เพื่อนผมหลายคนขึ้นรถแล้วก็ไม่ชอบคาดเข็มขัดนิรภัย
ผมเลยต้องสอนให้ แต่ก็มักจะเถียงเป็นเสียงเดียวกันว่า
ความเร็วน้อยๆไม่ต้องคาดหรอก ไม่เป็นไร
ผมเลยสาธิตให้เขาดูหลังจากใส่เกียร์ 1 แล้วปล่อยให้ไหล
แล้วก็เบรคฉุกเฉินไป 1 ที แบบว่าเอาเท้ากระแทกแป้นเบรคลงไปเลย
หลังจบการสาธิตเขาก็คว้าเข็มขัดนิรภัยมาคาดกันอย่างเร็ว
------------------------------------------------------------------
แต่พอผมทำวิธีนี้ ก็ไม่ค่อยมีใครกล้านั่งรถกับผมอีกเช่นกัน
แต่ในเมื่อพูดไม่ฟัง จะให้ทำยังไงได้
เราเป็นคนขับ เราต้องรับผิดชอบผู้โดยสารในรถ
ฉะนั้น วิธีนี้ จึงเป็นอีก 1 วิธี ที่จะทำให้ผู้โดยสารรถเราปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้
----------------------------------------------------------------------------------------------
ผมยังลังเลใจอยู่เลยว่า ถ้าผมต้องออกแบบรถมาให้คนไทยสักรุ่น จะใส่ระบบความปลอดภัยให้ดีหรือเปล่า
เพราะส่วนมาก เขามีมาให้ซะดิบดี ก็ไม่เคยจะใช้กัน แถมไปแอบด่าวิศวกรผู้ออกแบบเสียอีก
ครั้นจะใส่ถุงลมนิรภัยให้ แต่ดันไม่คาดเข็มขัดนิรภัย
พอถุงลมมันกางออกมา เดี๋ยวก็คอหักตายอีก
ครั้นจะออกแบบให้ไม่คาดเข็มขัด รถไม่วิ่ง เดี๋ยวก็ดิ้นรนไปหาแก้วงจรที่ออกแบบไว้จนได้
----------------------------------------------------------------------
ผมเคยหลอกถามคนหลายๆคน โดยเล่าเรื่องบุคคลคนหนึ่งให้เขาฟัง เขาเป็นคนยุโรป
เขาเป็นผู้คิดค้นเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 ชุด และถุงลมนิภัย
เขาจึงทำการทดลองกับตัวเอง ในยุคที่มนุษยชาติ ยังไม่รู้จัก หุ่นทดสอบการชน
โดยเขานั่งอยู่บนเบาะ แล้วเอาท่อนเหล็กมากระทุ้งพุงตัวเอง ลักษณะคล้ายๆเอาท่อนเหล็กไปเล่นชิงช้า
แล้วปล่อยให้มันลงมาชนพุงเขา เพื่อให้มันเหมือนการชนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เขาทำแบบนี้เป็นร้อยครั้ง จนเกือบจะพิการ หลังจากนั้นผมจึงถามคนที่ผมหลอกถามว่า
คุณว่าเขาเป็นคนอย่างไร
คำตอบที่ผมได้รับ โดยส่วนมาก คือ "คนนั้น ไม่โง่ ก็ บ้า"
นี่คือคำตอบของคนไทยหลายๆคน
แต่ถ้าไปดูของเมืองนอก เขายกย่องให้คนคนนี้เป็นผู้เสียสละ
ยอมทดลองกับตัวเอง เกือบจะพิการ แต่ผลการทดลองของเขา ได้นำไปสู่การช่วยชีวิตคนอีกนับไม่ถ้วน
ในอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทั่วโลก
สุดท้าย ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่า ใครกันแน่ ที่ "โง่" และ "บ้า"

