ปตท.ลดราคาน้ำมันทุกชนิด 40 สต./ลิตร พรุ่งนี้
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 8 สิงหาคม 2550 12:51 น.
ปตท.ประกาศปรับลดราคาน้ำมันทุกชนิด 40 สตางค์ต่อลิตร เพราะราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงต่อเนื่อง มีผลเช้าวันพรุ่งนี้ ขณะที่ รมว.พลังงานยอมรับกลุ่มราคาน้ำมันเบนซิน น่าจะลดลงมากกว่านี้ แต่เพราะกระทรวงพลังงานต้องเก็บเงินเพิ่มเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อชำระหนี้ที่ค้างอยู่กว่า 17,000 ล้านบาท ราคาจึงลดลงในระดับดังกล่าว
นายวิทยา หวังจิตรารักษ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สาเหตุที่มีการปรับลดราคาน้ำมันทุกชนิดลง 40 สตางค์ต่อลิตร มีผลเช้าวันพรุ่งนี้ (9 ส.ค.) เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลก 2-3 วันที่ผ่านมา ลดลงมาตลอด โดยเฉพาะราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ วานนี้ ลดลง 3.22 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ไปอยู่ที่ 76.09 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สำหรับเบนซิน และลดลง 2.51 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ไปอยู่ที่ 81.34 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล สำหรับดีเซล โดยค่าการตลาดเฉลี่ยอยู่ในช่วงเหมาะสม 1.10 บาทต่อลิตร ซึ่งความจริงทิศทางราคาน้ำมันกลุ่มเบนซินอาจจะลดลงได้มากกว่านี้ แต่ล่าสุดกระทรวงพลังงานได้ประกาศจัดเก็บเงินกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงในส่วนน้ำมันเบนซิน 95 และเบนซิน 91 อีก 20 สตางค์ต่อลิตร ส่งผลให้การเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในส่วนน้ำมันเบนซิน 95 เพิ่มเป็น 3.66 บาทต่อลิตร และเบนซิน 91 ลิตรละ 3.46 บาท
ด้านนายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สาเหตุที่เก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในส่วนน้ำมันเบนซินเพิ่ม เพราะกองทุนน้ำมันฯ ยังมีภาระติดค้างหนี้จากการตรึงราคาน้ำมันในอดีตอีกประมาณ 17,000-18,000 ล้านบาท เมื่อราคาน้ำมันลดลง ควรจะเร่งเก็บเงินใช้หนี้ประกอบกับที่ผ่านมา กระทรวงพลังงานได้ลดจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ในส่วนแก๊สโซฮอล์ เพื่อสนับสนุนการใช้แก๊สโซฮอล์มากขึ้น
นายปิยสวัสดิ์ กล่าวว่า แม้ราคาน้ำมันจะปรับลดลงต่อเนื่อง แต่ขอเตือนผู้บริโภคน้ำมันอย่าได้วางใจ เพราะทิศทางราคา 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผันผวนอย่างหนัก บางวันขึ้น-ลงกว่า 2 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และแนวโน้มคาดว่าราคาน้ำมันจะทรงตัวในระดับสูง เพื่อให้เกิดประโยชน์การประหยัดพลังงานและลดการนำเข้าน้ำมัน จึงเชิญชวนประชาชนหันมาใช้แก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซล เพราะมีราคาถูกกว่า
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดงาน Thailand ESCO Fair 2007 ว่า งานดังกล่าว เป็นไปตามทิศทางการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานที่ส่งเสริมให้มีบริษัทจัดการด้านพลังงานเข้ามาช่วยเหลือแนะนำบริษัท โรงงาน สถานประกอบการต่าง ๆ ให้ร่วมกันลดการใช้พลังงาน โดยขณะนี้มีบริษัทจัดการด้านพลังงานประมาณ 50 ราย อย่างไรก็ตาม บทบาทของบริษัทดังกล่าวยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานเดินหน้ารวดเร็ว จึงได้หารือกับภาคเอกชนว่า ประเทศไทยควรจัดตั้งกองทุนร่วมลงทุนสำหรับเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจที่ต้องการอนุรักษ์พลังงาน โดยในเร็ว ๆ นี้ จะเชิญสถาบันการเงิน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี ซึ่งจะจัดตั้งกองทุนพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือว่า รูปแบบการจัดตั้งกองทุนจะเป็นอย่างไร และจะเข้าไปลงุทนลักษณะใด คาดว่าจะมีข้อสรุปได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ ซึ่งหากกองทุนร่วมลงทุนจัดตั้งแล้วจะเป็นเงินจากภาครัฐและเอกชนเข้ามาจัดตั้งเพิ่มเติมจากกองทุนส่งเสริมเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่ปล่อยเงินกู้ร่วมกับ 11 สถาบันการเงิน ซึ่งปีนี้มีการปล่อยเงินกู้ 2,000 ล้านบาท และปีหน้าจะปล่อยกู้อีก 2,000 ล้านบาท สำหรับส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน โดยที่ผ่านมา มีการปล่อยเงินกู้ไปแล้ว 4,000 ล้านบาท สามารถประหยัดพลังงานได้มูลค่าสูง

