ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน 2025 เวลา 04:47:12

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  หมวดหมู่ทั่วไป [ General topics ]
| |-+  D.I.Y.
| | |-+  ตรวจเช็คการทำงานของ หัวฉีดเครื่อง ซีตรอง 2.0 ด้วยตนเอง
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ตรวจเช็คการทำงานของ หัวฉีดเครื่อง ซีตรอง 2.0 ด้วยตนเอง  (อ่าน 6099 ครั้ง)
k.nimit
สิงห์มัธยม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 115


« เมื่อ: วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 12:40:20 »



     เนื่องจากอาการของเครื่องยนต์ เมื่อสตาร์ทครั้งแรกจะติด และรอบเดินเบาปกติ แต่ไม่เกิน 5 นาที จะดับ เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ใหม่อีกครั้ง ก็จะติดแต่แป๊บเดียวก็จะดับ  เมื่อเครื่องยนต์รอบเดินเบาทำงาน จะเร่งได้บ้าง ไม่ได้บ้าง เป็นอย่างนี้มาได้ประมาณ 2 อาทิตย์ ถ้าเอารถออกไปวิ่งบนถนน ถ้าเร่งเครื่องยนต์ขับไปเรื่อย ๆ จะไม่ดับ แต่ถ้าจอดรถ หรือหยุดติดไฟแดงเครื่องยนต์จะดับ และสตาร์ทให้เครื่องติดยากมาก ต้องสตาร์ทหลาย ๆ ครั้ง
     
1. ผมเช็คไฟจากจานจ่าย และสายหัวเทียนแล้ว มีไฟออกทุกสาย

2. แต่ผมจะเช็คหัวฉีดว่าเสียหรือไม่นี่ ผมจะสามารถถอดรางหัวฉีด และหัวฉีดออกมา และสตาร์ทเครื่องยนต์ หัวฉีดจะฉีดน้ำมันออกมาได้หรือไม่ 

3. ถ้ามีท่านผู้ใดเคยเจออาการแบบผม ขอคำแนะนำด้วยนะครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Poj_MN
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 478


« ตอบ #1 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 14:39:51 »


อันนี้อันตรายครับ   ถ้าเกิดน้ำมันพุ่งออกมาแล้ว ลงไปโดนเครื่องยนต์  พรึบไฟลุก น่ากลัวครับ  จริงๆถ้าจะดูก็ สตาร์ทจังหวะแรก น้ำมันก็พุ่งออกมาแล้วครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ขับ Peugeot โก้ดี ถ้าไม่มีอะไรต้องซ่อม
nun
คนร้อยเอ็ดครับ
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,072



« ตอบ #2 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 15:01:49 »


ลองเช็ค ตัวควบคุมแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง ดูนะครับ มันอาจทำงานผิดพลาดได้ ถ้าหัวฉีดเสียมันก็ำไม่ต่างกับหัวเทียนบอดละครับ เครื่องเดินเบาไม่เรียบแน่ๆ

เรกกูเรเตอร์ หรือ ตัวควบคุมแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดในระบบเชื้อเพลิง
โดยมีหน้าที่ควบคุมแรงดันน้ำมันที่ดูดมาจากถังน้ำมัน ปั้มน้ำมันหรือปั้มติ๊ก แล้วถูกส่งไปยังท่อน้ำมัน
แล้วผ่านระบบกรองน้ำมันหรือ กรองเบนซิล จึงไหลเข้าสู่รางหัวฉีดแล้วจึงจะไหลผ่านเจ้า เรคกูเรเตอร์ก่อนไหลกลับสู่ถังน้ำมันไหลกลับ

หน้าที่การทำงานด้วยสุญญากาศ
เรคกูเรเตอร์ จะทำงานร่วมกับระบบสุญญากาศ โดยสังเกตุเห็นว่าบนหัวของเรคกูเรเตอร์ทุกตัว
จะมีท่อสูญญากาศเล็กๆเพื่อต่อกับท่อร่วมไอดีด้านหลังลิ้นปีกผีเสื้อ ดังนั้นเมื่อเหยียบคันเร่งน้อยเเรงดูดจากเครื่องจะมากอากาศไหลผ่านลิ้นน้อย
สูญญากาศก็เกิดมาก เมื่อเหยียบคันเร่งมากอากาศไหลผ่านลิ้นมากสูญญากาศก็เกิดน้อย
แรงดูดตัวนี้หละที่จะคอยควบคุมให้เรกกูเรเตอร์ทำงานเพื่อควบคุมเเรงดันน้ำมันให้คงที่
ไม่ว่าจะลิ้นปีกผีเสี้อจะเปิดมากหรือเปิดน้อยก็ตามที

เริ่มต้นการทำงานตั้งแต่ก่อนสตาร์ทเครื่อง
เมื่อเราเปิดสวิทย์กุญแจ ปั้มน้ำมันเชื้อเผลิงจะทำงาน
แรงดันน้ำมันจะสูงมาก เพราะเครื่องยังไม่ติด ไม่มีแรงดูดสุญญากาศเเละเมื่อเราเริ่มสตาร์ทเครื่อง
จะทำให้หัวฉีด ฉีดน้ำมันมากทำให้เครื่องยนต์
์สตาร์ทติดง่าย เมื่อเครื่องติดแล้วในรอบเดินเบา
เครื่องยนต์ต้องการน้ำมันน้อย เรกกูเรเตอร์จะเปิดน้ำมัน
ให้ไหลกลับสู่ถัง ไหลกลับมาก เพื่อให้ประหยัดน้ำมัน

เมื่อเริ่มต้นเหยียบคันเร่ง
เครื่องยนต์จะต้องการปริมาณน้ำมันเเพิ่มขึ้น
ตามความต้องการของเครื่องยนต์ ที่ต้องการเร่งรอบ
ให้สูงขึ้นโดยรับข้อมูลมาจากเซนเซอร์ต่างเช่น
airfrowmeter , totelsensor,vaccumesensor,
และเซนเซอร์รอบเครื่องยนต์โดยทั้งหมด
นี้จะส่งข้อมูลไปยังกล่อง ECU โดยกล่อง ECU
จะไปสั่งให้หัวฉีด ฉีดน้ำมันถี่ขึ้นเพื่อเร่งรอบเครื่องยนต ์ ปริมาณการใช้น้ำมันสูงขึ้นซึ่งอาจทำให้แรงดันน้ำมัน
ในรางหัวฉีดตกลง ก็เจ้าเรกกูเรเตอร์นี่แหละ
ที่จะคอยควบคุม ให้แรงดันน้ำมันเพิ่มขึ้นโดย
ทำการปิดน้ำมันไหลกลับสู่ถังน้ำมันไหลกลับน้อยลง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า



มิตรภาพไร้พรมแดน
Tel 0868569846
405 gr  3s ge ไอดีกลม  ,    306 SR เดิมๆ
k.nimit
สิงห์มัธยม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 115


« ตอบ #3 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 15:26:11 »


อันนี้อันตรายครับ   ถ้าเกิดน้ำมันพุ่งออกมาแล้ว ลงไปโดนเครื่องยนต์  พรึบไฟลุก น่ากลัวครับ  จริงๆถ้าจะดูก็ สตาร์ทจังหวะแรก น้ำมันก็พุ่งออกมาแล้วครับ
ลองเช็ค ตัวควบคุมแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง ดูนะครับ มันอาจทำงานผิดพลาดได้ ถ้าหัวฉีดเสียมันก็ำไม่ต่างกับหัวเทียนบอดละครับ เครื่องเดินเบาไม่เรียบแน่ๆ

เรกกูเรเตอร์ หรือ ตัวควบคุมแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญที่สุดในระบบเชื้อเพลิง
โดยมีหน้าที่ควบคุมแรงดันน้ำมันที่ดูดมาจากถังน้ำมัน ปั้มน้ำมันหรือปั้มติ๊ก แล้วถูกส่งไปยังท่อน้ำมัน
แล้วผ่านระบบกรองน้ำมันหรือ กรองเบนซิล จึงไหลเข้าสู่รางหัวฉีดแล้วจึงจะไหลผ่านเจ้า เรคกูเรเตอร์ก่อนไหลกลับสู่ถังน้ำมันไหลกลับ

หน้าที่การทำงานด้วยสุญญากาศ
เรคกูเรเตอร์ จะทำงานร่วมกับระบบสุญญากาศ โดยสังเกตุเห็นว่าบนหัวของเรคกูเรเตอร์ทุกตัว
จะมีท่อสูญญากาศเล็กๆเพื่อต่อกับท่อร่วมไอดีด้านหลังลิ้นปีกผีเสื้อ ดังนั้นเมื่อเหยียบคันเร่งน้อยเเรงดูดจากเครื่องจะมากอากาศไหลผ่านลิ้นน้อย
สูญญากาศก็เกิดมาก เมื่อเหยียบคันเร่งมากอากาศไหลผ่านลิ้นมากสูญญากาศก็เกิดน้อย
แรงดูดตัวนี้หละที่จะคอยควบคุมให้เรกกูเรเตอร์ทำงานเพื่อควบคุมเเรงดันน้ำมันให้คงที่
ไม่ว่าจะลิ้นปีกผีเสี้อจะเปิดมากหรือเปิดน้อยก็ตามที

เริ่มต้นการทำงานตั้งแต่ก่อนสตาร์ทเครื่อง
เมื่อเราเปิดสวิทย์กุญแจ ปั้มน้ำมันเชื้อเผลิงจะทำงาน
แรงดันน้ำมันจะสูงมาก เพราะเครื่องยังไม่ติด ไม่มีแรงดูดสุญญากาศเเละเมื่อเราเริ่มสตาร์ทเครื่อง
จะทำให้หัวฉีด ฉีดน้ำมันมากทำให้เครื่องยนต์
์สตาร์ทติดง่าย เมื่อเครื่องติดแล้วในรอบเดินเบา
เครื่องยนต์ต้องการน้ำมันน้อย เรกกูเรเตอร์จะเปิดน้ำมัน
ให้ไหลกลับสู่ถัง ไหลกลับมาก เพื่อให้ประหยัดน้ำมัน

เมื่อเริ่มต้นเหยียบคันเร่ง
เครื่องยนต์จะต้องการปริมาณน้ำมันเเพิ่มขึ้น
ตามความต้องการของเครื่องยนต์ ที่ต้องการเร่งรอบ
ให้สูงขึ้นโดยรับข้อมูลมาจากเซนเซอร์ต่างเช่น
airfrowmeter , totelsensor,vaccumesensor,
และเซนเซอร์รอบเครื่องยนต์โดยทั้งหมด
นี้จะส่งข้อมูลไปยังกล่อง ECU โดยกล่อง ECU
จะไปสั่งให้หัวฉีด ฉีดน้ำมันถี่ขึ้นเพื่อเร่งรอบเครื่องยนต ์ ปริมาณการใช้น้ำมันสูงขึ้นซึ่งอาจทำให้แรงดันน้ำมัน
ในรางหัวฉีดตกลง ก็เจ้าเรกกูเรเตอร์นี่แหละ
ที่จะคอยควบคุม ให้แรงดันน้ำมันเพิ่มขึ้นโดย
ทำการปิดน้ำมันไหลกลับสู่ถังน้ำมันไหลกลับน้อยลง
ผมลองถอดสายอากาศที่จากเรคกูเรเตอร์ ที่ลิ้นปีกผีเสื้อ ลองดูด และเป่า ตามคำแนะนำ แล้วยังแน่น ไม่มีรอยรั่วของอากาศ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
nun
คนร้อยเอ็ดครับ
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,072



« ตอบ #4 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 15:36:28 »


งั้นต้องเช็คหัวฉีดละครับว่ารั่วหรือเปล่า  โทรมาปรึกษาได้ครับตามเบอร์ข้่างล่าง เนื่องจากอาการเป็นๆหายๆมันจับทางยากนะครับ แต่ก็มี ๒ ประเด็นหลักๆคือ น้ำมันเชื้อเพลิง กับ ระบบไฟ
ลองเช็คกรองเบนซิน  ปั๊มติ๊ก  ลีเลย์ปั๊มติ๊ก โดยเฉพาะตัวที่อยู่ในถังน้ำมันครับ เพราะตัวนอกถัง ตรวจสอบง่าย แต่ตัวในถัง เรามองไม่เห็น อาจจะเป็นไปได้ว่า โดนแก๊สโซฮอลล์กัดจนเป็นสนิม มีสิ่งสกปรกขวางอยู่ภายในก็ได้ครับหรือไม่ก็ท่อแตก
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า



มิตรภาพไร้พรมแดน
Tel 0868569846
405 gr  3s ge ไอดีกลม  ,    306 SR เดิมๆ
kitichai
สิงห์มือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1


« ตอบ #5 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 16:29:18 »


สวัสดีทุกท่านครับ ผมใช้รถเปอร์โย405เครื่องซีตรอง ตอนนี้ปัญหามีอยู่ว่าพอเข้าเกียร์ D รถวิ่งแทบไม่ออกเลยครับ แต่พอมันทดเกียร์แล้วก็เป็นปรกติ แต่พอลงมาเกียร์ต่ำมันก็กลับมาเป็นอีกครับ ตอนนี้จอดไว้ที่อู่ครับ ใครพอจะรู้ช่วยด้วยครับ มือใหม่รถเกียร์ออโต
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
jiratt
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 670


« ตอบ #6 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 18:00:24 »


**K.nun :  เห็นถึงปลายลำไส้เล็กเลย ....ขอบคุณครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
nun
คนร้อยเอ็ดครับ
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,072



« ตอบ #7 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 19:37:19 »


**K.nun :  เห็นถึงปลายลำไส้เล็กเลย ....ขอบคุณครับ

ยินดีให้คำปรึกษาครับ  แต่ที่กล่าวมาเป็นเพียงข้อสังเกตุเพื่อทดลองตรวจเช็คเท่านั้นนะครับ บางทีมันอาจจะมีหลายสาเหตุควบคู่กันไป เนื่องจากป็นการสอนตรวจเช็คผ่านหน้าเว็บไม่เหมือนกับการปฏิบัติจริงกับตัวรถ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า



มิตรภาพไร้พรมแดน
Tel 0868569846
405 gr  3s ge ไอดีกลม  ,    306 SR เดิมๆ
nun
คนร้อยเอ็ดครับ
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,072



« ตอบ #8 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 19:43:41 »


สวัสดีทุกท่านครับ ผมใช้รถเปอร์โย405เครื่องซีตรอง ตอนนี้ปัญหามีอยู่ว่าพอเข้าเกียร์ D รถวิ่งแทบไม่ออกเลยครับ แต่พอมันทดเกียร์แล้วก็เป็นปรกติ แต่พอลงมาเกียร์ต่ำมันก็กลับมาเป็นอีกครับ ตอนนี้จอดไว้ที่อู่ครับ ใครพอจะรู้ช่วยด้วยครับ มือใหม่รถเกียร์ออโต

ช่วงออกตัวทีแรกเครืองยนต์รอบขึ้นสูงไหมครับ และตอนที่มันเปลี่ยนเกเยร์กระตุกหรือเปล่า

จากที่ท่านกล่าวมาอาจเป็นไปได้ว่า  ครัชเกียร์1 อาจจะหมด  หรือไม่ก็ เมนวาล์วบอดี(ชุดสมองกลเกียร์)อาจจะมีการอุดตันยังไงก็ขอรายละเอียดมากกว่านี้ครับหรือหลังไมล์ก็ได้ครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า



มิตรภาพไร้พรมแดน
Tel 0868569846
405 gr  3s ge ไอดีกลม  ,    306 SR เดิมๆ
madmax
If you want pace. Prepare for war.
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,230



« ตอบ #9 เมื่อ: วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 00:39:21 »


สวัสดีทุกท่านครับ ผมใช้รถเปอร์โย405เครื่องซีตรอง ตอนนี้ปัญหามีอยู่ว่าพอเข้าเกียร์ D รถวิ่งแทบไม่ออกเลยครับ แต่พอมันทดเกียร์แล้วก็เป็นปรกติ แต่พอลงมาเกียร์ต่ำมันก็กลับมาเป็นอีกครับ ตอนนี้จอดไว้ที่อู่ครับ ใครพอจะรู้ช่วยด้วยครับ มือใหม่รถเกียร์ออโต

ผมเคยเป็น  เตรียมตังค์ซื้อเกียร์ลูกใหม่ได้เลยครับ  มันอยู่ได้อีกไม่นาน
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

If you want peace. Prepare for war.
AB NORMAL
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,299


« ตอบ #10 เมื่อ: วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 08:31:50 »


สวัสดีทุกท่านครับ ผมใช้รถเปอร์โย405เครื่องซีตรอง ตอนนี้ปัญหามีอยู่ว่าพอเข้าเกียร์ D รถวิ่งแทบไม่ออกเลยครับ แต่พอมันทดเกียร์แล้วก็เป็นปรกติ แต่พอลงมาเกียร์ต่ำมันก็กลับมาเป็นอีกครับ ตอนนี้จอดไว้ที่อู่ครับ ใครพอจะรู้ช่วยด้วยครับ มือใหม่รถเกียร์ออโต

ผมเคยเป็น  เตรียมตังค์ซื้อเกียร์ลูกใหม่ได้เลยครับ  มันอยู่ได้อีกไม่นาน
เตรียมตัว เตรียมใจ เตรียมตังค์ครับ
ผมเพิ่งเปลียนมาเหมือนกัน อิๆๆๆ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
k.nimit
สิงห์มัธยม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 115


« ตอบ #11 เมื่อ: วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 10:17:33 »


งั้นต้องเช็คหัวฉีดละครับว่ารั่วหรือเปล่า  โทรมาปรึกษาได้ครับตามเบอร์ข้่างล่าง เนื่องจากอาการเป็นๆหายๆมันจับทางยากนะครับ แต่ก็มี ๒ ประเด็นหลักๆคือ น้ำมันเชื้อเพลิง กับ ระบบไฟ
ลองเช็คกรองเบนซิน  ปั๊มติ๊ก  ลีเลย์ปั๊มติ๊ก โดยเฉพาะตัวที่อยู่ในถังน้ำมันครับ เพราะตัวนอกถัง ตรวจสอบง่าย แต่ตัวในถัง เรามองไม่เห็น อาจจะเป็นไปได้ว่า โดนแก๊สโซฮอลล์กัดจนเป็นสนิม มีสิ่งสกปรกขวางอยู่ภายในก็ได้ครับหรือไม่ก็ท่อแตก
ผมเคยเอาสายไฟที่ต่อจากแบตเตอรี่ มาจี่ที่บริเวณกล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ทีีมีสายไฟสองเส้นอยู่ข้างในตรงปั๊มติ๊ก ซึ่งผมเพิ่งจะเปลี่ยนมาใหม่ (ไม่ได้แปลงอะไร) เหมือนเป็นการกระตุ้น เพื่อให้ปั๊มติ๊กทำงาน ก็ดีขึ้น กล่องสี่เหลี่ยมเล็กที่มีสายไฟสองเส้นเสียบอยู่นี้่ ใช่ลีเลย์ปั๊มติ๊กหรือป่าว  หากเสียจะแก้ไขได้ยังไง
แต่ตอนนี้อาการเครื่องยนต์ คล้าย ๆ กับว่าพอสตาร์ทครั้งแรกมีน้ำมันไหลเข้ามาในรางเต็มที่ พอใช้หมดเครื่องยนต์ก็ดับ สตาร์ทใหม่น้ำมันไหลมาไม่ทัน หรือไม่พอ (ไม่ทราบว่าคิดถูกหรือป่าวครับ )
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
WAT_7229
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,049



« ตอบ #12 เมื่อ: วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 10:54:38 »


ปั๊มติ๊ก...
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
jiratt
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 670


« ตอบ #13 เมื่อ: วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 15:09:23 »


K:Nimit  : "ผมเคยเอาสายไฟที่ต่อจากแบตเตอรี่ มาจี่ที่บริเวณกล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ทีีมีสายไฟสองเส้นอยู่ข้างในตรงปั๊มติ๊ก "

**กล่องสี่เหลี่ยมเล็ก -ขนาดประมาณ 1" x 1" หนาสัก1-1.5cm เปิดดูข้างในไม่ได้ ด้านหน้าที่จุดต่อไฟ2เส้น เป็นสีดำมัน  ถ้าใช่ของอันนี้ ไม่ใช่รีเลย์ครับ  เป็นอะไร หน้าที่อะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คงเป็นประเภทอุปกรณ์ กันไฟตก/ ไฟเกิน/ ไฟกระโชก อะไรทำนองนั้น(มั๊ง)  .......แต่ไม่ใช่รีเลย์แน่ๆ
**การเช็คแรงดันปั๊มติ๊ก ผมใช้วิธีนี้ครับ ถอดสายส่งน้ำมัน ที่จะเข้ารางหัวฉีด (ของผม SRI)  เอานิ้วโป้งกดให้แน่น เอาผ้ามาคลุมบริเวณนิ้วโป้ง(ไม่ให้ฝอยน้ำมันฟุ้งกระจาย) แล้วให้ลูกหรือน้องเมีย บิดกุญแจไปแก๊กที่2ให้ ไม่เกิน2ครั้งแรงดันน้ำมันจะพ่นออกมา นิ้วโป้งเรากดไว้ไม่อยู่ ....สำหรับผมถ้าเป็นอย่างนี้ถือว่าระบบส่งน้ำมันใช้ได้
   **ข้อควรระวัง
       1.ทำในขณะเครื่องเย็น ไม่มีเปลวไฟ/ประกายไฟ อยู่ไกล้เคียง
       2.อย่าให้เมียเป็นคนบิดกุญแจ เพราะอาจเผลอบิดเลยไปสตาร์ท ตอนเข้าเกียร์และเรายืนอยู่หน้ารถ ....จะผิดใจระแวงกันเปล่าๆ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
k.nimit
สิงห์มัธยม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 115


« ตอบ #14 เมื่อ: วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 15:20:23 »


งั้นต้องเช็คหัวฉีดละครับว่ารั่วหรือเปล่า  โทรมาปรึกษาได้ครับตามเบอร์ข้่างล่าง เนื่องจากอาการเป็นๆหายๆมันจับทางยากนะครับ แต่ก็มี ๒ ประเด็นหลักๆคือ น้ำมันเชื้อเพลิง กับ ระบบไฟ
ลองเช็คกรองเบนซิน  ปั๊มติ๊ก  ลีเลย์ปั๊มติ๊ก โดยเฉพาะตัวที่อยู่ในถังน้ำมันครับ เพราะตัวนอกถัง ตรวจสอบง่าย แต่ตัวในถัง เรามองไม่เห็น อาจจะเป็นไปได้ว่า โดนแก๊สโซฮอลล์กัดจนเป็นสนิม มีสิ่งสกปรกขวางอยู่ภายในก็ได้ครับหรือไม่ก็ท่อแตก
ยากป่าวครับ ถอดฝาถังน้ำมัน เอาพวกลูกลอย สายน้ำมันในถังออกมาเช็คสภาพ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
k.nimit
สิงห์มัธยม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 115


« ตอบ #15 เมื่อ: วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 15:28:50 »


K:Nimit  : "ผมเคยเอาสายไฟที่ต่อจากแบตเตอรี่ มาจี่ที่บริเวณกล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ทีีมีสายไฟสองเส้นอยู่ข้างในตรงปั๊มติ๊ก "

**กล่องสี่เหลี่ยมเล็ก -ขนาดประมาณ 1" x 1" หนาสัก1-1.5cm เปิดดูข้างในไม่ได้ ด้านหน้าที่จุดต่อไฟ2เส้น เป็นสีดำมัน  ถ้าใช่ของอันนี้ ไม่ใช่รีเลย์ครับ  เป็นอะไร หน้าที่อะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คงเป็นประเภทอุปกรณ์ กันไฟตก/ ไฟเกิน/ ไฟกระโชก อะไรทำนองนั้น(มั๊ง)  .......แต่ไม่ใช่รีเลย์แน่ๆ
**การเช็คแรงดันปั๊มติ๊ก ผมใช้วิธีนี้ครับ ถอดสายส่งน้ำมัน ที่จะเข้ารางหัวฉีด (ของผม SRI)  เอานิ้วโป้งกดให้แน่น เอาผ้ามาคลุมบริเวณนิ้วโป้ง(ไม่ให้ฝอยน้ำมันฟุ้งกระจาย) แล้วให้ลูกหรือน้องเมีย บิดกุญแจไปแก๊กที่2ให้ ไม่เกิน2ครั้งแรงดันน้ำมันจะพ่นออกมา นิ้วโป้งเรากดไว้ไม่อยู่ ....สำหรับผมถ้าเป็นอย่างนี้ถือว่าระบบส่งน้ำมันใช้ได้
   **ข้อควรระวัง
       1.ทำในขณะเครื่องเย็น ไม่มีเปลวไฟ/ประกายไฟ อยู่ไกล้เคียง
       2.อย่าให้เมียเป็นคนบิดกุญแจ เพราะอาจเผลอบิดเลยไปสตาร์ท ตอนเข้าเกียร์และเรายืนอยู่หน้ารถ ....จะผิดใจระแวงกันเปล่าๆ
ผมลองทำดูแล้วครับ ตามคำแนะนำทีได้รับมา แรงดันน้ำมันดีมาก หัวแม่มือกดไม่อยู่  ปั๊มติ๊กก็เปลี่ยนมาใหม่ได้สามอาทิตย์ ราคา 1800 บาท ซื้อที่ร้านอะไหล่ในราชบุรี ยี่ห้อไม่ระบุแต่ใช้กับ bmw 320 และบอดี้เหมือนกับของติดรถ pg 405 gri 
  ตอนเย็นเลิกงานกลับบ้านสตาร์ทหนแรก เครื่องติด รอบเดินเบาดีมาก  เสียงเครื่องยนต์ปกติ  ได้ไม่เกิน 5 นาที ก็จะดับ สตาร์ทใหม่ก็ติดแต่จะเดินแบบไม่เต็มสูบ เร่งไม่ขึ้น แล้วก็ดับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
AB NORMAL
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,299


« ตอบ #16 เมื่อ: วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 15:41:38 »


ไม่ลองหากล่อง ECU มาสลับดูครับ เผื่อจะดีขึ้น ในเมื่อลองมาหลายอย่างแล้วครับ อิๆๆๆ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
nun
คนร้อยเอ็ดครับ
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,072



« ตอบ #17 เมื่อ: วันอังคารที่ 21 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 18:09:32 »


K:Nimit  : "ผมเคยเอาสายไฟที่ต่อจากแบตเตอรี่ มาจี่ที่บริเวณกล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ทีีมีสายไฟสองเส้นอยู่ข้างในตรงปั๊มติ๊ก "

**กล่องสี่เหลี่ยมเล็ก -ขนาดประมาณ 1" x 1" หนาสัก1-1.5cm เปิดดูข้างในไม่ได้ ด้านหน้าที่จุดต่อไฟ2เส้น เป็นสีดำมัน  ถ้าใช่ของอันนี้ ไม่ใช่รีเลย์ครับ  เป็นอะไร หน้าที่อะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน คงเป็นประเภทอุปกรณ์ กันไฟตก/ ไฟเกิน/ ไฟกระโชก อะไรทำนองนั้น(มั๊ง)  .......แต่ไม่ใช่รีเลย์แน่ๆ
**การเช็คแรงดันปั๊มติ๊ก ผมใช้วิธีนี้ครับ ถอดสายส่งน้ำมัน ที่จะเข้ารางหัวฉีด (ของผม SRI)  เอานิ้วโป้งกดให้แน่น เอาผ้ามาคลุมบริเวณนิ้วโป้ง(ไม่ให้ฝอยน้ำมันฟุ้งกระจาย) แล้วให้ลูกหรือน้องเมีย บิดกุญแจไปแก๊กที่2ให้ ไม่เกิน2ครั้งแรงดันน้ำมันจะพ่นออกมา นิ้วโป้งเรากดไว้ไม่อยู่ ....สำหรับผมถ้าเป็นอย่างนี้ถือว่าระบบส่งน้ำมันใช้ได้
   **ข้อควรระวัง
       1.ทำในขณะเครื่องเย็น ไม่มีเปลวไฟ/ประกายไฟ อยู่ไกล้เคียง
       2.อย่าให้เมียเป็นคนบิดกุญแจ เพราะอาจเผลอบิดเลยไปสตาร์ท ตอนเข้าเกียร์และเรายืนอยู่หน้ารถ ....จะผิดใจระแวงกันเปล่าๆ
ผมลองทำดูแล้วครับ ตามคำแนะนำทีได้รับมา แรงดันน้ำมันดีมาก หัวแม่มือกดไม่อยู่  ปั๊มติ๊กก็เปลี่ยนมาใหม่ได้สามอาทิตย์ ราคา 1800 บาท ซื้อที่ร้านอะไหล่ในราชบุรี ยี่ห้อไม่ระบุแต่ใช้กับ bmw 320 และบอดี้เหมือนกับของติดรถ pg 405 gri 
  ตอนเย็นเลิกงานกลับบ้านสตาร์ทหนแรก เครื่องติด รอบเดินเบาดีมาก  เสียงเครื่องยนต์ปกติ  ได้ไม่เกิน 5 นาที ก็จะดับ สตาร์ทใหม่ก็ติดแต่จะเดินแบบไม่เต็มสูบ เร่งไม่ขึ้น แล้วก็ดับ

แบบนี้แสดงว่าเครื่องร้อนแล้วมีปัญหาเป็นจำเลยต่อไป
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า



มิตรภาพไร้พรมแดน
Tel 0868569846
405 gr  3s ge ไอดีกลม  ,    306 SR เดิมๆ
k.nimit
สิงห์มัธยม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 115


« ตอบ #18 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 03 มิถุนายน 2012 เวลา 21:38:07 »


หลังจากที่ได้เปลี่ยนปั๊มติ๊ก และหัวเทียน ไปแล้วอาการสตาร์ทติดยาก และเบาดับ ก็ยังมีอยู่จนอยากจะรู้ว่าปัญหาของรถเกิดจากอะไร จึงได้ลากรถจากราชบุรี ไปอู่ดำหริ ช่างที่อู่ตรวจเช็คอยู่สักพักหนึ่ง สรุปได้ว่าปั๊มติ๊กที่ได้ซื้อมาเปลี่ยนใหม่ราคา 1500 บาท มีการเสียใช้การไม่ได้ตั้งแต่ตอนซื้อออกจากร้าน แต่ก็ไม่สามารถล่วงรู้ได้เพราะคิดว่าเป็นของใหม่ เลยทำให้คิดว่าเกิดปัญหาที่จุดอื่นอีก จึงได้สอบถามปัญหาจากสมาชิกหลายท่าน ต้องขอขอบคุณมากในคำตอบที่ได้ให้มา ช่างที่อู่ได้ทำการเปลี่ยนปั๊มติ๊กให้ใหม่ราคา 3200 บาท และได้ทำการลองรถบนถนนใน กรุงเทพฯ สองวัน และกลับบ้านที่ราชบุรี อัตราการเร่งดีขึ้นมาก ขับบนถนนวิภาวดี ความเร็วรอบ 2900 รอบ เข็มไมล์ 120 ก.ม. ไม่มีอาการสะดุดแม้กระทั่งเมื่อจอดติดสัญญาณไฟ 
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!