ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน 2025 เวลา 14:15:25

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  หมวดหมู่ทั่วไป [ General topics ]
| |-+  พูดคุยทั่วไป ได้ทุกเรื่อง
| | |-+  ตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่น่าสนใจ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่น่าสนใจ  (อ่าน 880 ครั้ง)
Thailandproject
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 461



« เมื่อ: วันศุกร์ที่ 11 กันยายน 2009 เวลา 16:20:42 »


 โอ๊วๆๆๆ ยอดจริงๆๆ


ดร. โชติชัย สุวรรณาภรณ์ [email protected]  กรุงเทพธุรกิจ วันศุกร์ที่ 04 กันยายน พ.ศ. 2552
หากท่านผู้อ่านสงสัยว่าเศรษฐกิจไทยดีขึ้นหรือยัง ผมขอยืนยันโดยเอาตัวเลขและดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจบางตัวที่พึ่งมีการประกาศออกมาว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้หดตัวร้อยละ 4.9 แต่ได้มีแนวโน้มที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีนี้ ที่เศรษฐกิจไทยหดตัวร้อยละ 7.1 โดยเป็นผลมาจากการใช้จ่ายของรัฐบาลที่ขยายตัวในอัตราสูง รวมทั้งการใช้จ่ายของครัวเรือนและการลงทุนในประเทศที่ดีขึ้นกว่าไตรมาสแรกของปี เป็นผลให้อัตราการเติบโตของ GDP ในไตรมาสที่ 2 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 1 ของปี เศรษฐกิจไทยจึงขยายตัวร้อยละ 2.3 จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ยังมีดัชนีชี้วัดอื่นๆ ที่นอกเหนือจากที่เราคุ้นเคยกันมาเล่าสู่กันฟัง
ผมได้อ่านบทความ 2 เรื่องที่น่าสนใจ บทความเรื่องแรกพูดถึงวิธีแปลกๆ ในการประเมินสภาพเศรษฐกิจของประเทศ โดยปกติแล้วเรามีวิธีการวัดว่าตอนนี้สภาพเศรษฐกิจอยู่ในช่วงวัฏจักรอย่างไร โดยใช้ตัวชี้วัดที่สะท้อนสภาพเศรษฐกิจต่างๆ เช่น ผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (GDP) ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม การบริโภคและการลงทุน ยอดขายปลีก ตัวเลขการว่างงาน และการสร้างบ้านที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ท่านหนึ่งได้พูดถึงดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจทางเลือกอีกตัวหนึ่ง คือ Hot Waitresses Index
ดัชนีชี้วัดตัวนี้ สะท้อนถึงภาวะทางเศรษฐกิจโดยหากยามใดที่พนักงานเสิร์ฟหน้าตาดีแสดงว่าเศรษฐกิจกำลังอ่อนแอ สาเหตุก็เพราะเมื่อเศรษฐกิจไม่ดีโอกาสในการหางานน้อยลง แม้กระทั่งคนหน้าตาดีก็หางานทำลำบากจึงต้องมาเป็นพนักงานเสิร์ฟ ซึ่งอาจเป็นงานชั่วคราวในยามที่เศรษฐกิจหดตัว
เมื่อเศรษฐกิจเริ่มแย่ลง ร้านอาหารและสถานบันเทิงจะเริ่มลดพนักงานลงโดยจะเริ่มจากผู้ชายก่อน ตามมาด้วยพนักงานหญิงที่มีหน้าตาด้อยกว่า และเมื่อเศรษฐกิจแย่มากเราจะเห็นพนักงานเสิร์ฟที่หน้าตาดีเหลืออยู่ภายในร้าน เพราะคนหน้าตาดีจะเป็นคนสุดท้ายที่ถูกเลิกจ้างและบางส่วนเป็นการจ้างใหม่
บทความนี้ ยังให้เหตุผลสนับสนุนทฤษฎีดังกล่าวเพิ่มเติมว่า โดยทั่วไปแล้วคนหน้าดีมีโอกาสหางานที่ดีกว่า ได้ง่ายกว่าคนที่หน้าตาด้อย ดังนั้น เมื่อเราเห็นพนักงานเสิร์ฟหน้าตาดีเป็นจำนวนมากออกจากงานในร้านอาหาร เราควรที่จะยินดีไม่ใช่เสียใจเพราะปรากฏการณ์ดังกล่าว แสดงว่า เศรษฐกิจกำลังดีขึ้น
นอกจากนั้น ยังมีดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น Overeducated Cabbie Index กล่าวคือ ถ้าเราเห็นคนขับรถแท็กซี่มีความรู้สูงๆ แสดงว่า เศรษฐกิจกำลังไม่ดี และยังมีดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจอีกตัวหนึ่ง คือ Contractors Return Calls Index กล่าวคือ ถ้าเราโทรศัพท์ไปหาผู้รับเหมาก่อสร้างแล้วเขาเหล่านั้นสามารถโทรกลับภายใน 24 ชั่วโมง แสดงว่าเศรษฐกิจไม่ดี เนื่องจากผู้รับเหมาว่างไม่มีงานทำ
สำหรับในเมืองไทยแล้ว ผมคิดถึงดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจไทยในทำนองเดียวกับที่กล่าวข้างต้น เช่น หากเศรษฐกิจไม่ดีเราจะเห็นมีคนไปประกอบอาชีพขายแซนด์วิช ไก่ย่าง ส้มตำ ไข่เจียว หรือรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมากขึ้น ซึ่งเราจะเห็นตัวอย่างดังกล่าวได้จากช่วงภายหลังวิกฤติเศรษฐกิจคราวที่แล้ว
สำหรับบทความที่สองพูดถึงการศึกษา เรื่อง Household Division of Labor and Cross Country Differences in Household Formation Rates โดยจะตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Population Economics ซึ่งกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างการแบ่งการทำงานในบ้านของหญิงชาย และอัตราการมีครอบครัว โดยพบว่า ประเทศที่ผู้ชายยอมรับเรื่องการทัดเทียมในการแบ่งการทำงานในบ้าน จะมีอัตราการแต่งงานของผู้หญิงสูงกว่าประเทศที่ผู้ชายไม่ยอมรับเรื่องดังกล่าว
การศึกษาดังกล่าว ใช้ดัชนีชี้วัด Egalitarian Index เพื่อหาความสัมพันธ์ดังกล่าวและพบว่า ผู้ชายจากประเทศสวีเดนและนอร์เวย์ จะเป็นผู้ชายที่น่าสนใจที่ผู้หญิงจะเลือกเป็นคู่ครองด้วย เนื่องจากมีแนวโน้มที่จะช่วยทำงานบ้านอย่างเท่าเทียมกัน ตามมาด้วย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา เนเธอร์แลนด์ ไอร์แลนด์ และนิวซีแลนด์ ประเทศที่อยู่ท้ายสุด ได้แก่ ญี่ปุ่น เยอรมนี ออสเตรีย และ ออสเตรเลีย ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ชายชอบกีฬา และเหล้า เบียร์ เป็นชีวิตจิตใจ
แล้วท่านผู้อ่านคิดว่า ประเทศไทยอยู่อันดับที่เท่าไร?
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

When a winner commits a mistake, he say I'm wrong (Habit 1 : Be proactive)
ผู้ชนะ : เมื่อพบว่ามีข้อผิดพลาด จะพูดว่า ฉันทำผิดเอง
When a loser commits a mistake, he says it's not my fault
ผู้แพ้ : เมื่อพบข้อผิดพลาด จะพูดว่า ไม่ใช่ความผิดของฉัน
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!