อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: โจ เทียนทะเล
วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 19:44:20
วันนี้ว่างๆก็เลยรื้อ GRI ดูแบบว่าอยากรู้...1. รีเลย์ปกติมันมีแค่นี้หรือ....แล้วข้างซ้ายกะข้างขวามันเหลือไว้ทำอะไร....
2. เปิดฝาหม้อน้ำเห็นมีคราบอะไรไม่รู้..ผิดปกติหรือป่าว..แล้วมันบอกอะไรเรา..แล้วต้องแก้ไขอย่างไง.....
ใครพอจะแนะนำอะไรได้บ้างครับ.......ช่วยที......................ขอบคุณล่วงหน้า
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: โจ เทียนทะเล
วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 19:45:23
.....
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: nun
วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 19:53:04
ใช้น้ำอะไรเติมครับ
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: Gunn
วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 19:56:31
.. คราบน้ำในหม้อน้ำแบบนี้ ของผมก้เคยเจอบ่อยๆครับคุณโจ เจอแล้วต้องหมั่นสังเกตว่าน้ำหายผิดปกติไหม ถ้าไม่มีอาการน้ำหายผิดปกติ ให้ทำการ ถ่ายน้ำบ่อยๆ ของผม ถ่าย 3-4 หนถึงหายสนิท หนหนึ่งก้ห่างกันประมาณ 3-4 อาทิตย์ ครับ
.. หรือถ้าไม่เคยแยงหม้อน้ำ หรือล้างหม้อน้ำใหญ่(ผมทำ ราคาอยู่ที่ 900-1200 คือถอดหม้อน้ำมาเป่าลมแยง ซ่อมจุดรั่วเล็กๆน้อยๆ) น่าจะหาโอกาสล้างบ้างครับ
.. อย่างที่คุณ nun ถามก็มีส่วนครับ น้ำหม้อน้ำหาน้ำกรองเติมได้จะช่วงลดตะกรั่นสิ่งสกปรกได้เยอะครับ รถผมก็ใช้นำ้กรองเติมตลอด.
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: โจ เทียนทะเล
วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 19:59:54
ใช้น้ำอะไรเติมครับ
น้ำกรองครับ....
.. คราบน้ำในหม้อน้ำแบบนี้ ของผมก้เคยเจอบ่อยๆครับคุณโจ เจอแล้วต้องหมั่นสังเกตว่าน้ำหายผิดปกติไหม ถ้าไม่มีอาการน้ำหายผิดปกติ ให้ทำการ ถ่ายน้ำบ่อยๆ ของผม ถ่าย 3-4 หนถึงหายสนิท หนหนึ่งก้ห่างกันประมาณ 3-4 อาทิตย์ ครับ
น้ำไม่หายครับ.......จำได้ว่าล้างหม้อน้ำครั้งสุดท้ายก็มกราคม ปี 54 ครับ....5555
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: nun
วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 20:09:33
ใช้น้ำอะไรเติมครับ
น้ำกรองครับ....
.. คราบน้ำในหม้อน้ำแบบนี้ ของผมก้เคยเจอบ่อยๆครับคุณโจ เจอแล้วต้องหมั่นสังเกตว่าน้ำหายผิดปกติไหม ถ้าไม่มีอาการน้ำหายผิดปกติ ให้ทำการ ถ่ายน้ำบ่อยๆ ของผม ถ่าย 3-4 หนถึงหายสนิท หนหนึ่งก้ห่างกันประมาณ 3-4 อาทิตย์ ครับ
น้ำไม่หายครับ.......จำได้ว่าล้างหม้อน้ำครั้งสุดท้ายก็มกราคม ปี 54 ครับ....5555
ผมใช้น้ำกลั่นเติมครับ และเว้นการเติมสารหล่อเย็น เมื่อก่อนผมใช้ แอคคอร์ด ก็เคยเป็นครับผมทำโดยการถอดวาล์วน้ำออก จากนั้นถอดท่อน้ำออกจากหม้อน้ำ (สายออกจากเครื่อง) สตาร์ทเครื่องเอาสายยางน้ำปาปาเติมเข้าไปในหม้อน้ำ เร่งเครื่องยนต์น้ำจะพุ่งออกจากเครื่อง ทำจนระบบภายในเครื่องสะอาด เมื่อภายในเครื่องสะอาดก็จัดการเอาวาล์วน้ำใส่กลับที่เดิม ที่ถอดวาลฺวน้ำออกตอนทำความสะอาดเนื่องจากน้ำเย็นวาล์วไม่เปิด เสร็จแล้วก็ถอดหม้อน้ำออกมาทำความสะอาดโดยการใส่น้ำในหม้อน้ำ 3 ใน 4 ส่วนของหม้อน้ำ จากนั้นโยกหม้อน้ำไปมาให้ตะกอนในหม้อน้ำแตกตัวหลุดออกมา (กรณีหม้อน้ำพลาสติกนะครับมันเปิดแยงไม่ได้ถ้าหม้อทองแดงทำก็ได้ครับประหยัดดี)
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: โจ เทียนทะเล
วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 20:16:33
ขอบคุณครับสงสัย 11-12 ต้องไปให้พวกมาเฟียชลบุรีกะมาเฟียบางแสนและมาเฟียโรงปูน...ล้างหม้อน้ำแถวอ่างศิลาให้เสียแล้ว...5555
แล้ว ข้อ 1. ครทราบช่วยบอกที.......อิๆๆ
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: worathep
วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 20:38:04
เป็นอาการเริ่มแรกของประเก็นฝาสูบเริ่มผุ-ขาด
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: nun
วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 20:38:23
ข้อ 1. คงต้องรอคนที่เคยใช้ GRI มาอธิบายละครับ
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: sathapron
วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 21:01:03
เป็นอาการเริ่มแรกของประเก็นฝาสูบเริ่มผุ-ขาด
เห็นด้วยครับ เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ใช้มาอีกระยะหนึ่งความร้อนขึ้นมาพอถอดฝาวาวล์ออกมา ด้านในกร่อน ประเก็นผุ น้ำเข้าฝาสูบ
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: sathapron
วันอาทิตย์ที่ 05 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 21:06:50
...1. รีเลย์ปกติมันมีแค่นี้หรือ....แล้วข้างซ้ายกะข้างขวามันเหลือไว้ทำอะไร....
รีเลย์บางตัวไม่ต้องใช้ครับ รีเลย์สีน้ำตาลตัวขวามือมีช่างบอกว่าเพิ่มแสงสว่างไฟหน้าไม่รู้จริงหรือเปล่า เพราะคัน SRI สีฟ้าผมใส่ไปก็ไม่เห็นมีผลอะไร ส่วนคันน้องแดงใส่ไปมีผลทันที่ พอเปิดยกไฟสูงขอทาง แล้วเอาลง ไฟสูงดันค้าง ต้องดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหม่ ผมต้องเอาออกให้เหมือนเดิมครับ
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: jiratt
วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 06:29:40
เป็นอาการเริ่มแรกของประเก็นฝาสูบเริ่มผุ-ขาด
* ไม่แน่ใจนะครับ ของผมเปลี่ยนเครื่องแบบ ชอร์ท เอนจิ้น หรืออะไรนี่แหละ เอาชุดบนของเครื่องเรามาใช้ต่อ(ชุดฝาสูบ) นอกนั้นเป็นของซื้อมาใหม่ (ต้องแจ้งเปลี่ยนเครื่องด้วย) เลยเปลี่ยนปะเก็น และให้ช่างบด-ตั้งวาว ให้ด้วย
**ใช้มาสัก3-4 เดือน ก็เห็นเป็นโคลน แบบรูปที่โพสท์เลย .....ล้างหม้อน้ำโดยสตาร์ทเครื่อง ปล่อยให้น้ำไหลออก-เติมน้ำเข้า เป็นชม.ละครับ พอเห็นว่าน้ำใสปิดระบบน้ำใส่น้ำยาล้างหม้อน้ำ ทำตามฉลากแนะนำ เสร็จแล้วถ่ายน้ำท้ิง (ทำแบบข้างต้น) อีกเกือบชม. จึงใส่น้ำยาหล่อเย็นไปครึ่งลิตร +น้ำฝน ........ใช้มาเกินครึ่งปี ยังไม่พบโคลนครับ
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: jod_ryhp
วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 09:06:31
ตอบพี่โจ :
เรื่อง รีเลย์ ของผมมันมีเพิ่มมาอีกตัว ด้านขวามือ รู้สึกจะเป็นรีเลย์ ไฟสปอร์ทไลท์
แต่ที่มี 2 ตัวคือรีเลย์ไฟสูงกับไฟต่ำ
รีเลยอย่างอื่น เช่นที่ปัดน้ำฝน - ไฟเลี้ยว มันจะอยู่ใต้คอพวงมาลัย อยู่ในซอกเล็กๆ นิดเดียว
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: โจ เทียนทะเล
วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 13:29:39
เป็นอาการเริ่มแรกของประเก็นฝาสูบเริ่มผุ-ขาด
เป็นอาการเริ่มแรกของประเก็นฝาสูบเริ่มผุ-ขาด
เห็นด้วยครับ เมื่อก่อนผมก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน ใช้มาอีกระยะหนึ่งความร้อนขึ้นมาพอถอดฝาวาวล์ออกมา ด้านในกร่อน ประเก็นผุ น้ำเข้าฝาสูบ
รบกวนทั้ง 2 ท่านช่วยแนะนำหน่อยครับว่าจะต้องทำอะไรบ้างจะได้บอกช่างได้ถูกและงบประมาณเท่าไหร่ครับ......ขอบคุณล่วงหน้า...อิๆๆ
ปล.วันนี้เริ่มมีอาการใหม่อีกแล้ว...เมื่อเช้าจะไปทำงานสตาร์ทติดยากต้องสคาร์ทถึง 3 ครั้ง ปกติทีเดียวติดเลย.....อันนี้ต้องตรวจสอบอะไรบ้างครับ...........
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: chatchai
วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 14:39:05
อาการของ ปะเก็นฝาสูบผุครับ จะทำให้มีคราบน้ำมันเครื่อง+เขม่าจากห้องเผาไหม้
เล็ดลอดเข้าไปในช่องทางของน้ำระบายความร้อนครับ
ถ้ายังไม่มีแรงดัน หรือฟองพรายน้ำมากนัก ก็ยังพอทนใช้ไปได้อีกสักระยะนึง
แต่ต้องคอยตรวจระดับน้ำบ่อยๆ และถ่ายน้ำทิ้งบ่อยๆด้วย ไม่เช่นนั้น คราบน้ำมัน ที่ผสมอยู่ในน้ำ
จะทำให้ผิวท่อยางน้ำเสีย ท่อน้ำจะบวม แตกได้ง่าย ประกอบกับมีแรงดันมากด้วย
ถ้าเห็นว่ามีแรงดันมากแล้ว ก็ไม่ต้องปิดฝาหม้อน้ำให้แน่น ปิดแค่ล็อคแรกก็พอ
ประทังวิ่งไปก่อน จนกว่าจะมีโอกาสได้ซ่อม
วิธีซ่อม ก็แค่เปิดฝาสูบ เปลี่ยนปะเก็น ตรวจสภาพฝาสูบด้วย ว่ามันกร่อนหรือยัง
ถ้าสภาพยังดี ก็ปิดกลับ ใช้งานต่อ หรืออยากจะบดวาล์วไปด้วยเลย ก็ดีครับ
แต่ถ้าฝาสูบมันกร่อน ก็ต้องส่งไปปาดให้เรียบซะก่อน
หรือจะถือโอกาสนี้ เปลี่ยนเครื่องให้มีกำลังมากขึ้น ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจครับ
การเปลี่ยนเครื่อง ก็ยังมีอ๊อพชั่นมากมาย เช่น ช้อตบล็อค แล้วเอาอุปกรณ์เดิม
หรือเอามาแบบครบทั้งตัว เกียร์เดิม หรือ คอมพลีทเซ็ทไปเลย แล้วแต่กำลังเลยครับ
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: โจ เทียนทะเล
วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 14:46:30
ขอบคุณมากครับเฮีย...แล้ว....บดวาล์ว...เนี่ยมันคืออะไรครับผมไม่รู้เรื่องเลยครับ...แล้ว...วิธีซ่อม ก็แค่เปิดฝาสูบ เปลี่ยนปะเก็น....งบประมาณเท่าไหร่ครับ..จะได้ขโมยเงินผบ.ไว้ล่วงหน้าครับ...อิๆๆ
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: RATCHAI
วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 14:51:16
ขอบคุณมากครับเฮีย...แล้ว....บดวาล์ว...เนี่ยมันคืออะไรครับผมไม่รู้เรื่องเลยครับ...แล้ว...วิธีซ่อม ก็แค่เปิดฝาสูบ เปลี่ยนปะเก็น....งบประมาณเท่าไหร่ครับ..จะได้ขโมยเงินผบ.ไว้ล่วงหน้าครับ...อิๆๆ
เบิกงบไว้รอเลย ห้าหมื่น
ถ้าเ้บิกไม่ได้ให้ถามเทคนิคจากเต้มหาชัย
หรือไม่ก็พี่เคนธีระดูด ครับ

Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: noom2503
วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 14:52:07
พี่ โจครับ บดวาล์ว ก้อคือ ทำให้วาล์ว กับฝาสูบ มันสนิทกัน เพราะใช้มานานแล้ว
มีอะไรต่ออะไรเปลื่อน และสึกกร่อน เป็นตามด มันจะรั่ว บดใหม่ให้มันสนิทกัน...
หากมันยุ่งยากมากนัก ก้อเปลี่ยนคันใหม่ รับรอง หายสนิท......
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: jn
วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 14:59:55
อย่าล้อเล่นกับมันอยู่น่ะรีบเลยครับ บางทีอาจจะเป็นแค่ประเก็น แต่ของผมกินทั้งประเก็นและฝาสูบต้องเปลี่ยนยกชุดครับ
Re: อยากทราบ..ใครก็ได้ช่วยที....GRI By: chatchai
วันจันทร์ที่ 06 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 15:00:41
คำว่า บดวาล์ว ก็หมายความถึง การทำให้หน้าวาล์ว เรียบสนิทกับบ่าวาล์ว ครับ
โดยการใช้ผงทราย ทาที่หน้าวาล์ว แล้วใส่ลงไปที่ตำแหน่งของมัน คือบ่าวาล์ว
แล้วก็ ตบ กด หมุน ทำให้หน้าสัมผัสทั้งสอง สึกเท่าๆกัน จะได้แนบสนิท ปิดกั้นแรงอัดได้ครับ
เลยเป็นที่มาของ อาการทำแบบนี้ว่า บดวาล์ว คล้ายๆกับการบดยาไงครับ
ส่วนเรื่อง งบประมาณในการซ่อม ถ้าแค่เปลี่ยนปะเก็นอย่างเดียว ไม่กี่ตังค์หรอกครับ
แต่มักจะมีรายการข้างเคียงเพิ่มตาม เช่น ไหนๆก็เปิดฝาแล้ว เปลี่ยนสายพานราวลิ้พร้อมลูกรอกไปด้วยเลย
พวกตาน้ำ ที่ฝาสูบด้วย สาบพานแอร์อีก ยางแท่นเรื่อง โอริงฝาครอบวาล์ว พวกเนี้ยะ คือตัวเพิ่มทั้งนั้นครับ
จึงเป็นข้ออ้างของพวกที่กำลังอยากได้เครื่องใหม่ ว่า เปลียนทั้งที เอาให้มีกำลังเพิ่มขึ้นหน่อยดีกว่า
ทีนี้ พอเครื่องใหญ่ มันหนัก ก็ต้องเปลี่ยนชุดรองรับ สปิง ช็อคอัพ ให้มันเหมาะสมกับน้ำหนักที่เพิ่ม