ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน 2025 เวลา 18:06:58

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  หมวดหมู่ทั่วไป [ General topics ]
| |-+  พูดคุยทั่วไป ได้ทุกเรื่อง
| | |-+  เรื่องจริง หือ ล้อกันเล่น
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องจริง หือ ล้อกันเล่น  (อ่าน 2653 ครั้ง)
KonG_S16
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,093



« เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม 2008 เวลา 14:12:03 »


มาจาก Forward mail นะครับ อ่านแล้ว


ชาวลำปางตื่นภาพเปรตแห่ดูต่อเนื่องเต็มวัดไร่ข่วงเปา ชาวบ้านในหลายหมู่บ้านของ ต.ปงแสนทอง และ ต.ชมพู กว่า 3,500 ครัวเรือน ซึ่งเป็นพื้นที่ภายในเขตเทศบาลเมืองเขลางค์นคร อ.เมือง จ.ลำปาง เกิดความแตกตื่น และทยอยเดินทางมาที่วัดไร่ข่วงเปา ม.11 ต.ปงแสนทอง อ.เมือง เพื่อขอให้พระประสพชัย จรณธรรมโม รักษาการเจ้าอาวาสวัดไร่ข่วงเปา นำภาพเปรตออกมาให้ประชาชนได้ชม ภายหลังจาก ด.ช.เอกชัย แก้วมูลคำ อายุ 14 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนปงแสนทองวิทยา อ.เมือง ซึ่งมีบ้านอยู่ใกล้วัดสามารถใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปไว้ได้ในช่วงกลางดึก เวลา 01.00 น. ของวันที่ 14 กันยายน 2551 ที่ผ่านมา จำนวน 3 ภาพ จึงสร้างความแตกตื่นต่อชาวบ้านเป็นอย่างมาก เพราะในวันดังกล่าวในช่วงกลางวัน จะเป็นการทำบุญทานเปรตพี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 เพื่อทำบุญอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ดังนั้น ชาวบ้านจึงวิพากวิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานาว่า อาจจะเป็นเปรตที่จะมารอรับส่วนบุญที่วัด ตลอดจนจากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงทำให้เกิดกระแสข่าวแพร่สะพัดออกไปอย่างรวดเร็วในพื้นที่ อ.เมือง และอำเภอใกล้เคียง ได้แก่ อ.ห้างฉัตร และเกาะคา ทำให้ประชาชนหลั่งไหลเดินทางมาที่วัดเป็นจำนวนมาก ดังนั้น ทางวัดไร่ข่วงเปา จึงได้นำภาพเปรตมาขยายเป็นภาพใหญ่ และติดบอดท์ เพื่อให้ประชาชนได้ชมอย่างใกล้ชิด พร้อมมีข้อความเขียนไว้ข้างภาพว่าขอให้ประชาชนได้ใช้วิจารณญานในการชม และอย่าได้หลงงมงาย ซึ่งหลังจากประชาชนได้ชมภาพเปรตแล้ว ทุกคนต่างมีความเชื่อว่านรก และสวรรค์ หรือบาปบุญคุณโทษนั้น ยังมีอยู่จริง และควรที่จะตั้งหน้าทำความดี และทำบุญให้มาก ๆ เพื่อที่ตายไปแล้วจะไม่ตกนรก หรือกลายเป็นเปรต ดังในภาพ สำหรับบรรยากาศภายในหมู่บ้านไร่ข่วงเปา ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่สามารถถ่ายรูปภาพดังกล่าวได้นั้น พอพลบค่ำชาวบ้านก็จะเก็บตัวอยู่ในบ้านไม่ได้ออกมาเดินไปมา เหมือนแต่ก่อน เพราะหลายคนมีความกลัวว่าอาจจะเจอเปรตจึงอาศัยอยู่แต่ภายในบ้านเรือนของตนเอง
ของโรงเรียนปงแสนทองวิทยา อ.เมื อง ได้เล่าว่า ในวันที่สามารถถ่ายรูปได้ หลังจากตนได้ทำการบ้านเสร็จแล้ว และนอนเล่นอยู่ภายในห้องนอนของตนเอง จนกระทั่งถึงเวลาดังกล่าว ก็เลยเปิดผ้าม่าน เพื่อจะดูว่าฝนได้หยุดตกแล้วหรือไม่ จนได้เจอเงาสีดำที่อยู่เหนือต้นไม้ และหลังคาบ้าน ตนจึงเกิดความกลัวบ้าง ว่าสิ่งที่เห็นเป็นเปรต จากนั้นตนก็ได้ตั้งสติ ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายรูปไว้ จำนวน 3 ภาพ จากนั้น เงาสีดำที่ดูได้อย่างชัดเจน เพราะมีแสงของพระจันทร์ที่ส่องสว่างให้เห็นเด่นชัดว่ามีศีรษะ เป็นตัว และต้นขา ก็ได้เคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ ในลักษณะเดินที่ละก้าว โดยมุ่งไปทางวัดไร่ข่วงเปา อย่างไรก็ตามตนหลัง ได้ถ่ายรูปเปรต ก็ได้เกิดความกลัว และก็ได้นอนทันที จนกระทั่งในรุ่งเช้าจึงได้นำภาพ และรายละเอียดมาเล่าให้พี่ชาย และแม่ของตนเองทราบ จึงทำให้ชาวบ้านทราบเรื่องจนเป็นกระแสข่าวแพร่สะพัดออกไป ชาวบ้านในหมู่บ้านได้จับกลุ่มวิพากวิจารณ์ทุกวันถึงการพบเปรต และสามารถถ่ายรูปได้ โดยมีบางคนที่มีความเชื่อในเรื่องนี้ ได้นำภาพไปสอบถามกับร่างทรงในหมู่บ้านอื่น จึงทำให้ทราบมาว่า บริเวณบ้านที่อยู่ใกล้วัดนั้น มีผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ไม่ได้ไปผุดไปเกิด ประกอบกับลูกหลานไม่ได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ จึงได้ออกมาแสดงตนให้ชาวบ้านได้เห็น โดยที่ผ่านมา ร่างทรงยังได้บอกอีกว่าเปรตตัวนี้ได้ออกมาในลักษณะนี้แล้วหลายครั้ง เพื่อให้ชาวบ้านได้เห็น ซึ่งได้แสดงตัวออกมาแล้วถึง 3 ครั้ง จนในครั้งที่ 4 จึงมีผู้พบเห็น ประกอบกับในวันดังกล่าวเป็นวัดทำบุญใหญ่ ทานเปรตพี จึงได้ออกมาแสดงตน
เพื่อที่จะไปรับส่วนกุศลที่จะมีผู้ทำบุุญไปถึง จากเรื่องราวดังกล่าว ที่ร่างทรงได้บอกมายิ่งทำให้ชาวบ้านเกิดความเชื่ออย่างมาก
ด้าน พระประสพชัย จรณธรรมโม รักษาการเจ้าอาวาสวัดไร่ข่วงเปา กล่าวว่า เปรตในภาพเป็นเปรตที่มาขอส่วนบุญ และเป็นเปรตที่ไม่มีขา ไม่มีมือ และก็แบกของหนัก ตามหลักพระพุทธศาสนาแสดงว่าครั้งเมื่อตอนเป็นคนเคยขโมยของวัด หรือใส่รองเท้าขึ้นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด พอตอนตายไปก็จะเป็นเปรต และยังไม่ได้ไปผุดไปเกิด ดังนั้น เมื่อไม่มีมือจึงต้องนำสิ่งของต่าง ๆ ใส่บ่าแบกไว้เป็นการทรมานในครั้งที่ตายไปแล้ว สำหรับเปรตตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนามีหลายประเภท หัวเป็นควายเป็นวัวหรือว่าเป็นม้า ก็มี เพราะชอบเอาสัตว์เหล่านี้มาชนกัน ส่วนตัวจะเป็นร่างมนุษย์ หรืออีกประเภทจะเป็นเปรตที่ลิ้นยาว และมีไม้เสีย ประเภทนี้ ตอนเป็นคนเคยบ้วนน้ำลายลงในวัดพอตายไปก็เป็นเปรตประเภทนี้

ใครไม่เชื่ออย่าลบลู่นะ :หนาวจัง:


* 09.jpg (14.85 KB, 565x565 - ดู 136 ครั้ง.)

* 10.jpg (13.09 KB, 565x565 - ดู 134 ครั้ง.)

* 1.jpg (12.53 KB, 565x565 - ดู 133 ครั้ง.)

* 2.jpg (11.81 KB, 500x500 - ดู 128 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ซ่อมรถ โมเครื่อง ทำช่วงล่าง: อู่ช่างแว่นที่เดียวเท่านั้น ที่ผมไว้ใจ
WAT_7229
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 6,049



« ตอบ #1 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม 2008 เวลา 14:37:52 »


สุดท้ายก็เป็นเศษผ้าหรืออะไรสักอย่าง(รายการเรื่องจริงผ่านจอพิสูจน์แล้วเจอเจ้าสิ่งนี้ติดอยู่ที่มุ่งลวดนั่นแหละ) ไม่ใช่เปรตอย่างที่เข้าใจ
แต่หากจะทำให้ชาวบ้านเข้าวัดฟังธรรม ทำกรรมดีละกรรมชั่วกลัวนรกก็ปล่อยให้เป็นเปรตต่อไปดีกว่านะครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
JiM gR
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 420



« ตอบ #2 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม 2008 เวลา 16:24:27 »


สุดท้ายก็เป็นเศษผ้าหรืออะไรสักอย่าง(รายการเรื่องจริงผ่านจอพิสูจน์แล้วเจอเจ้าสิ่งนี้ติดอยู่ที่มุ่งลวดนั่นแหละ) ไม่ใช่เปรตอย่างที่เข้าใจ
แต่หากจะทำให้ชาวบ้านเข้าวัดฟังธรรม ทำกรรมดีละกรรมชั่วกลัวนรกก็ปล่อยให้เป็นเปรตต่อไปดีกว่านะครับ
แหม ทำไปได้ :เอิ๊กๆๆๆ:
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

หน่วยงานตรวจสอบคุณภาพสุราและนารี จังหวัดระยอง
KonG_S16
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,093



« ตอบ #3 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม 2008 เวลา 09:18:31 »


อ้อ งีนี่เอง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ซ่อมรถ โมเครื่อง ทำช่วงล่าง: อู่ช่างแว่นที่เดียวเท่านั้น ที่ผมไว้ใจ
โอ๊ต_XU5_ฝาส้ม
ใจไปไวกว่าแสง
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3,870



« ตอบ #4 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม 2008 เวลา 09:20:27 »


อยากรู้ว่าเปรตเป็นไง

ต้องไปถามคนที่เคยบวชพระตามวัดในชนบท

แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
wut405
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,978



« ตอบ #5 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม 2008 เวลา 09:50:38 »


เปรต มันเป็นยังไง ถ้าตอบแบบ ชาวบ้านๆ ก็จะได้อย่างที่เห็นกันอยู่ในรูปภาพครับ

แต่ถ้าตอบแบบ ภาษาธรรม ก็จะหมายถึง

1.เปรตสูงใหญ่ หมายถึง ความมักใหญ่ใฝ่สูงและมักมากในกามคุณ

2.เปรตท้องใหญ่ หมายถึง ความไม่รู้จักพอกินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม มีแต่ความหิวกระหายอยู่ตลอดเวลา

3.เปรตปากเท่ารูเข็ม หมายถึง อยากกินก็กินไม่ได้มากหรือได้รับความลำบากจากการกินจากการตระหนี่ขี่เหนียว

4.มือเท่าใบลาน หมายถึง การกอบโกยไม่รู้จักพอ ทั้งๆที่ตัวเองก็ปากเท่ารูเข็มกินไม่ได้มาก แต่ก็เอาแต่กอบโกงไม่มีที่สิ้นสุด

เท่าๆที่จำมาก็ประมาณนี้ครับ และก็มีเกี่ยวกับ เปรตต่างๆว่ามีอะไรบ้าง

คำว่า เปรต แปลว่า ผู้ละโลกนี้ไปแล้ว ผู้ตายไปแล้ว ในทางพุทธศาสนาหมายถึง สัตว์พวกหนึ่งที่ที่เกิดในเปตสิสัยซึ่งเป็นอบายภูมิ ๑ ใน ๔ ซึ่งประเภทของเปรตมีหลายประเภท เช่นประเภทหนึ่งเรียกว่า ปรทัตตูปชีวิเปรต คือเปรตที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยส่วนบุญที่มีผู้ทำอุทิศให้ หากไม่มีส่วนบุญที่มีผู้อุทิศให้ก็มักจะกินเลือดและหนองของตัวเองเป็นอาหาร โบราณมีความเชื่อที่ว่า ถ้าใครทำร้ายพ่อแม่ ชาติหน้าจะไปเกิดเป็นผีเปรต

การทำพลีกรรมแก่ผู้ล่วงลับไปแล้ว หรือการทำบุญอุทิศไปให้ผู้ตายว่า เปตพลี หรือ บุพเปตพลี


ประเภทของเปรต
ประเภทของเปรตมีการแบ่งหลายประเภท เช่น


แบ่งตาม เปตวัตถุอรรถกถา
แบ่งได้ 4 ประเภท

ปรทัตตุปชีวิกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ จากอาหารที่มีมนุษย์ให้ เช่น การเซ่นไหว้ เป็นต้น
ขุปปีปาสิกเปรต คือ เปรตที่อดอยาก ทุกข์จากความหิวโหอยู่เป็นนิจ
นิชฌามตัณหิกเปรต คือ เปรตที่ถูกไฟเผาให้เร่าร้อนอยู่เสมอ
กาลกัญจิกเปรต คือ เปรตในจำพวกอสุรกาย

แบ่งตาม คัมภีร์โลกบัญญัตติปกรณ์ และ ฉคติทีปนีปกรณ์
แบ่งได้ 12 ประเภท

วันตาสเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินน้ำลาย เสมหะ อาเจียน เป็นอาหาร
กุณปาสเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินซากศพคนหรือสัตว์ เป็นอาหาร
คูถขาทกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินอุจจาระต่าง ๆ เป็นอาหาร
อัคคิชาลมุขเปรต คือ เปรตที่มีเปลวไฟลุกทั่วในปากตลอดเวลา
สุจิมุขเปรต คือ เปรตที่มีปากเท่าเล็กขนาดเท่ารูเข็ม
ตัณหัฏฏิตเปรต คือ เปรตที่ถูกตัณหาเบียดเบียนจนเกิดทุกข์จากความหิวข้าวหิวน้ำอยู่เสมอ
สุนิชฌามกเปรต คือ เปรตที่มีตัวดำเหมือนตอไม้ที่ถูกเผา
สุตตังคเปรต คือ เปรตที่มีเล็บมือเล็บเท้ายาวและคมราวกับมีด
ปัพพตังคเปรต คือ เปรตที่มีร่างกายสูงใหญ่เท่าขนาดของภูเขา
อชครังคเปรต คือ เปรตที่มีร่างกายราวกับงูเหลือม
เวมานิกเปรต คือ เปรตที่ต้องเสวยทุกข์เฉพาะในเวลากลางวัน แต่ในเวลากลางคืนได้ไปเสวยสุขในวิมาน
มหิทธิกเปรต คือ เปรตที่มีฤทธิ์มาก

แบ่งตามวินัยและลักขณสังยุตตพระบาลี
แบ่งได้ 21 ประเภท

อัฏฐีสังขสิกเปรต คือ เปรตที่มีแต่กระดูกติดกันเป็นท่อน ๆ
มังสเปสิกเปรต คือ เปรตที่มีแต่เนื้อเป็นชิ้นๆ
มังสปิณฑเปรต คือ เปรตที่มีเนื้อเป็นก้อน
นิจฉวิปริสเปรต คือ เปรตที่ไม่มีหนังห่อหุ้ม
อสิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นพระขรรค์
สัตติโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นหอก
อุสุโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นลูกธนู
สูจิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นเข็ม
ทุติยสูจิโลมเปรต คือ เปรตที่มีขนเป็นเข็มชนิดที่ ๒
กุมภัณฑเปรต คือ เปรตที่มีอัณฑะใหญ่โตมาก
คูถกูปนิมุคคเปรต คือ เปรตที่จมอยู่ในอุจจาระ
คูถขาทกเปรต คือ เปรตที่มีชีวิตอยู่ได้ด้วยการกินอุจจาระ
นิจฉวิตกิเปรต คือ เปรตหญิงที่ไม่มีหนังห่อหุ้ม
ทุคคันธเปรต คือ เปรตที่มีกลิ่นเหม็นเน่า
โอคิลินีเปรต คือ เปรตที่มีร่างกายเป็นถ่านไฟ
อลิสเปรต คือ เปรตที่ไม่มีศีรษะ
ภิกขุเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับพระ
ภิกขุณีเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับภิกษุณี
สิกขมานเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสิกขมานา
สามเณรเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสามเณร
สามเณรีเปรต คือ เปรตที่มีรูปร่างเช่นเดียวกับสามเณรี
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

กำลังไหนจะ เท่า กำลังใจ
กำลังใจ สำคัญที่สุด
striker
สิงห์มัธยม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 128


« ตอบ #6 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม 2008 เวลา 11:26:16 »


ไม่น่ากลัวเหมือนตอนทีเป็นเด็กแล้วจินตนาการนะ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
somkiat
สิงห์มือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 21


« ตอบ #7 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม 2008 เวลา 14:36:39 »


อาจารย์ wut405 สุดยอดครับไปคนคว้ามาจากใหน
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
dej
สิงห์ปริญญาตรี
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 262


« ตอบ #8 เมื่อ: วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 06:08:51 »


    ภพภูมิต่างๆ มี ๓ ภพภูมิ คือ
        ๑. นรกโลกหรืออบายภูมิเช่นเปรต ผลจากการทำบาปต่างๆ อายุหลายหมื่นปีมนุษย์ จนถึงพุทธันดรคือตั้งแต่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ จนสิ้นศาสนาของพระองค์ก็ยังคงเป็นเปรต เช่นพระญาติของพรเจ้าพิมพิสาร ซึ่งเป็นต้นกำเหนิดของการกรวดน้ำ
        ๒. มนุษยโลก เกิดจากการมีศีล ๕
        ๓. เทวโลก เกิดจากการมีศีลไม่ทำบาปทั้งปวง ยังวนเวียนอยู่ใน ๓ โลก
         และสูงสุดคือพระนิพพาน เกิดจาก ทาน ศีล ภาวนา รวมเรียกว่าไตรสิกขา นรก สวรค์ มีทุกศาสนา
ตาดำๆ
             
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
mars
สิงห์ปริญญาโท
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 353



« ตอบ #9 เมื่อ: วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 09:02:50 »


สาธุ

ขอบคุณมากค่ะ ได้ความรู้ขึ้นเยอะเลย พอได้อ่านแล้วว่าได้รับทุกข์ไง กินแต่สิ่งปฏิกูล หรือหิวไม่มีที่สิ้นสุด บรื๋อออออ โอยยยยย แค่คิดก็ทรมานแล้ว :เหงื่อแตก:
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ลูกแม่นัทสีเขียว ชื่อน้องมากาเร็ต 

บ้านเพลงเก่า  www.oldsonghome.com
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!