ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันเสาร์ที่ 06 ธันวาคม 2025 เวลา 09:46:42

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  หมวดหมู่ทั่วไป [ General topics ]
| |-+  พูดคุยทั่วไป ได้ทุกเรื่อง
| | |-+  เรื่องอ่านเล่นๆ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องอ่านเล่นๆ  (อ่าน 1797 ครั้ง)
โอ๊ต_XU5_ฝาส้ม
ใจไปไวกว่าแสง
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,870



« เมื่อ: วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน 2008 เวลา 22:32:01 »


เผอิญวันนี้ นึกถึงตอนที่เคยเรียนวิชาแล็บเคมี สมัยตอนผมอยู่ ปี 2

ได้เรียนกับ อ.ต่างชาติท่านนึง  พูดไทย ปน อังกฤษ  ได้สอนสิ่งดีๆ เลยอยากจะเอามาแบ่งปันดูครับ

เรื่องที่ 1 ---ดูดท่อยาง

การทดลองอะไรก็ไม่รู้ ไม่เคยรู้เรื่องหรอก รู้แต่ว่ามันมีสายยางมาให้ด้วย
ดูวิดีโอก่อนทำแล็บ  นี่เลย คนไทยเอาเครื่องมืออะไรอย่างนึง มาดูดน้ำผ่านท่อ
แต่ดูดไม่ค่อยออกเลยเอาปากดูดแทน
พออาจารย์ท่านนี้มาสอน เห็นเพื่อนผมกำลังจะเอาปากดูดท่อ
อาจารย์ท่านบอกว่า " you don't do like that มัน โส โครก เข้า จาย ม้าย
In chemistry เราไม่ทำอย่างน้าน มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์ you have to do like this"
แล้วเขาก็สาธิตวิธีใช้เครื่องมือไป  ผมก็ถามกลับไปว่า "ทำไมทำแบบนั้นไม่ได้"
เขาฟังไม่ออกมั้ง ผมเลยถาม "Why I can't do like that" 
อาจารย์ท่านก็เลยพูดว่า "ถ้ามันไม่ใช่ water. If it is a very dangerous acid.What happen.
มันจะลวกปากได้  Ah...When you do somethings with some kind of ah.. chemical  and if you
don't know anythings about it .You อย่ามักง่าย เพราะมันอาจถึงตายด้าย"

       พอผมทำตามอาจารย์ซํกพัก ก้มีอาจารย์คนไทย มาว่าผมอีก ทำไมไม่ใช้ปากดูดเลย
แค่น้ำ มันไม่ตายหรอก  พออาจารย์ต่างชาิติมาเห็นเข้า ก็เอามือกุมหน้าผากแล้วส่ายหน้า
แต่ก็ไม่พูดอะไร  หลังจากหมดคาบ อาจารย์เขาก็เดินมาถามผมว่า
"ทำมายคนทาย  ไม่ค่อยสน ความปลอดภายกานเลย"
ผมอึ้งครับ ได้แต่ตอบไปว่า "Well....I don't know.It's up to each person"


-----------------------------------------------------------

ยังมีอีกหลายเรื่องครับ เดี๋ยวมาเล่าต่อ  มันเป็นบทเรียนที่เอาไปใช้กับชีวิตจริงได้ครับ
 
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
wut405
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,978



« ตอบ #1 เมื่อ: วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2008 เวลา 09:29:28 »


ฝรั่งเขาจะให้ความสำคัญกับเรื่อง ความปลอดภัยมาเป็น อันดับหนึ่ง ครับ แต่คนไทย เห็นความปลอดภัยเป็นเรื่อง รองๆ หลังๆครับ  ร้อนจัง


อยาที่คนไทยชอบพูดว่า เรื่องกินเรื่องใหญ่ เรื่องตายเรื่องเล็ก :เหนื่อยร้อน:
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

กำลังไหนจะ เท่า กำลังใจ
กำลังใจ สำคัญที่สุด
JiM gR
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 420



« ตอบ #2 เมื่อ: วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2008 เวลา 10:46:16 »


นิสัยคนไทยครับ เอาง่ายไว้ก่อน(มักง่าย) คนงานที่ไซด์โดนฝรั่งด่าประจำ มักง่ายไม่ค่อยอยากใช้เครื่องมือพิเศษ+ อุปกรณ์เซฟตี้
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

หน่วยงานตรวจสอบคุณภาพสุราและนารี จังหวัดระยอง
credor
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,293


เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2008 เวลา 11:20:00 »


มัีกง่ายครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

โอ๊ต_XU5_ฝาส้ม
ใจไปไวกว่าแสง
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,870



« ตอบ #4 เมื่อ: วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน 2008 เวลา 20:57:36 »


เรื่องที่ 2 --- อย่า make ตัวเลข

        หลังจากที่ผมได้ฟังสรุปงานจากท่านอาจารย์เสร็จแล้ว ก็เริ่มลงมือทำงานทันที  ทดลองไปเรื่อยๆ
ซึ่งผมก็ไม่เคยจะจำมันได้หรอกว่าทดลองเรื่องอะไร พอดีผมโง่เคมีอยู่ด้วย ก็เอาสารไปชั่งน้ำหนักกับเครื่องชั่ง
แบบที่มันวัดได้ความละเอียดระดับทศนิยม 4 จุด และเครื่องชั่งนั้นมีกรอบพลาสติคป้องกันอากาศเข้าอยู่ด้วย
ชั่งเสร็จก็นำสารนั้นออกมาทำการเล่นแร่แปรธาตุต่างๆนานาๆ  ก็ต้องใช้พวกเครื่องตวงต่างๆ  มาถึงการดูระดับของเหลวที่จะเอามาผสมกับสาร  ท่านอาจารย์ก็เข้ามาดูกลุ่มที่พวกผมทำ  ท่านก็บอกว่า "อ่านค่าให้ลาเอียด
because  the test will be more precise" ผมก็ถามท่านอาจารย์กลับไปว่า "จะทันหรือครับ จะหมดคาบแล้ว" ผมก็ชี้ให้ดูนาฬิกา  ที่เกือบจะถึง 11.30 น. อยู่แล้ว ซึ่งปกติคาบของผมจะเข้าเรียน 9 โมงเช้า แต่เลิกตอนเที่ยง แต่ทำการทดลองตอน 11.00 น. เพราะว่าท่านอาจารย์บรรยายสรุปยาวถึง 2 ชั่วโมง

        ท่านอาจารย์ก็ถามผมว่า "มีเรียนต่อม้าย"  ผมตอบ"ไม่มีครับ" ท่านอาจารย์ก็บอก "ง้านทำต่อปาย" ผมก็ทำของผมไปเรื่อยๆ เขียนผลการทดลองไปเรื่อยๆ แล้วอาจารย์คนไทยก็มาเร่งผม "เร็วๆหน่อยแล็บจะปิดแล้ว ทดลองเร็วๆเข้าค่าที่บันทึกผลประมาณๆเอาก็ได้"  ระหว่างนั้นเองด้วยความที่รีบ ผมก็จัดการกับค่าทศนิยมหางว่าวโดยการประมาณค่าเอา   ท่านอาจารย์ก็เิดินมาดู แล้วพูดว่า  "อย่ารีบร้อน  I can late for you"  "Just do your work.I want the real experiment not a stupid ideal work." ผมก็ทำไปจนเลยตอนเที่ยง  ซึ่งอาจารย์ไทยก็พากันไปกินข้าวหมดแล้ว  แต่ท่านอาจารย์คนนี้ยังอยู่ และดูแต่กลุ่มผมทำงาน  เมื่อผมทำเสร็จ  ผมก็ส่งรายงานผลการทดลองไป ท่านอาจารย์ก็พูดว่า "Well done....Good" ด้วยความที่ผมเกรงใจเพราะเวลามันเกือบจะเที่ยงครึ่ง ซึ่งท่านอาจารย์มีสอนต่อตอนบ่ายโมง ผมก็เลยอยากจะไปซื้อกับข้าวมาให้ท่านอาจารย์  ผมก็ถามว่า "ให้ผมซื้อข้าวเที่ยงมาให้หรือเปล่าครับ  เดี๋ยวไปกินไม่ทันนะครับ" ท่าอาจารย์ก็พูดสั้นๆว่า "ไม่เป็นราย....แคนี้สาบายมาก....I'm not so much hungry"  ท่านอาจารย์ก็มีสีหน้ายิ้มแย้ม ดูมีความสุข หลังจากดูเครียดๆมาทั้งคาบ  แล้วต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันไปพักเที่ยง



แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
KonG_S16
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,093



« ตอบ #5 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน 2008 เวลา 09:00:57 »


เป็นอาจารย์ที่ดีมากครับ มีจรรยาบรรณ และความภาคภูมิใจในสายอาชีพที่เค้าเลือกทำอยู่

อยากให้คนไทยทำได้อย่างนี้บ้างจัง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ซ่อมรถ โมเครื่อง ทำช่วงล่าง: อู่ช่างแว่นที่เดียวเท่านั้น ที่ผมไว้ใจ
PoomSira
สิงห์ปริญญาโท
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 375


« ตอบ #6 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน 2008 เวลา 09:29:22 »


ฝรั่งเน้นระบบ เน้นการสร้างนิสัยที่ดี
คนไทยเน้น flexibility ยังไงก็ได้

แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
wut405
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,978



« ตอบ #7 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน 2008 เวลา 09:45:52 »


นี่ละคนไทยของแท้ ครับ :เปียกปอน:
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

กำลังไหนจะ เท่า กำลังใจ
กำลังใจ สำคัญที่สุด
โอ๊ต_XU5_ฝาส้ม
ใจไปไวกว่าแสง
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,870



« ตอบ #8 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน 2008 เวลา 16:39:10 »


เรื่องที่ 3 -- ลิกขวิด เปเป้อร์

เรื่องนี้ผมจำที่ท่านอาจารย์พูดไว้ทุกคำไม่ได้ เลยขอเล่าเป็นภาษาไทยเกือบหมดนะครับ


          ขณะที่ผมกำลังจะเข้าห้องเรียน  ดูนาฬิกา โอ้วงานเข้าแน่ๆ เข้าห้องสาย เพราะเมื่อคืนเล่นเกมส์ดึกไปหน่อยเดินไปหน้าห้องก็ใจหวิวแล้ว เพราะมันช่างเงียบสงัด ซึ่งทุกทีจะมีแต่คนยืนคุยกันก่อนเรียน  และแล้วก็เป็นเช่นนั้นผมเข้าห้องสายไปครึ่งนาที   ไม่รอช้าวิ่งไปด้วย หยิบเครื่องเขียนออกมาเตรียมทำ quiz ไปด้วย คราวนี้โดนต่อว่าทั้งจากอาจารย์ไทยและท่านอาจารย์เลย   แต่ผมก็ยอมรับ ไม่เถียงเพราะว่ามาสายเอง     
          มาถึงคราวการทดลองบ้าง  คาบนี้ีงานชิวๆ ไม่มีอะไรยาก การทดลองสั้นๆ  แต่จดบันทึกตัวเลขผลการทดลองเยอะหน่อย  พูดง่ายๆก็คือว่า บันทึกค่าถี่ขึ้น และแล้ว ด้วยความเคยชิน ผมก็ใช้ลิกขวิด เปเป้อร์ ลบค่าที่ได้บางตัวเนื่องจากค่านั้นมันผิดแปลกจากชาวบ้านเขา  อาจารย์ไทยก็เดินมาเห็นเข้า  แล้วพูดว่า "ถ้าลบก็ลบให้มันดีๆหน่อย เห็นไหมกระดาษมันเละหมดแล้ว"  ผมก็ได้แต่ "ครับๆ"  เวลาผ่านไปซํก 5 นาทีหลังจากนั้น ท่านอาจารย์ก็เดินมา หลังจากเดินไปดูกลุ่มหลังๆหมดทุกกลุ่มแล้ว  และท่านอาจารย์ก็มักจะชอบมาที่โต๊ะของกลุ่มผม เพราะว่า ผมเป็นคนเดียวทั้งห้อง ที่กล้าคุยเป็นภาษาอังกฤษกับท่านอาจารย์  ซึ่งคนอื่นได้แต่กลัว คุยด้วยแต่กับอาจารย์คนไทย เพราะฟังไม่ออก ไม่กล้าพูดมากนัก ท่านอาจารย์ก็เห็นผลการทดลองของผม แล้วก็พูดว่า "อย่าใช้ liquid paper" ผมนึกในใจ สงสัยเพราะมันเปื้อนเยอะล่ะมั้ง  แต่ผมคิดผิด ท่าอาจารย์ก็เลยพูดว่า "จายกตัวอย่างให้ฟัง" 
          ตรงนี้ผมขอเล่าเป้นภาษาไทยล้วนนะครับ   ท่าอาจารย์ยกยกตัวอย่างว่า
"สมมุติว่า มีนักวิทยาศาสตร์ไทย 1 คนชื่อสมศักดิ์ และนักทดลองญี่ปุ่นหนึ่งคน  ทั้งคู่กับกำลังวิจัยในเรื่องเดียวกันและทำการวิจัยได้เป็นผลสำเร็จพร้อมๆกัน  สมศักดิ์จึงนำเสนอต่อที่ประชุมวิทยาศาสตร์ระดับโลก  ว่า เนี่ย ผมการทำทดลองต่างๆนาน ได้ผลสำเร็จเป็นตามนี้  ขอจดสิทธิบัตรเป็นคนแรกนะ   แต่ว่า นักทดลองญี่ปุ่นก็เถียงขึ้นมา
ผมก็ทำสำเร็จเหมือนกัน และผมว่าผมทำสำเร็จก่อนด้วย  สรุปหลังจากเถียงกัน สมมุติว่าไม่มีใครยอมความกันจึงต้องไปขึ้นศาล  พอขึ้นศาล  ผู้พิพากษาก็ขอดูสมุดจดบันทึกผลการทดลองของแต่ละคน  แน่แหละผลการทดลองได้สำเร็จเหมือนกัน  แต่ทว่าของสมศักดิ์นั้นมีรอยลิกขวิด เปเป้อร์เกลื่อนแบบที่ผมทำ   ส่วนของนักทดลองญี่ปุ่นนั้น ก็มีแก้บ้าง แต่แก้โดยการขีดทิ้งแล้วเซ็นชื่อข้างๆ  ทันใดนั้นทนายฝ่ายญี่ปุ่นก็เถียงว่า อ้าว อย่างนี้มาแก้ผลการทดลองตามลูกความผมหน่ะสิ  ดูสิลอยลิกขวิดเต็มเลย  ปั้นตัวเลขขึ้นมาเองหรือเปล่าก็ไม่รู้ เนี่ยแสดงว่าลูกความผมเป็นฝ่ายถูกครับท่านผู้พิพากษา ลูกความผมจดบันทึกผิดก็จริงแต่แก้โดยการขีดทิ้งแล้วเซ็นชื่อกำกับ  พอเถียงกันไปมา  ผลการตัดสิน ศาลก็ได้ตัดสินให้ฝ่ายญี่ปุ่้นเป็นคนชนะไป และให้จดลิขสิทธิ์ได้ เนื่องจากดูหลักฐานแล้ว ของสมศักดิ์นั้นไม่มีความน่าเชื่อถือ อาจจะแก้ตามนักทดลองญี่ปุ่นก็เป็นได้"  หลังจากฟังท่านอาจารย์ยกตัวอย่างอยู่ 10 นาที ท่านอาจารย์ก็ถามว่า "Now.Do you understand" ผมก็ตอบว่า "ครับ อาจารย์" แล้วท่านอาจารย์ก็เิดินยิ้มๆ ไปดูกลุ่มอื่นต่อไป
       

แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!