คุณ โอ๊ต GRi พูดถูกครับ
ความดีทำได้ ไม่ต้องให้คนรู้ครับ ใครจะไปรู้ บางทีมีเงินแต่งรถซะขนาดนั้นเขาทำบุญไปเยอะแล้วก็ได้ครับ
เพียงแต่เขาไม่ได้ทำอวดใครเท่านั้นเองครับ ผมเห็นดาราหลายคนก็ทำอย่างงี้นะครับ เพียงแต่ไม่ลงข่าว
บางคนบริจาคทีละเยอะๆ ปีละหลายๆครั้งก็มีครับ
การทำบุญนั้นจะทำบุญเล็กบุญใหญ่ การบริจาคให้เด็กด้อยโอกาส พิการ หรือบริจาคให้คนยากไร้
ดีทั้งหมดละครับ
แต่การทำบุญไม่ใช่ต้องบริจาคอย่างเดียวนะครับ
บุญแบ่งออกเป็น 1. ทานมัย 2.ศีลมัย 3.ภาวนามัย ซึ่งทั้งหมดรวมเรียกว่า บุญกริยาวัตถุ
บุญขั้นต่ำ ทานมัย คือบุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน มี 3 ชนิด อามิสทาน ธรรมทาน และอภัยทาน
บุญขั้นกลาง ศีลมัย คือบุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล นั้นคือศีล 5 และ ศีล 8
บุญขั้นสูง ภาวนามัย คือบุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา หรือการอบรมจิตใจให้เกิดความรู้และทำสามาธิที่ถูกต้อง คือมรรค 8
หรือย่อให้คนเข้าใจง่ายคือ ศีล สมาธิ และปัญญานั้นแหละครับ
การที่เราได้ประกาศว่า "ฉันทำบุญไปเท่าโน้นเท่านี้" ผมว่ามันเหมือนการอวดกันมากครับ
บุญไม่ใช่สิ่งที่เราจะมาโอ้อวดกันหรอกครับ
หรอกคิดดูสิครับ หากมีคนมาประกาศว่า
"ผมนาย A ทำบุญปีละ 50,000 บาท และบริจาคสิ่งของทุกปี"
คิดดีก็อนุโมทนา แต่
คิดไม่ดีก็บอกว่า ทำไมมาอวดกันผมเข้าใจคุณ niranam การไปบริจาคนั้นเป็นเรื่องที่ดีและเหมาะสมครับ เป็นสิ่งที่ดีเลยครับ
แต่ถ้าย้อนคิดสักหน่อยศีล 5 ยังถือกันไม่ครบเลยผมว่าไม่ตลกเหรอครับ
"บริจาคให้คนเหนือและใต้ เป็นล้านๆบาทต่อปี" แต่เงินที่บริจากมาจากการขายเหล้าเบียร์ และตัดไม้ทำลายป่า
"บริจาคทำบุญให้คนพิการ ทุกเดือน" แต่ของที่ได้ๆมาจากการลักขโมยและฉ้อโกงผู้อื่น
"บริจาคให้ผู้ยากไร้ และเด็กกำพร้ำทุกปี" แต่ยังผิดศีลข้อ 3
ถ้าอ่านข้างต้นก็คงจะทราบว่า ถ้ารักษาศีล 5 ให้ได้ 1 วัน บุญกุศลที่ได้ยังมากกว่าการบริจาคเงินเป็นล้านๆ นะครับ
แต่การเจริญภาวนาอบรมจิตได้ 1 วัน บุญกุศลที่ได้มากกว่าการรักษาศีล 5 เป็นล้านๆ
ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ให้บริจาคครับ แต่เราเองก็ควรรักษาศีล เช่นกันครับ
ก่อนที่เรื่องจะเปลี่ยนไปมากกว่านี้ผมขออนุญาตล๊อกระทู้ไว้ก่อนนะครับ

