ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันพุธที่ 17 กันยายน 2025 เวลา 14:49:05

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  มีปัญหา /สอบถาม /ให้คำแนะนำ รถยนต์ peugeot แต่ละรุ่น
| |-+  40X
| | |-+  หลักการทำงานของระบบควบคุมเครื่องยนต์ใน Peugeot 406 EA9
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: หลักการทำงานของระบบควบคุมเครื่องยนต์ใน Peugeot 406 EA9  (อ่าน 123917 ครั้ง)
supreme
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 839



« ตอบ #48 เมื่อ: วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน 2009 เวลา 20:02:11 »


 :มอบดอกไม้:
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

รู้จักหา รู้จักเก็บ รู้จักใช้ รู้จักพอ รู้จักให้ รู้จักวาง
Gotji
PG 405 is basic.
สิงห์ปริญญาโท
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 314



« ตอบ #49 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2009 เวลา 17:22:31 »


ขอบคุณครับ
เข้าทางอีเวผมอีกแล้ว
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

XU9JA/Z+NGV
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #50 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:39:00 »


5.  ระบบควบคุมมลภาวะ (Emission Control System) 
    ระบบควบคุมมลภาวะ (Emission Control System) ใน Peugeot 406 EA9 มีวิธีการควบคุมมลภาวะดังต่อไปนี้
    1. Positive Crankcase Ventilation (PCV)
    2. Exhaust Gas Recirculation (EGR)
    3. Evaporative Control
    4. Air Injection
    5. Catalytic Converter
 และการควบคุมมลภาวะนี้จะสมบูรณ์ได้จำเป็นต้องมีผู้ตรวจการณ์ด้วย
    6. Oxygen Sensor

    ดูรายละเอียดได้จาก Link 
 http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=12151.msg82430#msg82430 
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #51 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:43:56 »


6.  ระบบระบายความร้อนให้เครื่องยนต์ (Engine Cooling System)

   ระบบระบายความร้อนให้เครื่องยนต์ ประกอบด้วย Relay 3 ตัว, ตัวต้านทานไฟฟ้า 2 ตัว และพัดลมไฟฟ้า 1 ตัว
   ECU ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบระบายความร้อนให้เครื่องยนต์นี้ โดยใช้ข้อมูลอุณหภูมิที่รับมาจาก Engine coolant temperature sensor    มีหน้าที่ดังต่อไปนี้
     -  ควบคุมการ ตัด-ต่อ การทำงานของพัดลม
     -  หน่วงเวลาให้พัดลมทำงานที่รอบต่ำต่ออีก 6 นาทีหลังดับเครื่องยนต์ถ้าความร้อนเกิน 105?C
     -  แสดงไฟเตือนความร้อนเกิน ติดสว่างค้าง บนแผงหน้าปัด
     -  แสดงมาตรวัดอุณหภูมิหม้อน้ำบนแผงหน้าปัด
     -  ควบคุมสำรองการทำงานของพัดลม (Back-up Mode) ถ้า Engine coolant temperature sensor บกพร่องหรือ   เสียหาย โดยสั่งให้
                -  ให้พัดลมทำงานที่รอบสูง
                -  ไฟเตือนแสดงความร้อนเกินบนแผงหน้าปัด จะกระพริบ
                -   ตัดการทำงานของ Compressor แอร์
      -  สั่งให้พัดลมทำงานที่รอบสูงเมื่ออุณหภูมิของเกียร์อัตโนมัติสูงเกิน 120 ?C ตามที่ Gearbox ECU ร้องขอมา
      -  และ ECU จะยังสั่งจ่ายไฟให้ Relay ทั้ง 2 ตัว เพื่อหน่วงเวลาให้พัดลมทำงานที่รอบต่ำต่ออีก 6 นาทีหลังดับ เครื่องยนต์ถ้าความร้อนเกิน 105?C

  หลักการทำงานของระบบ  พัดลมมี 3 ระดับความเร็วรอบคือ
      -  ที่รอบต่ำ จ่ายไฟให้พัดลมโดยผ่านตัวต้านทานไฟฟ้า 1 ตัวที่ต่อแบบอนุกรมกับพัดลม,   Relay สำหรับรอบต่ำถูกควบคุมโดย ECU
      -  ที่รอบปานกลาง จ่ายไฟให้พัดลมโดยผ่านตัวต้านทานไฟฟ้า 2 ตัวที่ต่อแบบขนานกันอยู่ และต่อแบบอนุกรมกับพัดลม,   Relay สำหรับรอบปานกลางถูกควบคุมโดย BSI (Built-in System Interface)
      -  ที่รอบสูง จ่ายไฟให้พัดลมโดยตรงจาก Battery,   Relay สำหรับรอบสูงถูกควบคุมโดย ECU

ภาพองค์ประกอบรวมและผังวงจรไฟฟ้าของระบบระบายความร้อน


* 600.jpg (88.86 KB, 780x400 - ดู 8441 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #52 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:47:16 »


7.  ระบายความร้อนให้กับระบบแอร์ (Cooling requirement for Air condition Cooling System)

ECU ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบระบายความร้อนให้กับรังผึ้งของระบบแอร์ (Air conditioning condenser cooling) โดยใช้สัญญาณแรงดันไฟฟ้า (Voltage) ที่ได้จากตัวตรวจวัดแรงดันน้ำยาแอร์ (Pressostat) มาประมวลผล และสั่งการ ดังนี้
      -  ECU ควบคุมการ ตัด-ต่อ การทำงานของพัดลม ตามเงื่อนไขของแรงดันน้ำยาแอร์
          -  เมื่อแรงดันสูงกว่า 10 bar. ให้พัดลมทำงานที่รอบต่ำ และสั่งหยุดเมื่อแรงดันตกลงมาต่ำกว่า 7 bar.
          -  เมื่อแรงดันสูงกว่า 22 bar. ให้พัดลมทำงานที่รอบสูง และสั่งหยุดเมื่อแรงดันตกลงมาต่ำกว่า 19 bar.
          -  ควบคุมสำรองการทำงานของพัดลม (Back-up Mode) เมื่อ Pressostat ทำงานผิดปกติโดย
                  - ไฟเตือน (Diagnostic warning lamp =ไฟรูปเครื่องยนต์) ขึ้นบนแผงหน้าปัด
                  -  ตัดการทำงานของ AC Compressor
        และ BSI จะเป็นผู้ควบคุมให้พัดลมทำงานที่รอบปานกลางเมื่อแรงดันสูงกว่า 17 bar. และสั่งหยุดเมื่อแรงดันตกลงมาต่ำกว่า 14  bar.
          -  ECU ควบคุมการ ตัด-ต่อ การทำงานของ AC Compressor

 7.1   Pressostat  ?  ตัวตรวจวัดแรงดันน้ำยาแอร์
 Pressostat มีหน้าคอยตรวจวัดแรงดันน้ำยาแอร์ที่ออกจากคอมเพรสเซอร์ เมื่อถึงค่าที่กำหนดไว้ก็จะส่งสัญญาณไฟฟ้า ให้ ECU ประมวลผลและสั่งการให้พัดลมระบายความร้อนทำงาน
การทำงานของอุปกรณ์ เหมือนกับการทำงานของ Manifold Absolute Pressure (MAP) Sensor
คือใช้คุณสมบัติของสารที่สามารถเปลี่ยนแปลงค่าความต้านทานไฟฟ้าได้ตามความดันและมี IC ทำการแปลงให้เป็นสัญญาณแรงดันไฟฟ้าส่งให้กับ ECU และ BSI ในระบบเครือข่าย Multiplex    โดยค่าแรงดันไฟฟ้าที่ได้นี้จะเพิ่มขึ้นเมื่อความดันน้ำยาแอร์เพิ่มขึ้น
     ข้อมูลสัญญาณไฟฟ้าที่ได้จาก Sensor ตัวนี้จะส่งผ่านสายไฟไปให้ ECU แล้วผ่านเข้า BSI โดยช่องทาง (Bus) ของระบบ Multiplex Network

  ภาพองค์ประกอบรวมและผังวงจรไฟฟ้าของระบบระบายความร้อนให้กับระบบแอร์


* 710.jpg (46.08 KB, 779x400 - ดู 6646 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #53 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:52:08 »


พบกันใหม่วันจันทร์ ตอนสำคัญหัวใจของเรื่อง ECU    :พักสบาย:
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #54 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:13:37 »


8. Electronic Control Unit (ECU) - หน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิกส์

    ECU เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มี Microprocessor หลายๆตัวเป็นส่วนประกอบ จึงนับได้ว่า ECU ก็เป็นคอมพิวเตอร์ชนิดหนึ่งที่นำมาใช้ในยานยนต์ ที่ได้ถูกพัฒนาให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นมากและทำงานได้หลากหลายหน้าที่
    การออกแบบและพัฒนา ECU มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไปตามบริษัทผู้ผลิต แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะระบบที่นำมาใช้ใน Peugeot 406 EA9 ที่ใช้เครื่องยนต์ EW10J4    ซึ่ง ECU นี้ผลิตโดย บริษัท Magneti Marelli และเรียกชื่อระบบนี้ว่า Magneti Marelli 4.8P (MM4.8P)
    ECU ของ MM4.8P เป็นแบบ Sequential Injection System คือจะทำการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงแบบอิสระตามลำดับการจุดระเบิดของแต่ละกระบอกสูบดังนี้คือ 1 (ทางด้านเกียร์)-3 - 4 - 2   
      หน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (ECU) ที่มีหน้าที่วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับมาจากตัวตรวจจับสัญญาณ (Sensors) ต่างๆ นำมาประมวลผล แล้วส่งสัญญาณสั่งการไปให้อุปกรณ์ทำงาน (Actuator) ต่างๆ ที่ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์

ข้อมูลตัวแปรต่างๆที่   ECU ได้รับจาก Sensor ต่างๆดังนี้ (ในวงเล็บคืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง)
   ? ความเร็วรอบเครื่องยนต์และ ตำแหน่งของ TDC (Engine speed sensor and Crankshaft Sensor)
   ? ตำแหน่งของ Camshaft (Camshaft position Sensor)
   ? ความดันในท่อร่วมไอดี (Inlet Air Pressure Sensor)
   ? ตำแหน่งลิ้นปีผีเสื้อ (Throttle Position Sensor)
   ? อุณหภูมิของเครื่องยนต์ (Coolant Temperature Sensor)
   ? อุณหภูมิของอากาศที่ดูดผ่านลิ้นปีกผีเสื้อ (Inlet Air Temperature Sensor)
   ? ความเร็วรถยนต์ (Vehicle Speed Sensor)
   ? ปริมาณ oxygen ที่เหลืออยู่ในไอเสีย (Oxygen sensor)
   ? การเขกของเครื่องยนต์ (Knock sensor)
   ? แรงดันน้ำยาแอร์ (Pressostat)
   ? แรงดันไฟฟ้าของ Battery   
   ? แรงดันน้ำมันในระบบพวงมาลัยเพาเวอร์ (Power Steering Fluid Pressure Switch)
   ? Automatic gearbox ECU

หลังการนำข้อมูลตัวแปรไปประมวลผลแล้ว   ECU จะส่งสัญญาณสั่งการไปให้อุปกรณ์ทำงานต่างๆ ดังต่อไปนี้
   ? ควบคุมการจุดระเบิด (Twin static Ignition Coil)
   ? ควบคุมรอบเดินเบา ตามสภาวะและภาระต่างๆของเครื่องยนต์ (Idle Control Stepper Motor)   
   ? ควบคุมจังหวะและระยะเวลาในการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง (Injector)
   ? ควบคุมการทำงานของปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง (Fuel Pump)
   ? ควบคุมการทำงานของวาล์วระบายไอน้ำมันเชื้อเพลิง (Canister bleed electrovalve)
   ? ตัดการฉีดจ่ายน้ำมันของหัวฉีดขณะถอนคันเร่งหรือเมื่อรอบเครื่องยนต์สูงเกินกำหนด   
   ? ตัดการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ขณะ สตาร์ทเครื่องยนต์หรือ Kick Down
   ? แสดงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้ผู้ขับขี่ทราบในระหว่างการเดินทาง (Trip computer) เช่น ปริมาณความสิ้นเปลืองน้ำมัน, น้ำมันที่เหลืออยู่จะเดินทางได้อีกไกลเท่าใด เป็นต้น
   ? แสดงความเร็วรถ (Tachometer)
   ? ไฟเตือนเมื่อมีข้อบกพร่องขึ้นในระบบควบคุมเครื่องยนต์ (Diagnostic warning lamp =ไฟรูปเครื่องยนต์)
   ? จ่ายไฟให้ขดลวดความร้อนในตัว Oxygen sensor
   ? ควบคุมการทำงานของ Secondary air pump
   ? ควบคุมการทำงานของ Exhaust Gas Recycling valve
   ? ทำงานร่วมกับ Automatic gearbox ECU (Throttle Position, Engine speed, Coolant temperature, Engine torque/load)
นอกจากนี้ ECU ยังสามารถทำงานอื่นๆได้อีกด้วยเช่น :-
   ? เมื่อมีบางอุปกรณ์ทำงานผิดปกติเกินพิสัยกำหนด ECU ก็จะเลือกใช้ภาวะฉุกเฉินที่มีสำรอง (Back-up operation mode) ไว้แทน   เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานต่อไปได้ (Emergency strategies) แต่ไม่ประหยัดและเพิ่มมลภาวะ เช่นเมื่ออุปกรณ์ต่อไปนี้ทำงานผิดพลาด: -
           - Inlet Air temperature sensor
           - Coolant temperature sensor
           - Knock Sensor
           - Inlet Air temperature sensor
           - Air Injection System
  ? มีระบบวินิจฉัยข้อบกพร่องอยู่ในตัว เมื่อตรวจพบความบกพร่องของระบบจะเก็บข้อมูลรหัสความบกพร่องไว้ในหน่วยความจำ เมื่อเราต้องการตรวจซ่อมก็สามารถเรียกข้อมูลเหล่านี้ออกมาได้โดยใช้เครื่องมือตรวจวินิฉัย (PPS=Peugeot Planet System)

วัตถุประสงค์ในการควบคุมกาทำงานของระบบต่างๆของ ECU มีดังต่อไปนี้:-
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #55 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:22:23 »


วัตถุประสงค์ในการควบคุมกาทำงานของระบบต่างๆของ ECU มีดังต่อไปนี้:-

8.1 ควบคุมจังหวะและระยะเวลาในการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับสูบต่างๆตามลำดับการจุดระเบิด
1(ทางด้านเกียร์)-3 - 4 - 2 โดยการฉีดน้ำมันนั้นจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงปลายของจังหวะคายคือก่อนถึง TDC ที่กำลังจะเข้าสู่จังหวะดูดของแต่ละสูบเล็กน้อยและต้องสัมพันธ์กับการเปิดลิ้นไอดี (Intake Valve) ด้วย และปริมาณการฉีดจ่ายน้ำมันจะเป็นสัดส่วนกับระยะเวลาการฉีด
   ทั้งนี้เพื่อให้ตอบสนองตามตัวแปรต่างๆ เช่น (ในวงเล็บคืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง)
      - ภาระของเครื่องยนต์ตามความต้องการของผู้ขับขี่ (Throttle Position Sensor, Engine Speed Sensor)
      - สภาวะอุณหภูมิของเครื่องยนต์ (Coolant Temperature Sensor)
      - มวลอากาศที่ถูกดูดบรรจุเข้าท่อร่วมไอดีต่อ1 รอบของเครื่องของยนต์ ( Inlet Air Temperature Sensor, Inlet Air Pressure Sensor, Engine Speed Sensor)
      - สภาวะการใช้งานเครื่องยนต์ :- ในขณะ  สตาร์ท, เดินเบา, ใช้รอบเครื่องยนต์คงที่(Cruise speed) และในชั่วขณะที่ภาระเครื่องยนต์เปลี่ยนแปลง-Transitory phase
      - ปรับระยะเวลาการฉีดเพื่อรักษา อัตราส่วนผสมของอากาศและน้ำมันเชื้อเพลิงตามทฤษฎีที่ทำให้เกิดการเผาไหม้อย่างสมบูรณ์ กล่าวคือใช้ อากาศ/น้ำมันเชื้อเพลิง = 14.7 /1 โดยน้ำหนัก  ขณะเครื่องยนต์ทำงานในสภาวะปกติที่อุณหภูมิทำงาน (Oxygen Sensor) 
      - แรงดันไฟฟ้าของ Battery
     เมื่อ Battery มีไฟอ่อนทำให้วาล์วหัวฉีดเปิดช้าลง, ECU ก็จะต้องชดเชยเพิ่มเวลาในการฉีดให้ด้วย เช่นขณะสตาร์ทเครื่อง, เมื่อมีการใช้กระแสไฟฟ้ามากๆ

                               
8.2  การควบคุมการจุดระเบิดของเครื่องยนต์(Twin Static Ignition) คือการปรับเปลี่ยนเพื่อกำหนดองศาการจุดระเบิดก่อนถึง TDC (Ignition Advance)ให้กับลูกสูบที่อยู่ในจังหวะอัด  ให้เหมาะสมกับค่าตัวแปรต่างๆ เช่น
     -  ความเร็วรอบเครื่องยนต์และตำแหน่งศูนย์ตายบน (Engine Speed Sensor, Camshaft Sensor)
     -  ปรับลดองศาการจุดระเบิดล่วงหน้า เมื่อมีสัญญาณการเขกเกิดขึ้น (Knock Sensor)
     -  สภาวะอุณหภูมิของเครื่องยนต์ (Coolant Temperature Sensor)


8.3   ควบคุมการทำงานของระบบควบคุมมลภาวะ ให้เครื่องยนต์แพร่กระจายมลภาวะออกสู่บรรยากาศให้ได้ ตามข้อกำหนด(Emission Standard L4 = European Standards EUR03)


8.4   ควบคุมรอบเดินเบา ตามสภาวะของภาระต่างๆที่เกิดขึ้นเช่น เมื่อคอมเพรสเซอร์แอร์ ตัด-ต่อการทำงาน, ใช้กระแสไฟฟ้าสูง, Automatic gearbox, ขณะใช้ความเร็วต่ำกว่า 4 กม. / ชม. หรือเข้าจอดรถและอุณหภูมิเครื่องยนต์ขณะนั้น (Idle Control Stepper Motor, Pressostat)


8.5   ควบคุมการทำงานของพัดลมระบายความร้อน (Coolant Temperature Sensor, Pressostat)

8.6   ทำงานประสานสัมพันธ์กับระบบอื่นๆ เช่น
    - ระบบปรับอากาศ - สั่งตัดการทำงานของ Air Compressor ขณะ Start เครื่องยนต์และ Kick Down,   
    - ระบบเกียร์อัตโนมัติ AL4
    - ระบบถุงลมนิระภัย (Multiplexed Airbag) โดยการตัดน้ำมัน (สั่งผ่าน Double Relay) เมื่อถุงลมนิระภัย    กางพองออก 
    - ระบบป้องกันการสตาร์ทเครื่องยนต์ (Immobilizer)

8.7   ตัดการทำงานของหัวฉีดเมื่อความเร็วรอบเครื่องยนต์เกินกำหนด - Injection cut-off on engine over speed (Throttle Position Sensor, Engine Speed Sensor)   
     เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายจึงได้จำกัดความเร็วรอบไว้ใน ECU เมื่อรอบขึ้นเกินกำหนด ECU จะสั่งตัดการทำงานของหัวฉีด     
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #56 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:25:46 »


 8.8   ตัดการทำงานของหัวฉีดขณะลดความเร็วรอบเครื่องยนต์  - Injection cut-off on deceleration (Throttle Position Sensor, Engine Speed Sensor, Vehicle Speed Sensor, Coolant Temperature Sensor)
     การลดความเร็วรอบเครื่องยนต์อย่างทันทีทันใดในขณะขับขี่ที่รอบเครื่องยนต์ ปานกลาง ? สูง นั้นเมื่อถอนคันเร่งลิ้นปีกผีเสื้อก็จะปิดลงทันที   ECU จะสั่งตัดการการทำงานของหัวฉีดทั้งนี้เพื่อ ประหยัดน้ำมัน, ลดมลภาวะ, ลดอุณหภูมิ Catalytic Converter และสั่งให้กลับมาทำงานใหม่เมื่อรอบเครื่องยนต์ตกลงถึงค่าที่ได้กำหนดไว้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของเครื่องยนต์ด้วย    จากกราฟข้างล่างจะเห็นว่าถ้าเราถอนคันเร่งในขณะที่รอบเครื่องยนต์สูงกว่าเส้นกราฟของ Fuel Cut-off ระบบนี้จะตัดการการทำงานของหัวฉีดจนกว่ารอบเครื่องยนต์จะตกลงถึงเส้นกราฟของ Injection Resumption หัวฉีดจึงจะถูกสั่งเริ่มกลับมาทำงานต่อ

กราฟแสดงการตัดการทำงานของหัวฉีด


* 880.jpg (34.69 KB, 500x392 - ดู 5498 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #57 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:28:42 »


  8.9  ระบบวินิจฉัยข้อบกพร่อง - On Board Diagnostic system (EOBD: European On Board Diagnosis, diagnosis of anti-pollution equipment)
    ระบบนี้ความสามารถในการวินิจฉัยข้อบกพร่องตรวจสอบสถานะภาพการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบควบคุมมลภาวะ ทั้งนี้เพื่อควบคุมการแพร่กระจายมลภาวะออกสู่บรรยากาศให้ได้ตามข้อกำหนด โดยจะติดตามเฝ้าดูสิ่งต่อไปนี้
    -  เมื่อไม่มีการจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ (Combustion misfire)
    -  ประสิทธิภาพการทำงานของ Catalytic converter
    -  การเสื่อมสภาพของ Oxygen Sensor
    -  การอัดอากาศเข้าท่อไอเสีย (Secondary Air Injection)
    -  ประสานกับการทำงานของ Automatic gearbox ECU เพื่อป้องกันการผลักภาระให้กับเครื่องยนต์มากเกินจนกระทบต่อการควบคุมมลภาวะ

    ดังนั้นเมื่อมันตรวจพบความบกพร่องของ ระบบหรืออุปกรณ์ประกอบใดๆ มันก็จะส่งสัญญาณไฟหรือข้อความเตือน เช่นแสดงข้อความ ?Antipollution Fault? บนจอแสดงผล หรือมีไฟเตือน (Diagnostic warning lamp =ไฟรูปเครื่องยนต์) ขึ้นแสดงบนแผงหน้าปัดให้ผู้ขับขี่ทราบดังนี้   : -
     - Diagnostic warning lamp ติดสว่างค้าง เมื่อการ Misfire ที่เกิดขึ้นนั้น ECU ยังสามารถควบคุมให้อยู่ในพิสัยที่กำหนดได้
     - Diagnostic warning lamp กระพริบ เมื่อการ Misfire ที่เกิดขึ้นนั้นเกินพิสัยที่ ECU จะสามารถควบคุมได้
 ด้วยไอน้ำมันที่ไม่ได้เผาไหม้นั้นจะถูกปล่อยออกในจังหวะคายไปทำให้ Oxygen sensor เสื่อมสภาพเป็น   อันตรายต่อ Catalytic Converter และเป็นการแพร่กระจายมลภาวะออกสู่บรรยากาศ
     ขณะเดียวกันมันก็จะเก็บข้อมูลรหัสความบกพร่อง (Fault Code) ไว้ในหน่วยความจำเป็นเวลาหนึ่งก่อนที่จะถูกข้อมูลใหม่บันทึกทับลงไป ฉะนั้นเมื่อเราต้องการตรวจซ่อมก็สามารถเรียกข้อมูลเหล่านี้ออกมาได้โดยนำเอา อุปกรณ์/เครื่องมือมาต่อพ่วงเพื่ออ่านและถอดรหัสได้ซึ่งจะเป็นแนวทางการแก้ไขข้อบกพร่องนั้นๆให้กับช่างได้เป็นอย่างดี


    8.9.1   Combustion misfire ? เมื่อไม่มีการจุดระเบิดในห้องเผาไหม้
      ECU จะตรวจจับการ Misfire โดยการวิเคราะห์การแปรปรวนของความเร็วรอบเครื่องยนต์หลังการจุดระเบิดมาเปรียบเทียบกัน กล่าวคือในสภาวะการทำงานปกติเมื่อเพลาข้อเหวี่ยง (Crankshaft) หมุนไป 1 รอบนั้นจะถูกกระตุ้นให้เกิดอัตราเร่งขึ้น 2 ครั้งตามจังหวะการจุดระเบิดในห้องเผาไหม้ ดังนั้นถ้า ECU วิเคราะห์แล้วพบว่าไม่เกิดอัตราเร่งขึ้นแสดงว่ามีการ Misfire เกิดขึ้นในรอบนั้น    ECU ก็จะสั่งมีให้ไฟเตือน (Diagnostic warning lamp =ไฟรูปเครื่องยนต์) ขึ้นแสดงบนแผงหน้าปัดให้ผู้ขับขี่ทราบด้วย

ภาพแสดงหลักการตรวจจับการเกิด  Misfire ของ ECU


* 891.jpg (40.5 KB, 450x362 - ดู 5406 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #58 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:31:32 »


8.10  การกลับคืนสู่ค่าตั้งต้นได้เองโดยอัตโนมัติ  - Initializing Auto?Adaptation
    วัตถุประสงค์ของ Auto ?Adaptation   คือการกลับคืนสู่ตั้งต้นของระบบได้เอง โดยที่ค่าตั้งต้นการทำงานของทุกระบบใน ECUได้ถูกปรับตั้งไว้อย่างเหมาะสม และถูกบันทึกเก็บรักษาไว้ใน EEPROM ของ ECU ตลอดไปแม้เราจะถอดขั้ว Battery, ถอด ECU ออกมา หรือจะทำการลบข้อบกพร่อง (Fault) ทั้งหมดออกแล้วก็ตาม


8.11 ไฟแจ้งเตือนต่างๆบนแผงหน้าปัด - Driver?s Information Function
     การทำงานตามปกติของไฟเตือน
       - ไฟเตือนทั้งหมดติดสว่างค้างเมื่อบิดกุญแจไปที่ Ignition
       - ไฟเตือนทั้งหมดดับไปเมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว
     การทำงานของไฟเตือนเมื่อมีความผิดปกติเกิดขึ้น
       - ไฟเตือนของระบบที่ทำงานผิดปกติจะติดสว่างค้างขณะเครื่องยนต์ติดอยู่
       - ไฟเตือนเมื่อมีข้อบกพร่องขึ้นในระบบควบคุมเครื่องยนต์ (Diagnostic warning lamp =ไฟรูปเครื่องยนต์)

     ถึงแม้ ECU จะถูกออกแบบให้ฉลาดปราดเปรื่องสักเพียงใดมันก็ยังต้องการการดูแลรักษาด้วยเช่นกัน เช่นควรหลีกเลี่ยงจากความร้อน, น้ำ/ความชื้น ฝุ่นละอองและความสกปรก การกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง และหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆที่ก่อให้เกิดประกายไฟขึ้น ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของกระแสไฟฟ้าอย่างรุนแรงและเฉียบพลัน (Surge) เข้าสู่ ECU   เช่นการเชื่อมไฟฟ้าต่อท่อไอเสียจะต้องถอดขั้ว Battery ออกก่อนเสมอ, การถอด-ใส่ ขั้ว Battery ขณะเครื่องยนต์ทำงาน สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเหตุให้ระบบเสียหายหรือทำงานผิดพลาดได้ 


* 892.jpg (47.63 KB, 400x300 - ดู 5456 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #59 เมื่อ: วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:26:08 »


9. Multiplex Network ? ระบบเครือข่ายข้อมูล โดยการส่งสัญญาณหลายๆ ข้อมูลไปพร้อมๆกันบนสายสัญญาณเดียวกัน

       Multiplexing   เป็นการส่งถ่ายข้อมูลหลายๆข้อมูลที่ได้จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หรือ ECU ของระบบใดๆ ที่มีสัญญาณไฟฟ้าแตกต่างกัน   ให้ไปบนช่องทางเดียวกัน (Data-Bus) โดยข้อมูลแต่ละข้อมูลที่ถูกพาไปจะมีรหัสประจำตัว (ID) พร้อมข้อมูลที่ไม่ซ้ำกัน โดยข้อมูลเหล่านี้จะส่งให้กับ BSI(Built-in Systems interface) ที่เป็นศูนย์กลางการควบคุมและบริหารจัดการข้อมูลให้กับทุก Data-Bus   ดังนั้นทุกหน่วยควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Control Unit =ECU) ที่เชื่อมโยงต่อเข้ากับ BSI จึงสามารถนำข้อมูลที่มีอยู่ไปใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ตามต้องการ  
     การใช้ระบบเครือข่ายดังกล่าวจึงกลายเป็นสิ่งที่จำเป็นเมื่อจำนวน ECU ที่มีอยู่ในรถยนต์เพิ่มจำนวนมากขึ้น   ดังนั้นการใช้ระบบเครือข่าย Multiplexing นี้จะช่วยลดปริมาณการเดินสายไฟและขั้วต่อได้มาก ไม่เปลืองพื้นที่, ลดน้ำหนักและลดต้นทุนการผลิต

    แผนผังของระบบ PSA Multiplex
    เทคโนโลยี Multiplex ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยกลุ่มพันธมิตรของ PSA อันมี Citroen, Bosch และ Renault และเริ่มใช้งานกับรถยนต์ Citroen   XM ในปี คศ.1994    
     ระบบ Multiplex นี้ประกอบด้วย 2 เครือข่ายคือ:-
        -  CAN (Controller Area Network)
        -  VAN (Vehicle Area Network)
โดยทั้ง 2 เครือข่ายนี้จะต่อเข้ากับหน่วยเชื่อมโยงกลางที่เรียกว่า BSI ทำหน้าที่เป็นผู้บริหารจัดการระบบ    
     ในระบบ Multiplex นี้ประกอบด้วย 4 ช่องทาง (Data-Bus) (1 CAN+3VAN) ในการถ่ายโอนข้อมูล โดยที่แต่ละ Bus จะมีสายไฟเพียง 4 เส้น และ Bus เหล่านี้สามารถจ่ายไฟและส่งข้อมูลแบบดิจิตอลให้กับอุปกรณ์ต่างๆ  

   CAN ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดย Bosch   เป็น
        1    Bus ของกล่มอุปกรณ์ผลิตและถ่ายทอดกำลังลงสู่พื้นถนน (Powertrain)   เช่นระบบควบคุมเครื่องยนต์ (Engine ECU), เกียร์, เบรก (ABS) และระบบควบคุมช่วงล่าง (Suspension) ถ้ามี  

VAN ได้ถูกพัฒนาขึ้นโดยกลุ่ม PSA และ Renault   ประกอบด้วย 3 Bus คือ
       1    Bus ของระบบอำนวยความสะดวกสบาย (Comfort) เช่น ระบบควบคุม แผงหน้าปัด, จอแสดงผล (Multifunction Display Panel), ระบบควบคุมสภาพอากาศ (Air conditioning & Climate) และ วิทยุ  
       2    Bus ของระบบตัวถัง (Body) เช่น ระบบปัดน้ำฝน, ระบบของประตู-กระจก Central Lock, การปรับกระจกส่องหลัง
       3    Bus ของระบบความปลอดภัย (Safety) เช่น ระบบส่องสว่าง-สัญญาณไฟ, Airbag

ภาพโครงสร้างเครือข่าย PSA Multiplex


* 900.jpg (81.6 KB, 583x220 - ดู 5369 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #60 เมื่อ: วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:27:44 »


9.1 Built-in Systems interface = BSI 
 
     Built-in Systems interface = BSI   คือศูนย์กลางการควบคุมและบริหารจัดการข้อมูลที่ได้จากอุปกรณ์หรือ    ระบบต่างๆ มาใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยการถ่ายโอนข้อมูลระหว่าง ECU อื่นๆ ที่เชื่อมต่ออยู่ตัวมันเองซึ่งมีแผงวงจร Microprocessors ที่มีสามารถจัดส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงและยังสามารถจัดลำดับความสำคัญ (Priority) ให้กับระบบอีกด้วย เช่นให้ความสำคัญกับระบบความปลอดภัยที่มีความจำเป็นมากกว่าระบบควบควบคุมวิทยุในขณะเบรกเป็นต้น   และยังเป็นแหล่งจ่ายไฟโดยผ่าน Fuse ? Relay ให้กับระบบต่างๆอีกด้วย

ภาพของ BSI และ Fuse ต่างๆ


* 910.jpg (99.84 KB, 750x449 - ดู 6504 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #61 เมื่อ: วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:41:03 »


ภาพประกอบข้างล่างนี้แสดงถึงความสัมพันธ์ของ Fuse-Relay และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้รหัสหมายเลขของอุปกรณ์ดูได้จาก Link

http://peugeot.mainspot.net/wiringall/comp.shtml

หมายเหตุ : ใน Website ของ
http://www.psa-peugeot-citroen.com/modules/multiplexage/en_multiplexage_04.html

จะพบคำว่า ?ISU? แทนคำ ?BSI? หรือว่าทาง PSA-PEUGEOT-CITROEN ต้องการเปลี่ยนชื่อเรียกของอุปกรณ์ตัวนี้ใหม่?
    BSI หรือ ISU (Intelligent Switch Unit) คือหน่วยประมวลผลกลาง ที่เป็น Microprocessor ตัวหนึ่งซึ่งมีความสามารถและโครงสร้างแบบเดียวกันกับเครื่องคอมพิวเตอร์ (PC) และมีซอฟต์แวร์เฉพาะสำหรับงานในแต่ละหน้าที่

ภาพแสดงความสัมพันธ์ของ Fuse-Relay และอุปกรณ์


* 911 BSI-Fuse-relay.jpg (109.24 KB, 900x553 - ดู 10131 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #62 เมื่อ: วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:52:56 »


พบกันวันพรุ่งนี้ ในตอบปิดท้ายของเรื่องเล่าว่าด้วยการ Reset BSI ในอีกรูปแบบหนึ่งที่คุณต้องรู้............!!!!!


* SRI.jpg (74.33 KB, 350x262 - ดู 5262 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #63 เมื่อ: วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:28:50 »


   สุดท้ายนี้มีของฝากเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้ใฝ่รู้ทุกท่าน ได้โปรดพิมพ์ติดรถไว้เป็นผ้ายันต์กัน BSI เฮี้ยนได้ดีนักแล
       บางท่านอาจเคยพบปัญหาหรือพฤติกรรมแปลกๆเกิดขึ้นกับบางระบบการทำงาน  เช่นหลังการใส่รหัสกุญแจ เพื่อให้ BSI รู้จักกับ Chip Immobilizer ที่ลูกกุญแจ แล้วเกิดความผิดปกติขึ้นกับการทำงาน เช่น ค่า Odometer (มาตรวัดระยะทาง), เครื่องคำนวณระยะทาง (Trip Computer), เซ็นทรัล ล็อก, ระบบไฟฟ้าและ Immobilizer ไม่ทำงานเป็นต้น     ด้วยเหตุที่ BSI มีพื้นฐานเป็นคอมพิวเตอร์ตัวหนึ่งที่ต้องมีระบบปฏิบัติการ (Operation Systems = OS) เพื่อรองรับหน้าที่ต่างๆมากมาย ดังนั้นจึงต้องการ การกระตุ้นให้ เปิด-ปิด การใช้งานด้วยวิธีการเฉพาะตัวที่ถูกต้องเพื่อให้ระบบ OS ได้ทำการกำหนดค่า(Configure) การทำงานของระบบย่อยต่างๆให้ครบถ้วนสมบูรณ์เสียก่อน แต่ถ้ามีการถอดขั้วต่อไฟฟ้าของอุปกรณ์ในขณะที่มันกำลังทำงานอยู่  หรือเมื่อถอดเปลี่ยนอุปกรณ์แล้วก็จะต้องให้ระบบได้ทำการปรับตั้งให้เข้าตำแหน่งเริ่มต้น (Reset) การทำงานเสียก่อน หรือถอด Battery ออกก่อนที่ระบบจะกลับคืนสู่ค่าเริ่มต้นแล้วเสร็จเหล่านี้เป็นต้น  ซึ่งล้วนแต่จะสร้างความสับสนให้กับซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการของมันเองได้เสมอ อันเป็นเหตุให้การทำงานของระบบต่างๆเกิดอาการรวนหรือผิดพลาดขึ้นได้   
     รายละเอียดของการค้นหาสาเหตุของปัญหาแปลกๆนี้มีปรากฏอยู่ใน Peugeot technical service bulletin ซึ่งพอจะสรุปวิธีการปฏิบัติได้ดังนี้
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #64 เมื่อ: วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:35:37 »


Peugeot BSI reboot procedure ? ขั้นตอนการเริ่มต้นระบบปฏิบัติการใหม่ให้กับ BSI

   1.  ขั้นตอนสำหรับการเริ่มเปิดใช้งาน BSI หลังจากที่ได้ทำการใส่รหัสกุญแจให้ BSI
     1.1   ปลดเครื่องมือตรวจวินิจฉัย (Diagnostic) ออก
     1.2   ลดกระจกด้านคนขับลง, เปิดฝากระโปรงรถ, ปิดสวิทช์อุปกรณ์ทั้งหมด
     1.3   ปิดประตูทุกบาน, เอากุญแจออก
     1.4   รอ 3 นาทีแล้วถอดขั้ว Battery ออก แล้วรอ 15 วินาที
     1.5   ต่อขั้ว Battery กลับคืน แล้วรออีก 10 วินาที ในระหว่างนี้ห้ามเปิดประตู
     1.6   เปิดไฟหรี่ผ่านทางกระจกด้านคนขับที่เอาลงไว้
     1.7   บิดกุญแจไปที่ตำแหน่ง Ignition แล้วปล่อยให้ระบบตรวจสอบการทำงานมันเอง
     1.8   กดปุ่มล็อกรถที่กุญแจค้างไว้ 10 วินาที
     1.9   เอากุญแจออก, เปิด-ปิดประตู, ทดสอบการทำงานของ Central Lock
     1.10  สตาร์ทเครื่องยนต์เป็นอันเสร็จสิ้นการตรวจสอบระบบ
     การทำผิดขั้นตอนข้างต้นอาจทำให้การทำงานของ BSI ทำงานผิดพลาดได้ ซึ่งจะต้องกลับไปทำซ้ำตามขั้นตอนใหม่อีกจนกว่าทุกระบบจะทำงานได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์

   2.  วิธีการถอด-ใส่ขั้วแบตเตอรี่
      2.1 วิธีการถอดขั้วแบตเตอรี่
       เมื่อต้องการจะถอดขั้วแบตเตอรี่รถยนต์ให้ปิดสวิทช์อุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดและปลดเครื่องมือตรวจวินิจฉัย (Diagnostic) ออกด้วย
         2.1.1  ปิดประตูทั้งหมด, ลดกระจกด้านคนขับลง
         2.1.2   ดึงกุญแจออกแล้วรอ 3 นาทีก่อนที่จะถอดขั้วแบตเตอรี่ (ถอดขั้วลบ ? ก่อน) เพื่อรอให้ BSI กลับเข้าสู่ Sleep Mode "Active Economy Mode". และห้ามไม่ให้ใช้งานอุปกรณ์ใดๆในรถในช่วงเวลานี้

     2.2  วิธีการใส่ขั้วแบตเตอรี่กลับ
        2.2.1   ปิดประตูทั้งหมด
        2.2.2   ถ้ากุญแจอยู่ในตำแหน่ง Ignition ให้บิดกลับเพื่อปิดแล้วดึงกุญแจออก
        2.2.3   ห้ามเปิดประตูไว้ ? ใส่ขั้วแบตเตอรี่ (ใส่ขั้วบวก + ก่อน) กลับ
        2.2.4   รอ 10 วินาที (บ้างก็ว่า 2 นาที)
        2.2.5   เปิดไฟหน้าผ่านทางกระจกด้านคนขับที่ได้เอาลงไว้
        2.2.6   เปิดประตูเข้าสตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วตรวจเช็คทดสอบการทำงานของระบบต่างๆ

ที่มา:  โปรดใช้คำ ?Peugeot BSI reboot procedure? ในการค้นหาจาก Internet
                                              ~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #65 เมื่อ: วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2009 เวลา 18:37:39 »


    บัดนี้สมควรยุติเรื่องเล่าที่ได้กล่าวมา  จึงใคร่ขอน้อมคารวะและกล่าวคำขอบพระคุณอย่างสูงยิ่งแด่ท่านเจ้าของภาพ, ข้อความและแหล่งอ้างอิงต่างๆ ที่มีปรากฏอยู่ในบทความนี้    ฉะนั้นขอท่านได้โปรดใช้บทความนี้เพื่อเป็นวิทยาทานแบ่งปันความรู้เท่านั้น 

    จึงขอเอวังด้วยประการฉะนี้ อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง สตังค์อยู่ครบ ........  สวัสดีครับ
                                                                                                           Zuzarz / Blue Leo
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
ภณ(PON)
สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม
Administrator
เซียนสิงห์
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 9,041



เว็บไซต์
« ตอบ #66 เมื่อ: วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2009 เวลา 19:38:57 »


บอกได้เลยว่าสุดยอดวิชาการจริงๆครับ

ที่สำคัญได้บุญอย่างแรงสำหรับให้สมาชิกที่ใช้ 406 D9 ครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

รูปงาน Meeting ครบ 10 ปี
http://www.vlovepeugeot.com/forum/index.php?topic=22111.0

คิดถึง Mi16 จังเลยอือๆ
โชคดีโชคร้ายไม่มี....แตกต่างเพียงมุมมองในสถานการณ์

มีปัญหาเรื่องรถก็โทรคุยกันได้ ช่วยบอกชื่อท่าน รุ่นรถก่อนถาม
และเคารพสิทธิส่วนบุคคลผมด้วยครับ เบอร์ 084-556-8หกหกหก
วิดีโอของชมรมนะครับ : http://www.youtube.com/vlovepeugeot
สนใจสมัครนักเขียน : http://www.allwhatever.com
Horn
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 630


« ตอบ #67 เมื่อ: วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน 2009 เวลา 21:53:42 »


ขอคารวะครับ   สุดยอดดดดดดดดดดดด
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Poj_MN
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 478


« ตอบ #68 เมื่อ: วันพุธที่ 02 ธันวาคม 2009 เวลา 17:55:13 »


ขอแสดงความนับถือ และขอบพระคุณเป็นอย่างสูง ครับ สุดยอดมากๆ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

ขับ Peugeot โก้ดี ถ้าไม่มีอะไรต้องซ่อม
nutty
สิงห์มือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1


« ตอบ #69 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2009 เวลา 19:03:36 »


สุดยอดครับ

ขอบพระคุณมากครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Kowit 405SRI ในคราบ GR
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 72


« ตอบ #70 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม 2009 เวลา 20:17:16 »


ขอบคุณป๋ามากครับ กับเรื่องราวในครั้งนี้ อยากให้ป๋าเขียนงานอย่างนี้ออกมาอีก
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
CPOD
สิงห์มือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4


« ตอบ #71 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2010 เวลา 09:26:11 »


 ตาดำๆ ไออย๋า สุดยอดเยี่ยม ชาว ซีตรอง เอวาซิออง ขอร่วมขอบคุณ ในวิทนาทานนี้ด้วยครับ ถ้าเติมด้วยเรื่อง เกียร AL4 จะเป็นพระคุณอันหาที่เปรียบมิได้แล้วในโลกนี้  :หวัดดีค่ะ:
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!