แบบสะดวก-ประหยัดเวลา
สเปรย์ล้างห้องเครื่องของ SONAX กระป๋องเขียวไม่กีตังส์ รอให้เครื่องเย็นลงสักพักแล้วฉีดให้ทั่ว ทิ้งไว้สัก 3-5 นาที ฉีดน้ำตาม ถ้ามีโบวเวอร์เอาพ่นไล่น้ำ ถ้าไม่มีหลังฉีดน้ำเสร็จรีบเอาผ้าซับน้ำพวกสายหัวเทียน คอยล์ เสร็จแล้วสตารท์เครื่อง ถ้ามีน้ำซึมเข้าเครื่องจะเหมือนเดินไม่เรียบอยู่สักพัก ให้เร่งเครื่องนิดหน่อยไม่นานอาการก็จะหายไป
สเปรย์แบรนด์นี้ไม่มีผลกับยางหรือฉนวนต่างๆ ดีกว่าใช้น้ำมันฉีดนะครับ
แบบประหยัดหน่อยแต่ต้องใช้เวลา
ซื้อน้ำยาล้างเครื่องแกลลอนประมาณ 4-5 ร้อย (นี่ขนาดแกลลอนนะครับ) ใช้นานหลายปี ใช้ได้กับรถเกือบร้อยคัน ถ้าใช้ผสมล้างห้องเครื่องอย่างเดียว ซื้อน้ำมันดีเซลหรือน้ำมันกาด ผสมตามอัตราส่วนตามฉลากบอกไว้ ผสมเสร็จแล้สใช้แปรงทาๆให้ทั่ว ทิ้งไว้สักพักฉีดน้ำล้าง แล้วทำเช่นเดียวกับแบบแรก
ข้อดี
สเปรย์
- สะอาดกว่าแยะ
- เหนื่อยน้อย ทั่วถึงกว่า เพราะพ่นได้ตรงจุที่เข้าไม่ถึง
- ไม่กัดพลาสติค ยาง ฉนวน
น้ำยาผสม
- ประหยัด
- ล้างอุปกรณ์เครื่องได้หลากหลาย ใช้ได้นานจนลืมถ้ามีรถไม่กี่คัน
ข้อเสีย
สเปรย์
- บริเวณชิ้นส่วนพลาสติคจะมีเหมือนรอยล้างที่สะอาดเกินไปเหมือนจะเป็นฝ้าขาวๆ แต่ก็แก้ได้โดยก่พ่น SONAX หล่อลื่นเคลือบทุกอย่างก็จะเงาแว๊บ
- ราคาหลักร้อยต่อ 1 กระป๋อง จำไม่ผิดน่าจะ 115.- แล้วแต่โปรฯ ของแต่ละห้าง
น้ำยาผสม
- น้ำยาถูก แต่น้ำมันแพง
- กัดพลาสติค ยาง ฉนวน ถึงจะเป็นดีเซล
- สะอาดน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด
- ไม่ทั่วถึง
- เหนื่อย
โดยประมาณนะครับ จากการที่ได้ใช้มาทั้ง 2 แบบ ส่วนแบบที่ 3 คือจ้างตามปั๊ม คาร์แคร์ เคยเข้าครั้งเดียวแล้วรู้สึกเหมือนไม่คุ้ม เพราะไม่ได้ดั่งใจ ไม่สะอาดอย่างที่ตั้งใจไว้ เหมือนทำลวกๆ ที่สำคัญคือ แพง

