ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2025 เวลา 01:25:19

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  หมวดหมู่ทั่วไป [ General topics ]
| |-+  พูดคุยทั่วไป ได้ทุกเรื่อง
| | |-+  50 รถรุ่นดังในเมืองไทย 1985-2005 (มี Peugeot 3 รุ่น)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: 50 รถรุ่นดังในเมืองไทย 1985-2005 (มี Peugeot 3 รุ่น)  (อ่าน 3378 ครั้ง)
เปี๊ยก&Snow
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,468



เว็บไซต์
« เมื่อ: วันพุธที่ 01 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 08:51:24 »


http://www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=1388:50-1985-2005-part-ii-&catid=30:rewind-by-commander-cheng&Itemid=78
รายละเอียดตามนี้ครับ 305,505,405
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

www.winnerestateplus.com
ศูนย์รับฝากขาย จำนองบ้าน และที่ดิน
ขายง่าย ได้ไว.. รับขายฝากได้เงินเร็ว
Tel: 099-494-6599
pentaaberng
สิงห์มือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2



« ตอบ #1 เมื่อ: วันพุธที่ 01 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 09:21:09 »


ขอบคุณครับ...
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
ant123
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 559


« ตอบ #2 เมื่อ: วันพุธที่ 01 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 11:12:26 »


อ่านเเล้วก็ภูมิใจ เพราะเคยใช้ 405 ขอบคุณครับที่มีน้ำใจมาให้ชม
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
draculajung
draculajung
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,839



« ตอบ #3 เมื่อ: วันพุธที่ 01 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 13:51:00 »


Peugeot 305: สิงห์พันธุ์เล็กตะกายหน้า ผงาดครองใจคนไทย
Commander CHENG : นี่คือรถ Peugeot ขับหน้ารุ่นแรกที่ประกอบขายในประเทศไทยและสร้างยอดขายชนะรถญี่ปุ่นได้
หลายค่าย ผมลองค้นหนังสือรถเก่าๆ รุ่นพวกเราเพิ่งเกิดดู ได้ความว่าในปี 1985 นั้นยอดขายสะสมทั้งปี (ไม่รวมเดือนธ.ค.)
305 ขายได้ 2,695 คันในขณะที่ Corolla ขายได้ 2,513 คัน! อีกนานไหมกว่าเราจะได้เห็นการแข่งขันแบบนี้เกิดขึ้นอีก? คงไม่
ล่ะมั้งโดยเฉพาะกับรถที่เอามาขายหลังจากประเทศอื่นๆเขา 7 ปี! ใช่แล้วล่ะ 305 นี่เปิดตัวลงขายในยุโรปตั้งแต่ปี 1978 แล้ว
ก่อนหน้าที่ 505 เสียด้วยซ้ำไป กรณีนี้ดูจะคล้ายกันกับ 190E ของ Mercedes ที่รถใกล้ตกรุ่นของต่างประเทศกลับมาขายดีใน
เมืองไทย
J!MMY : 305 ถือเป็นตัวผลักดันให้ค่ายสิงโตชกมวยมีกำไรไหลเข้าบริษัทอยู่พักใหญ่หลังจากที่ปล่อยให้ 505 และ 504
ขายกันแบบเรื่อยๆมาเรียงๆอยู่เป็นนาน..นานจนยอดขายของทางค่ายเริ่มห่อเหี่ยว ก็มี 305 นี่ล่ะเป็นยาต่อชีวิต และถ้าให้พูด
ตรงๆ 305 นี่ล่ะเป็นรุ่นส่งท้ายแห่ง "ยุคทองของสิงห์น้ำหอม" เพราะหลังจากนั้นมาแล้ว การสร้างยอดขายแบบติดอันดับแชมป์
เช่นนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย สำหรับ 305 นี่สเป็คของเครื่องยนต์เทียบกับรถในยุคสมัยนั้นถือว่าไม่ล้าหลัง เครื่อง XU5 1.6 ลิตร
92 แรงม้า มีเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หน้าปัดแพรวพราวสวยงาม ราคาค่าตัว 359,000 บาท (ในปี 1985) ก็ถูกกว่า Honda
Accord แพงกว่า Toyota Corolla และสูสีกันกับ Corona  ส่วนที่เป็นจุดเด่นอีกประการของรถรุ่นนี้คือกันชนแบบบิ๊กบัมเปอร์ที่
ยุคนั้นกำลังฮิตกันอยู่ใน 505 และ BMW หลายรุ่น
 
Commander CHENG: แต่จุดด้อยก็ใช่ว่าจะไม่มีนะ เคยได้ยินคำว่าหัวเกียร์หลุดติดมือไหม? ถ้าไม่เคย ลองไปถามหาคุณ
หมอท่านหนึ่งที่เปิดคลีนิกหู คอ จมูกอยู่แถวๆริมคลองประปาใกล้ๆประชานิเวศน์ 1 ดูก็ได้ ขนาดว่าคุณหมอไม่ใช่มืออสูรตีนผี
อะไร ขับไปขับมา เห้ย! เกียร์หลุดติดมือมายังไงวะ?
 
นอกจากนี้บางคนยังบอกว่ามันทำตัวไม่ค่อยเหมือน Peugeot โดยเฉพาะในเรื่องช่วงล่างที่ออกอาการยวบยาบค่อนข้างมาก
แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราที่เกิดก่อนน้าชาติขึ้นเป็นนายกคงจำกันได้ว่าคันหลายพันคนไม่สนเรื่องนี้! ที่จริงแล้วยังมีรถฝรั่งเศสอีก
ยี่ห้อคือ Citroen BX ที่ขายอยู่ในช่วงเวลาใกล้ๆกัน ใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกันแถม Citroen เจ๋งกว่า ช่วงล่างไฮดรอนิวเมติก
ยกตัวขึ้นลงได้ด้วย ปัญหาคือเมื่อรวมคุณสมบัติทุกด้านและความสำเร็จในยอดขายแล้วเห็นได้ชัดว่า 305 เป็นแฝดพี่ที่ไปได้ดี
กว่า
 
J!MMY : แน่ละ คุณคิดว่าจะมีทางได้เห็น Peugeot คันละ 3 แสน 5 หมื่นบาท ขึ้นโชว์รูมเป็นรถใหม่ป้ายแดงในไทย อีกไหม
ละ? ขนาด อากู๋ สามีของน้องสาวหม่อมแม่ของข้าพเจ้า ยังเคยถอย 305 มาใช้อยู่หลายปี ยังจำได้เลยว่า ปี 1987 เรา ทั้ง 2
ครอบครัว ต้องเดินทางกันไปรวม 7 คน นั่งอัดเป็นปลากระป๋อง ในรถ 305 หน้าตา และสีฟ้า เหมือนในรูปข้างบนนี้เปี๊ยบ บุกไป
แอ่วอุบลราชธานี อยู่ จำได้เลยว่า เข็ดขยาด ไม่อยากนั่งรถคันนี้อีกเลย ทุกวันนี้ ยังจำกลิ่นห้องโดยสารของมันได้ ไม่เคยลืม!!
(ฉุนจมูกชะมัด)


* post-6541-1245957241.gif (43.96 KB, 350x201 - ดู 1280 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
draculajung
draculajung
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,839



« ตอบ #4 เมื่อ: วันพุธที่ 01 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 13:51:33 »


Peugeot 405: สิงห์พันธุ์หนึบ..ทำไมรถสมัยนี้ไม่ทำช่วงล่างให้ได้อย่างนี้?
 
Commander CHENG: ขอแสดงความเห็นส่วนตัวว่านี่เป็น Peugeot รุ่นที่ผมชื่นชอบมากที่สุดเท่าที่เคยทำตลาดในไทยมา
ดีไซน์ของรถเป็นส่วนหนึ่งที่ต้องขอเอาน้ำแดงมาถวายด้วยความเคารพในฝีมือของ Pininfarina ทุกวันนี้ผ่านมา 20 ปีนับตั้งแต่
วันแรกที่ 405 ลงสู่ตลาดในไทย มันยังเป็นรถที่ดูสวยแบบมีความบึกบึน แต่คล่องแคล่วไปพร้อมๆกัน 405 คว้ารางวัล Car of
the year 1988 ที่ยุโรปโดยทำคะแนนได้สูงสุดในรอบ 25 ปีตั้งแต่มีรางวัลนี้มา และหลังจากเวอร์ชั่นพวงมาลัยขวาเปิดตัว
เมืองไทยก็ได้มีโอกาสใช้ 405 อันเป็นรถโมเดลใหม่รุ่นแรกของ Peugeot ไทยในรอบ 4 ปี คือประมาณปี 1989 ในช่วงแรก
ของการเปิดตัวมีให้เลือก 3 รุ่น สำหรับคนทั่วไปมีไฟแต่พอเีพียงก็จะมีรุ่น 405GR เครื่อง XU9-2C 1.9 ลิตร 110 แรงม้าจ่ายน้ำ
มันด้วยคาร์บูเรเตอร์ ซึ่งจะมีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ อย่างหลังนี่ตามสเป็คแจ้งไว้ว่าทำความเร็วสูงสุดได้
184 ก.ม./ช.ม. รถญี่ปุ่นสมัยใหม่ที่ม้ามากกว่านี้บางคันยังวิ่งไม่ได้เร็วเท่านี้เลย
 
แต่ที่เด็ดสุด..สุดยอด โดนใจผู้การนี่ก็คือ ไอ้รุ่นท้อป ที่ไม่รู้ว่าผีอะไรเข้าสิง ยนตรกิจ she กล้ามากที่นำเอารุ่น 405 Mi16 มา
ขายด้วย ซึ่งเจ้านี่ก็ถือว่าเป็นตัวท้อปในตลาดแห่งอื่นๆในประเทศที่พัฒนาแล้วด้วย รถรุ่นพิเศษนี้มองภายนอกถ้าไม่มีป้ายบอก
ชื่อรุ่นแล้วมองดูไม่ต่างจากรุ่น GR เลย แต่สามารถสังเกตเอาจากเบรคหลังก็ได้เพราะรุ่นพลังแรงนี้จะให้ดิสก์เบรค 4 ล้อมา นอก
จากนี้ยังมีช่วงล่างที่ปรับให้หนืดขึ้น และหัวใจหลักก็คือเครื่องยนต์ เปลี่ยนมาใช้แบบ XU9J4 ขนาดความจุเท่าเดิม แต่ใช้ฝาสูบ
ไฮเทค 16 วาล์ว วางท่อไอดีไว้ด้านหน้าเหมือนพวกรถแข่งทางเรียบที่หันเครื่องกลับ ส่วนท่อร่วมไอเสียยิ่งเป็นเอกลักษณ์
เพราะมีการแยกแบบวาล์วใครวาล์วมัน ถ้าดูจากหลังเครื่องจะมีท่อยิงออกมาจากพอร์ทไอเสียถึง 8 ท่อ รวมทั้งหมดนี้ทำให้มี
แรงม้าสูง 160 แรงม้า สำหรับรถเกียร์ธรรมดาทดจัดน้ำหนักแค่ 1.1 ตัน ทำให้เวลา 0-100 ก.ม./ช.ม.ที่สเป็คบอกว่า 10
วินาทีนั้นดูเหมือนจะถ่อมตัวไปมาก ความเร็วสูงสุด 220 ก.ม./ช.ม.ทำให้ 405Mi16 เป็นรถบ้านราคาหลักแสนที่แรงหาตัวจับ
ยากในยุคก่อนทลายกำแพงภาษีนำเข้า
J!MMY : ไม่ใช่แค่ผู้การแพนที่จะประทับใจ แต่ 405 เองก็ยังเป็น Peugeot เพียงรุ่นเดียวในดวงใจ ที่ผมยังอยากเป็นเจ้าของ
จนถึงทุกวันนี้ ในฐานะที่รถรุ่นนี้ ซึ่งจะว่าไปแล้ว 405 ก็ยังเคยเป็น รถหัดขับของผู้หญิงรุ่นป้าๆ น้าๆ รอบๆตัวผมหลายคน 405
มีคาแร็คเตอร์ของช่วงล่างที่น่าประทับใจ ทั้งๆที่ดูแล้วก็ไม่มีอะไรซับซ้อน ด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังเป็นเทรลลิ่ง
อาร์ม แต่การบังครับควบคุมให้ความรู้สึกที่เฟิร์มและมั่นใจกว่า Peugeot รุ่นที่ผ่านๆมา ยิ่งรุ่น Mi16 นี่ยิ่งขับสนุกแล้วก็ไม่กระด้าง
สะเทือนจนเวอร์เกินเหตุ การจัดพื้นที่ห้องโดยสารก็ไม่เลวเพราะฐานล้อของมันยาวกำลังเหมาะ และความกว้างตัวถัง 1,714
มิลลิเมตร ก็ยิ่งทำให้มันได้เปรียบรถญี่ปุ่นยุคนั้นหลายคัน ถ้ามีอะไรจะติ ก็คงเป็นแผงแดชบอร์ดและวัสดุที่ไม่น่าเอาเยี่ยงอย่าง
ยิ่งในรถอายุมากแล้วแทบจะละลายแข่งกับ M&M ในปากช้าง
 
แต่หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทย เมื่อปี 1989 และขายกันเพียงแค่ 405 GR กับ 405 Mi16 เราต้องรอจนถึงปี 93 จึงมี
การแต่งหน้าทาปากกันใหม่ให้ดูสวยงามขึ้น แต่ทว่า วิญญาณผีจีนใจดี ก็ดันออกจากร่างของยนตรกิจไปดื้อๆ เลยทำให้พวกเขา
ยุบรุ่น GR และ Mi16 ลงเหลือแค่รุ่น SRi เครื่องยนต์เปลี่ยนมาใช้แบบ 4 สูบ SOHC 8 วาล์ว 2.0 ลิตร 123 แรงม้า ที่น่าเบื่อ
หน่ายพอกับ Cefiro A31 กระนั้น ภายในกลับถูกออกแบบใหม่ดูทันสมัยขึ้นเป็นกอง มีลายไม้แปะมาให้เป็นแผ่นเล็กๆตรง
แดชบอร์ดฝั่งคนนึ่ง ส่วนภายนอกนั้นแม้จะใช้ล้อลายเดิมแต่กันชนหน้า-หลังแบบที่เป็นสเกิร์ตในตัว กับสปอยเลอร์บนฝา
กระโปรงท้ายไม่มีให้แล้ว ภาพลักษณ์ของรถจึงออกไปทางหรูขึ้น ต่อมาก็มีรุ่นประหยัด 405GRi วางเครื่อง 1.6 ลิตร 90 แรงม้า
ซึ่งทำราคาแข่งกับรถญี่ปุ่น (593,000บาท) ท้ายสุดก่อนที่ 405 จะหลีกทางให้กับการมาของ 406 ก็ยังมีหมัดสั่งลาโดยการ
นำเอาชื่อ Mi16 กลับมาขายใหม่โดยใช้บอดี้ SRi แต่ใส่ชุดแต่งสปอร์ตไฟหน้ากลม 4 ดวง และนำเครื่องยนต์จาก 306S16
2.0 ลิตร 155 แรงม้ามาใส่ รถรุ่นนี้หายากมากถึงมากที่สุด เพราะในวันที่ยังขายเป็นรถป้ายแดง ก็ไม่ค่อยมีคนเหลียวแลมัน
เท่าใดนัก
 


* 2245ee75.jpg (65.1 KB, 800x530 - ดู 1058 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
draculajung
draculajung
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,839



« ตอบ #5 เมื่อ: วันพุธที่ 01 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 13:54:37 »


Peugeot 505 : สิงห์พันธุ์ใหญ่ ขวัญใจตำรวจ ทหาร และผู้จัดการแบงก์
 
J!MMY :  นี่ก็เป็นรถอีกรุ่นหนึ่งที่ลากขายกันข้ามทศวรรษ เพราะ 505 โฉมแรกนั้นมาถึงเมืองไทยตั้งแต่ปี 1980 แล้ว สมัยนั้น
505 มาได้ค่อนข้างถูกจังหวะถูกเวลาพอดี เพราะ 504 ที่ขายอยู่นั้นรูปทรงเริ่มจะล้าหลังชาวบ้าน และ Peugeot เองก็ยังขาด
รถขนาดใหญ่เต็มตัวที่จะสามารถนำมาแข่งขันกับยุโรปค่ายอื่นอย่าง BMW 520 และเบนซ์ W123 แน่นอนว่าการมาถึงของมัน
ได้รับการต้อนรับอย่างดีด้วยราคาเปิดตัวในยุคแรกๆนั้นอยู่ที่ 4.8 แสนบาท ในช่วงแรกออพชั่นติดรถยังไม่มีอะไรมาก
เกียร์ธรรมดา 4 สปีด ล้อเหล็ก ไม่มีมาตรวัดรอบ แต่แค่ 2 ปีหลังจากนั้นก็มีการเพิ่มล้ออัลลอย นาฬิกา และไฟ Econoscope
ซึ่งเป็นหลอดไฟสามดวงบนหน้าปัดข้างใต้วัดรอบ ทำหน้าที่บอกว่ากดคันเร่งมากน้อยแค่ไหนจะประหยัดน้ำมันเพียงไร คล้ายๆ
กับ Vacuum gauge ของพวกเบนซ์รุ่นเก่านั้่นเอง
 พอย่างเข้าปี 1984 ก็มีการเปลี่ยนกันชนมาเป็นแบบบิ๊กบัมเปอร์..ซึ่งจะว่าไป เจ้านี่ก็มีส่วนในการจุดกระแสกันชนบิ๊กบัมเปอร์
ให้ดังระเบิดในยุคปี 1984-1986 เช่นกัน และเป็นรถรุ่นโปรดของตำรวจทางหลวงในสมัยนั้นเพราะมี 505 ถูกจัดซื้อไปเป็น
จำนวนมาก รถสเป็คหลังๆนี่มีเกียร์เดินหน้า 5 สปีดแล้ว และ Peugeot เองก็ดูเหมือนจะภูมิใจกับการมีเกียร์จังหวะที่ 5 ให้
โฆษณามากเพราะสามารถเอาอัตราทดมาเป็นจุดขายได้ว่าช่วยประหยัดน้ำมัน
 
Commander CHENG : สโลแกนของเขาคือ "เปอโยต์ 505 คงคุณค่า คู่เวลา" ก็รู้สึกว่าจะคู่เวลาอยู่นานโคดรๆ เลยอ่ะนะ
แถมเจ้า Rhino Mango สมาชิกกลุ่ม the coup team เราก็มีใช้อยู่คันนึงนี่หว่า? ว่าแต่มันเป็นรถที่ช่วงล่างเกินคำบรรยาย
จริงๆ มองจากข้างนอกแล้วไม่คิดเลยว่าพอเข้าไปนั่งข้างใน วิ่งผ่านถนนขรุขระแถบหลัง ม.ธุรกิจบัณฑิตย์กับซอยสามัคคีแล้วมัน
จะนุ่มสบายเกินคาด นี่ขนาดว่ารถเก่าแล้วนะ ถ้าตอนเป็นรถใหม่นี่พูดได้เลยว่านุ่มสบายและเกาะจนรถเยอรมันอายได้ละกัน
แต่สังเกตว่าแดชบอร์ดรถตา Rhino Mango กับคันที่เห็นตามหนังสือรถเก่าๆมันไม่เหมือนกันเลย? รุ่นนี้มีไมเนอร์เชนจ์ด้วย
หรือ?
 
J!MMY : ใครว่าไมเนอร์เชนจ์? โคตรนาโนเชนจ์ต่างหากล่ะ! ที่พูดไปตะกี้นี่ก็มีสามเชนจ์แล้วครับท่าน แต่มันยังไม่จบแค่นั้น
ปี 1986 นี่มีเปลี่ยนรูปลักษณ์กันใหม่ เอาไฟท้ายแบบลาดที่มาใช้ (ได้ข่าวว่าราคาอะไหล่แพงมาก ตา Rhino แกยังตะแง๊วๆ
ถวิลหาอยากได้อยู่ทุกวันนี้) มีการเปลี่ยนกันชนสไตล์ใหม่ เปลี่ยนเข็มวัดความเร็วจากแบบ 180 มาเป็น 220 ก.ม./ช.ม.
ปี 1987 เปลี่ยนรายละเอียดที่เครื่องยนต์ คาร์บิวเรเตอร์ลูกใหม่ เปลี่ยนท่อไอดีใหม่
 
Commander CHENG : ได้ข่าวว่ามีเรื่องพอร์ทเหลี่ยมกับพอร์ทกลม เข้าใจว่าเครื่องตัวใหม่นี้คือตัวที่เปลี่ยนพอร์ทอย่างที่
ตา Rhino เคยบอกไว้ อ้อ! นึกออกละ พอปรับปรุงเครื่องตามนี้ แรงม้าก็เพิ่มจาก 96 เป็น 108 แรงม้า แล้วก็ภายในก็มีเปลี่ยน
คอนโซลใหม่ที่ตั้งเป็นบั้งแต่ไล่ขอบมุมสายตาให้ดูโค้งกว่าเดิมแบบรถตา Rhino เช่นกัน ...ยังมีไมเนอร์เชนจ์อะไรอีกไหม?
 
J!MMY : มี! ปี 1991 เพิ่มหมอนรองศรีษะที่เบาะหลัง..แล้วก็คิ้วขอบประตูเป็นแถบใหญ่ขึ้นกว่าเดิมเป็นไง? โคตร
ไมเนอร์เชนจ์ จริงๆแล้วมีรายละเอียดที่เปลี่ยนอีกเยอะแต่จำได้ไม่หมด คลับคล้ายคลับคลาว่ามีเปลี่ยนกระทั่งพวกเรื่องกระจก
ไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อคซึ่งบางทีก็เป็นฝีมือของผู้แทนจำหน่ายติดตั้งให้เอง ต่อมาปี 1992 นี่ยอดขายเริ่มเข็นไม่ไปแล้ว
เพราะอายุตลาดของรถก็ 12 ปี อยู่มานานจนเพื่อนร่วมรุ่นเขาเปลี่ยนหน้าตาไปกันหมดแล้ว แต่ก็ยังมี 505 ขายอยู่ Peugeot
ไปได้ดีลกับธนาคารกรุงเทพ จนได้ถูกสั่งซื้อไปใช้เป็นรถประจำตำแหน่งของผู้จัดการสาขา หลังจากนั้นก็มีจำหน่ายต่อมาแบบ
เต่าหาวนอน จนกระทั่งเลิกทำตลาดไปในปี 1994 ปิดตำนานรถโมเดลเดียวดึงขายข้ามทศวรรษอีกรุ่นหนึ่งไป
 
Commander CHENG : ขออนุมัติเปลี่ยนสโลแกนใหม่ .."เปอโยต์ 505 คงคุณค่า นาโนเชนจ์ไปตามเวลา"

* 2551-06-01_18-07-10_%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E245.jpg (70.84 KB - ดาวน์โหลด 85 ครั้ง.)

* SUC3179666.JPG (29.35 KB, 455x450 - ดู 960 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
เปี๊ยก&Snow
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,468



เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 03 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 14:41:46 »


ขอบคุณสำหรับรูป
ผมนำมันขึ้น web ไม่ได้ใครทำเป็นช่วยนำรูปจาก link มาขึ้นให้ด้วย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

www.winnerestateplus.com
ศูนย์รับฝากขาย จำนองบ้าน และที่ดิน
ขายง่าย ได้ไว.. รับขายฝากได้เงินเร็ว
Tel: 099-494-6599
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!