประสิทธิภาพการนำน้ำเสียออก น้ำเสียอาจค้างอยู่และผสมกับน้ำดี หรือมีแรงต้านการดูดน้ำดีเข้าบ้าน และแม้ไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพการนำน้ำดีเข้าบ้าน แต่ถ้าเร่งให้น้ำเสียออกจากบ้านได้เร็วและหมดจดก็ยัง ดี

พื้ น ฐ า น ร ะ บ บ ร ะ บ า ย ไ อ เ สี ย

การระบายไอเสียออกจากเครื่องยนต์ใช้การขยายตัวของก๊า ซแรงดันสูงและร้อน ที่จะเคลื่อนตัวหาอากาศภายนอกที่เย็นและมีแรงดันต่ำก ว่า ร่วมกับการเลื่อนตัวขึ้นของลูกสูบ ผ่านวาล์วไอเสียและพอร์ทไอเสียบนฝาสูบออกนอกเครื่องย นต์ ระบบระบายไอเสียภายนอกเครื่องยนต์ที่ต่ออยู่กับฝาสูบ ยาวต่อเนื่องไปถึงปลายท่อด้านท้ายนี้เองที่เกี่ยวข้อ งกับเฮดเดอร์ และได้รับความสนใจในการเพิ่มกำลังเครื่องยนต์เพราะสะ ดวก ไม่ต้องยุ่งกับชิ้นส่วนอื่นของเครื่องยนต์

ระบบระบายไอเสียนี้แยกเป็น 4 ส่วน คือ

1. ท่อร่วมไอเสีย - Exhaust Manifold (หรือภาษาสแลงเรียกว่า เขาควาย) ส่วนที่ติดกับฝาสูบของเครื่องยนต์ก่อนรวบเป็นท่อเดี่ ยว (หรือคู่ในบางรุ่น) เฉพาะส่วนนี้เองที่ -เฮดเดอร์- เข้ามาแทนที่
2. ต่อจากนั้นเป็นท่อไอเสียเดี่ยว (หรือคู่ในบางรุ่น)
3. เข้าหม้อพักเก็บเสียง โดยอาจมีหม้อพักหลายใบ (ในหลายแบบ)
4. ต่อเนื่องไปยังปลายท่อระบายไอเสียออกสู่ภายนอก โดยเครื่องยนต์หัวฉีดรุ่นใหม่มีอุปกรณ์บำบัดไอเสีย-แคตตาไลติก คอนเวอร์เตอร์ ติดหลังท่อร่วมไอเสียก่อนเข้าหม้อพักใบแรก หรืออาจรวมอยู่กับท่อร่วมไอเสียเลย

รถยนต์ทั่วไปมักเลือกใช้ท่อร่วมไอเสียเป็นเหล็กหล่อแ ละสั้น เพราะผลิตจำนวนมากได้สะดวก ขนาดกะทัดรัด และไม่ยุ่งยากเหมือนเฮดเดอร์ที่ต้องนำท่อเหล็กมาดัดแ ละเชื่อมด้วยกำลังคน โดยยอมให้ไอเสียระบายปั่นป่วนและไม่คล่องนัก ก่อนรวบเข้าสู่ท่อไอเสีย (หรือแคตตาไลติก คอนเวอร์เตอร์) และใช่ท่อไอเสียช่วงต่อเนื่องไปขนาดไม่ใหญ่นัก พร้อมหม้อพักแบบไส้ย้อนที่ชะลอและหมุนไอเสียเพื่อลดเ สียงดัง แล้วระบายออกปลายท่อแบบธรรมดา

ก า ร เ พิ่ ม ป ร ะ สิ ท ธิ ภ า พ ร ะ บ บ ร ะ บ า ย ไ อ เ สี ย

ไม่ว่าจะปรับแต่งเครื่องยนต์ด้านการประจุไอดีด้วยหรื อไม่ เครื่องยนต์ทั่วไปสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการระบายไอเ สียได้ โดยได้ผลมากบ้างน้อยบ้าง ขึ้นอยู่กับระบบไอเสียเดิมว่าอั้นหรือโล่งแค่ไหน และชุดใหม่ดีแค่ไหน การทำให้การระบายไอเสียออกจากเครื่องยนต์เร็วและหมดจ ดที่สุดย่อมมีผลดี เพราะถ้าอั้นการไหลออกจะมีแรงดันย้อนกลับ-back Pressure คอยต้านการเลื่อนขึ้นของลูกสูบ และถ้าระบายไอเสียออกไม่หมด ไอดีที่เข้ามาในจังหวะต่อไปจะผสมกับไอเสีย เมื่อมีการจุดระเบิด การเผาไหม้จะลดความรุนแรงลง กำลังของเครื่องยนต์ก็จะลดลงเพราะไอดีมีออกซิเจนน้อย ผู้ผลิตรถยนต์ส่วนใหญ่ไม่สามารถออกแบบและเลือกใช้ระบ บท่อไอเสียทั้งชุดให้มีประสิทธิภาพสูงสุดได้ เพราะติดปัญหาเรื่องต้นทุน ความยุ่งยากในการผลิต และเรื่องเสียงที่อาจดังขึ้นบ้าง

เ ฮ ด เ ด อ ร์ ไ ม่ ใ ช่ ม า แ ท น ทั้ ง ร ะ บ บ

เป็นเพียงท่อร่วมไอเสียแบบพิเศษที่ถูกนำมาทดแทนท่อร่ วมไอเสียเดิม ที่สั้นจนเกิดความปั่นป่วนและระบายไอเสียไม่โล่งมาก ไม่ใช่มาแทนระบบระบายไอเสียทั้งหมด เพราะยังต้องต่อออกไปยังท่อไอเสีย หม้อพัก และปลายท่อ (หรือแคตตาไลติก คอนเวอร์เตอร์ด้วย) เฮดเดอร์ผลิตจากท่อเหล็กหรือสเตนเลสดัดขึ้นรูปหลายท่ อแล้วเชื่อมรวบเป็นท่อเดี่ยว (หรือคู่) สำหรับต่อเข้าสู่ท่อไอเสีย (หรือแคตตาไลติก คอนเวอร์เตอร์) โดยมีการจัดระเบียบและปล่อยให้ไอเสียในแต่ละกระบอกสู บไหลออกมาเข้าสู่ท่ออิสระไม่เกี่ยวกับกระบอกสูบ เป็นระยะทางยาวกว่าท่อร่วมไอเสียเดิม เช่น เครื่องยนต์ 4 สูบ เดิมออกจากฝาสูบ 4 ท่อ ยาวแค่ 6 นิ้ว ก็ต้องรวบกันเพื่อเตรียมเข้าสู่ท่อไอเสีย แต่เฮดเดอร์มี 4 ท่ออิสระต่อออกจากฝาสูบ ยาวกว่า 12 นิ้วก่อนรวบ และยังมีการจัดลำดับเพื่อไม่ให้มีความปั่นป่วนของการ ไหลของไอเสีย การระบายไอเสียออกจากเครื่องยนต์ในช่วงต้นจึงคล่อง เร็ว และไม่ปั่นป่วน จากเฮดเดอร์ที่เปลี่ยนแทนท่อร่วมไอเสียเดิม

โดยสรุป จุดเด่นของเฮดเดอร์ คือ มีท่อเดี่ยวของแต่ละกระบอกสูบยาวขึ้น และจัดระเบียบการไหลของไอเสียก่อนรวบตามจังหวะการจุด ระเบิดของเครื่องยนต์เพื่อเข้าสู่ท่อไอเสียเดี่ยว ดีกว่าท่อร่วมไอเสียเดิมแบบสั้นๆ ที่ระบายไม่คล่อง และการไหลของไอเสียมีความปั่นป่วนพอสมควร
สู ต ร เ ฮ ด เ ด อ ร์ แ ท้ จ ริ ง

เกี่ยวข้องกับแคมชาฟท์ เพื่อช่วยดูดไอดีด้วย จุดประสงค์ที่แท้จริงของเฮดเดอร์ ไม่ได้มีหน้าที่เพียงช่วยระบายไอเสียเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างแรงดูดไอดีเข้าสู่กระบอกสูบในจังหวะด ูดของเครื่องยนต์ ในจังหวะโอเวอร์แล็ป-over Lap คือ จังหวะต่อเนื่องระหว่างคาย-ดูด ลูกสูบเลื่อนขึ้นเกือบสุด วาล์วไอเสียเกือบปิด แต่วาล์วไอดีเริ่มเปิดล่วงหน้าเล็กน้อย
ตามหลักการของคลื่นเสียง Acoustic ที่มีการย้อนกลับเมื่อก๊าซแรงดันสูงหรือเสียงวิ่งไปถ ึงระยะหนึ่ง สลับไป-มาจนกว่าแรงดันจะหมดลง (ไม่สามารถมองเห็นได้) เฮดเดอร์ที่มีความยาวแต่ละท่อเหมาะสม จะช่วยให้ไอเสียไหลออกจากเครื่องยนต์ได้เร็วที่สุด เมื่อถึงจุดหนึ่งก็จะย้อนกลับมายังเครื่องยนต์และย้อ นกลับออกไป การย้อนกลับไป-มาของไอเสียตามหลัก Acoustic ถ้าเฮดเดอร์มีความยาวเหมาะสม การย้อนกลับมาต้องพอดีกับจังหวะโอเวอร์แลป วาล์วไอดีเริ่มเปิด วาล์วไอเสียเกือบปิด เข้ามาช่วยดึงไอดีเข้าสู่กระบอกสูบได้เร็วขึ้น และเมื่อย้อนกลับออกไป วาล์วไอเสียก็ปิดสนิทพอดีและมีแรงดันลดลงแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับเข้ามาได้อีก การควบคุมให้ไอเสียมีการย้อนกลับไป-มาช่วยดูดไอดี ความยาวของท่อเฮดเดอร์ก่อนรวบเข้าท่อเดี่ยวขึ้นอยู่ก ับจังหวะเวลาการเปิด-ปิดวาล์วไอดี-ไอเสีย ซึ่งควบคุมด้วยลูกเบี้ยวบนเพลาลูกเบี้ยวหรือแคมชาฟท์ ดังนั้นถ้าต้องการให้เฮดเดอร์ช่วยดูดไอดี ต้องออกแบบเฮดเดอร์ให้มีความยาวของท่อต่างๆ เหมาะสมกับองศาหรือจังหวะการควบคุมการเปิด-ปิดวาล์วของแคมชาฟท์ เครื่องยนต์บล็อกเดียวกัน มีรายละเอียดเหมือนกันทุกอย่าง หากใช้แคมชาฟท์ต่างกันด้วย ก็ต้องใช้เฮดเดอร์ที่มีความยาวของท่อต่างกัน แต่เนื่องจากมีการคำนวณที่ยุ่งยากมาก รวมทั้งไม่สามารถทราบองศาหรือจังหวะการเปิด-ปิดวาล์วไอดี-ไอเสียโดยละเอียดสำหรับเครื่องยนต์แบบมาตรฐานส่วนใหญ ่จึงไม่นำมาตีพิมพ์ เมื่อคำนวณหาความยาวของเฮดเดอร์แล้ว มักมีความยาวมากจนไม่สามารถใส่ลงไปในห้องเครื่องยนต์ ทั่วไปได้ นอกจากรถแข่งบางแบบที่มีพื้นที่เหลือเฟือ แคมชาฟท์พันธุ์แรงหรือแคมชาฟท์สำหรับรถแข่งที่มีองศา การเปิด-ปิดวาล์วนานๆ มักคำนวณออกมาเป็นท่อเฮดเดอร์ที่สั้นกว่า ส่วนแคมชาฟท์สำหรับเครื่องยนต์ทั่วไปซึ่งมีการเปิด-ปิดวาล์วช่วงสั้นกว่า เมื่อคำนวณความยาวของเฮดเดอร์ออกมาแล้ว มักยาวเหยียดจนไม่สามารถใส่ลงไปได้ เฮดเดอร์ทั่วไปจึงตัดประโยชน์ด้านการช่วยดูดไอดีออกไ ป เน้นเพียงประสิทธิภาพการช่วยระบายไอเสียออกไปให้เร็ว โล่ง และหมดจดที่สุด โดยไม่เน้นความยาวของท่อต่างๆ ของเฮดเดอร์เพื่อให้เกิดการย้อนกลับไป-มาตามหลัก Acoustic หากแต่เป็นไปตามความเหมาะสมของพื้นที่ในห้องเครื่องย นต์ เพราะทำเฮดเดอร์ยาวเกินไปก็ใส่ลงไปไม่ได้

สู ต ร ไ ห น ดี

แยกเป็น 2 กรณี คือ ความยาวของเฮดเดอร์ และรูปแบบของเฮดเดอร์ก่อนรวบเป็นท่อเดี่ยว

ความยาวของเฮดเดอร์ ในเมื่อไม่สามารถทำตามความยาวที่แท้จริงและเหมาะสมได ้ ขอเพียงมีท่ออิสระของแต่ละกระบอกสูบ ไม่มีการกวนของไอเสียแต่ละกระบอกสูบก่อนรวบเป็นท่อเด ี่ยว ยิ่งยาวได้เท่าไรยิ่งดี แต่อย่างไรก็ยังสั้นเกินไปสำหรับการช่วยดูดไอดีอยู่ด ี เลือกยาวที่สุดย่อมดีกว่า

รูปแบบ หมายถึง รูปแบบของท่อต่างๆ ของเฮดเดอร์ก่อนรวบเป็นท่อเดี่ยว มีผลต่อการไหลลื่นของไอเสีย เช่น เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ เฮดเดอร์มี 2 แบบหลัก คือ 4-1 เป็นท่อเดี่ยว 4 ท่อ ออกจากฝาสูบ ฝาสูบละ 1 ท่อ ยาวตลอดจนรวบเป็นท่อเดี่ยวก่อนเข้าสู่ท่อไอเสียหรือแ คตตาไลติก คอนเวอร์เตอร์ และ 4-2-1 เป็นท่อเดี่ยว 4 ท่อ ออกจากฝาสูบ ฝาสูบละ 1 ท่อ แล้วรวบเป็น 2 ท่อคล้ายตัววี ก่อนรวบเข้าเป็นท่อเดี่ยวเข้าสู่ท่อไอเสียในตำแหน่งจ ุดที่รวบเป็นท่อเดี่ยวยาวใกล้เคียงกัน โดย 2 ท่อของ 2 สูบที่จะรวบเข้าหากันต้องสลับกันจากจังหวะการจุดระเบ ิด เช่น เครื่องยนต์มีจังหวะการจุดระเบิดเรียงตามสูบ 1-3-4-2 ก็ต้องรวบสูบ 1 กับ 4 เข้าด้วยกัน และ 3 กับ 2 เข้าด้วยกัน แล้วค่อยเป็นตัววี ต่อเนื่องก่อนรวบเข้าท่อเดี่ยว เช่น เฮดเดอร์แบบ 4-2-1 เป็น 4 ท่อออกจากฝาสูบ ยาว 15 นิ้ว ช่วง 2 ท่อยาว 15 นิ้ว รวมเฮดเดอร์ยาว 30 นิ้ว แบบ 4-1 เป็น 4 ท่อออกจากฝาสูบ ยาว 30 นิ้ว รวมเฮดเดอร์ยาว 30 นิ้วเท่ากัน

สำหรับเครื่องยนต์แบบ 4 สูบ เฮดเดอร์แบบ 4-2-1 ให้อัตราเร่งตีนต้น-ปานกลาง ให้ผลดีและยืดหยุ่นกว่าแบบ 4-1 ที่ดีในช่วงตีนปลายหรือรอบสูงเป็นหลัก เครื่องยนต์แบบ 6 สูบเรียง มีรูปแบบเฮดเดอร์ 2 รูปแบบหลัก คือ 6-2-1 และ 6-1 โดยรูปแบบ 6-2-1 ทำได้สะดวกกว่าในเรื่องของความยาวและพื้นที่ ในขณะที่รูปแบบ 6-1 เกะกะกว่า ส่วนผลที่ได้รับ เฮดเดอร์แบบ 6-2-1 ให้อัตราเร่งตีนต้น-ปานกลาง ให้ผลดีและยืดหยุ่นกว่าแบบ 6-1 ที่ดีในช่วงตีนปลายหรือรอบสูงเป็นหลัก

สำหรับเครื่องยนต์แบบ วี 6 สูบ ซึ่งฝาสูบและพอร์ทไอเสียแยกกันอยู่แล้ว ต้องทำเฮดเดอร์แบบ 3-1 ในฝาสูบแต่ละข้าง รวมเป็น 3-1 + 3-1 แล้วรวบเข้าท่อเดี่ยว 1+1 เป็นหลัก

สำหรับเครื่องยนต์ 4 สูบ และ 6 สูบเรียง เลือกเฮดเดอร์แบบ 4-2-1 และ 6-2-1 เป็นหลัก จะให้อัตราเร่งและความยืดหยุ่นในการใช้งานทั่วไปดีลั กษณะของเฮดเดอร์ข้างต้นที่ให้ผลแตกต่างกัน เป็นเพียงพื้นฐานส่วนใหญ่ เพราะแบบใดจะให้ผลต้นจัด ปลายแรง ต้องขึ้นอยู่กับส่วนประกอบอื่นด้วย เช่น เครื่องยนต์ที่ใช้แคมชาฟท์องศาสูง ถึงใส่เฮดเดอร์แบบ 4-2-1 ก็อาจจัดจ้านในรอบสูงเหมือนเดิม หรือเฮดเดอร์แบบ 4-2-1 กับแบบ 4-1 ที่ออกแบบสำหรับเครื่องยนต์เดียวกัน แบบแรกอาจให้ผลดีในรอบสูงกว่าแบบ 4-1 ซึ่งแย้งกับหลักการข้างต้นก็ได้ เพราะยังต้องขึ้นอยู่กับความยาวและขนาดของท่อต่างๆ ของเฮดเดอร์อีกด้วย

ร า ย ล ะ เ อี ย ด อ ย่ า ม อ ง ข้ า ม

ในเมื่อเฮดเดอร์ต้องเน้นเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพการ ระบายไอเสียเป็นหลัก ความสำคัญจึงไม่ใช่แค่ความยาวหรือขนาดของท่อต่างๆ เท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีกด้วย

ค ว า ม ย า ว

ในเมื่อไม่สามารถทำเฮดเดอร์ให้มีความยาวตามการคำนวณเ พื่อให้สามารถช่วยดูดไอดีได้ การทำให้ท่อไอเสียแต่ละท่อที่ออกมาจากฝาสูบแต่ละกระบ อกสูบมีการไหลอย่างอิสระที่สุดก่อนรวมกันย่อมมีผลดี

ข น า ด ข อ ง แ ต่ ล ะ ท่ อ

ท่อที่ต่อออกมาจากฝาสูบต้องมีขนาดเท่าพอร์ทไอเสียหรื อใหญ่กว่าเล็กน้อย ห้ามเล็กกว่า เพราะไอเสียจะสะดุดหรืออั้นการไหล และหากเป็นเฮดเดอร์แบบ 4-2-1 หรือ 6-2-1 ช่วง 2 ท่อก่อนรวบเข้าท่อเดี่ยว ต้องมีขนาดใหญ่กว่าท่อที่ต่อออกมาจากฝาสูบประมาณ 1-3 หุน (3-9 มิลลิเมตร) เพราะต้องรองรับไอเสีย 2-3 สูบต่อ 1 ท่อ ก่อนรวบเข้าท่อเดี่ยวตามขนาดที่เหมาะสมตามความจุกระบ อกสูบ (ซีซี) ของเครื่องยนต์

ก า ร ดั ด ท่ อ

เฮดเดอร์ทุกแบบต้องมีการดัดท่อโลหะเข้ารูปก่อนนำมาเช ื่อมกัน การดัดต้องไม่มีรอยคอดหรือย่น ซึ่งเครื่องมือสำหรับดัดท่อโลหะในไทยแบบไม่มีรอยคอดห รือย่นมีไม่มากนัก เพราะมีราคาแพง ถ้าท่อมีรอยคอดเส้นผ่าศูนย์กลางภายในท่อจะมีพื้นที่ล ดลง ทำให้การไหลของไอเสียไม่สะดวก และเกิดความปั่นป่วน
ช่างเฮดเดอร์ในไทยบางรายให้ความสนใจกับรอยคอดหรือย่น นี้ แต่ยังขาดเครื่องมือดัดคุณภาพสูง จึงดัดแปลงใช้วิธีปิดท่อด้านหนึ่งแล้วอัดทรายเข้าไป ปิดท่ออีกด้านแล้วนำไปดัด หลังจากนั้นจึงตัดหัว-ท้ายเอาทรายออกก่อนนำท่อไปใช้ ซึ่งให้ผลดีพอสมควร ท่อไม่คอด ไม่ย่น โดยเรียกวิธีดัดแบบนี้เป็นภาษาสแลงว่า -ดัดทราย-

ร อ ย เ ชื่ อ ม

การทำเฮดเดอร์ต้องมีการเชื่อมหลายจุด ต้องหลีกเลี่ยงรอยเชื่อมที่ทำให้มีการสะดุดของการไหล ของไอเสียตั้งแต่หน้าแปลนที่เฮดเดอร์ประกบกับฝาสูบขอ งเครื่องยนต์ และท่อต่างๆ ที่มีการเชื่อม ต้องตรวจสอบให้ดี เพราะปัญหานี้เกิดขึ้นมาก แต่มักถูกมองข้าม

ท่ อ ช่ ว ง เ ดี่ ย ว

ต่อเนื่องจากท่อร่วมไอเสียหรือเฮดเดอร์ ก่อนระบายออกทางด้านท้ายรถยนต์ ต้องคั่นด้วยหม้อพักอีก 1-3 ใบที่ติดอยู่กับท่อไอเสียช่วงเดี่ยวหรือคู่ สำหรับเครื่องยนต์ความจุสูงๆ บางรุ่นด้วยผู้ผลิตรถยนต์มักเลือกใช้ท่อไอเสียช่วงเด ี่ยวขนาดไม่ใหญ่นัก เพราะต้นทุนต่ำและอยากรักษาอัตราการไหลของไอเสีย ท่อเดี่ยวที่ใหญ่มากจะโล่งเกินไปทำให้ไอเสียไหลออกช้ า เช่นเดียวกับการเป่าลมออกไปด้วยหลอดกาแฟหรือท่อประปา ขนาด 1 นิ้ว อย่างหลังย่อมโล่งเกินไปจึงระบายได้แย่กว่า แต่ถ้าเป่าลมออกทางหลอดยาคูลท์ขนาดจิ๋วย่อมแย่หนักกว ่า เพราะระบายไม่ทัน โดยทั่วไปสามารถเพิ่มขนาดท่อช่วงนี้ได้ประมาณ 1-3 หุน (3-9 มิลลิเมตร) โดยไม่ทำให้โล่งเกินไป ให้ผลดีขึ้นในรอบเครื่องยนต์ปานกลางขึ้นไป แต่ยังคงอัตราการไหลของไอเสียช่วงรอบต่ำได้เป็นปกติ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการตกแต่งส่วนอื่นของเครื่องย นต์ด้วย ถ้ามีการเพิ่มประสิทธิภาพการประจุไอดีด้วยเทอร์โบ ขยายพอร์ท-วาล์ว ก็ต้องเพิ่มขนาดท่อมากกว่าเครื่องยนต์เดิมๆ เสมือนมีน้ำดีเข้าบ้านมากขึ้น ก็ต้องขยายท่อน้ำทิ้งตามไปด้วย

แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
สิงห์คะนองนา
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 780



เว็บไซต์
« ตอบ #10 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 19 พฤษภาคม 2008 เวลา 21:17:56 »


ยาวจัง แต่ก็ดีครับ สรุป 4 - 2 - 1 ก็ไม่ได้ดีไปกว่า 4-1 เลย อยู่ที่รอบของเครื่องยนต์
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ใครสนใจบิท เชิญได้สมัครได้ที่

http://www.bitgoon.com/bit/account-signup.php?refer=ponggoa

มี การ์ตูน ความรู้ต่าง ๆ เพลงสากล เพลงไทย DVD bluray เอยครับ
virat 405gr
สิงห์ปริญญาตรี
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 220


« ตอบ #11 เมื่อ: วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2008 เวลา 07:54:04 »


สุดยอดเลยครับ Afro Afro Claping


* koh24.JPG (52.27 KB, 666x500 - ดู 500 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
ภณ(PON)
สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม
Administrator
เซียนสิงห์
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,041



เว็บไซต์
« ตอบ #12 เมื่อ: วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2008 เวลา 08:24:54 »



ก็อย่างที่บอกละครับ มีข้อดีข้อเสีย แต่ที่เหมาะสม เราต้องการอย่างไงต่างหาก

ส่วนตัว 4 2 1 เหมาะสุด แล้วค่อยไปทำปลายให้เหมาะอีกที

จะเสริมจุดอ่อน หรือพัฒนาจุดแข็งครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

รูปงาน Meeting ครบ 10 ปี
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=22111.0

คิดถึง Mi16 จังเลยอือๆ
โชคดีโชคร้ายไม่มี....แตกต่างเพียงมุมมองในสถานการณ์

มีปัญหาเรื่องรถก็โทรคุยกันได้ ช่วยบอกชื่อท่าน รุ่นรถก่อนถาม
และเคารพสิทธิส่วนบุคคลผมด้วยครับ เบอร์ 084-556-8หกหกหก
วิดีโอของชมรมนะครับ : http://www.youtube.com/vlovepeugeot
สนใจสมัครนักเขียน : http://www.allwhatever.com
au306
สิงห์มัธยม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 184



« ตอบ #13 เมื่อ: วันอังคารที่ 20 พฤษภาคม 2008 เวลา 10:48:42 »


ขอบคุณครับ ผมไปเดินปลายเลสตรง มาคืออกมาจาก หม้อพัก ตรงกลางรถแล้วก็ตรงออกมา ตรงปลายท่อเลย อยากถามว่ามีผลไหมครับ แต่ตอนนี้ใช้อยู่รู้สึกว่าไม่มีผลอะไรเลย(ได้แต่ความสวยงาย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
PG205TRD
สิงห์ปริญญาตรี
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 294


« ตอบ #14 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 01 มิถุนายน 2008 เวลา 22:30:05 »


เคยลองทั้ง 2 เเบบ 4-2-1 รอบต้น กับรอบกลางจะมีเเรงบิด เเละเเรงม้าดี เเต่ถ้าเน้นลากรอบสูงๆ หรือ รถสนามส่วนมากเค้าจะเดิน 4-1 นะครับ ถ้าใช้ในชีวิตประจำวัน เเนะนำ 4-2-1 ถ้าชอบเค้นรอบก็ 4-1 ครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!