ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2025 เวลา 17:27:55

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  มีปัญหา /สอบถาม /ให้คำแนะนำ รถยนต์ peugeot แต่ละรุ่น
| |-+  40X
| | |-+  ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ควรมีวาล์วน้ำหรือไม่  (อ่าน 5012 ครั้ง)
ชญภพ
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 459


« เมื่อ: วันเสาร์ที่ 02 มิถุนายน 2012 เวลา 21:28:33 »


เอารถไปซ่อมครับ กะจะเปลี่ยนวาล์วน้ำ แต่อู่บอกรถโดนถอดวาล์วน้ำไปแล้ว ไม่รู้ว่าเราควรใส่คืนเข้าไปหรือไม่ เห็นบางท่านบอกว่าพอไม่มีวาล์วน้ำ อุณภูมิเครื่องตอนแรกจะเย็นเกินไปและกินน้ำมัน แต่ถ้าใส่แล้วและมันเสียที่หลัง เครื่องก็จะ overheat ได้ เพื่อนๆมีความเห็นอย่างไรครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
ชญภพ
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 459


« ตอบ #1 เมื่อ: วันเสาร์ที่ 02 มิถุนายน 2012 เวลา 21:58:22 »


ปกติตอนวิ่งเรื่อยๆอุณภูมิก็อยู่ราวๆ 70 นิดๆ ไม่ทราบเย็นไปหรือไม่ ซึ่งอุณภูมิขนาดนี้วาวล์วน้ำปกติจะยังปิดอยู่ใช่ไหมครับ(หากมีวาล์วน้ำ)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
supreme
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 839



« ตอบ #2 เมื่อ: วันเสาร์ที่ 02 มิถุนายน 2012 เวลา 22:43:25 »


จากความรู้สึกส่วนตัว ถ้าอณุหภูมิรถซัก 80 รถจะวิ่งลื่นดีขึ้น  และจากกระทู้ไหนจำไม่ได้ รถที่ไม่มีวาล์วน้ำจะสึกหรอมากกว่าปกติ  ส่วนรถที่ขับจนวาล์วน้ำเสียก็น่าจะมาจากเจ้าของรถเอง  ที่ไม่ให้ความสำคัญกับอายุของวาล์วน้ำ แต่มันก็เป็นธรรมชาติของคนแหละ เพราะวาล์วน้ำมันอายุเป็นหลายหมื่นโล  ก็เลยใช้จนลืม 

ราคาวาล์วน้ำผมว่า ก็ไม่ได้แพงจนเกินไป   4-6 ปีผมก็เปลี่ยนครั้ง  เปลี่ยนเองก็ได้  รถคันนึงใช้ 10 กว่าปี ก็เปลี่ยนแค่ 2-3 ครั้งเอง ก็คิดว่าซื้อความสบายใจครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

รู้จักหา รู้จักเก็บ รู้จักใช้ รู้จักพอ รู้จักให้ รู้จักวาง
ชญภพ
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 459


« ตอบ #3 เมื่อ: วันเสาร์ที่ 02 มิถุนายน 2012 เวลา 22:53:25 »


จากความรู้สึกส่วนตัว ถ้าอณุหภูมิรถซัก 80 รถจะวิ่งลื่นดีขึ้น  และจากกระทู้ไหนจำไม่ได้ รถที่ไม่มีวาล์วน้ำจะสึกหรอมากกว่าปกติ  ส่วนรถที่ขับจนวาล์วน้ำเสียก็น่าจะมาจากเจ้าของรถเอง  ที่ไม่ให้ความสำคัญกับอายุของวาล์วน้ำ แต่มันก็เป็นธรรมชาติของคนแหละ เพราะวาล์วน้ำมันอายุเป็นหลายหมื่นโล  ก็เลยใช้จนลืม 

ราคาวาล์วน้ำผมว่า ก็ไม่ได้แพงจนเกินไป   4-6 ปีผมก็เปลี่ยนครั้ง  เปลี่ยนเองก็ได้  รถคันนึงใช้ 10 กว่าปี ก็เปลี่ยนแค่ 2-3 ครั้งเอง ก็คิดว่าซื้อความสบายใจครับ
ถ้าเปลี่ยนเอง แล้วการ seal จะทำอย่างไรครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
PLW
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 60


« ตอบ #4 เมื่อ: วันเสาร์ที่ 02 มิถุนายน 2012 เวลา 22:59:46 »


เคยมีคนเก่งๆเค้าบอกว่าต้องมีวาวล์น้ำครับ เพราะเครื่องยนต์จะทำงานเต็มประสิทธิ์ภาพตอนเครื่องยนต์ร้อนครับ
และที่ต้องเปิดฝากระโปรงเพื่อระบายให้เครื่องเย็นตอนจอดพักกินกาแฟตามปั้มน้ำมันก็ไม่จำเป็นครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Maxz-EBC Brakes
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,720



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 03 มิถุนายน 2012 เวลา 08:04:39 »


ถ้าใช้แก๊สด้วยนี่ กว่าจะวิ่งได้แบบไม่สะดุดหลังสตาร์ท คงนานน่าดู
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ตัวแทนจำหน่าย
ผ้าเบรค จานเบรค EBC จากอังกฤษ
กรอง K&N แท้
ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น Amsoil / Liqui Moly
กรองน้ำมันเครื่อง WIX
ติดต่อ Max (Authorised Dealer)
อื่นๆ -> Moty's Oil / Brembo OEM



Facebook : EBC Brakes Authorised Dealer-Nonthaburi หรือ พิมพ์ว่า @MaxEBCBRAKES ครับ

รายละเอียด จิ้มตรงนี้ ->>> http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php/topic,36
ชญภพ
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 459


« ตอบ #6 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 03 มิถุนายน 2012 เวลา 08:52:12 »


ถ้าใช้แก๊สด้วยนี่ กว่าจะวิ่งได้แบบไม่สะดุดหลังสตาร์ท คงนานน่าดู
นี่คือรถที่ไม่มีวาล์วน้ำใช่ไหมครับ ตอนนี้ใช้ lpg วิ่งปกติดีครับไม่สะดุด แต่ผมอุ่นเครื่องก่อนประมาณ 5 นาทีก่อนวิ่ง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
AB NORMAL
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,299


« ตอบ #7 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 03 มิถุนายน 2012 เวลา 08:57:55 »


จากความรู้สึกส่วนตัว ถ้าอณุหภูมิรถซัก 80 รถจะวิ่งลื่นดีขึ้น  และจากกระทู้ไหนจำไม่ได้ รถที่ไม่มีวาล์วน้ำจะสึกหรอมากกว่าปกติ  ส่วนรถที่ขับจนวาล์วน้ำเสียก็น่าจะมาจากเจ้าของรถเอง  ที่ไม่ให้ความสำคัญกับอายุของวาล์วน้ำ แต่มันก็เป็นธรรมชาติของคนแหละ เพราะวาล์วน้ำมันอายุเป็นหลายหมื่นโล  ก็เลยใช้จนลืม 

ราคาวาล์วน้ำผมว่า ก็ไม่ได้แพงจนเกินไป   4-6 ปีผมก็เปลี่ยนครั้ง  เปลี่ยนเองก็ได้  รถคันนึงใช้ 10 กว่าปี ก็เปลี่ยนแค่ 2-3 ครั้งเอง ก็คิดว่าซื้อความสบายใจครับ
ถ้าเปลี่ยนเอง แล้วการ seal จะทำอย่างไรครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
AB NORMAL
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,299


« ตอบ #8 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 03 มิถุนายน 2012 เวลา 08:59:02 »


จากความรู้สึกส่วนตัว ถ้าอณุหภูมิรถซัก 80 รถจะวิ่งลื่นดีขึ้น  และจากกระทู้ไหนจำไม่ได้ รถที่ไม่มีวาล์วน้ำจะสึกหรอมากกว่าปกติ  ส่วนรถที่ขับจนวาล์วน้ำเสียก็น่าจะมาจากเจ้าของรถเอง  ที่ไม่ให้ความสำคัญกับอายุของวาล์วน้ำ แต่มันก็เป็นธรรมชาติของคนแหละ เพราะวาล์วน้ำมันอายุเป็นหลายหมื่นโล  ก็เลยใช้จนลืม 

ราคาวาล์วน้ำผมว่า ก็ไม่ได้แพงจนเกินไป   4-6 ปีผมก็เปลี่ยนครั้ง  เปลี่ยนเองก็ได้  รถคันนึงใช้ 10 กว่าปี ก็เปลี่ยนแค่ 2-3 ครั้งเอง ก็คิดว่าซื้อความสบายใจครับ
ถ้าเปลี่ยนเอง แล้วการ seal จะทำอย่างไรครับ

ก็ซื้อกาวทาปะเก็นมาทาครับ หลอดละไม่กี่บาทหลอดใหญ่ก็ประมาณ 100 ครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
suthsarn
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 413


« ตอบ #9 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 03 มิถุนายน 2012 เวลา 16:47:26 »


ช่างที่ถอดวาล์วน้ำออก เป็นช่างที่ไม่มีความรู้เลย เครื่องเย็นเกินไปเป็นผลเสียครับ บางคันเครื่องสั่นตอนเจอฝนตก ผมนั่งไปกับเพื่อน ซึ่งใช้เครื่องเหมือนกันกับรถผม  พอเห็นสั่นตอนฝนตกผมบอกเลยว่า ไม่มีวาล์วน้ำ หรือไม่ก็เสียค้างอยู่  เพื่อนพาไปเข้าอู่เดี๋ยวนั้นเลย เป็นจริงตามผมพูด คือเสียค้างอยู่ อ้าค้างอยู่ ระหว่างทางผมอธิบายให้เพื่อนฟังเรื่องวาล์วน้ำประมาณครึ่งชั่วโมง
ช่างซ่อมรถได้ แต่ขาดความรู้พื้นฐานครับ 
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
suthsarn
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 413


« ตอบ #10 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 03 มิถุนายน 2012 เวลา 16:52:46 »


ช่างที่ถอดวาล์วน้ำออก เป็นช่างที่ไม่มีความรู้เลย เครื่องเย็นเกินไปเป็นผลเสียครับ บางคันเครื่องสั่นตอนเจอฝนตก ผมนั่งไปกับเพื่อน ซึ่งใช้เครื่องเหมือนกันกับรถผม  พอเห็นสั่นตอนฝนตกผมบอกเลยว่า ไม่มีวาล์วน้ำ หรือไม่ก็เสียค้างอยู่  เพื่อนพาไปเข้าอู่เดี๋ยวนั้นเลย เป็นจริงตามผมพูด คือเสียค้างอยู่ อ้าค้างอยู่ ระหว่างทางผมอธิบายให้เพื่อนฟังเรื่องวาล์วน้ำประมาณครึ่งชั่วโมง
ช่างซ่อมรถได้ แต่ขาดความรู้พื้นฐานครับ 
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
ชญภพ
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 459


« ตอบ #11 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 03 มิถุนายน 2012 เวลา 16:54:22 »


เห็นประเด็นแล้วครับ งั้นผมคงต้องใส่แล้วครับ ขอบคุณครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Visan_406
สิงห์มัธยม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 171



« ตอบ #12 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 04 มิถุนายน 2012 เวลา 00:52:03 »


ขอความรู้ว่าพูดถึง405 หรือ 406ครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

รับทำ ประกันภัยรถยนต์ มีทุกบริษัทครับ บริการงานทะเบียน รับปรึกษาและแก้ปัญหาทางทะเบียน ฟรี !!!!
ติดต่อ 081-1045993 * วิสาร ไชยสังข์ *
ศูนย์รวมประกันภัยครบวงจร สาขาตลาดไท 99/21 ถนนสีขาว
ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
e-mail : [email protected]
8ช-xxxx
สิงห์มัธยม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 115


« ตอบ #13 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 04 มิถุนายน 2012 เวลา 07:31:53 »


ช่างที่ถอดวาล์วน้ำออก เป็นช่างที่ไม่มีความรู้เลย เครื่องเย็นเกินไปเป็นผลเสียครับ บางคันเครื่องสั่นตอนเจอฝนตก ผมนั่งไปกับเพื่อน ซึ่งใช้เครื่องเหมือนกันกับรถผม  พอเห็นสั่นตอนฝนตกผมบอกเลยว่า ไม่มีวาล์วน้ำ หรือไม่ก็เสียค้างอยู่  เพื่อนพาไปเข้าอู่เดี๋ยวนั้นเลย เป็นจริงตามผมพูด คือเสียค้างอยู่ อ้าค้างอยู่ ระหว่างทางผมอธิบายให้เพื่อนฟังเรื่องวาล์วน้ำประมาณครึ่งชั่วโมง
ช่างซ่อมรถได้ แต่ขาดความรู้พื้นฐานครับ 

เห็นด้วยครับ

การที่คิดว่า ไม่มีวาล์วน้ำ และทำให้เครื่องเย็นขึ้น เป็นความคิดที่ผิดครับ

ขออธิบายเพิ่มสักนิดล่ะกัน
รถเครื่องหัวฉีด
ถ้ารถท่านใดติดแก๊สระบบหัวฉีด ลองเปิดโปรแกรมจูนแก๊ส มันสามารถดูเวลาในการที่หัวฉีดน้ำมันจ่ายเชื้อเพลิง จะบอกเป็น ms
แล้วให้ลองสังเกตุเวลาที่หัวฉีดจ่ายเชื้อเพลิง  ตอนเครื่องเย็น กับ เครื่องร้อน
ยกตัวอย่าง ตอนเครื่องเย็น จะจ่าย 5.xx ms  ตอนเครื่องร้อน จะจ่าย 3.xx - 4.xx ms

ส่วนรถคาร์บิว
ก็จะใช้น้ำเข้าไปวนที่คาร์บิว เพื่อให้โช๊คทำงาน ( ถ้ายังไม่ตัดระบบนี้ไปซะก่อน )

นี้คือ ตัวอย่าง ที่ว่า เครื่องเย็นไปแล้วกินน้ำมัน ครับ

ส่วนการดูแล วาล์วน้ำ ง่ายมาก ๆ สูตรผม เปลี่ยนทุกปี ไม่ต้องรอให้เสีย หรือ ออกอาการครับ เพราะ ราคาของใหม่ไม่แพง เทียบกับ ผลที่ตามมาถ้าวาล์วน้ำเสีย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
ชญภพ
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 459


« ตอบ #14 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 04 มิถุนายน 2012 เวลา 07:41:27 »


ขอความรู้ว่าพูดถึง405 หรือ 406ครับ
เป็น 405 GR ครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
hang_405
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 708


« ตอบ #15 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 04 มิถุนายน 2012 เวลา 10:32:19 »


มี ดีกว่า ไม่มีแน่นอนครับ เพราะในทุกเงื่อนไข  เรื่องอุณหภูมิเครื่อง  มีประเด็นเดียวที่เป็นข้อเสียคือเวลามันเปิดไม่สุด กับไม่เปิดนั่นหมายถึงว่ามันเสีย  แต่เมื่อเทียบกับราคา ไม่เกินสองร้อยต่อตัว  ผมว่าเปลี่ยนมัน ปีละตัว แบบคุณทอมว่าก็โค ตะ ระ  คุมแล้วครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

suthsarn
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 413


« ตอบ #16 เมื่อ: วันพุธที่ 06 มิถุนายน 2012 เวลา 09:15:19 »


ดีใจที่ไม่มีช่างหรือแฟน Peugeot คนไหนประท้วงผมที่ผมเขียนไว้วันก่อนว่าช่างที่ถอดวาล์วน้ำออกเป็นช่างที่ไม่มีความรู้  คือเขาต้องมีความรู้บ้างแหละครับ ไม่ใช่จะไม่มีเสียเลย ไม่งั้นจะเปิดอู่หรือเป็นช่างซ่อมรถเอาเงินพวกเราได้อย่างไร แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ความรู้พื้นฐานครับ อันนี้สำคัญ ไม่ใช่คิดง่ายเพียงว่า วาล์วน้ำมันขวางทางน้ำอยู่ทำให้เครื่องร้อน เอาออกเสียเลย บางคนชี้ให้ผมดูว่าเขาถอดวาล์วน้ำรถหลายรุ่นแขวนไว้เป็นพวงเลย พูดด้วยความภูมิใจ ผิดถนัดครับ รถรุ่นใหม่เขาติดสติ๊กเกอร์ไว้ตรงบริเวณนั้นเลยว่าห้ามถอดวาล์วน้ำออกเด็ดขาด คงเคยเห็นนะครับ วาล์วน้ำทำงานตั้งแต่ติดเครื่องครับ คือปิดไว้ก่อนเพื่อให้น้ำไหลวนรอบเสื้อสูบจนค่อย ๆ อุ่นขึ้น และร้อนจนสารที่อยู่ในวาล์วขยายตัว ดันให้วาล์วอ้าออกมาเปิดเป็นช่องให้น้ำไหลวนไปที่หม้อน้ำ พัดลมเป่าความร้อนออกไป ควบคุมให้ระดับความร้อนพอเหมาะ  ที่ต้องให้ไหลวนรอบเสื้อสูบก่อนก็เพื่อให้เครื่องร้อนขึ้นถึงอุณหภูมิทำงาน คือเริ่มประมาณ 70 องศาขึ้นไป ของเปอร์โยฌ์ อยู่ที่ประมาณ 90 องศากว่า ๆ ขึ้นลงอยู่แถว ๆ นั้น ถ้าเครื่องเย็นแล้วให้เขาทำงานคือขับออกไปเลย เหล็กจะเสียดสีกัน คือเสื้อสูบกับลูกสูบ แหว
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
suthsarn
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 413


« ตอบ #17 เมื่อ: วันพุธที่ 06 มิถุนายน 2012 เวลา 09:30:31 »


(ต่อ) แหวน จะสึกหรอเร็วเกินไป เครื่องหลวมเร็ว ใคร ๆ ว่า Peugeot เครื่องร้อน และมีปัญหาเรื่องเครื่องร้อนเสมอ ไม่จริงครับ ความร้อนในเครื่องขึ้นถึง 100 หรือเกินกว่า น้ำยังไม่เดือดเลยครับ เพราะเขาอยู่ในสถานที่ควบคุมความดัน คือมีหม้อน้ำ และฝาหม้อน้ำคุมความดัน ไม่เหมือนต้มน้ำในกาเพื่อชงกาแฟ มันเดือดที่อุณหภูมิ 100 พอดี  รถยนต์ไม่ว่า Peugeot หรือยี่ห้อใดก็ตาม มีพัดลมสองจังหวะคอยช่วยอยู่พอเครื่องเริ่มร้อนเกินไปก็จะขึ้นจังหวะสองรอบจัด พัดลมรถ Peugeotเสียงดังน่าฟังมาก เป่าให้น้ำเย็นลง  รถผมไปติดอยู่ในถนนที่รถติดวินาศสันตะโร ก็ยังอยู่ร่วมสังฆกรรมกับเขาได้สบาย Peugeot รถผมไม่ต้องเรียกให้ใครเปิดบ้าน พอได้ยินเสียงพัดลมดังก็ออกมาเปิดประตูแล้วครับ 555
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
jamesdrum
Cowboy from Hell
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 5,802



« ตอบ #18 เมื่อ: วันพุธที่ 06 มิถุนายน 2012 เวลา 09:33:52 »


(ต่อ) แหวน จะสึกหรอเร็วเกินไป เครื่องหลวมเร็ว ใคร ๆ ว่า Peugeot เครื่องร้อน และมีปัญหาเรื่องเครื่องร้อนเสมอ ไม่จริงครับ ความร้อนในเครื่องขึ้นถึง 100 หรือเกินกว่า น้ำยังไม่เดือดเลยครับ เพราะเขาอยู่ในสถานที่ควบคุมความดัน คือมีหม้อน้ำ และฝาหม้อน้ำคุมความดัน ไม่เหมือนต้มน้ำในกาเพื่อชงกาแฟ มันเดือดที่อุณหภูมิ 100 พอดี  รถยนต์ไม่ว่า Peugeot หรือยี่ห้อใดก็ตาม มีพัดลมสองจังหวะคอยช่วยอยู่พอเครื่องเริ่มร้อนเกินไปก็จะขึ้นจังหวะสองรอบจัด พัดลมรถ Peugeotเสียงดังน่าฟังมาก เป่าให้น้ำเย็นลง  รถผมไปติดอยู่ในถนนที่รถติดวินาศสันตะโร ก็ยังอยู่ร่วมสังฆกรรมกับเขาได้สบาย Peugeot รถผมไม่ต้องเรียกให้ใครเปิดบ้าน พอได้ยินเสียงพัดลมดังก็ออกมาเปิดประตูแล้วครับ 555
[/b]

 ...555555555555555 กด  Like Like Like Like............ใช่เลย...!!! หมา แมวแถวบ้านผมสะดุ้งทุกครั้งที่แดงแก้วเข้าบ้าน...!!!
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

' ' ร ถ ส ว ย . . . ด้ ว ย มื อ เ ร า . . . ' '   ' ' เ เ ด ง เ เ ก้ ว . . . ศิ ล ป ะ ข อ ง ก า ร ใ ช้ ร ถ เ ก่ า . . . ! ! !' '
thamrong_ph
สิงห์มัธยม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 164



« ตอบ #19 เมื่อ: วันพุธที่ 06 มิถุนายน 2012 เวลา 10:26:43 »


ของผมถ้าวันไหนกะว่าจะกลับบ้านดึก จะเอาคันอื่นไป เพราะเปอโยต์ 405 ทำให้คนทั้งบ้านตื่นหมด 555
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
suthsarn
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 413


« ตอบ #20 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 07 มิถุนายน 2012 เวลา 07:01:57 »


รถผม Peugeot 405 เอาพัดลม Citroen Xantia มาใส่ เป็นของใช้แล้ว สภาพพอใช้ได้ แต่เสียงของพี่เขา อย่างที่บอกแหละครับ เบ๊นซ์ยังหันมามอง เผอิญผมมีเพื่อนบ้านเป็นฝรั่งอเมริกันอยู่คนหนึ่ง แกได้ยินเสียงพัดลมผมเข้า บอกว่ารถคุณอาการหนักแล้ว ผมเถียงว่าไม่มีอะไรแค่พัดลมมันทำงานจังหวะสอง คือทำงานรอบจัด แกว่าถ้าคุณยังปล่อยต่อไปคุณคงต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่แน่ ๆ ว่าแล้วก็อาสาพาไปอู่ที่แกเคยซ่อมรถประจำ ชวนอยู่หลายคำว่าไป ไปกันเดี๋ยวนี้เลย ผมเกรงใจและเห็นแก่ไมตรีจิต ไม่อยากเถียงต่อไป เพราะพูดจนเมื่อยมือไปหมดแล้ว 55 ก็เลยยอมไปให้ช่างดู ซึ่งช่างเขาก็เข้าใจเรื่อง speed ของพัดลมเป็นอย่างดี แต่ก็ยอมรับว่าเสียงพี่เค้าดังน่าดูจริง ๆ  ผมเองเจ้าของรถ ก็ยังไม่เคยเห็นรถยี่ห้อไหนเสียงพัดลมดังเท่านี้เลย  เจ้าน้องเล็ก Peugeot 205 ก็เสียงเดียวกันเลย ถ้ามาจอดคู่กันรับรองว่าคนออกมาดูเกือบทั้งหมู่บ้านแน่ ๆ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
PLW
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 60


« ตอบ #21 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 07 มิถุนายน 2012 เวลา 10:19:16 »


406 ของผมพัดลมมันก็ร้องดังอยู่นะ แต่หลังจากถอดพัดลมออกมาแล้วเอาน้ำยาล้างห้องน้ำฉีดที่รังผึ่ง(เป็นฟองฟอดเลย)แล้วล้างด้วยน้ำ พักหลังนี่พัดลมสปีดสองไม่มาให้รำคาญเลย แต่เอ๊ะหรือเป็นเพราะว่าผมปิดA/Cตอนเลี้ยวเข้าซอยก่อนจะถึงบ้านนะ

ขอโทษที่ไม่ได้คุยเรื่องวาล์วน้ำ อารมณ์พาไป 555

แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
RIGHT_____KMUTT
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 420



« ตอบ #22 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 07 มิถุนายน 2012 เวลา 18:22:06 »


ขอเล่าเรื่องวาล์วน้ำที่ผมพอจะทราบมานะครับ

มันเริ่มตั้งแต่ที่ดีไซเนอร์ออกแบบเครื่องยนต์   พื้นฐานเครื่องยนต์สันดาปภายใน เวลาทำงานจะเกิดความร้อนที่จะทำให้ส่วนประกอบของเครื่องยนต์ขยายตัว

เนื่องจากต้องการออกแบบให้เครื่องยนต์ทำงานได้ดีในทุกรอบเครื่อง  นั่นคือต้องควบคุมการขยายตัวของโลหะ ให้มีระยะเคลียแรนซ์ที่เหมาะสม ไม่ชิดเกินไปซึ่งจะทำให้สึกหรอสูง และไม่ห่างเกินไปซึ่งจะทำให้สูญเสียประสิทธิภาพ

ประกอบกับเมื่อค่าความแค้นความเครียดของโลหะก็ขึ้นอยู่กับอุณภูมิ  ถ้าอุณภูมิร้อนมาก  จะทำให้แตกหักได้

ดังนั้นจึงควบคุมให้อุณหภูมิใช้งานประมาณ 80-90 องศา โดยใช้วาล์วน้ำเป็นตัวกำหนด


กรณีเครื่องเย็น ==> แหวนลูกสูบ+ลูกสูบขยายตัวน้อย  มีช่องว่างระหว่างแหวนและกระบอกสูบเยอะ  กำลังอัดและไอดีจะรั่วออกสู่อ่างน้ำมันเครื่อง

กรณีเครื่องร้อนมากเกินไป ==> แหวนและลูกสูบขยายตัวมาก  ทำให้เสียดสีกับกระบอกสูบมาก เกิดการสึกหรอสูง  หรือกระทั่งเกิดการแตกหักของแหวน+ลูกสูบ


นี่คือเหตุผลของการที่ต้องมีวาล์วน้ำ  และทำไมต้องให้ทำงานตอนเครื่องร้อน

ส่วนการถอดวาล์วน้ำของช่าง  อาจมาจากการเสื่อมประสิทธิภาพของระบบหล่อเย็น  ทำให้ตัดสินใจถอดวาล์วน้ำออก   

ซึ่งควรจะแก้ที่ต้นเหตุ เช่นล้าง+ทะลวงตะกรันหม้อน้ำ  ตรวจสอบพัดลม  ตรวจสอบวาล์วน้ำ   
ตรวจสอบฝาปิดหม้อน้ำ  เป็นต้น
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
ant123
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 559


« ตอบ #23 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 08 มิถุนายน 2012 เวลา 10:02:56 »


มันต้องมีวาล์วน้ำครับ  มันอยู่ในระบบของรถ   เเต่ที่สงสัยอยู่ทุกวันนี้  ที่เขียนไว้ว่า (รับซ่อมช่วงล่าง รถยนตร์ทุกชนิด  ) ไม่รู้ไปเรียนที่ไหนกัน   ซ่อมได้นี่ยังไม่ค่อยเเน่ใจ ซ่อมดีหรือไม่ ก็ยังน่าสงสัย ผมว่าเฉพาะ เปอร์โยต์ 405 นี่ก็เหนื่อยเเล้ว 406 ยิ่งยุ่งเข้าไปใหญ่   ยังมี 407 มาอีก  ผมไม่ได้เหมารวมไปทั้งหมด ว่าช่างไม่รู้ เพียงเเต่สงสัยว่าที่รู้น่ะ รู้จริงๆ หรือจำๆกันมา ขออนุญาตเเชร์ความเห็นครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!