ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน 2025 เวลา 22:01:56

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  มีปัญหา /สอบถาม /ให้คำแนะนำ รถยนต์ peugeot แต่ละรุ่น
| |-+  40X
| | |-+  405d8 v.s. camry2.4
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 [2] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: 405d8 v.s. camry2.4  (อ่าน 5784 ครั้ง)
TiTLe
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 576



« ตอบ #24 เมื่อ: วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 09:19:05 »


วิ่งสบายๆดีกว่าครับ....ใครรีบก็ปล่อยเค้าไป
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Nobel405
สิงห์ปริญญาตรี
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 231


« ตอบ #25 เมื่อ: วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 09:24:30 »


บทความ ลอกเค้ามา...น่าคิด

วัสดุต่าง ๆ ของตัวแรง
ของแต่งเพิ่มแรง .... แพง ...แต่ทนกว่า

เปลี่ยนอารมณ์กันซักนิด จากอุปกรณ์ที่ว่าด้วย ?อิเล็กทรอนิกส์? สู้ชิ้นส่วนที่เป็นโครงสร้างต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกรวมไปถึงที่หมุน
และ เคลื่อนที่อยู่ภายในเครื่องยนต์ กว่าจะผลิตรถยนต์ขึ้นมาได้ซักคันนั้นบรรดานักออกแบบและวิศวกรของค่ายผู้ผลิตต่างก็ทุ่มเทมันสมอง
และเทคโนโลยีในส่วนต่าง ๆ ไว้เพียบพร้อมอยู่แล้วเพื่อให้คุณได้เสียเงิน ?หิ้ว? ออกจากโชว์รูม .... แต่เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าทำไมไอ้คน
ที่รู้จักเพื่อนฝูง หรือแม้แต่ลูกหลานใต้อาณัติยังต้องไปดิ้นรนหาของแต่งค่าตัวสูงมาประเคนใส่เพื่อแทนที่ชิ้นส่วนของโรงงาน?? กับวลีที่ว่า ?ของเดิม ๆ เค้าก็ดีอยู่แล้ว?

แพงและทนกว่า ...แต่แรงมั๊ย ......ต้องดูกันอีกที

ที่เห็นกันบ่อย ๆ ว่าต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนนั้นเป็นของแต่งที่ทำจากไอ้นี่ ไอ้นั่น.... ไม่ได้หมายความว่าชิ้นส่วนของโรงงานไม่ดีหรือใจเสาะแต่
อย่างใด อย่างที่รู้ ๆ กันว่าส่วนประกอบต่าง ๆ กว่าจะได้ผลิตขึ้นมาเป็นรถซักคันหนึ่งเนี่ย...... วิศวกรเค้าคำนวณในทุก ๆ รายละเอียด มาให้
เราเรียบร้อยหมดแล้ว ว่าใช้งานประมาณนี้ภายใต้ขอบเขตที่ไม่เป็นการทารุณตัวรถและเครื่องจนเกินไป ทุกระบบก็จะสามารถตอบสนองต่อ
การขับขี่ได้อย่างครบถ้วยเหมาะสม ไอ้แบบนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับครรัก ?รถเดิม? ประเภทโรงงานมีมาอย่างไร ข้าก็ใช้อย่างนั้น (แบบนี้ล่ะ
วิเศษสุด) กับอีกกลุ่มที่นิยมการ ?เปลี่ยนแปลง? ประเภทซ้ำใครแล้วไม่สบายใจพานจะไข้ขึ้น ไอ้ประเภทนี้ก็มีไม่น้อย การดิ้นรนจึงเกิดขึ้น
ไม่ควรคาดหวังว่าได้ของแต่งมาสักชิ้น แล้วมันจะ ?อัพ? พลังให้ทันตาเห็นแต่อย่างใด มันต้องดูอีกหลาย ๆ องค์ประกอบในการเพิ่มแรง
ด้วยเช่น ไปได้ลูกสูบแต่ง (N/A) มาชุดนึง ราคาปาเข้าไปครึ่งแสน ใส่แล้วประกอบเครื่องโดยทุกชิ้นส่วนยังเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นแค็ม, วาล์ว, พอร์ท, ปะเก็น หรือแม้แต่ท่อไอเสีย เรียวแรงที่เพิ่มมันอาจจะไม่ทำให้เห็นถึงความแตกต่าง (มากนัก) ก็เป็นได้ เพราะ อากาศที่ไหลเข้ามา
เป็นไอดีและถูกไล่ออกเป็นไอเสียมันยังมีปริมาณเท่าเดิม กำลังไฟที่ใช้ในการจุดระเบิดเท่าเดิม มันก็เลยไม่รู้จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาเพิ่มให้
คุณ ถ้ารักจะแรงมันต้องลงทุนในหลาย ๆ ส่วน...และจำเอาไว้เถิดว่ายิ่งต้องการความแรง และความทนมากเท่าไหร่ ตัวเลขในบัญชีธนาคาร
ก็ยิ่งหดน้อยลงไปเท่านั้น

บางอย่างช่วยให้แรง ....... แต่บางอย่างทำให้ ?ความแรง? อยู่กับเราได้นานขึ้น

ขอเริ่มกันที่เป็นชิ้นส่วนในขุมกำลังก่อนดีกว่า.... ไอ้ที่เป็นของเดิมที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะอยากไปยุ่งกับมัน (หมายถึง เปลี่ยนทั้งชิ้น) ก็มีตั้ง
แต่ฝาสูบ, เสื้อสูบ, แคร้งค์ อะไรพวกนี้ หรือ ให้เข้าใจง่าย ๆ ก็เป็นพวกที่ไม่ต้องเคลื่อนที่นั่นแหละที่ไม่อยากไปเกี่ยวข้องกับมัน นอกนั้นถ้า
ต้องเคลื่อนไหว ไมว่าจะในทิศทางใดมักไม่รอดพ้นโดน ?ยำ? อยู่เรื่อย ตั้งแต่ ลูก, ก้าน, ข้อ, แค็ม, สปริงวาล์ว หรือแม่แต่ ชาฟท์ต่าง ๆ แต่
ก็ต้องดูด้วยว่าเป้าหมายนั้นอยู่ที่กี่แรง งบเท่าใด และที่สำคัญประมาณตนเองไว้ด้วยว่า... แค่ไหน


...
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
KonG_S16
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,093



« ตอบ #26 เมื่อ: วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 10:06:36 »


อ่านบทความแล้วอยากจะบอกคนเขียนบทความนี้จริงๆ เลยว่า สมัยนี้รถออกแบบมาขายเป็นสินค้าเพื่อการค้าขายมากกว่าออกแบบมาให้คนใช้งาน การสร้างรถขึ้นมาคันนึงจึงต้องคำนวณค่าใช้จ่าย และตัดคอสที่ไม่ค่อยจำเป็นออก เพื่อลดต้นทุนการผลิต จะได้มีกำไรมากขึ้น เพราะคนที่อยู่ในวงการขายรถอย่างผม สามารถบอกได้เลยว่ารถรุ่นใหม่ๆ แต่ละคัน ใช้เหล็กบางกว่ารุ่นเก่าๆ บางยี่ห้อก็เห็นบางส่วนหนานเท่าเดิมแต่ ชิ้นส่วนที่เป็นเหล็กบางจุดก็โดนตัดออกไป ส่วนมาจะโดนในจุดที่เรามองไม่เห็นด้วยครับ

สังเกตุได้ว่าสมัยนี้ รถรุ่นใหม่แต่ละคันไม่ค่อยมีความทนทานเท่ารถรุ่นเก่าๆ เลย โดนชนนิดสกิดหน่อย ก็ยุบกันเป็นแถบๆ ขนาดโครงสร้าง แซสซี่ที่น่าจะมีความแข็วแกร่งที่สุดก็ยังยุบตัวง่าย ประตูเอานิ้วกดเบาๆ เหล็กก็ยุบตัว ถ้าเอาตัวพิงยิ่งแล้วใหญ่ ยุบไปเลย

อย่าในบทความนี้ช่วงนี้บอกว่า
อ้างถึง
ไปได้ลูกสูบแต่ง (N/A) มาชุดนึง ราคาปาเข้าไปครึ่งแสน ใส่แล้วประกอบเครื่องโดยทุกชิ้นส่วนยังเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นแค็ม, วาล์ว, พอร์ท, ปะเก็น หรือแม้แต่ท่อไอเสีย เรียวแรงที่เพิ่มมันอาจจะไม่ทำให้เห็นถึงความแตกต่าง (มากนัก) ก็เป็นได้ เพราะ อากาศที่ไหลเข้ามา
เป็นไอดีและถูกไล่ออกเป็นไอเสียมันยังมีปริมาณเท่าเดิม กำลังไฟที่ใช้ในการจุดระเบิดเท่าเดิม มันก็เลยไม่รู้จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาเพิ่มให้
คุณ

ถ้าเป็นชุดลูกสูบแต่งแบบ N/A แม้ว่าเราจะได้ไม่เปลี่ยนอุปกรณ์ทุกอย่าง เปลี่ยนแต่ลูกสูบก็สามารถเห็นผมต่างได้ และสามารถเพิ่มแรงม้า แรงบิดได้ เพราะ ถึงไอดีและไอเสียยังมีปริมาณเท่าเดิม ไฟจุดระเบิดเท่าเดิม แต่ กำลังอัดในห้องเผาไหม้จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากชุดลูกสูบที่เป็นของแต่งแบบ N/A จะมีการให้กำลังอัดที่สูงกว่าลูกสูบปกติ ทำให้เกิดการจุดระเบิดที่รุนแรงกว่าครับ แต่จะมีปัญหาเกิดขึ้นตามมาจากการเปลี่ยนเฉพาะลูกสูบอีกไม่รู้จบครับ เนื่องจากความร้อนในห้องเผาไหม้เพิ่มขึ้น จึงมีความเสี่ยงที่จะทำให้รถความร้อนขึ้นได้ครับ การแต่งรถจึงต้องทำอยากที่เขาว่าคือ
อ้างถึง
ถ้ารักจะแรงมันต้องลงทุนในหลาย ๆ ส่วน
และผมเห็นด้วยในส่วนที่เขาบอกว่า
อ้างถึง
...และจำเอาไว้เถิดว่ายิ่งต้องการความแรง และความทนมากเท่าไหร่ ตัวเลขในบัญชีธนาคาร
ก็ยิ่งหดน้อยลงไปเท่านั้น
เพราะตอนนี้เงินในกระเป๋าผมก็เป็นไปตามนั้นเหมือนกัน :เปียกปอน: โอ๊วๆๆๆ ยอดจริงๆๆ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ซ่อมรถ โมเครื่อง ทำช่วงล่าง: อู่ช่างแว่นที่เดียวเท่านั้น ที่ผมไว้ใจ
Poj_MN
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 478


« ตอบ #27 เมื่อ: วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 14:26:36 »


อ่านบทความแล้วอยากจะบอกคนเขียนบทความนี้จริงๆ เลยว่า สมัยนี้รถออกแบบมาขายเป็นสินค้าเพื่อการค้าขายมากกว่าออกแบบมาให้คนใช้งาน การสร้างรถขึ้นมาคันนึงจึงต้องคำนวณค่าใช้จ่าย และตัดคอสที่ไม่ค่อยจำเป็นออก เพื่อลดต้นทุนการผลิต จะได้มีกำไรมากขึ้น เพราะคนที่อยู่ในวงการขายรถอย่างผม สามารถบอกได้เลยว่ารถรุ่นใหม่ๆ แต่ละคัน ใช้เหล็กบางกว่ารุ่นเก่าๆ บางยี่ห้อก็เห็นบางส่วนหนานเท่าเดิมแต่ ชิ้นส่วนที่เป็นเหล็กบางจุดก็โดนตัดออกไป ส่วนมาจะโดนในจุดที่เรามองไม่เห็นด้วยครับ

สังเกตุได้ว่าสมัยนี้ รถรุ่นใหม่แต่ละคันไม่ค่อยมีความทนทานเท่ารถรุ่นเก่าๆ เลย โดนชนนิดสกิดหน่อย ก็ยุบกันเป็นแถบๆ ขนาดโครงสร้าง แซสซี่ที่น่าจะมีความแข็วแกร่งที่สุดก็ยังยุบตัวง่าย ประตูเอานิ้วกดเบาๆ เหล็กก็ยุบตัว ถ้าเอาตัวพิงยิ่งแล้วใหญ่ ยุบไปเลย

อย่าในบทความนี้ช่วงนี้บอกว่า
อ้างถึง
ไปได้ลูกสูบแต่ง (N/A) มาชุดนึง ราคาปาเข้าไปครึ่งแสน ใส่แล้วประกอบเครื่องโดยทุกชิ้นส่วนยังเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นแค็ม, วาล์ว, พอร์ท, ปะเก็น หรือแม้แต่ท่อไอเสีย เรียวแรงที่เพิ่มมันอาจจะไม่ทำให้เห็นถึงความแตกต่าง (มากนัก) ก็เป็นได้ เพราะ อากาศที่ไหลเข้ามา
เป็นไอดีและถูกไล่ออกเป็นไอเสียมันยังมีปริมาณเท่าเดิม กำลังไฟที่ใช้ในการจุดระเบิดเท่าเดิม มันก็เลยไม่รู้จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาเพิ่มให้
คุณ

ถ้าเป็นชุดลูกสูบแต่งแบบ N/A แม้ว่าเราจะได้ไม่เปลี่ยนอุปกรณ์ทุกอย่าง เปลี่ยนแต่ลูกสูบก็สามารถเห็นผมต่างได้ และสามารถเพิ่มแรงม้า แรงบิดได้ เพราะ ถึงไอดีและไอเสียยังมีปริมาณเท่าเดิม ไฟจุดระเบิดเท่าเดิม แต่ กำลังอัดในห้องเผาไหม้จะเพิ่มขึ้นเนื่องจากชุดลูกสูบที่เป็นของแต่งแบบ N/A จะมีการให้กำลังอัดที่สูงกว่าลูกสูบปกติ ทำให้เกิดการจุดระเบิดที่รุนแรงกว่าครับ แต่จะมีปัญหาเกิดขึ้นตามมาจากการเปลี่ยนเฉพาะลูกสูบอีกไม่รู้จบครับ เนื่องจากความร้อนในห้องเผาไหม้เพิ่มขึ้น จึงมีความเสี่ยงที่จะทำให้รถความร้อนขึ้นได้ครับ การแต่งรถจึงต้องทำอยากที่เขาว่าคือ
อ้างถึง
ถ้ารักจะแรงมันต้องลงทุนในหลาย ๆ ส่วน
และผมเห็นด้วยในส่วนที่เขาบอกว่า
อ้างถึง
...และจำเอาไว้เถิดว่ายิ่งต้องการความแรง และความทนมากเท่าไหร่ ตัวเลขในบัญชีธนาคาร
ก็ยิ่งหดน้อยลงไปเท่านั้น
เพราะตอนนี้เงินในกระเป๋าผมก็เป็นไปตามนั้นเหมือนกัน :เปียกปอน: โอ๊วๆๆๆ ยอดจริงๆๆ

[/quo
บทความ ลอกเค้ามา...น่าคิด

วัสดุต่าง ๆ ของตัวแรง
ของแต่งเพิ่มแรง .... แพง ...แต่ทนกว่า

เปลี่ยนอารมณ์กันซักนิด จากอุปกรณ์ที่ว่าด้วย ?อิเล็กทรอนิกส์? สู้ชิ้นส่วนที่เป็นโครงสร้างต่าง ๆ ทั้งภายในและภายนอกรวมไปถึงที่หมุน
และ เคลื่อนที่อยู่ภายในเครื่องยนต์ กว่าจะผลิตรถยนต์ขึ้นมาได้ซักคันนั้นบรรดานักออกแบบและวิศวกรของค่ายผู้ผลิตต่างก็ทุ่มเทมันสมอง
และเทคโนโลยีในส่วนต่าง ๆ ไว้เพียบพร้อมอยู่แล้วเพื่อให้คุณได้เสียเงิน ?หิ้ว? ออกจากโชว์รูม .... แต่เคยสงสัยกันบ้างไหมว่าทำไมไอ้คน
ที่รู้จักเพื่อนฝูง หรือแม้แต่ลูกหลานใต้อาณัติยังต้องไปดิ้นรนหาของแต่งค่าตัวสูงมาประเคนใส่เพื่อแทนที่ชิ้นส่วนของโรงงาน?? กับวลีที่ว่า ?ของเดิม ๆ เค้าก็ดีอยู่แล้ว?

แพงและทนกว่า ...แต่แรงมั๊ย ......ต้องดูกันอีกที

ที่เห็นกันบ่อย ๆ ว่าต้องเปลี่ยนชิ้นส่วนนั้นเป็นของแต่งที่ทำจากไอ้นี่ ไอ้นั่น.... ไม่ได้หมายความว่าชิ้นส่วนของโรงงานไม่ดีหรือใจเสาะแต่
อย่างใด อย่างที่รู้ ๆ กันว่าส่วนประกอบต่าง ๆ กว่าจะได้ผลิตขึ้นมาเป็นรถซักคันหนึ่งเนี่ย...... วิศวกรเค้าคำนวณในทุก ๆ รายละเอียด มาให้
เราเรียบร้อยหมดแล้ว ว่าใช้งานประมาณนี้ภายใต้ขอบเขตที่ไม่เป็นการทารุณตัวรถและเครื่องจนเกินไป ทุกระบบก็จะสามารถตอบสนองต่อ
การขับขี่ได้อย่างครบถ้วยเหมาะสม ไอ้แบบนี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับครรัก ?รถเดิม? ประเภทโรงงานมีมาอย่างไร ข้าก็ใช้อย่างนั้น (แบบนี้ล่ะ
วิเศษสุด) กับอีกกลุ่มที่นิยมการ ?เปลี่ยนแปลง? ประเภทซ้ำใครแล้วไม่สบายใจพานจะไข้ขึ้น ไอ้ประเภทนี้ก็มีไม่น้อย การดิ้นรนจึงเกิดขึ้น
ไม่ควรคาดหวังว่าได้ของแต่งมาสักชิ้น แล้วมันจะ ?อัพ? พลังให้ทันตาเห็นแต่อย่างใด มันต้องดูอีกหลาย ๆ องค์ประกอบในการเพิ่มแรง
ด้วยเช่น ไปได้ลูกสูบแต่ง (N/A) มาชุดนึง ราคาปาเข้าไปครึ่งแสน ใส่แล้วประกอบเครื่องโดยทุกชิ้นส่วนยังเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็นแค็ม, วาล์ว, พอร์ท, ปะเก็น หรือแม้แต่ท่อไอเสีย เรียวแรงที่เพิ่มมันอาจจะไม่ทำให้เห็นถึงความแตกต่าง (มากนัก) ก็เป็นได้ เพราะ อากาศที่ไหลเข้ามา
เป็นไอดีและถูกไล่ออกเป็นไอเสียมันยังมีปริมาณเท่าเดิม กำลังไฟที่ใช้ในการจุดระเบิดเท่าเดิม มันก็เลยไม่รู้จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาเพิ่มให้
คุณ ถ้ารักจะแรงมันต้องลงทุนในหลาย ๆ ส่วน...และจำเอาไว้เถิดว่ายิ่งต้องการความแรง และความทนมากเท่าไหร่ ตัวเลขในบัญชีธนาคาร
ก็ยิ่งหดน้อยลงไปเท่านั้น

บางอย่างช่วยให้แรง ....... แต่บางอย่างทำให้ ?ความแรง? อยู่กับเราได้นานขึ้น

ขอเริ่มกันที่เป็นชิ้นส่วนในขุมกำลังก่อนดีกว่า.... ไอ้ที่เป็นของเดิมที่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะอยากไปยุ่งกับมัน (หมายถึง เปลี่ยนทั้งชิ้น) ก็มีตั้ง
แต่ฝาสูบ, เสื้อสูบ, แคร้งค์ อะไรพวกนี้ หรือ ให้เข้าใจง่าย ๆ ก็เป็นพวกที่ไม่ต้องเคลื่อนที่นั่นแหละที่ไม่อยากไปเกี่ยวข้องกับมัน นอกนั้นถ้า
ต้องเคลื่อนไหว ไมว่าจะในทิศทางใดมักไม่รอดพ้นโดน ?ยำ? อยู่เรื่อย ตั้งแต่ ลูก, ก้าน, ข้อ, แค็ม, สปริงวาล์ว หรือแม่แต่ ชาฟท์ต่าง ๆ แต่
ก็ต้องดูด้วยว่าเป้าหมายนั้นอยู่ที่กี่แรง งบเท่าใด และที่สำคัญประมาณตนเองไว้ด้วยว่า... แค่ไหน


...
เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ   แรงไปก็เท่านั้น น้ำมันแพง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ขับ Peugeot โก้ดี ถ้าไม่มีอะไรต้องซ่อม
โอ๊ต_XU5_ฝาส้ม
ใจไปไวกว่าแสง
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,870



« ตอบ #28 เมื่อ: วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 20:48:28 »


เวลาออกแบบรถ

จะต้องรู้แรงที่มากระทำในแต่ละชิ้นส่วนของรถก่อน

อันดับ 2 พิจารณาดูว่า ชิ้นส่วนนั้น มันต้องขึ้นรูปด้วยวิธีอะไร

อันดับ 3 มาสุมหัวคิดเรื่องประเภทของวัสดุที่ต้องเอามาใช้

อันดับ 4 มาคำนวณหาขนาดของชิ้นงานนั้นๆ

โดยในขั้นตอนนี้สามารถกำหนดได้ด้วยกว่า

จะให้มันทนจากการใช้งานจริงได้กี่เท่า

เรียกว่า Factor of Safety (ค่าความปลอดภัย) มีสูตรคือ

แรงที่วัสดุจะถึงจุดขั้นแตกหัก / แรงที่อนุญาตให้ใช้แค่นั้น

เช่น สลิงเส้นนึง  รับแรงได้ซัก 200 กิโลถึงจะเริ่มขาด

เวลาขายก็เขียนโฆษณาซะว่ารับได้แค่ 100 กิโล

Factor of Safety ก็ได้ = 2 เท่า

ทีนี้ปัญหาคือ เมื่อต้องการสนองความแรง

ชิ้นส่วนก็ต้องรับภาระมากขึ้น  ค่าความปลอดภัยมันก็ต่ำลง

จนถึงจุดนึง ที่ทำเกินลิมิตของชิ้นงานนั้นจะรับได้

มันก็จะเริ่มบรรลัยทีละนิด  จนมันรับไม่ไหว ทีนี้บรรลัยทั้งชิ้นเลย

------------------------------------------------------------------

ปัญหาหนักของคนแต่งรถ คือมักจะไม่รู้ว่า วิศวกรเขาเผื่อค่าความปลอดภัยมาไว้เท่าไหร่

ไม่มีข้อมูล   ในหลายๆครั้งจึงโมดิฟายเกินลิมิตของวัสดุนั้น  แต่เนื่องด้วยมันไม่ออกอาการในทันที

จึงคิดว่า มันรับไหว แต่พอใช้นานๆเข้า  มันก็ทนไม่ไหว ก็พังขึ้นมา

--------------------------------------------------------------------

ขั้นตอนการเลือกวัสดุ ต้องคำนึงถึงความล้าด้วย

ความล้าหมายความว่า ชิ้นส่วนใดๆที่มันทำงานเป็นวัฎจักร

คือทำงานกลับไปกลับมาครบรอบไปเรื่อยๆ เช่น ลูกสูบ ปีกเครื่องบิน ฯลฯ

เมื่อใช้งานไปอาจจะหลายล้านๆรอบ  วัสดุมันจะรับแรงได้น้อยลงกว่าเดิม

เช่น สลิงเส้นนึงอีกแล้ว  ที่บอกไปว่าต้องเจอแรงไป 200 กิโลถึงจะเริ่มขาด

พอมันล้า  มันอาจจะขาดเมื่อมีแรงถึงเพียงแค่ 150 กิโลเองก็ได้

-------------------------------------------------------------------------
อยากรู้วิธีทำรถก็ถามได้ครับ จะตอบให้เท่าที่รู้

เพราะตอนนี้ผมก็ทำรถสเปซเฟรมคันที่ 2 กันอยู่

ซึ่งได้ใช้ความรู้ที่เรียนมา หลายวิชามากมายเลย

เรียนแต่ละวิชา ใช้คุ้มมากๆ




แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Maxz-EBC Brakes
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,720



เว็บไซต์
« ตอบ #29 เมื่อ: วันอังคารที่ 28 ตุลาคม 2008 เวลา 21:25:59 »


อ่านของพี่โอ๊ตแล้ว ผมนึกถึง วิชา Mechanic of solids เลย

ผ่านมาด้วย D มีประจุ  คริกๆ 
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ตัวแทนจำหน่าย
ผ้าเบรค จานเบรค EBC จากอังกฤษ
กรอง K&N แท้
ผลิตภัณฑ์หล่อลื่น Amsoil / Liqui Moly
กรองน้ำมันเครื่อง WIX
ติดต่อ Max (Authorised Dealer)
อื่นๆ -> Moty's Oil / Brembo OEM



Facebook : EBC Brakes Authorised Dealer-Nonthaburi หรือ พิมพ์ว่า @MaxEBCBRAKES ครับ

รายละเอียด จิ้มตรงนี้ ->>> http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php/topic,36
หน้า: 1 [2] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!