|
Asklepios
|
 |
« ตอบ #72 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 14:19:03 » |
|
ของ HONDA ทำจะมีการชุบ ED ทั้งคันครับเพื่อป้องกันสนิมครับ  
|
|
|
|
|
lok_in
สิงห์มือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 18
|
 |
« ตอบ #73 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 14:32:55 » |
|
ผมบอกให้ได้ว่าทำไมรถใหม่ๆ เดี๋ยวนี้สนิมขึ้นง่าย
สาเหตุเพราะไม่มีการชุบกาวาไนท์(กันสนิม)มาจากโรงงานครับ รถพวกเราจะมีการชุบมาแล้วเป็นชั้นแรกของการทำสีครับ แต่รถญุี่ปุ่นจะไม่ชุบ เนื่องจากเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นครับ
ถ้าอยากรู้ว่าที่ผมพูดเป็นเรื่องจริง หรือหลอกเล่น แนะนำให้เข้าไปดูรถญี่ปุ่นที่ชนจนสีเปิดแล้วจะเห็นเองครับว่าเหล็กล้วน ๆ
อันนี้ต้องขออนุญาตแก้ไขนะครับ เราไม่น่าโจมตีรถญี่ปุ่นด้วยประเด็นนี้ครับ เพราะอะไรนะหรือ? เพราะเป็นข้อมูลที่ผิดไงครับ การ "ชุบกัลวาไนซ์" (เขียนแบบนี้นะครับ)(galvanized = ชุบเหล็กด้วยสังะสี) เป็นเทคโนโลยีรุ่นเก่าแล้วครับ ตอนนี้รถญี่ปุ่นและรถยุโรปไปไม่ใช่แค่ชุบกัลวาไนซ์แล้วครับแต่มีการใช้ไฟฟ้าขณะชุบ(จุ่มลงไปทั้งคัน)รองพื้นตัวถังเพื่อให้สีเกาะคงทนกันสนิมและเข้าไปในร่องเล็กๆได้ดีกว่าชุบกัลวาไนซ์ครับ และก่อนทำสีต้องมีการทำ surface adjust และบางที่ใช้ phosphate treatment เพื่อทำความสะอาดและปรับพื้นผิวของโลหะก่อน แล้วจึงเข้าสู้กระบวนการ Electrodeposition ครับ (ไม่ใช่อยากจุ่มก็จุ่ม) ส่วนที่สังเกตว่ามันขึ้นสนิมง่ายไม่ใช่ขั้นตอนชุบครับ แต่เป็นขั้นตอนพ่น รถสมัยใหม่พ่นสีบางมากครับ อันนี้ของจริง (ขูดนิดขูดหน่อยลงไปถึงรองพื้น ทะลุรองพื้นถึงเนื้อตัวถังแล้ว) จุดประสงค์เพื่อลดมลพิษครับ ใช้สีน้อย ตัวทำละลายน้อยตามนโยบายรักษ์โลก(ขี้งกลดต้นทุนด้วย) (ลองเปิดช่องวางยางอะไหล่รถใหม่ๆดูก็ได้ครับ มันพ่นสีมานิดเดียวเห็นรองพื้นแล้ว) ส่วนรถอะไรถ้าชนสีเปิดก็เห็นเหล็กล้วนๆแล้วครับ Peugeot ที่บ้านชนฝากระโปรงเยิน แก้มข้างเยิน วันเดียวน้องหนิมก็ถามหาแล้วครับ ชุบสีลงบ่อแบบไหนก็เอาไม่อยู่ครับ หน้าผิวเคลือบมันหายหมดแหละ เรื่องสีจึงไม่อยากให้เป็นประเด็นครับ  
|
|
|
|
|
|
hang_405
|
 |
« ตอบ #74 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 14:49:35 » |
|
กระทู้ "ล่อเป้า" หรือป่าวเนี่ย ศูนย์เปอโยต์ห่วย/ไม่ห่วยผมไม่รู้เพราะรถผมไม่เคยซ่อมศูนย์ แต่ที่ผมเจอสดๆก็ศูนย์รถกันยี่ห้อมาแรงที่กำลังทำตลาดอย่างเข้มข้นอยู่ตอนนี้ เอาไปซ่อมด้วยอาการปั๊มติ๊กไม่ทำงาน ทิ้งไว้ 2 อาทิตย์เต็มๆ พอรับกลับ กลับได้ของแถมเป็นไฟหน้าขวาไม่ติด ปรับสูง/ต่ำไฟหน้าไม่ได้ และ ขับได้สองวัน ไฟฟ้องว่าอีโมมีปัญหา รถวิ่งไม่ออก พอโทรถาม กลับบอกว่าไม่เกี่ยวกันกับที่เค้ารื้อไล่ระบบไฟแถวคอนโซลใต้พวงมาลัย(ผมว่ามันน่าจะเกี่ยวไม่มากก็น้อยนะ) และบอกให้เอาไปเข้าศูนย์อีก(แล้วเที่ยวนี้จะต้องจอดอีกกี่อาทิตย์เนี่ย) ที่ยกตัวอย่างก็แค่อยากบอกว่านี่ขนาดศูนย์บริการของรถที่กำลังทำตลาดอย่างรุนแรงยังเป็นแบบนี้ จะนับภาษาอะไรกับเปอโยต์ครับที่คนใช้รถใหม่ป้ายแดง ต่างกันยังกับฟ้ากับเหว ผมว่าเอาสบายใจก็คงต้องยี่ห้อ T............ หรือไม่ก็ H............ ยิ่งยี่ห้อ T........... นี่ถ้าเป็นรุ่นที่เอามาทำรถสาธารณะนี่ยิ่งไม่ต้องห่วงเลย อะไหล่แท้ เทียม เทียบ เก่ามือสอง เพียบจริงๆ แถมอู่นี่ก็หาง่ายแสนง่าย ขายต่อก็ได้ราคาดีอีก โอ้วววววววว เพอร์เฟ็คเจงๆเลยยยยยย  
|
|
|
|
lok_in
สิงห์มือใหม่
ออฟไลน์
กระทู้: 18
|
 |
« ตอบ #75 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 14:54:44 » |
|
ไม่ล่อเป้าหรอกครับ ผมว่านะ แค่เสียวๆเป้า  ในความเห็นผมข้างบนแค่มาอธิบายความจริงในการผลิตที่ถูกต้องครับ ไม่อยากให้ท่านผู้อ่านได้ข้อมูลที่ผิดกลับไป อย่าเล่นเป้าผมเลยนะ   
|
|
|
|
|
|
hang_405
|
 |
« ตอบ #76 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 15:14:19 » |
|
ไม่ล่อเป้าหรอกครับ ผมว่านะ แค่เสียวๆเป้า  ในความเห็นผมข้างบนแค่มาอธิบายความจริงในการผลิตที่ถูกต้องครับ ไม่อยากให้ท่านผู้อ่านได้ข้อมูลที่ผิดกลับไป อย่าเล่นเป้าผมเลยนะ  ผมไม่ได้หมายถึงโพสเรื่องชุบกันสนิหรือสีครับ เพราะการชุบสี(จะเพื่อเหตุผลของความเร็วและการที่สีเข้าได้ทั่วถึงตามซอกเล็กน้อย) การชุบสีก็เป็นการกันสนิมแบบหนึ่งครับ แต่ผมหมายถึง การตั้งกระทู้ต่างหากครับ ดูถ้ามันจะไม่มีคำตอบที่สรุปได้สำหรับ คนตั้งกระทู้อ่ะครับ " จริงหรือไม่ที่เปอโยต์ปัญหาเยอะ!!! .. จากคนกำลังจะซื้อ 408!! " ผมว่าเดี๋ยวมันต้องลามไปถึงแม๊กหายากส์ หาของแต่งยากส์ของแต่งมีน้อย ของแต่งเครื่องเพิ่มความแรงน้อย ฯลฯ ปัญหาเยอะเนอะอย่าไปใช้มันเลย  
|
|
|
|
|
Berline
|
 |
« ตอบ #77 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 15:23:06 » |
|
 ผมมีความเห็นว่า ในตลาดรถยนต์เมืองไทย ผู้ใช้ส่วนมากเลือกรถยนต์ที่ซื้อง่ายขายคล่องเป็นเหตุผลสำคัญในตัดสินใจครับ ยังไม่ทันได้ขับ ก็คิดจะขายต่อซะแล้ว ประมาณนั้น อาจเป็นเพราะว่าราคาของรถนั้นค่อนข้างสูง เหมือนการลงทุนได้รถมาใช้ ผ่อนไปเรื่อยๆ พอหมดก็ขายต่อเอาทุนคืน บางส่วนก็นำไปเทิร์นคันใหม่ บางส่วนก็ใช้ต่อไปสักระยะหนึ่ง ตลาดในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เป็นของรถญี่ปุ่นไปแล้วเต็มๆ แต่ก็มีส่วนแบ่งของรถยุโรปที่ภาพลักษณ์ดีเหลืออยู่บ้าง ไม่บอกยี่ห้อก็คงพอเดาได้ ส่วนรถเกาหลี จีน อินเดีย มาเลย์ ก็ประปรายตามมาห่างๆ ฉะนั้น อย่าแปลกใจครับที่รถสมรรถนะดี ชื่อเสียงดี ดีไซน์สวย หลายยี่ห้อในโลกนี้เคยมี ไม่มี หรือพยายามเกิดในบ้านเราก็เป็นแค่กลุ่มเล็กๆ ยกตัวอย่างเช่น เฟียต แลนเซีย อัลฟ่าถ้าย้อนไปเมื่อ 30 ปีก่อนนี่ วิ่งกันเกลื่อนถนน กทม ผมเองจำได้ว่าสมัยก่อนเขาดูถูกรถญี่ปุ่นกันมาก สารพัดเหตุผล โลกเราก็งี้แหละรสนิยมมันเปลี่ยนแปลงได้ เปอร์โยต์/ซีตรอง เป็นผู้ผลิตรถยนต์ติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ดังตาราง  (ที่มา ; http://www.caradvice.com.au/237/car-manufacturer-world-rankings) จากข้อมูลในตารางจะเห็นว่าอันดับสูสีกับฮอนด้าเลยทีเดียว ภาพรวมของการขายทั่วโลกนะครับ ไม่ใช่ยอดขายในบ้านเรา(ฮา) 
|
|
|
|
|
เปี๊ยก&Snow
|
 |
« ตอบ #78 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 15:48:43 » |
|
มีพี่เขาบริษัทเครื่องอุปกรณ์กีฬา ซื้อรถกะบะบรรทุกของญี่ปุ่นมาใช้ขนของ อาการเครื่องร้อนนำเข้าศูนย์ แจ้งให้เปลี่ยนหม้อน้ำ น่าจะตัน(ทั้งรถเพิ่งซื้อไม่ถึงปี) แต่ก็เปลี่ยนไปเสร็จยังไม่หายร้อน เช็คอีกครั้งให้เปลี่ยนวาล์วน้ำ ปรากฎไม่หาย เข้าใหม่พบสาเหตุที่แท้จริงว่าปั๊มน้ำพังใบพัดเกลี้ยงเลย เปลี่ยนปั๊มน้ำหาย แต่ค่าใช่จ่ายเปลี่ยนผิดถูกรวมกันเกือบ 2 หมื่น ถูกแพงก็ไม่รู้ แต่เจ้าของรถโกรธมากบอกว่าแมง่....ซ่อมแพงกว่ารถยุโรปเสียอีก เป็นงั้นไป ตอนนี้บิลอยู่ในมือ Vigo กะบะ Toyota นะรถญี่ปุ่น ดิสเบรค L/R 3,200 บ เบรค L/R 2,200 บ กรองอากาศ 450 บ แผ่นซับเสียงหน้าหลัง 1,990 บ ลูกปืนล้อหน้า L/R 1,410 บ กิ๊บรองผ้าเบรดหน้า L/R 905 บ รวม PM 160,000 กม. ค่าซ่อมตามรายงาน เป็นเงิน 19,568 บ. ถูกแพงก็ไม่รู้ แต่ถ้าซ่อม Pg ราคาขนาดนี้ มีหวัง web นี้ร้างแน่ๆ นะครับ  
|
|
|
|
Torpoom
สิงห์ประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 35
|
 |
« ตอบ #79 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 15:48:57 » |
|
ไม่ล่อเป้าหรอกครับ ผมว่านะ แค่เสียวๆเป้า  ในความเห็นผมข้างบนแค่มาอธิบายความจริงในการผลิตที่ถูกต้องครับ ไม่อยากให้ท่านผู้อ่านได้ข้อมูลที่ผิดกลับไป อย่าเล่นเป้าผมเลยนะ  ผมไม่ได้หมายถึงโพสเรื่องชุบกันสนิหรือสีครับ เพราะการชุบสี(จะเพื่อเหตุผลของความเร็วและการที่สีเข้าได้ทั่วถึงตามซอกเล็กน้อย) การชุบสีก็เป็นการกันสนิมแบบหนึ่งครับ แต่ผมหมายถึง การตั้งกระทู้ต่างหากครับ ดูถ้ามันจะไม่มีคำตอบที่สรุปได้สำหรับ คนตั้งกระทู้อ่ะครับ " จริงหรือไม่ที่เปอโยต์ปัญหาเยอะ!!! .. จากคนกำลังจะซื้อ 408!! " ผมว่าเดี๋ยวมันต้องลามไปถึงแม๊กหายากส์ หาของแต่งยากส์ของแต่งมีน้อย ของแต่งเครื่องเพิ่มความแรงน้อย ฯลฯ ปัญหาเยอะเนอะอย่าไปใช้มันเลย ผมไม่เกี่ยวนะครับ ผมแค่ต้องการความรู้ในการตัดสินใจเฉยๆ แหะๆ   
|
|
|
|
|
Torpoom
สิงห์ประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 35
|
 |
« ตอบ #80 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 16:03:59 » |
|
กระทู้ "ล่อเป้า" หรือป่าวเนี่ย
ศูนย์เปอโยต์ห่วย/ไม่ห่วยผมไม่รู้เพราะรถผมไม่เคยซ่อมศูนย์ แต่ที่ผมเจอสดๆก็ศูนย์รถกันยี่ห้อมาแรงที่กำลังทำตลาดอย่างเข้มข้นอยู่ตอนนี้ เอาไปซ่อมด้วยอาการปั๊มติ๊กไม่ทำงาน ทิ้งไว้ 2 อาทิตย์เต็มๆ พอรับกลับ กลับได้ของแถมเป็นไฟหน้าขวาไม่ติด ปรับสูง/ต่ำไฟหน้าไม่ได้ และ ขับได้สองวัน ไฟฟ้องว่าอีโมมีปัญหา รถวิ่งไม่ออก พอโทรถาม กลับบอกว่าไม่เกี่ยวกันกับที่เขารื้อไล่ระบบไฟแถวคอนโซลใต้พวงมาลัย(ผมว่ามันน่าจะเกี่ยวไม่มากก็น้อยนะ) และบอกให้เอาไปเข้าศูนย์อีก(แล้วเที่ยวนี้จะต้องจอดอีกกี่อาทิตย์เนี่ย) ที่ยกตัวอย่างก็แค่อยากบอกว่านี่ขนาดศูนย์บริการของรถที่กำลังทำตลาดอย่างรุนแรงยังเป็นแบบนี้ จะนับภาษาอะไรกับเปอโยต์ครับที่คนใช้รถใหม่ป้ายแดง ต่างกันยังกับฟ้ากับเหว ผมว่าเอาสบายใจก็คงต้องยี่ห้อ T............ หรือไม่ก็ H............ ยิ่งยี่ห้อ T........... นี่ถ้าเป็นรุ่นที่เอามาทำรถสาธารณะนี่ยิ่งไม่ต้องห่วงเลย อะไหล่แท้ เทียม เทียบ เก่ามือสอง เพียบจริงๆ แถมอู่นี่ก็หาง่ายแสนง่าย ขายต่อก็ได้ราคาดีอีก โอ้วววววววว เพอร์เฟ็คเจงๆเลยยยยยย
ถ้าคิดว่าเป็นกระทู้ล่อเป้า ผมต้องขออภัยด้วยนะครับ ผมทราบว่าทุกคนมีความคิดแตกต่างกัน รถที่ใช้ก็ต่างกัน ปัญหาแตกต่างกัน .. แต่ยังไงก็เวปบอร์ดเดียวกันก็อย่าทะเลาะกันเลยครับ ฮ่าๆ ผมก็แค่คนๆนึงที่อยากขอความคิดเห็นจากชาวเปอร์โย ถ้าผมไม่อยากใช้เปอร์โยจริงๆผมไม่โพสตรงนี้หรอกครับ เพราะพวกท่านคือคนที่มีประสบการณ์ตรง ใช้จริงๆ ผมก็ไม่รู้จะโพสที่ไหนแล้วครับ...ทั้งหมดนี้ผมแค่ต้องการความคิดเห็นและัแนะนำเท่านั้น..อย่าเข้าใจผิดครับ   
|
|
|
|
|
|
โจ เทียนทะเล
|
 |
« ตอบ #81 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 16:23:39 » |
|
ป๋าhang_405 ก็ทำเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้......นับ1ถึง10...แล้วคิดอย่างนี้นะ..ถามมาเราตอบ...ไม่ถามไม่ตอบ...ชอบใจเราช่วยไม่ชอบใจเราเฉย......พยายามมองอะไรๆในแง่ดีแล้วเราจะสุขกายสะบายใจ..ไม่เป็นทุกข์.....(จิตอยู่ที่ใจใครกำหนดก็เราเองไง).....สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  
|
มีอะไรที่ผมพอช่วยได้โทรมานะ 084-7093279 โจ (เวลา 08.00-18.00น.)แต่ถ้ามีเรื่องด่วนจริงโทรทุกเวลา อย่าอายในสิ่งที่ไม่รู้..แต่จงอายในสิ่งที่ไม่กล้าถาม... มีปัญหาประกันภัยปรึกษาฟรี......รับเคลียร์ประกันภัย...
|
|
|
myjaffy
สิงห์ประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 40
|
 |
« ตอบ #82 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 16:29:02 » |
|
สมมุติถ้าเรามีเงิน 100 ล้านบาท ต้องเลือกซื้อรถซักคัน ระหว่าง The Peugeot 408 เครื่อง 1.6 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ราคา1,250,000 บาท กับ Toyota Altis 1.6 G A/T 834,000 บาท คนที่มีระดับอย่างคุณจะเลือกซื้อคันไหน  
|
|
|
|
|
|
KonG_S16
|
 |
« ตอบ #83 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 16:29:35 » |
|
อันนี้ต้องขออนุญาตแก้ไขนะครับ เราไม่น่าโจมตีรถญี่ปุ่นด้วยประเด็นนี้ครับ เพราะอะไรนะหรือ? เพราะเป็นข้อมูลที่ผิดไงครับ การ "ชุบกัลวาไนซ์" (เขียนแบบนี้นะครับ)(galvanized = ชุบเหล็กด้วยสังะสี) เป็นเทคโนโลยีรุ่นเก่าแล้วครับ ตอนนี้รถญี่ปุ่นและรถยุโรปไปไม่ใช่แค่ชุบกัลวาไนซ์แล้วครับแต่มีการใช้ไฟฟ้าขณะชุบ(จุ่มลงไปทั้งคัน)รองพื้นตัวถังเพื่อให้สีเกาะคงทนกันสนิมและเข้าไปในร่องเล็กๆได้ดีกว่าชุบกัลวาไนซ์ครับ และก่อนทำสีต้องมีการทำ surface adjust และบางที่ใช้ phosphate treatment เพื่อทำความสะอาดและปรับพื้นผิวของโลหะก่อน แล้วจึงเข้าสู้กระบวนการ Electrodeposition ครับ (ไม่ใช่อยากจุ่มก็จุ่ม)
ส่วนที่สังเกตว่ามันขึ้นสนิมง่ายไม่ใช่ขั้นตอนชุบครับ แต่เป็นขั้นตอนพ่น รถสมัยใหม่พ่นสีบางมากครับ อันนี้ของจริง (ขูดนิดขูดหน่อยลงไปถึงรองพื้น ทะลุรองพื้นถึงเนื้อตัวถังแล้ว) จุดประสงค์เพื่อลดมลพิษครับ ใช้สีน้อย ตัวทำละลายน้อยตามนโยบายรักษ์โลก(ขี้งกลดต้นทุนด้วย) (ลองเปิดช่องวางยางอะไหล่รถใหม่ๆดูก็ได้ครับ มันพ่นสีมานิดเดียวเห็นรองพื้นแล้ว)
ส่วนรถอะไรถ้าชนสีเปิดก็เห็นเหล็กล้วนๆแล้วครับ Peugeot ที่บ้านชนฝากระโปรงเยิน แก้มข้างเยิน วันเดียวน้องหนิมก็ถามหาแล้วครับ ชุบสีลงบ่อแบบไหนก็เอาไม่อยู่ครับ หน้าผิวเคลือบมันหายหมดแหละ เรื่องสีจึงไม่อยากให้เป็นประเด็นครับ
ไม่นะ ผมไม่ได้โจมตี แต่จากรถผมมันเป็นแบบนั้นครับ 405 (สีโรงงาน) ผมชนมาตรงแก้มแบบที่ต้องเปลี่ยนทิ้งอย่างเดียว แต่ก็ไม่มีสนิมขึ้นครับ ผมไม่ได้ซ่อมเลย ทิ้งไว้จนเกือบ 1 ปี สนิมถึงจะมาเยี่ยมครับ แต่รถญี่ปุ่นที่อาการเดียวกันของเพื่อนที่พึ่งออกมาไม่เกิน 1 ปี หลังจากทิ้งไว้อาทิตย์เดียวน้องสนิมก็มาเยี่ยมแล้วครับ  
|
ซ่อมรถ โมเครื่อง ทำช่วงล่าง: อู่ช่างแว่นที่เดียวเท่านั้น ที่ผมไว้ใจ
|
|
|
|
KonG_S16
|
 |
« ตอบ #84 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 16:31:25 » |
|
|
ซ่อมรถ โมเครื่อง ทำช่วงล่าง: อู่ช่างแว่นที่เดียวเท่านั้น ที่ผมไว้ใจ
|
|
|
|
KonG_S16
|
 |
« ตอบ #85 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 16:35:29 » |
|
สมมุติถ้าเรามีเงิน 100 ล้านบาท ต้องเลือกซื้อรถซักคัน ระหว่าง The Peugeot 408 เครื่อง 1.6 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ราคา1,250,000 บาท กับ Toyota Altis 1.6 G A/T 834,000 บาท คนที่มีระดับอย่างคุณจะเลือกซื้อคันไหน
อันนี้สิ ที่น่าจะเรียกว่าล่อเป้า  แต่ผมจะตอบ ไม่เอาทั้งคู่ มีเงินซื้อรถได้ตั้ง 100 ล้าน จะมาเอารถตลาดทำไม  ถ้าบอกว่างบ 1.5 ล้าน แล้วจะเอาอะไรยังดีกว่าครับ   
|
ซ่อมรถ โมเครื่อง ทำช่วงล่าง: อู่ช่างแว่นที่เดียวเท่านั้น ที่ผมไว้ใจ
|
|
|
|
โจ เทียนทะเล
|
 |
« ตอบ #86 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 16:40:34 » |
|
ไม่ล่อเป้าหรอกครับ ผมว่านะ แค่เสียวๆเป้า  ในความเห็นผมข้างบนแค่มาอธิบายความจริงในการผลิตที่ถูกต้องครับ ไม่อยากให้ท่านผู้อ่านได้ข้อมูลที่ผิดกลับไป อย่าเล่นเป้าผมเลยนะ  ถ้าแค่เป้ายังไม่เป็นไรหรอกครับ แต่ถ้าล่อตูดนี่ตัวใครตัวมันเลยนะครับ  ขออนุญาติ..ขำนะครับ....อิๆ  
|
มีอะไรที่ผมพอช่วยได้โทรมานะ 084-7093279 โจ (เวลา 08.00-18.00น.)แต่ถ้ามีเรื่องด่วนจริงโทรทุกเวลา อย่าอายในสิ่งที่ไม่รู้..แต่จงอายในสิ่งที่ไม่กล้าถาม... มีปัญหาประกันภัยปรึกษาฟรี......รับเคลียร์ประกันภัย...
|
|
|
myjaffy
สิงห์ประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 40
|
 |
« ตอบ #87 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 16:43:13 » |
|
สมมุติถ้าเรามีเงิน 100 ล้านบาท ต้องเลือกซื้อรถซักคัน ระหว่าง The Peugeot 408 เครื่อง 1.6 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ราคา1,250,000 บาท กับ Toyota Altis 1.6 G A/T 834,000 บาท คนที่มีระดับอย่างคุณจะเลือกซื้อคันไหน
อันนี้สิ ที่น่าจะเรียกว่าล่อเป้า  แต่ผมจะตอบ ไม่เอาทั้งคู่ มีเงินซื้อรถได้ตั้ง 100 ล้าน จะมาเอารถตลาดทำไม  ถ้าบอกว่างบ 1.5 ล้าน แล้วจะเอาอะไรยังดีกว่าครับ  หยิบเอาประเด็นมาเปรียบเทียบว่าถ้าเรามีเงินตั้งเยอะโดยไม่คำนึงถึงเรื่องเงิน เราจะเลือกรถคันไหนดีกว่ากัน ระหว่างรถ ยุโรป 408 ที่เป็นประเด็น กับรถตลาด ที่ขนาดเครื่องยนต์เท่ากันจ้ะ พี่อย่าพาหลงประเด็นจิ 5555  
|
|
|
|
|
|
hang_405
|
 |
« ตอบ #88 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 16:43:50 » |
|
อันนี้ต้องขออนุญาตแก้ไขนะครับ เราไม่น่าโจมตีรถญี่ปุ่นด้วยประเด็นนี้ครับ เพราะอะไรนะหรือ? เพราะเป็นข้อมูลที่ผิดไงครับ การ "ชุบกัลวาไนซ์" (เขียนแบบนี้นะครับ)(galvanized = ชุบเหล็กด้วยสังะสี) เป็นเทคโนโลยีรุ่นเก่าแล้วครับ ตอนนี้รถญี่ปุ่นและรถยุโรปไปไม่ใช่แค่ชุบกัลวาไนซ์แล้วครับแต่มีการใช้ไฟฟ้าขณะชุบ(จุ่มลงไปทั้งคัน)รองพื้นตัวถังเพื่อให้สีเกาะคงทนกันสนิมและเข้าไปในร่องเล็กๆได้ดีกว่าชุบกัลวาไนซ์ครับ และก่อนทำสีต้องมีการทำ surface adjust และบางที่ใช้ phosphate treatment เพื่อทำความสะอาดและปรับพื้นผิวของโลหะก่อน แล้วจึงเข้าสู้กระบวนการ Electrodeposition ครับ (ไม่ใช่อยากจุ่มก็จุ่ม)
ส่วนที่สังเกตว่ามันขึ้นสนิมง่ายไม่ใช่ขั้นตอนชุบครับ แต่เป็นขั้นตอนพ่น รถสมัยใหม่พ่นสีบางมากครับ อันนี้ของจริง (ขูดนิดขูดหน่อยลงไปถึงรองพื้น ทะลุรองพื้นถึงเนื้อตัวถังแล้ว) จุดประสงค์เพื่อลดมลพิษครับ ใช้สีน้อย ตัวทำละลายน้อยตามนโยบายรักษ์โลก(ขี้งกลดต้นทุนด้วย) (ลองเปิดช่องวางยางอะไหล่รถใหม่ๆดูก็ได้ครับ มันพ่นสีมานิดเดียวเห็นรองพื้นแล้ว)
ส่วนรถอะไรถ้าชนสีเปิดก็เห็นเหล็กล้วนๆแล้วครับ Peugeot ที่บ้านชนฝากระโปรงเยิน แก้มข้างเยิน วันเดียวน้องหนิมก็ถามหาแล้วครับ ชุบสีลงบ่อแบบไหนก็เอาไม่อยู่ครับ หน้าผิวเคลือบมันหายหมดแหละ เรื่องสีจึงไม่อยากให้เป็นประเด็นครับ
ไม่นะ ผมไม่ได้โจมตี แต่จากรถผมมันเป็นแบบนั้นครับ 405 (สีโรงงาน) ผมชนมาตรงแก้มแบบที่ต้องเปลี่ยนทิ้งอย่างเดียว แต่ก็ไม่มีสนิมขึ้นครับ ผมไม่ได้ซ่อมเลย ทิ้งไว้จนเกือบ 1 ปี สนิมถึงจะมาเยี่ยมครับ แต่รถญี่ปุ่นที่อาการเดียวกันของเพื่อนที่พึ่งออกมาไม่เกิน 1 ปี หลังจากทิ้งไว้อาทิตย์เดียวน้องสนิมก็มาเยี่ยมแล้วครับ อันนี้ยืนยันครับคุณก้อง รถผม405GR 2 คัน สี(เดิมโรงงาน) ที่ฝากระโปรงกับแก้มข้างกระเทาะ อยู่เป็นนาน(ไม่ต่ำกว่า 8 เดือนแน่ๆ ) มือซนไปแงะออกมามีแต่คราบขาวๆ ไม่เห็นน้องหนิม  
|
|
|
|
Torpoom
สิงห์ประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 35
|
 |
« ตอบ #89 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 16:44:27 » |
|
ผมทำให้กระทู้เปอโยมีรสชาติครับ เห็นไม๊คึกคักเลย 55+  
|
|
|
|
|
|
hang_405
|
 |
« ตอบ #90 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 16:56:52 » |
|
สมมุติถ้าเรามีเงิน 100 ล้านบาท ต้องเลือกซื้อรถซักคัน ระหว่าง The Peugeot 408 เครื่อง 1.6 ลิตร เทอร์โบชาร์จ ราคา1,250,000 บาท กับ Toyota Altis 1.6 G A/T 834,000 บาท คนที่มีระดับอย่างคุณจะเลือกซื้อคันไหน
อันนี้สิ ที่น่าจะเรียกว่าล่อเป้า  แต่ผมจะตอบ ไม่เอาทั้งคู่ มีเงินซื้อรถได้ตั้ง 100 ล้าน จะมาเอารถตลาดทำไม  ถ้าบอกว่างบ 1.5 ล้าน แล้วจะเอาอะไรยังดีกว่าครับ  นั่นไงหัวหน้าโจ ล่อเป้า จนได้ 5555555555555 ขอยกประสพการณ์ให้ฟัง พี่ชายผม(ที่ผมมาทำงานด้วย) วันแรกที่มาทำงานกับแกๆเรียกมาคุย แกถามว่ามีรถใช้ไม๊ ใช้รถอะไรอยู่ผมบอกเปอโยต์ แกบอกเฮ๊ยยมันแพงจอดดีๆนะว๊อยยยย แกมีเบนซ์ อิลิแก๊นท์ 2 คัน S220 (หรือป่าวไม่แน่ใจ) อีก 1 คัน เบนซ์ตู้อีกคัน แต่ที่บอกเปอโยต์แพงนี่ไม่รู้ไปเอาข้อมูลมาจากไหน รู้แต่ว่าแกเพิ่งไปเที่ยวงานโชว์รถที่ฝรั่งเศษมา ผมอ่ะนึกขำในใจรถผมซื้อมาไม่ถึง ห้าหมื่น จอดไม่ล๊อกมันยังไม่หายเลย อ้ออีกอันก็ โตโยต้าอัลติส เครื่อง 1.6 ที่โรงงาน(รถให้เซลล์ใช้) มันพังวาวล์รั่ว ทำวาวล์ศูนย์แจ้งราคามาถ้าผมจำไม่ผิด สองหมื่นหกนะ  
|
|
|
|
DIMOND
สิงห์ประถม

ออฟไลน์
กระทู้: 61
|
 |
« ตอบ #91 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 17:00:01 » |
|
|
|
|
|
|
|
KonG_S16
|
 |
« ตอบ #92 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 17:07:51 » |
|
หยิบเอาประเด็นมาเปรียบเทียบว่าถ้าเรามีเงินตั้งเยอะโดยไม่คำนึงถึงเรื่องเงิน เราจะเลือกรถคันไหนดีกว่ากัน ระหว่างรถ ยุโรป 408 ที่เป็นประเด็น กับรถตลาด ที่ขนาดเครื่องยนต์เท่ากันจ้ะ พี่อย่าพาหลงประเด็นจิ 5555
แหมรู้ทันจนได้ อิอิอิ ถ้าเอาระหว่าง Toyota กะ Peugeot คงเอา Peugeot ครับ ผมได้ขับ Corolla มาหลายรุ่น แต่รุ่นหลังๆ มานี่ผมรับไม่ได้กับช่วงล่างอย่างแรงครับ ที่ประทับใจที่สุดคงเป็น AE92 ที่ประกอบนอกครับ ช่วงล่างแน่น ไม่แพ้รถยุโรปครับ พวก 101 111 ก็ดีครับ แต่เรื่องความรู้สึกในการขับ ผมให้คะแนน 92 มากกว่าครับ เหมือนกับขับ Peugeot ครับ ถ้าถามว่าขับรุ่นไหนแล้วประทับใจที่สุด ผมตอบไม่ต้องคิดเลยว่า 205 1.9GTi (ต้องรถแท้เท่านั้นนะ) ช่วงล่างแน่หนึบมากๆ รู้สึกดีสุดๆ 207 ยังทำไม่ได้เลย ตอนนี้ผมรอดู 208 GTi อยู่ว่าจะทำได้ดีกว่า 205 ไหม  
|
ซ่อมรถ โมเครื่อง ทำช่วงล่าง: อู่ช่างแว่นที่เดียวเท่านั้น ที่ผมไว้ใจ
|
|
|
|
serph เกิ้บๆ
|
 |
« ตอบ #93 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 18:18:42 » |
|
มีตังก็ซื้อกันไปครับผมว่ารถใหม่ดีทุกยี่ห้อครับ รถอายุเยอะทำดีๆก้อขับใด้อีกนานครับ คิดจะซื้อใช้อย่าใด้เเคร์ครับ รถมือเเรกมือสองขึ้นอยู่กะดวงนิดๆครับ มือเเรกเอามาไม่กี่อาทิตเปนนู่นนี่นั่นก็ยังมี มือสองอยู่กับเจ้าของเก่างอเเง เปลี่ยนมือมาวิ่งมาสามปีไม่เคยใด้ซ่อมก็เจอมาเเล้ว มีตังก็จัดไปครับอย่าใด้เเคร์ อนาคต  
|
เวรกรรมมันมี อย่าโทษปี่โทษกลอง
|
|
|
|
Berline
|
 |
« ตอบ #94 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 18:33:25 » |
|
หยิบเอาประเด็นมาเปรียบเทียบว่าถ้าเรามีเงินตั้งเยอะโดยไม่คำนึงถึงเรื่องเงิน เราจะเลือกรถคันไหนดีกว่ากัน ระหว่างรถ ยุโรป 408 ที่เป็นประเด็น กับรถตลาด ที่ขนาดเครื่องยนต์เท่ากันจ้ะ พี่อย่าพาหลงประเด็นจิ 5555
แหมรู้ทันจนได้ อิอิอิ ถ้าเอาระหว่าง Toyota กะ Peugeot คงเอา Peugeot ครับ ผมได้ขับ Corolla มาหลายรุ่น แต่รุ่นหลังๆ มานี่ผมรับไม่ได้กับช่วงล่างอย่างแรงครับ ที่ประทับใจที่สุดคงเป็น AE92 ที่ประกอบนอกครับ ช่วงล่างแน่น ไม่แพ้รถยุโรปครับ พวก 101 111 ก็ดีครับ แต่เรื่องความรู้สึกในการขับ ผมให้คะแนน 92 มากกว่าครับ เหมือนกับขับ Peugeot ครับ ถ้าถามว่าขับรุ่นไหนแล้วประทับใจที่สุด ผมตอบไม่ต้องคิดเลยว่า 205 1.9GTi (ต้องรถแท้เท่านั้นนะ) ช่วงล่างแน่หนึบมากๆ รู้สึกดีสุดๆ 207 ยังทำไม่ได้เลย ตอนนี้ผมรอดู 208 GTi อยู่ว่าจะทำได้ดีกว่า 205 ไหม เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งครับ AE 92 นี่สุดๆจริง ผมเคยมี GTi ประกอบนอก (ดิสก์ 4 ล้อ หน้าปัทม์ยาว เบาะลายหมากรุก) สีดำ เครื่อง 4AGE ขับมันส์มากมาย  
|
|
|
|
|
Nighi Inzaghi
|
 |
« ตอบ #95 เมื่อ: วันพุธที่ 12 กันยายน 2012 เวลา 19:02:42 » |
|
ใช้ 406 d8 ค่ะ เป็นรถคันแรก ตอนที่ซื้อมาไม่มีความรู้อะรัยเกี่ยวกับรถเลย ขับไม่เป็นด้วยซ้ำ ซื้อมาหัดขับด้วยค่ะ.. รู้แค่ว่าชอบ สวยดี คนรอบข้างไม่มีใครเห็นดีเห็นงามด้วยเลยซักกะคน ว่าอะไหล่แพงมั่ง เสียง่าย จุกจิก ฯลฯ สารพัดสารเพที่จะว่า(แบบไม่มีชิ้นดีเลยอะพี่เปอโยของเรา) แล้วอิคนที่ว่าเนี่ย ไม่เห็นจะใครใช้หรือเคยใช้เปอโยเลยซักคน ...แต่ก้อซื้อ เพราะใจมันให้ไปแล้ว... ผ่านมาห้าหกปี ไม่เห็นจริงอย่างที่ใครว่า ไม่เคยเสียจุกจิก ไม่เคยทำให้ผิดหวังเลย ล่าสุดเพิ่งเปลี่ยนเกียร์ เพราะเสื่อมตามอายุการใช้งาน(ก้อรถตอนนี้ 12 ปีแล้วค่ะ) ปล1 ตอนที่ซื้อตอนนั้นยังทำงานเงินเดือนหมื่นกว่าบาท ยังไม่กลัวเลยค่ะ แล้วระดับคุณจะซื้อ 408 ต้องกลัวอะรัยคะ ปล 2 อย่าเชื่อใคร จนกว่าคุณจะได้ลองด้วยตัวเองค่ะ  
|
ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
|
|
|
|