เมื่อไม่นานมานี้มีการวิจัยชิ้นหนึ่งที่น่าสนใจที่อาจจะทำให้คุณเลิกฝันไปได้เมื่อ AXA Group ได้ออกสำรวจเกี่ยวกับความสุขของคนมีรถในประเทศอังกฤษ โดยทำการสอบถามผู้ที่เป็นเจ้าของรถ ต่อความรู้สึก หลังจากที่พวกเขาได้เป็นเจ้าของและนั่งหลังพวงมาลัยกว่า 2,000 ราย ในรถยนต์หลายรุ่นที่มีขายในประเทศ โดยดุจากความสะดวกสบาย การบำรุงรักษา และ ปัจจัยอื่นๆรอบด้าน ที่เกี่ยวกับรถยนต์คันดังกล่าว แต่ผลที่ได้ก็เป็นที่น่าตกใจ เมื่อดูเหมือนบรรดาเจ้าของรถยนต์ตราม้าลำพองจะไม่ได้สุขอย่างที่เราคิด
:555:สิ่งที่เซอร์ไพร์สในการวิจัยล่าสุดนี้ อยู่ที่การออกมาตอบโจทย์ในหมู่ผู้ใช้เฟอร์รารี่ ที่มีความสุขต่ำกว่าเฉลี่ย ของการวิจัย โดยมีเพียง ร้อยละ 57 ที่บ่งว่าพวกเขาพอใจในรถยนต์คันใหม่ โดยบรรดาเจ้าของบ่งชี้ว่า สาเหตุที่พวกเขาไม่พอใจนั้น ก็มาจากการขับขี่ที่ยาก และการจราจรที่ครับคั่ง และนอกจากนี้บรรดาผู้รักษากฎหมายยังคอยตามเล่นงานหากทำความเร็ว ตามกฎจราจรที่ไม่ค่อยเอื้อต่อรุสมรรถนะ สูงและ ท้ายสุด ก็ไม่พ้นค่าบำรุงรักษาเช่นกัน
แม้เฟอร์รารี่ จะนำโด่งออกมา แต่ก็ยังมีรถที่ผู้ใช้ไม่มีความสุขต่ำกว่าค่าเฉลี่ย อีกสองแบรนด์ หนึ่งนั้นคือ รถยนต์ Volvo โดยมีค่าความสุขเพียงร้อยละ 46 แม้ว่าจะอัดแน่นด้วยระบบความปลอดภัยชั้นนำในรถก็ตามที

อย่างไรก็ดี แน่นอนว่ามันมีรถที่ดีและมีความสุขในการขับขี่ แลที่มากที่สุดอาจจะไม่ใช่รถยนต์จากค่ายไหนไกล นอกจากค่ายรถยนต์ตราพัดฟ้า หรือ BMW โดยกว่าร้อยละ 82 บ่งชี้ว่าพวกเขามีความสุขที่ได้นั่งหลังพวงมาลัย รองลงมาคือ Aston Martin ร้อยละ 78 โดยมีอัตราความสุขเท่ากับ Lexus ขณะที่แบรนด์ที่คนในบ้านเราคุ้นเคยกันดีอย่าง Mini รั้งในอันดับที่ 5 ด้วยความสุขในระดับร้อยละ 73 ตามหลัง Seat (ร้อยละ 76)

และ Peugeot (ร้อยละ 75)

แม้ตามการวิจัยชิ้นนี้จะไม่ได้บ่งชัดว่า ความสุขของคนใช้รถอยู่ที่ไหน แต่บางครั้งรถที่มีราคาแพงก็ไม่ได้ตอบสนองในเรื่องการใช้งานเสมอไป ดังนั้นจงตั้งมั่นในความพอเพียง ?ตามฐานะของเราจะดีกว่า


