เห็นหลายท่าน DIY วงจรพัดลมหม้อน้ำ แต่จำเป็นต้องรู้อีกอย่างนึงนะครับ วาล์วน้ำเปิดกันกี่องศา ยกตัวอย่าง 406 D8 XU10J4R เปิด 83 องศา นั่นหมายถึงเครื่องยนต์ต้องการอุณหภูมิ ใช้งานราวๆ 83 อาศาขึ้นไป แต่ไม่ควรเกิน 95 บางท่านแปลงแล้วเห็นตัวเลขไปชี้อยู่ 80 บ้าง 75 บ้าง 77 บ้าง วาล์วน้ำท่านจะหรี่กลีบที่เดิม พัดลมก็ทำฟรีๆ ไม่มีประโยชน์ตรงๆ ถ้าสังเกตุจากรถญี่ปุ่น ความร้อนจะนิ่งไม่ขยับเลย นั่นคือรักษา อุณหภูมิเครื่องให้คงที่มากที่สุด
peugeot เป็นรถเมืองหนาว น้ำเย็นได้ง่าย จึงต้องการให้น้ำในหม้อน้ำร้อนมากกว่าปกติ พัดลมแทบไม่ทำงาน วิ่งไปปะทะกับลมธรรมชาติ น้ำแข็งแทบเกาะหม้อน้ำ
ถ้าสังเกตุดีๆ toyota camry เปิด 82 องศา วาล์วเปิดเต็มที่ 94 องศา เฉลี่ย ต้องการอุณหภูมิเครื่องประมาณ 88 องศา มีพัดลมแยก 2 ตัว ตัวแรกระบายแอร์ อีกตัวระบายหม้อน้ำ เวลาเปิดแอร์ ไม่ได้เจตนาเอาไประบายหม้อน้ำ สังเกตุว่าของแอร์จะเล็กกว่า แต่ก็ไม่เสมอไป เวลาอุณหภูมิหม้อน้ำสูงขึ้นถึงจุด พัดลมหม้อน้ำก็ทำงาน แต่ทำไม่เกิน 1 นาที เพราะน้ำลดความร้อนลงมาอยู่ในจุดที่เหมาะสมแล้ว
ผมเอ่ะใจ ตรงที่เปอร์โยต์ เปิดแอร์ ความร้อนไม่เกิน ปิดแอร์ความร้อนขึ้น บางคันเิกิน 90 บางคันก็ไม่เกิน ก็เลยมานั่งพิจารณาถึงเหตุผลอื่นๆ ได้คำตอบเบื้องต้นดังนี้
1. มันเป็นรถเมืองหนาว
2. แอร์มันทำงานตลอด คอล์ยร้อนมันใหญ่ เลยต้องการการระบายมาก เลยใช้พัดลม 2 ตัว ทำให้ไประบายหม้อน้ำด้วยในตัว (ทางอ้อม)
3. พอปิดแอร์เมื่อไหร่ นั่นแหละอุณหภูมิ ที่เค้ากำหนดมาแล้ว ที่ฝรั่งเศษ 90 นิดๆ
แต่บ้านเรา ร้อนตายชัก ลดลงเหลือซัก 88 คงไม่มีปัญหา เราก็ แปลงไม่ไห้มันเกิน 90 แต่ไม่ต่ำกว่า 83 ไม่งั้นวาล์วน้ำมันจะหรี่กลับไปใหม่
ท่านใดมีข้อมูลเพิ่มเติม หรือหักล้างช่วย บอกหน่อยครับ จะไ้ด้มีข้อมูลมากๆ หยุดหลงทางกันเสียทีี กับ กล่อง แอร์ กล่อง Bitron อะไรเทือกเนี้ย!
ถ้าเอา thermo พัดลมญี่ปุ่นมาใส่ ผมว่าดีที่สุด เพราะมันเหมาะกับบ้านเรา
ปล. ตั้งใจจะแยกพัดลมไปแอร์ตัวนึง ไปหม้อน้ำตัวนึง ทำแผงกั้นกลางกันลมย้อน พัดลมแอร์จ่าย 12 โวล์ทตรง เอาลวดความร้อน ของ GR ลดรอบลง ส่วนหม้อน้ำ มีสเตปเดียวคือร้อนเกินทำ เย็นแล้วหยุด น่าจะดีเน๊าะ