ความเป็นมาอย่างย่อ เริ่มต้นขึ้นในปี 1977 เมื่อกระทาชายนาย เทียรี่ (Thierry Sabine) ไม่ใช่เทียรี่ อองรีเตะบอลนะ เกิดหลงทางระหว่างกลับบ้าน เอ้ยไม่ใช่ ระหว่างแข่งแรลลีจากเมือง Abidjan ไป Nice อิตาลี หลงทางที่ใหนไม่หลงดันไปหลงในทะเลทรายลิเบีย กว่าที่ทีมค้นหาจะเจอก็บักโกรกเต็มที พี่แกเลยสาบานไว้ว่าต้องเอาคนอื่นมาหลงกะพี่แกให้จงได้ จึงไปบอกเล่าต่ออีก 7 คนและอีก 7 คนก็เล่าต่ออีก 7 (ชักจะเหมือนจดหมายลูกโซ่เข้าไปทุกที) ไปๆ มาๆ ชักได้เรื่อง หาเงินเสียเลย ก็เลยจัดเส้นทางจากปารีส ยุโรป ผ่านทะเลทราย Agadez ไปสิ้นสุดที่ Dakar อัลจิเรีย (สมัยนั้นคงยังไม่รบกันมากมายเหมือนสมัยนี้)
ความฝันบวกความบ้าคูณแรงโม้ ยกกำลังสองความโหด เลยกลายมาเป็น The Paris-Dakar (ชื่อใหม่เรียก The Dakar เฉยๆ) อันมีสโลแกนว่า A Challenge for those who go, A dream for those who stay behind? ประมาณว่า ท้าทายคนไป ฝัน(ร้าย)คนอยู่?
ก็ไม่รู้จะเล่าความโหดยังไงดี เพราะไม่เคยไป 555 แต่กล่าวกันว่า พวกมือสมัครเล่นโดยเฉลี่ยจะถึงปลายทางเพียง 5% พวกที่ลงแข่งมีทั้งบาดเจ็บ พิการ ตาย หายสาบสูญ ฯลฯ แต่ก็ไม่สำนึก ยังคงมีพวกรนหาที่ลงแข่งได้ทุกปี
หากสนใจเชิญครับ ที่นี่เลย
http://www.dakar.com/ ในปุจจุบันได้ลดเลเวลความโหดลงไปเยอะจากระดับสิบเหลือเพียงเจ็ด แปด กลัวจะพากันไปตายเสียมากกว่า แถมเทคโนโลยีก็ขนมาเต็มพิกัด จีพีเอส ฮอลิคอปเตอร์ ยังงี้ รถเซอร์วิสเป็นโขยง ทีมงานเป็นร้อย คงเหลือความดิบเถื่อนให้พอเป็นกระสัยนิดๆหน่อยๆ
เปอร์โยต์กำลังรุ่ง Dakar ก็เหมือนเวทีนางงามโลก อย่ากระนั้นเลยจึงส่ง Peugeot 205 Model T16 เข้าประกวดและชนะเลิศในปี 1987 1988 สองปีซ้อน อืมม์ เจ้าตัวเล็กรุ่นนี้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงนะ ซาร่า
จริงๆ แล้ว ตัว T16 ไม่ได้แค่ชนะรายการนี้ เท่านั้น การแข่ง Rally Group B, WRC, Pikes-Peak Race ก็กวาดรางวัลมาไม่หวาดไม่ไหว
ผลที่ได้จึงเป็นประโยชน์ในการพัฒนา 405 ต่อมาซึ่งเป็นการขยายเจ้าตัวเล็กให้ใหญ่โตขึ้น แล้ว 405 ซึ่งก็ก็ครองแชมป์ ปารีส-ดักการ์ ต่อในปี 1989-1990 เห็นแมะ ไม่ธรรมดาจริงๆ ...
กำเนิด 205 T16 อสูรน้อยติดล้อ
ในปี 1976 วงการแข่งขันแรลลีใด้อนุญาตให้ รถที่ลงแข่งสามารถขับเคลื่อนแบบสี่ล้อได้ ซึ่งในขณะนั้นก็ยังไม่มีผู้ผลิตรายใดสนใจ
และแล้ว Audi ก็ออกรุ่น Quattro ขับสี่ล้อ เป็นแชมป์ทีมแรกของโลกด้วยรถแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่ลงแข่งในรายการพื้นๆ บ้านๆ
ฝ่ายทางเปอร์โยต์ก็ได้ซุ่มพัฒนา ด้วยเงินไม่อั้น จ้างคุณพี่ Jean Todt มาช่วยออกแบบรถในฝัน (ซึ่งในภายหลังพี่แกก็ไปอยู่กับทีม เฟอรารี่ F1 และแจ้งเกิดในกับเฟอร์รารีในวงการแข่งสูตรหนึ่ง)
พี่แกฝันถึงสิ่งใด เปอร์โยต์จัดให้ ขออย่างเดียวเอาชัยชนะมาให้ได้ โครงการลับ 205 T-16 ซึ่งก็เอาต้นแบบมาจากตัวบ้านๆ GTI รื้อออกทั้งคันประกอบใหม่ ย้ายเครื่อง ดัดโน่น ตัดนี่ ติดหอย ลดน้ำหนัก ด้วยความพิสดาร อลังการงานสร้าง เอาง่ายๆ ว่าทำใหม่ทั้งคัน แต่ให้หน้าตาเหมือน 205GTI?
พอเปิดตัวก็ไม่ทำให้ผิดหวัง 205 T16 กวาดแชมป์ Group B ในสองปีถัดมา ส่งผลให้ สิงห์ยกขาตบมงกุฏราชา King of the GTI จาก VW ซึ่งดังระเบิดจาก Golf GTI กระเด็นไม่เป็นท่า จนเยอรมันเสียใจพ่ายแพ้สงครามโลกไป (ไม่น่าจะเกี่ยวนะเนี่ย)
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันแรลลีแบบ Group B ก็ถูกยกเลิกไปก่อนที่ 205 T16 จะสมบูรณ์เต็มร้อย เนื่องจาก อย่างที่กล่าวในตอนที่ผ่านมาว่า เป็นการแข่งที่อันตราย ตายกันเป็นเบือ จึงขออนุญาติไปแข่งต่อในนรกแทน
และเมื่อไม่มีการแข่ง Group B เจ้าสิงห์ T16 ก็โกอินเตอร์ ลงแข่ง ปารีส-ดักการ์, WRC, Pikes-Peak USA สร้างความจุกเสียดเคียดแค้นให้กับยี่ห้อต่างๆ เพราะพี่แกฟาดเรียบเป็นพระยาเทครัว นี่ถ้าอยู่บ้านเราอาจโดน เด็กแว็นซ์เอาหินทุ่มใส่กระจกหน้ารถด้วยความหมั่นใส้?
205 T16 ผลิตออกมาเพียง 241 คันออกขายทั่วไป 200 คันตามกฎการแข่งขัน และมีเฉพาะขับซ้าย ตัวขายทั่วๆไป ลดความแรงลดเหลือ 197bhp (ตัวแข่ง 450 bhp) วางกลางเครื่อง XU8T ความเร็วสูงสุด 213 Km/H ...ไม่ค่อยเท่าไหร่ แต่ทอร์คมาเต็มๆ ที่ 4,000 รอบ อันนี้แรงนะเนี่ย เครื่อง 1,800 cc ติดหอย การ์เร็ต รุ่นปี 1984 สภาพดี ไม่มี อวทม ใดๆ ไม่ผ่านไฟแน้นซ์ และไม่ง้อด้วย ราคาประเมิน ณ ปัจจุบันประมาณ 48,800 ยูโร (ถ้ามีปัญญาหาได้ และมีคนยอมขายให้)

