ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2025 เวลา 18:05:14

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  หมวดหมู่ทั่วไป [ General topics ]
| |-+  พูดคุยทั่วไป ได้ทุกเรื่อง
| | |-+  หัวเทียนร้อนกับหัวเทียนเย็นคืออะไรเหรอครับ
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: [1] ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: หัวเทียนร้อนกับหัวเทียนเย็นคืออะไรเหรอครับ  (อ่าน 1978 ครั้ง)
Ti404
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 97


« เมื่อ: วันเสาร์ที่ 01 มีนาคม 2014 เวลา 20:28:11 »


ได้ยินเรื่องหัวเทียนร้อน และเย็น มาแค่ชื่อครับ ยังไม่รู้รายละเอียด ว่ามันเป็นอย่างไร เหมือนหรือต่างตรงไหน
แล้วรถแต่ละรุ่นของเปอโยต์ใช้แบบใด ถ้ามีผู้รู้รบกวนด้วยครับ ขอบคุณครับ  ตาดำๆ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
jiratt
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 670


« ตอบ #1 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 02 มีนาคม 2014 เวลา 12:59:38 »


    ไม่ยืนยันข้อมูลนะครับ เคยได้ฟังมานานแล้ว
    หัวเทียนเย็น คือทนการใช้งานได้ดีกว่า คือขับไปนานๆหัวเทียนไม่ร้อนครับ
    หัวเทียนร้อน ...ตรงกันข้ามครับ

    เบอร์ไหนเป็นชนิดไหน ต้องถามผู้ผลิต ซึ่งจะจัดเป็นกลุ่ม(เบอร์)หัวร้อน, กลุ่มหัวเย็น

    ...และที่ผมเปลี่ยนมาก็ดูเบอร์เดิมละครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
commuter
สิงห์มือใหม่
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8



« ตอบ #2 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 07 มีนาคม 2014 เวลา 00:42:48 »


ต้องการขายแม็ก กงจักร เดิมติดรถ 406 ครับ ขอบ 15" ( แม็กอย่างเดียว ) 5,000 บาทครับ สนใจติดต่อ 081-3846841 มลครับ ของอยู่ ซ.แบริ่ง สำโรงครับ bye bye bye
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า

3323
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #3 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 07 มีนาคม 2014 เวลา 09:40:45 »


หัวเทียน "เย็น-ร้อน" เลือกอย่างไรดี



   หัวเทียนร้อน ก็คือ ตัวมันเองจะระบายความร้อนออกได้ช้า เมื่อเราใช้งานจริงในห้องเผาไหม้มันมีความร้อนจากการจุดระเบิด เมื่อหัวเทียนรับความร้อนนั้นมา จะส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมที่หัวเทียนอยู่อย่างนั้น

   หัวเทียนเย็น ก็คือ... ตัวมันสามารถถ่ายเทความร้อนออกไปได้เร็วกว่าหัวเทียนร้อน แต่ใช่ว่าจะหายร้อนเลยนะ อย่างนั้นไม่ใช่ จริง ๆ แล้ว หัวเทียนจะมีความร้อนสะสมอยู่ระดับหนึ่ง เพื่อให้แห้งตลอดเวลาเป็นทั้งหัวเทียนร้อนและหัวเทียนเย็น เพียงแต่ว่าหัวเทียนเย็น จะถ่ายเทความร้อนได้เร็วกว่าเท่านั้นเอง

   การเลือกใช้งาน ผมลองยกตัวอย่างรถที่วิ่งใช้งานในเมืองทุกวัน วิ่งช้าตลอกเวลา คลานกระดึ๊บ ๆ ไปเรื่อย รถพวกนี้อุณหภูมิในห้องเผาไหม้จะต่ำมาก ซึ่งในสถานการณ์นี้ควรเลือกใช้ "หัวเทียนร้อน" เพราะว่าเราต้องการระบายความร้อนช้า ๆ เพื่อเก็บความร้อนสะสมไว้ ไม่ให้ "หัวเทียนบอด...!" ไงจ๊ะ

   กลับกัน ถ้าเป็นรถที่ใช้ ความเร็วสูงมาก ๆ ถ้าเราใช้หัวเทียนร้อน มันจะทำให้ระบายความร้อนไม่ทัน อาจสร้างความเสียหายได้ต่าง ๆ นานา เช่น หัวเทียนละลาย กระเบื้องแตก และเกิดอาการชิงจุดระเบิด ก็เป็นได้ "คือหัวเทียนมันร้อนเกินไป มันก็เหมือนโลหะเผาไฟร้อนแดง เมื่อมีไอดีเข้ามา มันเป็นเชื้อเพลิงพร้อมที่จะจุดระเบิด พอมากระทบตัวหัวเทียนปุ๊บ ซึ่งมันยังไม่ทันถึงจังหวะจุดระเบิด มันก็ชิงจุดระเบิดทันที จากความร้อนสะสมของหัวเทียน"


   ซึ่งรถที่ใช้ความเร็วตลอดควรเลือกใช้ "หัวเทียนเย็น" เพื่อการระบายความร้อนจะดีกว่า เราต้องใช้งานให้ถูกประเภท

   รถแต่งเครื่องซิ่ง มันจะมีความร้อนสูงมากกว่าเครื่องยนต์สแตนดาร์ดทั่ว ๆ ไป ซึ่งเครื่องยนต์ประเภทนี้เป็นเครื่อง "Over Lap" มาก จุดระเบิดไม่ค่อยดีในรอบต่ำ หัวเทียนที่ใช้จึงเป็น หัวเทียนเย็น เสมอ

   แต่ถ้าเรานำเครื่องซิ่งวิ่งผิดที่ (ในเมือง) อันนี้ก็ต้องจบข่าว "ผิดแผน" กันไป เพราะเครื่องประเภทนี้มันต้อง "เหนี่ยว" อย่างเดียว แต่ถ้ามาวิ่งผิดที่ รับรองวิ่งไม่ได้เลย เพราะเครื่องซิ่งเหล่านี้ ส่วนมากรอบต่ำมันวิ่งไม่ค่อยดีแล้ว ยิ่งเจอรถติดในเมืองอีก รับรองไม่รอด "บอดสนิท" ซึ่งถ้าจะมาใช้ในเมืองจริง ๆ คงต้องเปลี่ยนเป็นหัวเทียนร้อน แทน

   ส่วนเครื่องยนต์สแตนดาร์ดทั่ว ๆ ไป ควรใช้เบอร์หัวเทียนให้ตรงกับที่ผู้ผลิตกำหนดมา และ และควรตรวจสอบทุก ๆ 10,000 กิโลเมตรครับ

หากรถธรรมดาๆ ที่ไม่ได้แต่งจูนให้แรงหรือเพิ่มไฟเกินสเป็ค เราก็ต้องใช้หัวเทียน Heat Range ต่ำๆ
หรืออย่างที่เรียกว่าหัวเทียนร้อน คือตั้งแต่เบอร์ 7 ลงมา
หากเป็นรถจูนกล่องปรับบูท เพิ่มไฟก็จำเป็นที่ต้องใช้หัวเทียนที่ระบายความร้อนได้ดี มีค่า Heat Range สูงๆ
อย่างหัวเทียนเย็น ที่มีเบอร์กำหนด ตั้งแต่เบอร์ 8 ขึ้นไป

ห้องเผาไหม้ของรถที่ใช้แก๊ส (LPG) จะร้อนกว่ารถใช้น้ำมัน
เนื่องจาก แก๊ส ให้ค่าความร้อนสูงกว่าน้ำมันมากครับ

หัวเทียนเริ่มจากเบอร์ปกติ ถ้าใช้ได้ดี ก็ไม่ต้องเปลี่ยน
ถ้ายังมีอาการสะดุดหรือ Back fire ก็เพิ่มเบอร์ขยับไปใช้หัวเทียนเย็น อย่าง 8 - 9

Credit marketatnation & AE club thailand
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
mixkeymouse
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 99



« ตอบ #4 เมื่อ: วันศุกร์ที่ 07 มีนาคม 2014 เวลา 12:26:50 »


หัวเทียน "เย็น-ร้อน" เลือกอย่างไรดี



   หัวเทียนร้อน ก็คือ ตัวมันเองจะระบายความร้อนออกได้ช้า เมื่อเราใช้งานจริงในห้องเผาไหม้มันมีความร้อนจากการจุดระเบิด เมื่อหัวเทียนรับความร้อนนั้นมา จะส่งผลให้เกิดความร้อนสะสมที่หัวเทียนอยู่อย่างนั้น

   หัวเทียนเย็น ก็คือ... ตัวมันสามารถถ่ายเทความร้อนออกไปได้เร็วกว่าหัวเทียนร้อน แต่ใช่ว่าจะหายร้อนเลยนะ อย่างนั้นไม่ใช่ จริง ๆ แล้ว หัวเทียนจะมีความร้อนสะสมอยู่ระดับหนึ่ง เพื่อให้แห้งตลอดเวลาเป็นทั้งหัวเทียนร้อนและหัวเทียนเย็น เพียงแต่ว่าหัวเทียนเย็น จะถ่ายเทความร้อนได้เร็วกว่าเท่านั้นเอง

   การเลือกใช้งาน ผมลองยกตัวอย่างรถที่วิ่งใช้งานในเมืองทุกวัน วิ่งช้าตลอกเวลา คลานกระดึ๊บ ๆ ไปเรื่อย รถพวกนี้อุณหภูมิในห้องเผาไหม้จะต่ำมาก ซึ่งในสถานการณ์นี้ควรเลือกใช้ "หัวเทียนร้อน" เพราะว่าเราต้องการระบายความร้อนช้า ๆ เพื่อเก็บความร้อนสะสมไว้ ไม่ให้ "หัวเทียนบอด...!" ไงจ๊ะ

   กลับกัน ถ้าเป็นรถที่ใช้ ความเร็วสูงมาก ๆ ถ้าเราใช้หัวเทียนร้อน มันจะทำให้ระบายความร้อนไม่ทัน อาจสร้างความเสียหายได้ต่าง ๆ นานา เช่น หัวเทียนละลาย กระเบื้องแตก และเกิดอาการชิงจุดระเบิด ก็เป็นได้ "คือหัวเทียนมันร้อนเกินไป มันก็เหมือนโลหะเผาไฟร้อนแดง เมื่อมีไอดีเข้ามา มันเป็นเชื้อเพลิงพร้อมที่จะจุดระเบิด พอมากระทบตัวหัวเทียนปุ๊บ ซึ่งมันยังไม่ทันถึงจังหวะจุดระเบิด มันก็ชิงจุดระเบิดทันที จากความร้อนสะสมของหัวเทียน"


   ซึ่งรถที่ใช้ความเร็วตลอดควรเลือกใช้ "หัวเทียนเย็น" เพื่อการระบายความร้อนจะดีกว่า เราต้องใช้งานให้ถูกประเภท

   รถแต่งเครื่องซิ่ง มันจะมีความร้อนสูงมากกว่าเครื่องยนต์สแตนดาร์ดทั่ว ๆ ไป ซึ่งเครื่องยนต์ประเภทนี้เป็นเครื่อง "Over Lap" มาก จุดระเบิดไม่ค่อยดีในรอบต่ำ หัวเทียนที่ใช้จึงเป็น หัวเทียนเย็น เสมอ

   แต่ถ้าเรานำเครื่องซิ่งวิ่งผิดที่ (ในเมือง) อันนี้ก็ต้องจบข่าว "ผิดแผน" กันไป เพราะเครื่องประเภทนี้มันต้อง "เหนี่ยว" อย่างเดียว แต่ถ้ามาวิ่งผิดที่ รับรองวิ่งไม่ได้เลย เพราะเครื่องซิ่งเหล่านี้ ส่วนมากรอบต่ำมันวิ่งไม่ค่อยดีแล้ว ยิ่งเจอรถติดในเมืองอีก รับรองไม่รอด "บอดสนิท" ซึ่งถ้าจะมาใช้ในเมืองจริง ๆ คงต้องเปลี่ยนเป็นหัวเทียนร้อน แทน

   ส่วนเครื่องยนต์สแตนดาร์ดทั่ว ๆ ไป ควรใช้เบอร์หัวเทียนให้ตรงกับที่ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ กำหนดมา และ และควรตรวจสอบทุก ๆ 10,000 กิโลเมตรครับ

หากรถธรรมดาๆ ที่ไม่ได้แต่งจูนให้แรงหรือเพิ่มไฟเกินสเป็ค เราก็ต้องใช้หัวเทียน Heat Range ต่ำๆ
หรืออย่างที่เรียกว่าหัวเทียนร้อน คือตั้งแต่เบอร์ 7 ลงมา
หากเป็นรถจูนกล่องปรับบูท เพิ่มไฟก็จำเป็นที่ต้องใช้หัวเทียนที่ระบายความร้อนได้ดี มีค่า Heat Range สูงๆ
อย่างหัวเทียนเย็น ที่มีเบอร์กำหนด ตั้งแต่เบอร์ 8 ขึ้นไป

ห้องเผาไหม้ของรถที่ใช้แก๊ส (LPG) จะร้อนกว่ารถใช้น้ำมัน
เนื่องจาก แก๊ส ให้ค่าความร้อนสูงกว่าน้ำมันมากครับ

หัวเทียนเริ่มจากเบอร์ปกติ ถ้าใช้ได้ดี ก็ไม่ต้องเปลี่ยน
ถ้ายังมีอาการสะดุดหรือ Back fire ก็เพิ่มเบอร์ขยับไปใช้หัวเทียนเย็น อย่าง 8 - 9

Credit marketatnation & AE club thailand



* 484862_1444094712491409_1639575136_n.jpg (12.34 KB, 225x225 - ดู 148 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า



ยิ้มให้คนที่เรารัก และสร้างรอยยิ้มให้แก่คนที่เรารักและรักเราทุกวัน ก่อนจะไม่มียิ้มนั้นบนโลกใบนี้
หน้า: [1] ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!