|
หัวข้อ: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: ชญภพ ที่ วันเสาร์ที่ 02 มิถุนายน 2012 เวลา 21:28:33 เอารถไปซ่อมครับ กะจะเปลี่ยนวาล์วน้ำ แต่อู่บอกรถโดนถอดวาล์วน้ำไปแล้ว ไม่รู้ว่าเราควรใส่คืนเข้าไปหรือไม่ เห็นบางท่านบอกว่าพอไม่มีวาล์วน้ำ อุณภูมิเครื่องตอนแรกจะเย็นเกินไปและกินน้ำมัน แต่ถ้าใส่แล้วและมันเสียที่หลัง เครื่องก็จะ overheat ได้ เพื่อนๆมีความเห็นอย่างไรครับ
หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: ชญภพ ที่ วันเสาร์ที่ 02 มิถุนายน 2012 เวลา 21:58:22 ปกติตอนวิ่งเรื่อยๆอุณภูมิก็อยู่ราวๆ 70 นิดๆ ไม่ทราบเย็นไปหรือไม่ ซึ่งอุณภูมิขนาดนี้วาวล์วน้ำปกติจะยังปิดอยู่ใช่ไหมครับ(หากมีวาล์วน้ำ)
หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: supreme ที่ วันเสาร์ที่ 02 มิถุนายน 2012 เวลา 22:43:25 จากความรู้สึกส่วนตัว ถ้าอณุหภูมิรถซัก 80 รถจะวิ่งลื่นดีขึ้น และจากกระทู้ไหนจำไม่ได้ รถที่ไม่มีวาล์วน้ำจะสึกหรอมากกว่าปกติ ส่วนรถที่ขับจนวาล์วน้ำเสียก็น่าจะมาจากเจ้าของรถเอง ที่ไม่ให้ความสำคัญกับอายุของวาล์วน้ำ แต่มันก็เป็นธรรมชาติของคนแหละ เพราะวาล์วน้ำมันอายุเป็นหลายหมื่นโล ก็เลยใช้จนลืม
ราคาวาล์วน้ำผมว่า ก็ไม่ได้แพงจนเกินไป 4-6 ปีผมก็เปลี่ยนครั้ง เปลี่ยนเองก็ได้ รถคันนึงใช้ 10 กว่าปี ก็เปลี่ยนแค่ 2-3 ครั้งเอง ก็คิดว่าซื้อความสบายใจครับ หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: ชญภพ ที่ วันเสาร์ที่ 02 มิถุนายน 2012 เวลา 22:53:25 จากความรู้สึกส่วนตัว ถ้าอณุหภูมิรถซัก 80 รถจะวิ่งลื่นดีขึ้น และจากกระทู้ไหนจำไม่ได้ รถที่ไม่มีวาล์วน้ำจะสึกหรอมากกว่าปกติ ส่วนรถที่ขับจนวาล์วน้ำเสียก็น่าจะมาจากเจ้าของรถเอง ที่ไม่ให้ความสำคัญกับอายุของวาล์วน้ำ แต่มันก็เป็นธรรมชาติของคนแหละ เพราะวาล์วน้ำมันอายุเป็นหลายหมื่นโล ก็เลยใช้จนลืม ถ้าเปลี่ยนเอง แล้วการ seal จะทำอย่างไรครับราคาวาล์วน้ำผมว่า ก็ไม่ได้แพงจนเกินไป 4-6 ปีผมก็เปลี่ยนครั้ง เปลี่ยนเองก็ได้ รถคันนึงใช้ 10 กว่าปี ก็เปลี่ยนแค่ 2-3 ครั้งเอง ก็คิดว่าซื้อความสบายใจครับ หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: PLW ที่ วันเสาร์ที่ 02 มิถุนายน 2012 เวลา 22:59:46 เคยมีคนเก่งๆเค้าบอกว่าต้องมีวาวล์น้ำครับ เพราะเครื่องยนต์จะทำงานเต็มประสิทธิ์ภาพตอนเครื่องยนต์ร้อนครับ
และที่ต้องเปิดฝากระโปรงเพื่อระบายให้เครื่องเย็นตอนจอดพักกินกาแฟตามปั้มน้ำมันก็ไม่จำเป็นครับ หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: Maxz-EBC Brakes ที่ วันอาทิตย์ที่ 03 มิถุนายน 2012 เวลา 08:04:39 ถ้าใช้แก๊สด้วยนี่ กว่าจะวิ่งได้แบบไม่สะดุดหลังสตาร์ท คงนานน่าดู
หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: ชญภพ ที่ วันอาทิตย์ที่ 03 มิถุนายน 2012 เวลา 08:52:12 ถ้าใช้แก๊สด้วยนี่ กว่าจะวิ่งได้แบบไม่สะดุดหลังสตาร์ท คงนานน่าดู นี่คือรถที่ไม่มีวาล์วน้ำใช่ไหมครับ ตอนนี้ใช้ lpg วิ่งปกติดีครับไม่สะดุด แต่ผมอุ่นเครื่องก่อนประมาณ 5 นาทีก่อนวิ่งหัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: AB NORMAL ที่ วันอาทิตย์ที่ 03 มิถุนายน 2012 เวลา 08:57:55 จากความรู้สึกส่วนตัว ถ้าอณุหภูมิรถซัก 80 รถจะวิ่งลื่นดีขึ้น และจากกระทู้ไหนจำไม่ได้ รถที่ไม่มีวาล์วน้ำจะสึกหรอมากกว่าปกติ ส่วนรถที่ขับจนวาล์วน้ำเสียก็น่าจะมาจากเจ้าของรถเอง ที่ไม่ให้ความสำคัญกับอายุของวาล์วน้ำ แต่มันก็เป็นธรรมชาติของคนแหละ เพราะวาล์วน้ำมันอายุเป็นหลายหมื่นโล ก็เลยใช้จนลืม ถ้าเปลี่ยนเอง แล้วการ seal จะทำอย่างไรครับราคาวาล์วน้ำผมว่า ก็ไม่ได้แพงจนเกินไป 4-6 ปีผมก็เปลี่ยนครั้ง เปลี่ยนเองก็ได้ รถคันนึงใช้ 10 กว่าปี ก็เปลี่ยนแค่ 2-3 ครั้งเอง ก็คิดว่าซื้อความสบายใจครับ หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: AB NORMAL ที่ วันอาทิตย์ที่ 03 มิถุนายน 2012 เวลา 08:59:02 จากความรู้สึกส่วนตัว ถ้าอณุหภูมิรถซัก 80 รถจะวิ่งลื่นดีขึ้น และจากกระทู้ไหนจำไม่ได้ รถที่ไม่มีวาล์วน้ำจะสึกหรอมากกว่าปกติ ส่วนรถที่ขับจนวาล์วน้ำเสียก็น่าจะมาจากเจ้าของรถเอง ที่ไม่ให้ความสำคัญกับอายุของวาล์วน้ำ แต่มันก็เป็นธรรมชาติของคนแหละ เพราะวาล์วน้ำมันอายุเป็นหลายหมื่นโล ก็เลยใช้จนลืม ถ้าเปลี่ยนเอง แล้วการ seal จะทำอย่างไรครับราคาวาล์วน้ำผมว่า ก็ไม่ได้แพงจนเกินไป 4-6 ปีผมก็เปลี่ยนครั้ง เปลี่ยนเองก็ได้ รถคันนึงใช้ 10 กว่าปี ก็เปลี่ยนแค่ 2-3 ครั้งเอง ก็คิดว่าซื้อความสบายใจครับ หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: suthsarn ที่ วันอาทิตย์ที่ 03 มิถุนายน 2012 เวลา 16:47:26 ช่างที่ถอดวาล์วน้ำออก เป็นช่างที่ไม่มีความรู้เลย เครื่องเย็นเกินไปเป็นผลเสียครับ บางคันเครื่องสั่นตอนเจอฝนตก ผมนั่งไปกับเพื่อน ซึ่งใช้เครื่องเหมือนกันกับรถผม พอเห็นสั่นตอนฝนตกผมบอกเลยว่า ไม่มีวาล์วน้ำ หรือไม่ก็เสียค้างอยู่ เพื่อนพาไปเข้าอู่เดี๋ยวนั้นเลย เป็นจริงตามผมพูด คือเสียค้างอยู่ อ้าค้างอยู่ ระหว่างทางผมอธิบายให้เพื่อนฟังเรื่องวาล์วน้ำประมาณครึ่งชั่วโมง
ช่างซ่อมรถได้ แต่ขาดความรู้พื้นฐานครับ หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: suthsarn ที่ วันอาทิตย์ที่ 03 มิถุนายน 2012 เวลา 16:52:46 ช่างที่ถอดวาล์วน้ำออก เป็นช่างที่ไม่มีความรู้เลย เครื่องเย็นเกินไปเป็นผลเสียครับ บางคันเครื่องสั่นตอนเจอฝนตก ผมนั่งไปกับเพื่อน ซึ่งใช้เครื่องเหมือนกันกับรถผม พอเห็นสั่นตอนฝนตกผมบอกเลยว่า ไม่มีวาล์วน้ำ หรือไม่ก็เสียค้างอยู่ เพื่อนพาไปเข้าอู่เดี๋ยวนั้นเลย เป็นจริงตามผมพูด คือเสียค้างอยู่ อ้าค้างอยู่ ระหว่างทางผมอธิบายให้เพื่อนฟังเรื่องวาล์วน้ำประมาณครึ่งชั่วโมง
ช่างซ่อมรถได้ แต่ขาดความรู้พื้นฐานครับ หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: ชญภพ ที่ วันอาทิตย์ที่ 03 มิถุนายน 2012 เวลา 16:54:22 เห็นประเด็นแล้วครับ งั้นผมคงต้องใส่แล้วครับ ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: Visan_406 ที่ วันจันทร์ที่ 04 มิถุนายน 2012 เวลา 00:52:03 ขอความรู้ว่าพูดถึง405 หรือ 406ครับ
หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: 8ช-xxxx ที่ วันจันทร์ที่ 04 มิถุนายน 2012 เวลา 07:31:53 ช่างที่ถอดวาล์วน้ำออก เป็นช่างที่ไม่มีความรู้เลย เครื่องเย็นเกินไปเป็นผลเสียครับ บางคันเครื่องสั่นตอนเจอฝนตก ผมนั่งไปกับเพื่อน ซึ่งใช้เครื่องเหมือนกันกับรถผม พอเห็นสั่นตอนฝนตกผมบอกเลยว่า ไม่มีวาล์วน้ำ หรือไม่ก็เสียค้างอยู่ เพื่อนพาไปเข้าอู่เดี๋ยวนั้นเลย เป็นจริงตามผมพูด คือเสียค้างอยู่ อ้าค้างอยู่ ระหว่างทางผมอธิบายให้เพื่อนฟังเรื่องวาล์วน้ำประมาณครึ่งชั่วโมง ช่างซ่อมรถได้ แต่ขาดความรู้พื้นฐานครับ เห็นด้วยครับ การที่คิดว่า ไม่มีวาล์วน้ำ และทำให้เครื่องเย็นขึ้น เป็นความคิดที่ผิดครับ ขออธิบายเพิ่มสักนิดล่ะกัน รถเครื่องหัวฉีด ถ้ารถท่านใดติดแก๊สระบบหัวฉีด ลองเปิดโปรแกรมจูนแก๊ส มันสามารถดูเวลาในการที่หัวฉีดน้ำมันจ่ายเชื้อเพลิง จะบอกเป็น ms แล้วให้ลองสังเกตุเวลาที่หัวฉีดจ่ายเชื้อเพลิง ตอนเครื่องเย็น กับ เครื่องร้อน ยกตัวอย่าง ตอนเครื่องเย็น จะจ่าย 5.xx ms ตอนเครื่องร้อน จะจ่าย 3.xx - 4.xx ms ส่วนรถคาร์บิว ก็จะใช้น้ำเข้าไปวนที่คาร์บิว เพื่อให้โช๊คทำงาน ( ถ้ายังไม่ตัดระบบนี้ไปซะก่อน ) นี้คือ ตัวอย่าง ที่ว่า เครื่องเย็นไปแล้วกินน้ำมัน ครับ ส่วนการดูแล วาล์วน้ำ ง่ายมาก ๆ สูตรผม เปลี่ยนทุกปี ไม่ต้องรอให้เสีย หรือ ออกอาการครับ เพราะ ราคาของใหม่ไม่แพง เทียบกับ ผลที่ตามมาถ้าวาล์วน้ำเสีย หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: ชญภพ ที่ วันจันทร์ที่ 04 มิถุนายน 2012 เวลา 07:41:27 ขอความรู้ว่าพูดถึง405 หรือ 406ครับ เป็น 405 GR ครับหัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: hang_405 ที่ วันจันทร์ที่ 04 มิถุนายน 2012 เวลา 10:32:19 มี ดีกว่า ไม่มีแน่นอนครับ เพราะในทุกเงื่อนไข เรื่องอุณหภูมิเครื่อง มีประเด็นเดียวที่เป็นข้อเสียคือเวลามันเปิดไม่สุด กับไม่เปิดนั่นหมายถึงว่ามันเสีย แต่เมื่อเทียบกับราคา ไม่เกินสองร้อยต่อตัว ผมว่าเปลี่ยนมัน ปีละตัว แบบคุณทอมว่าก็โค ตะ ระ คุมแล้วครับ
หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: suthsarn ที่ วันพุธที่ 06 มิถุนายน 2012 เวลา 09:15:19 ดีใจที่ไม่มีช่างหรือแฟน Peugeot คนไหนประท้วงผมที่ผมเขียนไว้วันก่อนว่าช่างที่ถอดวาล์วน้ำออกเป็นช่างที่ไม่มีความรู้ คือเขาต้องมีความรู้บ้างแหละครับ ไม่ใช่จะไม่มีเสียเลย ไม่งั้นจะเปิดอู่หรือเป็นช่างซ่อมรถเอาเงินพวกเราได้อย่างไร แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความรู้พื้นฐานครับ อันนี้สำคัญ ไม่ใช่คิดง่ายเพียงว่า วาล์วน้ำมันขวางทางน้ำอยู่ทำให้เครื่องร้อน เอาออกเสียเลย บางคนชี้ให้ผมดูว่าเขาถอดวาล์วน้ำรถหลายรุ่นแขวนไว้เป็นพวงเลย พูดด้วยความภูมิใจ ผิดถนัดครับ รถรุ่นใหม่เขาติดสติ๊กเกอร์ไว้ตรงบริเวณนั้นเลยว่าห้ามถอดวาล์วน้ำออกเด็ดขาด คงเคยเห็นนะครับ วาล์วน้ำทำงานตั้งแต่ติดเครื่องครับ คือปิดไว้ก่อนเพื่อให้น้ำไหลวนรอบเสื้อสูบจนค่อย ๆ อุ่นขึ้น และร้อนจนสารที่อยู่ในวาล์วขยายตัว ดันให้วาล์วอ้าออกมาเปิดเป็นช่องให้น้ำไหลวนไปที่หม้อน้ำ พัดลมเป่าความร้อนออกไป ควบคุมให้ระดับความร้อนพอเหมาะ ที่ต้องให้ไหลวนรอบเสื้อสูบก่อนก็เพื่อให้เครื่องร้อนขึ้นถึงอุณหภูมิทำงาน คือเริ่มประมาณ 70 องศาขึ้นไป ของเปอร์โยฌ์ อยู่ที่ประมาณ 90 องศากว่า ๆ ขึ้นลงอยู่แถว ๆ นั้น ถ้าเครื่องเย็นแล้วให้เขาทำงานคือขับออกไปเลย เหล็กจะเสียดสีกัน คือเสื้อสูบกับลูกสูบ แหว
หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: suthsarn ที่ วันพุธที่ 06 มิถุนายน 2012 เวลา 09:30:31 (ต่อ) แหวน จะสึกหรอเร็วเกินไป เครื่องหลวมเร็ว ใคร ๆ ว่า Peugeot เครื่องร้อน และมีปัญหาเรื่องเครื่องร้อนเสมอ ไม่จริงครับ ความร้อนในเครื่องขึ้นถึง 100 หรือเกินกว่า น้ำยังไม่เดือดเลยครับ เพราะเขาอยู่ในสถานที่ควบคุมความดัน คือมีหม้อน้ำ และฝาหม้อน้ำคุมความดัน ไม่เหมือนต้มน้ำในกาเพื่อชงกาแฟ มันเดือดที่อุณหภูมิ 100 พอดี รถยนต์ไม่ว่า Peugeot หรือยี่ห้อใดก็ตาม มีพัดลมสองจังหวะคอยช่วยอยู่พอเครื่องเริ่มร้อนเกินไปก็จะขึ้นจังหวะสองรอบจัด พัดลมรถ Peugeotเสียงดังน่าฟังมาก เป่าให้น้ำเย็นลง รถผมไปติดอยู่ในถนนที่รถติดวินาศสันตะโร ก็ยังอยู่ร่วมสังฆกรรมกับเขาได้สบาย Peugeot รถผมไม่ต้องเรียกให้ใครเปิดบ้าน พอได้ยินเสียงพัดลมดังก็ออกมาเปิดประตูแล้วครับ 555
หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: jamesdrum ที่ วันพุธที่ 06 มิถุนายน 2012 เวลา 09:33:52 (ต่อ) แหวน จะสึกหรอเร็วเกินไป เครื่องหลวมเร็ว ใคร ๆ ว่า Peugeot เครื่องร้อน และมีปัญหาเรื่องเครื่องร้อนเสมอ ไม่จริงครับ ความร้อนในเครื่องขึ้นถึง 100 หรือเกินกว่า น้ำยังไม่เดือดเลยครับ เพราะเขาอยู่ในสถานที่ควบคุมความดัน คือมีหม้อน้ำ และฝาหม้อน้ำคุมความดัน ไม่เหมือนต้มน้ำในกาเพื่อชงกาแฟ มันเดือดที่อุณหภูมิ 100 พอดี รถยนต์ไม่ว่า Peugeot หรือยี่ห้อใดก็ตาม มีพัดลมสองจังหวะคอยช่วยอยู่พอเครื่องเริ่มร้อนเกินไปก็จะขึ้นจังหวะสองรอบจัด พัดลมรถ Peugeotเสียงดังน่าฟังมาก เป่าให้น้ำเย็นลง รถผมไปติดอยู่ในถนนที่รถติดวินาศสันตะโร ก็ยังอยู่ร่วมสังฆกรรมกับเขาได้สบาย Peugeot รถผมไม่ต้องเรียกให้ใครเปิดบ้าน พอได้ยินเสียงพัดลมดังก็ออกมาเปิดประตูแล้วครับ 555 [/b]...555555555555555 กด :like: :like: :like: :like:............ใช่เลย...!!! หมา แมวแถวบ้านผมสะดุ้งทุกครั้งที่แดงแก้วเข้าบ้าน...!!! หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: thamrong_ph ที่ วันพุธที่ 06 มิถุนายน 2012 เวลา 10:26:43 ของผมถ้าวันไหนกะว่าจะกลับบ้านดึก จะเอาคันอื่นไป เพราะเปอโยต์ 405 ทำให้คนทั้งบ้านตื่นหมด 555
หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: suthsarn ที่ วันพฤหัสบดีที่ 07 มิถุนายน 2012 เวลา 07:01:57 รถผม Peugeot 405 เอาพัดลม Citroen Xantia มาใส่ เป็นของใช้แล้ว สภาพพอใช้ได้ แต่เสียงของพี่เขา อย่างที่บอกแหละครับ เบ๊นซ์ยังหันมามอง เผอิญผมมีเพื่อนบ้านเป็นฝรั่งอเมริกันอยู่คนหนึ่ง แกได้ยินเสียงพัดลมผมเข้า บอกว่ารถคุณอาการหนักแล้ว ผมเถียงว่าไม่มีอะไรแค่พัดลมมันทำงานจังหวะสอง คือทำงานรอบจัด แกว่าถ้าคุณยังปล่อยต่อไปคุณคงต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่แน่ ๆ ว่าแล้วก็อาสาพาไปอู่ที่แกเคยซ่อมรถประจำ ชวนอยู่หลายคำว่าไป ไปกันเดี๋ยวนี้เลย ผมเกรงใจและเห็นแก่ไมตรีจิต ไม่อยากเถียงต่อไป เพราะพูดจนเมื่อยมือไปหมดแล้ว 55 ก็เลยยอมไปให้ช่างดู ซึ่งช่างเขาก็เข้าใจเรื่อง speed ของพัดลมเป็นอย่างดี แต่ก็ยอมรับว่าเสียงพี่เค้าดังน่าดูจริง ๆ ผมเองเจ้าของรถ ก็ยังไม่เคยเห็นรถยี่ห้อไหนเสียงพัดลมดังเท่านี้เลย เจ้าน้องเล็ก Peugeot 205 ก็เสียงเดียวกันเลย ถ้ามาจอดคู่กันรับรองว่าคนออกมาดูเกือบทั้งหมู่บ้านแน่ ๆ
หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: PLW ที่ วันพฤหัสบดีที่ 07 มิถุนายน 2012 เวลา 10:19:16 406 ของผมพัดลมมันก็ร้องดังอยู่นะ แต่หลังจากถอดพัดลมออกมาแล้วเอาน้ำยาล้างห้องน้ำฉีดที่รังผึ่ง(เป็นฟองฟอดเลย)แล้วล้างด้วยน้ำ พักหลังนี่พัดลมสปีดสองไม่มาให้รำคาญเลย แต่เอ๊ะหรือเป็นเพราะว่าผมปิดA/Cตอนเลี้ยวเข้าซอยก่อนจะถึงบ้านนะ
ขอโทษที่ไม่ได้คุยเรื่องวาล์วน้ำ อารมณ์พาไป 555 หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: RIGHT_____KMUTT ที่ วันพฤหัสบดีที่ 07 มิถุนายน 2012 เวลา 18:22:06 ขอเล่าเรื่องวาล์วน้ำที่ผมพอจะทราบมานะครับ
มันเริ่มตั้งแต่ที่ดีไซเนอร์ออกแบบเครื่องยนต์ พื้นฐานเครื่องยนต์สันดาปภายใน เวลาทำงานจะเกิดความร้อนที่จะทำให้ส่วนประกอบของเครื่องยนต์ขยายตัว เนื่องจากต้องการออกแบบให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีในทุกรอบเครื่อง นั่นคือต้องควบคุมการขยายตัวของโลหะ ให้มีระยะเคลียแรนซ์ที่เหมาะสม ไม่ชิดเกินไปซึ่งจะทำให้สึกหรอสูง และไม่ห่างเกินไปซึ่งจะทำให้สูญเสียประสิทธิภาพ ประกอบกับเมื่อค่าความแค้นความเครียดของโลหะก็ขึ้นอยู่กับอุณภูมิ ถ้าอุณภูมิร้อนมาก จะทำให้แตกหักได้ ดังนั้นจึงควบคุมให้อุณหภูมิใช้งานประมาณ 80-90 องศา โดยใช้วาล์วน้ำเป็นตัวกำหนด กรณีเครื่องเย็น ==> แหวนลูกสูบ+ลูกสูบขยายตัวน้อย มีช่องว่างระหว่างแหวนและกระบอกสูบเยอะ กำลังอัดและไอดีจะรั่วออกสู่อ่างน้ำมันเครื่อง กรณีเครื่องร้อนมากเกินไป ==> แหวนและลูกสูบขยายตัวมาก ทำให้เสียดสีกับกระบอกสูบมาก เกิดการสึกหรอสูง หรือกระทั่งเกิดการแตกหักของแหวน+ลูกสูบ นี่คือเหตุผลของการที่ต้องมีวาล์วน้ำ และทำไมต้องให้ทำงานตอนเครื่องร้อน ส่วนการถอดวาล์วน้ำของช่าง อาจมาจากการเสื่อมประสิทธิภาพของระบบหล่อเย็น ทำให้ตัดสินใจถอดวาล์วน้ำออก ซึ่งควรจะแก้ที่ต้นเหตุ เช่นล้าง+ทะลวงตะกรันหม้อน้ำ ตรวจสอบพัดลม ตรวจสอบวาล์วน้ำ ตรวจสอบฝาปิดหม้อน้ำ เป็นต้น หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: ant123 ที่ วันศุกร์ที่ 08 มิถุนายน 2012 เวลา 10:02:56 มันต้องมีวาล์วน้ำครับ มันอยู่ในระบบของรถ เเต่ที่สงสัยอยู่ทุกวันนี้ ที่เขียนไว้ว่า (รับซ่อมช่วงล่าง รถยนตร์ทุกชนิด ) ไม่รู้ไปเรียนที่ไหนกัน ซ่อมได้นี่ยังไม่ค่อยเเน่ใจ ซ่อมดีหรือไม่ ก็ยังน่าสงสัย ผมว่าเฉพาะ เปอร์โยต์ 405 นี่ก็เหนื่อยเเล้ว 406 ยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่ ยังมี 407 มาอีก ผมไม่ได้เหมารวมไปทั้งหมด ว่าช่างไม่รู้ เพียงเเต่สงสัยว่าที่รู้น่ะ รู้จริงๆ หรือจำๆกันมา ขออนุญาตเเชร์ความเห็นครับ
หัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: ชญภพ ที่ วันศุกร์ที่ 08 มิถุนายน 2012 เวลา 11:17:43 มันต้องมีวาล์วน้ำครับ มันอยู่ในระบบของรถ เเต่ที่สงสัยอยู่ทุกวันนี้ ที่เขียนไว้ว่า (รับซ่อมช่วงล่าง รถยนตร์ทุกชนิด ) ไม่รู้ไปเรียนที่ไหนกัน ซ่อมได้นี่ยังไม่ค่อยเเน่ใจ ซ่อมดีหรือไม่ ก็ยังน่าสงสัย ผมว่าเฉพาะ เปอร์โยต์ 405 นี่ก็เหนื่อยเเล้ว 406 ยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่ ยังมี 407 มาอีก ผมไม่ได้เหมารวมไปทั้งหมด ว่าช่างไม่รู้ เพียงเเต่สงสัยว่าที่รู้น่ะ รู้จริงๆ หรือจำๆกันมา ขออนุญาตเเชร์ความเห็นครับ ผมว่าเขาคงหมายถึง 1.รถทุกยี่ห้อ เอาเข้ามาดูก่อน ซ่อมได้ก็ซ่อมให้ 2.ช่วงล่างส่วนใหญ่มันมีระบบมาตรฐานของมัน อาจจะำพอดูกันได้ แต่ความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในทุกระบบคือประเด็นปัญหาครับหัวข้อ: Re: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่ เริ่มหัวข้อโดย: suthsarn ที่ วันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน 2012 เวลา 10:21:47 วาวล์วน้ำ ยิ่งกว่าควรมี มันจำเป็นต้องมีเลยทีเดียว คุณ RIGHT_____KMUTT เขียนบนพื้นฐานหลักวิชาการ น่าเชื่อถือ ส่วนผมเขียนตามหลักวิชาเกิน หรือครูพักลักจำ คือรู้ไม่ลึกซึ้งเท่าไร แต่รู้ถูกทาง คุณ PLW ใช้วิธีปิดแอร์ ก็ดีนะครับ ผู้รู้ท่านว่าปิด คอมเพรสเซอร์แล้วให้พัดลมเป่าไอเย็นออกมาทำให้คอยเย็นแห้ง ยืดอายุคอยเย็นได้ ไม่ทราบว่าจริงหรือเปล่า ผมไม่ใช่ผู้รู้ เป็นแค่ผู้อยากรู้
|