ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2025 เวลา 02:25:35

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  หมวดหมู่ทั่วไป [ General topics ]
| |-+  D.I.Y.
| | |-+  การทำงานของ Sensor ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] 2 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: การทำงานของ Sensor ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ  (อ่าน 26380 ครั้ง)
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2013 เวลา 10:21:57 »


Automatic Windshield Wiper Work (การทำงานของ Sensor ที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ)

   ใน PG 406 D9 เมื่อสวิทช์กุญแจถูกบิดไปที่ตำแหน่ง (Accessories) หรือ 1 จังหวะหลังจากเสียบกุญแจ และก้านปัดน้ำฝนถูกดันขึ้นที่ตำแหน่งปัดอัตโนมัติจะเป็นการเปิดใช้ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติโดยที่ก้านปัดจะทำงาน ขึ้น 1 ครั้ง (เฉพาะ PG406 V1 จะมีไฟสีส้มสว่างขึ้นที่ตรงช่องตรวจจับน้ำฝนที่กระจกหน้าด้านขวาของรถ แต่ใน V2 จะไม่เห็นแสงไฟใดๆสว่างขึ้น)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #1 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2013 เวลา 10:22:46 »


การหักเหของแสง
   เมื่อแสงเดินทางผ่านตัวกลางโปร่งใสชนิดเดียวกันเช่น  แก้ว อากาศ หรือ น้ำ  แสงจะเดินทางเป็นเส้นตรงเสมอ  แต่ถ้าแสงเดินทางผ่านตัวกลางหลายตัวที่มีความหนาแน่นต่างกันแสงจะหักเหออกไปจากเส้นทางเดิม เนื่องด้วยแสงจะเดินทางผ่านในตัวกลางที่โปร่งกว่าได้เร็วกว่าตัวกลางที่ทึบ เช่นแสงสามารถเดินทางในอากาศใสๆได้ดีกว่าน้ำใสเป็นต้น และเมื่อแสงเดินทางจากตัวกลางหนึ่งไปยังอีกตัวกลางหนึ่งแสงจะมีการหักเหขึ้นทีผิวของรอยต่อระหว่างชั้นของตัวกลางเท่านั้นโดยที่มุมแสงตกกระทบจะเท่ากับมุม(A)ที่แสงสะท้อนขึ้นของแต่ละตัวกลางเสมอ

    หลักการทำงานของอุปกรณ์ตรวจวัดน้ำฝน(BOSCH-Rain Sensor)
  จะใช้ LED เปล่งแสงส่องอย่างต่อเนื่องไปยังกระจกหน้าและใช้ Photo Diode (โฟโต ไดโอด)  เป็นตัวตรวจจับความเข้มของแสงที่สะท้อนกลับ โดยที่เมื่อมีน้ำฝนเกาะบนกระจกมากขึ้นปริมาณแสงจะสะท้อนกลับได้น้อยลง
   เมื่อ Photo Diode จับแสงได้ก็จะส่งสัญญาณกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นตามความเข้มของแสงที่ตกกระทบตัวมัน ไปยังเข้าตัวขยายสัญญาณ(Amplifier) แล้วส่งข้อมูลให้ BSI สั่งการควบคุมการทำงานของ Relay มอเตอร์ปัดน้ำฝน(ที่อยู่ในตัวของ BSI เอง) ให้ปรับจังหวะการทำงานของมอเตอร์ปัดน้ำฝนให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำฝนที่เกาะบนกระจกเองโดยอัตโนมัติ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #2 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2013 เวลา 10:23:34 »


   ต่อมา Bosch ได้พัฒนาให้ Sensor มีขนาดเล็กลง และใช้ LED (Infrared Emitter) ที่เปล่งแสงย่านความถี่ Infrared แทน LED เปล่งแสงทั่วไป คู่กับ LED (Infrared Detector)ที่ทำหน้าที่ตรวจจับปริมาณแสงสะท้อนกลับ   และเพิ่มอุปกรณ์ชุดตรวจสอบสภาพแสง (Light Sensor) รอบข้างและสภาพแสงที่ตรงมาจากข้างหน้า  ดังนั้น จึงมี LED และ Photo Diode อย่างละ 2 ตัว(ดูภาพประกอบ)      และ Rain Sensor แบบนี้ถูกนำมาใช้ PG406 V2 ที่มีระบบเปิดไฟหน้าอัตโนมัตินั่นเอง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #3 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2013 เวลา 10:24:06 »


  ทำไมต้องมีอุปกรณ์ชุดตรวจสอบสภาพแสงรอบข้างจากข้างบนและที่ตรงมาจากข้างหน้า     ตรวจจับเฉพาะแสงที่ตรงมาจากข้างหน้าอย่างเดียวก็น่าจะพอเพียงแล้วมิใช่หรือ  ช้าก่อนถ้าเช่นนั้นขณะที่เราขับรถในเวลากลางคืนแล้วมีรถสวนทางมาโดยเปิดไฟสูงค้างอยู่และส่องเข้าหา Sensor เต็มๆ ไฟหน้าของเราก็จะปิดลงเองซึ่งเป็นสิ่งไม่พึงประสงค์อย่างแน่นอน จึงต้องมี Sensor  อีกตัวหนึ่งรับแสงจากด้านบนเอาไว้อ้างอิงว่ามันมืดจริงๆให้คงสถานการณ์เปิดไฟหน้าไว้ต่อไป นอกจากนี้ Rain Sensor นี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อเตือนหรือให้ปิด Moon Roof/Sun Roof ได้อีกด้วย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #4 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2013 เวลา 10:24:44 »


  เมื่อ Rain Sensor เกิดทำงานผิดพลาดบกพร่องขึ้นมา เราก็ถอดออกมาดูกันสักหน่อยเป็นไร
1. ให้ถอดฐานกระจกส่องหลังที่ติดอยู่กระจกหน้าด้านในออกก่อน ให้จับฐานกระจกส่องหลังตามรูปแล้วออกแรงค่อยๆ ขยับดึงลง ซ้าย-ขวา สลับกัน (ทั้ง V1 และ V2 เหมือนกัน)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #5 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2013 เวลา 10:25:40 »


  2. เมื่อถอดฐานกระจกส่องหลังซึ่งเป็นฝาครอบ Rain Sensor ด้วยออกมาแล้ว ให้ปลดปลั๊กสาย Sensor ออก จากนั้นใช้สกรูไดรเวอร์ปากแบนสอดเข้าในร่องตัวล็อค แล้วงัดออกเบาๆ เหมือนกันทั้งด้านซ้าย-ขวา จับประคองตัว Sensor ไว้แล้วดึงออกมาได้เลย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #6 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2013 เวลา 10:26:20 »


 3. เมื่อถอด Sensor ออกแล้ว ให้ทำความสะอาดกระจกหน้าบริเวณที่ติดตั้ง Sensor ด้วยผ้าชามัวส์ชุบแอลกอฮอล์หมาดๆ เช็ดคราบสกปรกออกให้หมด โดยเฉพาะตรงพื้นที่ที่ซิลิโคนนิ่มๆที่ปิดหน้าตัว Diode  สัมผัสกับผิวกระจกอาจมีคราบเป็นเยื่อฟิล์มบางๆติดอยู่ทำให้แสงสะท้อนกลับลดลงได้
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #7 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2013 เวลา 10:27:10 »


  4. ลักษณะของตัว Rain Sensor ดังภาพให้ทำความสะอาดเช่นเดียวกันกับกระจก โดยไม่จำเป็นต้องแกะซิลิโคนที่มีลักษณะนิ่มๆคล้ายวุ้น ซึ่งใช้ปิดตัว Diode ออกมาเพราะโอกาสที่จะมีสิ่งสกปรกเกิดขึ้นภายใต้มันได้น้อยมากเนื่องจากมันแนบแน่นอยู่ในกรอบของมันดีมาก   จากการสังเกตเห็นว่าของ V1 แผ่นซิลิโคนมีการขยายตัวเล็กน้อยทำให้เบียดกับกรอบของมันจนโก่งตัวขึ้นเล็กน้อย   ทำให้ไม่แนบสนิทกระกระจกหน้าเมื่อติดตั้งจึงมองเห็นรอยคล้ายมีอากาศอยู่
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #8 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2013 เวลา 10:28:47 »


  5. การติดตั้ง Sensor กลับ    ให้นำ Sensor ขึ้นแปะที่เดิมให้แผ่นซิลิโคนแตะผิวกระจกข้างใดข้างหนึ่งก่อนแล้วค่อยๆกด ตัวSensor เบาๆเพื่อรีดไล่อากาศออกจะเห็นว่ามันจะดูดติดกับกระจกเหมือนกับการติดฟิล์มแบบสุญญากาศนั่นเอง  ทั้งนี้ห้ามใช้กาวใดๆในการติดตั้งโดยเด็ดขาด เพราะมันจะกลายเป็นตัวกลางที่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชั้นที่ให้การสะท้อนแสงกลับผิดเพี้ยนไป เมื่อเห็นว่าแนบสนิทดีแล้วหรือมีฟองอากาศเหลืออยู่น้อยที่สุดแล้วให้กดตัวล็อคเข้าที่   ฟองอากาศเหลืออยู่นั้นจะค่อยๆหายไปเองได้ แล้วใส่ปลั๊กสาย Sensor กลับคืน

  6. การใส่ฐานกระจกส่องหลังกลับคืนให้ทำย้อนกลับของขั้นตอนการถอดจนได้ยินเสียงดังคลิ๊กเมื่อเขี้ยวล็อคเข้าไปอยู่ด้านในของฐานกระจก
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #9 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2013 เวลา 10:29:36 »


  7. ตรวจสอบการทำงานของระบบก่อนเสร็จงาน

สุดท้ายหวังว่าบทความนี้คงจะช่วยให้ได้รู้จักกับอุปกรณ์ในรถเพิ่มขึ้นอีกตัวหนึ่งนะครับ

สวัสดีครับ
 Zuzarz / Blue Leo
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Jeff405
สิงห์ปริญญาโท
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 339



« ตอบ #10 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2013 เวลา 19:47:19 »


 :สุดยอด:เป็นข้อมูลที่ดีมาก ขอบคุณครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
ant123
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 559


« ตอบ #11 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคม 2013 เวลา 22:20:15 »


ขอบคุณครับ เพิ่งรวนไปไม่กี่วันมานี่เอง
ซื้อมือสองมาใช้ก็ไม่ได้เรื่อง
้เห็นทีจะต้องลองถอดออกมาลองทำดูบ้าง
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
เฟืองทอง
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,870


« ตอบ #12 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 03 มิถุนายน 2013 เวลา 11:21:36 »


ขอบคุณมาก ๆ ครับ  ผมยังงงกับการใช้งานอยู่เลย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Horn
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 630


« ตอบ #13 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 03 มิถุนายน 2013 เวลา 11:28:28 »


ขอบพระคุณมากครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
somyam2005
สิงห์มือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 12


« ตอบ #14 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 03 มิถุนายน 2013 เวลา 11:56:03 »


สุดยอด ขอบคุณ      :หวัดดีค่ะ:
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
jatupum
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,702



« ตอบ #15 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 03 มิถุนายน 2013 เวลา 21:32:45 »


ขอบคุณมากครับสำหรับบทความดีๆครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
jod_ryhp
จ๊อด ครับ 0813193708
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,653



« ตอบ #16 เมื่อ: วันอังคารที่ 04 มิถุนายน 2013 เวลา 08:11:19 »


ที่สำคัญ

อย่าเผลอไปใช้โหมด ออโต้ บ่อยนะ

ผมโดนมาแล้วครับ เฟืองมอเตอร์ปัดน้ำฝนกับฝรั่งเศษไปแล้ว

เจอฝน แบบ เดี๋ยวแรง เดี๋ยวเบา โหมด ออโต้ มันดี ขณะ รถจอด  แต่ตอนรถวิ่ง บอกได้คำเดียว ไม่ชอบเลย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

คนเมืองน่าน มา หยะ ก๋าน หยะ งาน อยู่ตี่ ระยอง ฮิ
Horn
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 630


« ตอบ #17 เมื่อ: วันพุธที่ 28 กันยายน 2016 เวลา 13:23:47 »


ขอบคุณครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
toh
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 508



« ตอบ #18 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 07 พฤษภาคม 2017 เวลา 10:20:07 »


ที่สำคัญ

อย่าเผลอไปใช้โหมด ออโต้ บ่อยนะ

ผมโดนมาแล้วครับ เฟืองมอเตอร์ปัดน้ำฝนกับฝรั่งเศษไปแล้ว

เจอฝน แบบ เดี๋ยวแรง เดี๋ยวเบา โหมด ออโต้ มันดี ขณะ รถจอด  แต่ตอนรถวิ่ง บอกได้คำเดียว ไม่ชอบเลย

คนยุคเก่า
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Gotji
PG 405 is basic.
สิงห์ปริญญาโท
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 314



« ตอบ #19 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 07 พฤษภาคม 2017 เวลา 19:01:14 »


ยอดเยี่ยมมากเลย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

XU9JA/Z+NGV
draculajung
draculajung
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,839



« ตอบ #20 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 08 พฤษภาคม 2017 เวลา 09:38:42 »


เป็นประโยชน์ มากครับ โพส เเนว นี้
ขอบคุณครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
tevamit
สิงห์ปริญญาตรี
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 208



« ตอบ #21 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 08 พฤษภาคม 2017 เวลา 13:06:09 »


สอบถามเพิ่มเติมครับ....สัญญานตัวนี้นำไปใช้กับการเปิดไฟหน้าอัตโนมัติด้วยหรือไม่ครับ
และจากการใช้งานอยู่พบว่า ของ L5 การทำงานจะปัดเร็วมากเกินกว่าปริมาณน้ำฝน   เมื่อผมเทียบกับของ C5 จะทำงานได้ดีกว่า ไม่ทราบว่าอาจจะมีสาเหตุจากความสกปรกได้หรือไม่ครับ
   ขอบคุณมากครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
theera
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1,569


« ตอบ #22 เมื่อ: วันอังคารที่ 09 พฤษภาคม 2017 เวลา 22:14:52 »


สุดยอด...ขอบคุณมากๆ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
zuzarz
สิงห์ปริญญาเอก
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 442



« ตอบ #23 เมื่อ: วันพุธที่ 10 พฤษภาคม 2017 เวลา 22:22:54 »


สอบถามเพิ่มเติมครับ....สัญญานตัวนี้นำไปใช้กับการเปิดไฟหน้าอัตโนมัติด้วยหรือไม่ครับ
และจากการใช้งานอยู่พบว่า ของ L5 การทำงานจะปัดเร็วมากเกินกว่าปริมาณน้ำฝน   เมื่อผมเทียบกับของ C5 จะทำงานได้ดีกว่า ไม่ทราบว่าอาจจะมีสาเหตุจากความสกปรกได้หรือไม่ครับ
   ขอบคุณมากครับ

1. ในรูปที่ 3 ข้างบน เป็น Bosch P/N 9659485480 AUTOMATIC LIGHT AND RAIN WINDOW SENSOR ซึ่งจะทำหน้าที่ตรวจจับปริมาณน้ำฝนและความเข้มของแสงเพื่อเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติด้วยครับ

2.  การใช้งานที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติบ่อยครั้งมันขัดความรู้สึกจริงๆครับ เช่นปัดเร็วมากเกินกว่าปริมาณน้ำฝน หรือเอาน้ำสาดโครมเข้ากระจกหน้า Sensor ก็หน่วงเวลาการเริ่มทำงานซะงั้น
     ดังนั้นจึงขอตั้งข้อสันนิษฐานในข้อขัดใจดังนี้
     2.1 ใบปัดน้ำฝนปาดน้ำออกหมดจนเกลี้ยงแล้ว ฝนที่ตกลงมาไม่โดนพื้นที่ตรวจจับของลำแสง Sensor ทำให้ปัดช้าไป รอฝนเม็ดที่เข้าทางลำแสงก่อน
     2.2 ใบปัดน้ำฝนแข็งกระด้างปัดไม่เกลี้ยง หรือมีน้ำจากหลังคาไหลเทเป็นทางลงมาผ่านตรงบริเวณลำแสงพอดี  ที่ปัดน้ำฝนก็จะขยันเป็นพิเศษ
     2.3 กระจกตรงพื้นที่ตรวจจับของลำแสงเป็นรอยขีดข่วน ขนแมว มีคราบสกปรกเปื้อนติดอยู่ ที่ปัดน้ำฝนก็จะขยันขึ้นได้
     2.4 อุปกรณ์อิเล็กโทรนิคของ Sensor เสื่อมสภาพทำงานไม่สม่ำเสมอ
     2.5 มีฟองอากาศตรงพื้นที่ที่มีซิลิโคนนิ่มๆ ที่ปิดหน้าตัว Sensor ทำให้การสะท้อนแสงกลับผิดเพี้ยนไป
     2.6 การออกแบบไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถตอบสนองได้ทุกความต้องการ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!