Deprecated: preg_replace(): The /e modifier is deprecated, use preg_replace_callback instead in /home/idomy/domains/vlovepeugeot.com/public_html/forum/Sources/Load.php(249) : runtime-created function on line 3
 ขายน้ำมันเครื่อง Liqui Moly สุดยอดน้ำมันอันดับ1ในเยอรมันนี สำหรับชาวสิงห์ผยอง !
 
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2024 เวลา 21:03:28

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

315,832 กระทู้ ใน 27,428 หัวข้อ โดย 14,887 สมาชิก
สมาชิกล่าสุด: bigboys
* หน้าแรก ช่วยเหลือ ค้นหา ปฏิทิน เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก
+  Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย
|-+  กระดานซื้อขาย [ Buy & Sell ]
| |-+  ที่ไม่ใช่อู่ ห้าง ร้าน
อุปกรณ์/อะไหล่/ตกแต่ง peugeot

| | |-+  ขายน้ำมันเครื่อง Liqui Moly สุดยอดน้ำมันอันดับ1ในเยอรมันนี สำหรับชาวสิงห์ผยอง !
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้ « หน้าที่แล้ว ต่อไป »
หน้า: 1 2 3 [4] 5 ลงล่าง พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ขายน้ำมันเครื่อง Liqui Moly สุดยอดน้ำมันอันดับ1ในเยอรมันนี สำหรับชาวสิงห์ผยอง !  (อ่าน 25176 ครั้ง)
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #72 เมื่อ: วันอังคารที่ 10 มีนาคม 2015 เวลา 02:03:17 »


 love love love โปรสามสำหรับท่านที่ซื้อ Lalchtlauf high tech 5W-40 TopFully-syn 100% แกลลอนใหญ่สุดคุ้ม ขนาด 5ลิตร /15000 ก.ม  จำนวน 2 แกลลอน  แถมฟรี ปฎิทิน Asian Moly Sexy Girls 2015 + หมวก CAP LIQUI MOLY Edition แท้ๆนำเข้าจากเยอรมันนี มูลค่า 8xx บาท + ฟลัชชิ่งออย 1 โดส/50000 ก.ม มูลค่า 550 บาท เอาไว้ล้างเครื่องก่อนเปลี่ยนถ่ายน้ำมันใหม่ เพื่อความไหลลื่นที่สมบูรณ์แบบ
1 เซตเพียง 4000 บาท จากปกติ 4950 บาท

(สามารถรวมตัวกันมาซื้อ 2 แกลลอน คนละคัน ก้อได้สิทธิ์นี้นะครับ ใครจะเอาหมวกหรือฟลัชชิ่งก้อตกลงกันได้ตามอัธยาศัยครับ)

**สำหรับ"โปรหนึ่งและโปรสอง" ดูได้ที่หน้าสามล่างสุดนะครับ** !


* Liqui-Moly-Promotions-3.jpg (106.84 KB, 1024x478 - ดู 1030 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #73 เมื่อ: วันอังคารที่ 10 มีนาคม 2015 เวลา 02:45:06 »


 ตาดำๆ เตรียมพบกับโปรโมชั่นใหม่ๆ ร่วมตอบคำถามกับ LIQUI MOLY เพื่อรับของที่ระทึก(ระลึก)และสิทธิ์แลกซื้อสินค้าที่กำหนดในราคาพิเศษ ได้ในกระทู้ต่อๆไปครับ ขอบคุณที่ให้การตอบรับอย่างดีเสมอมาครับ . . โอ๊วๆๆๆ ยอดจริงๆๆ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #74 เมื่อ: วันอังคารที่ 10 มีนาคม 2015 เวลา 12:37:25 »


 :เข้ม: คำถามร่วมสนุกนะครับสำหรับกิจกรรมแจกของที่ระลึก 3 ท่านแรกที่ตอบถูกและโดนใจทาง Liqui moly ก้อรอรับปฎิทิน Asian Moly Sexy Girls 2015 ท่านละ 1 ชุด ส่งฟรีถึงบ้านท่านเลยครับ / แจ้งชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทร แล้วร่วมแสดงความคิดเห็นได้เลยครับ !  ถูกต้องแล้วครับ

**คำถามคือ ทำไมผู้ใช้รถยนต์ที่เมืองนอกโดยเฉพาะในเยอรมันนีถึงนิยมใช้น้ำมันเครื่องและสารเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์ที่มีคุณภาพสูง เหตุผลหลักๆคืออะไรครับ จริงๆดูเป็นคำถามง่ายๆแต่ถ้ารู้คำตอบหลักๆ1ในนั้นแล้วจะถึงบางอ้อเลยครับ สามารถตอบได้มากกว่า 1 ข้อ ?!?**

**เฉลยครับ มีคนโทรมาบอกให้ตอบเลยแล้วแจกของง่ายกว่า เอ้า ว่ากันไป** . .
-อย่างแรกเลยคือค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงที่โน่นค่อนข้างสูงกว่าบ้านเรามากครับ ค่าแรงช่างเค้าแพง รถเป็นอะไรทีไม่คุ้มค่าเพราะรถเค้าก้อไม่ได้แพงมากบางทีตัดใจซื้อใหม่ยังดีกว่าต้องมานั่งซ่อมจึงจำเป็นต้องหาตัวช่วยดีๆเพื่อถนอมเครื่องยนต์ให้คงประสิทธิภาพได้ยาวนานล่ะครับ ต่อมาคือเรื่องของผลพลอยได้ที่เกิดขึ้น คือลดค่าใช้จ่ายจากระยะการเปลี่ยนถ่ายที่ยาวนานขึ้นและสามารถเพิ่มหรือคงสมรรถนะในการทำงานของเครื่องยนต์ให้ไหลลื่นเต็มกำลังได้สม่ำเสมอกว่านั่นเองครับ !

**ท่านใดอยากได้ลงชื่อมาครับ 3 ท่านแรกเท่านั้น เด่วจัดปฎิทินSexyไปให้ครับ**


* LM-BEST-BRAND-2014_gr.jpg (98.25 KB, 600x364 - ดู 900 ครั้ง.)

* carendar moly 1.jpg (75.18 KB, 960x623 - ดู 917 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
chaisit
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 52



« ตอบ #75 เมื่อ: วันอังคารที่ 10 มีนาคม 2015 เวลา 12:47:51 »


เสียดายโปรมาช้า  จัดไปซะแล้ว :นอนตายดีกว่า:
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #76 เมื่อ: วันอังคารที่ 10 มีนาคม 2015 เวลา 13:45:41 »


เสียดายโปรมาช้า  จัดไปซะแล้ว :นอนตายดีกว่า:
เด่วรอบหน้าต่อโปรให้ครับพี่บอย ..
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #77 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2015 เวลา 19:48:49 »


เป็นโอกาสดีที่ทางผมและ บ.ไทยคาร์แลค-เยอรมัน/ผู้นำเข้า Liqui moly น้ำมันเครื่องและสาร Additive อันดับ 1 จากเยอรมันนี และ ECU-Shop บ.กล่องเพิ่มสมรรถนะรถยนต์อันดับ 1 ของไทย ได้มีโอกาสจับมือกันและได้ส่งน้ำมันเครื่องและสารเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์เพื่อทดสอบประสิทธิภาพในสนามแข่งขันจริง ที่ไร้ความปราณีเพื่อชิงความเป็นที่ 1 ของเจ้าเวลาแห่งการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบระยะสั้น โดยรถที่ใช้ทดสอบ ทำเวลาดีที่สุดได้เป็น Best Time Record ของรุ่น Open-NA และ Open-Turbo ณ ฺสนาม Drag คลอง5 เมื่อ เสาร์-อาทิตย์ที่ 14-15 มี.ค ที่ผ่านมา โดยใช้น้ำมันเครื่องและสารเพิ่มประสิทธิภาพจาก Liqui Moly + กล่องอัจฉริยะเพิ่มสมรรถนะรถยนต์จากทีม ECU-Shop เพื่อเป็นการการันตีถึงประสิทธิภาพและผ่านการทดสอบที่ดุดันรุนแรง เพื่อให้ทางทุกท่านมั่นใจได้ว่า มีเพียงสิ่งที่ดีที่สุดและยอดเยี่ยมเท่านั้น ที่จะผ่านการทดสอบและไว้วางใจจากทีมแข่งชั้นนำระดับแนวหน้าของประเทศ  Liqui Moly พร้อมเสิร์ฟความแรงและเพิ่มสมรรถนะให้รถยนต์ที่รักของทุกท่านได้ใช้จริงแล้ววันนี้ !


สนใจข้อมูลคลิ๊กเลยที่ https://www.facebook.com/pages/Custom-Motor-Oil/1549370355351225


* Liqui-moly-Motor-sport-1.jpg (115.75 KB, 1280x478 - ดู 827 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #78 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2015 เวลา 19:56:01 »


ของดีๆต้องลองจริง เทสจริง ใช้จริง และได้ผลจริง !


* Liqui-moly-Motor-sport-2.jpg (115.28 KB, 1280x478 - ดู 804 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #79 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2015 เวลา 20:03:52 »


ตัวโหดของปีนี้ R35-Turbo SpaceFrame แรงม้าระดับ เฉียดๆ 1000 ตัว จัด Ceratec ไปหายห่วงเรื่องความร้อน ช่วยถนอมเครื่องยนต์และเพิ่มประสิทธิภาพในด้านความลื่นและกำลังอัดที่เรียกใช้ได้อย่างต่อเนื่อง จนจบการแข่งขัน !


* Liqui-moly-Motor-sport-3.jpg (115.99 KB, 1280x478 - ดู 733 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #80 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2015 เวลา 20:10:44 »


ลุ้นกันจดหมดวัน ถ้าเครื่องพังหรือมีปัญหา เราคงต้องรับผิดชอบมหาศาล เครื่องรถแข่ง 1 ตัว ลงทุนกันหลักล้านบาทและคงไม่มีใครอยากจะเสี่ยงกับของที่ไม่มีคุณภาพน่าเชื่อถือเพราะน้ำมันเครื่องที่เค้าใช้มาก่อนหน้านี้ก้อไม่ได้ด้อยประสิทธิภาพกว่าแบรนด์ชั้นนำต่างๆในท้องตลาดที่โหมโรงโฆษณากันด้วยงบมหาศาล เพียงแต่เรามาแนะนำให้ทดสอบในสิ่งใหม่ๆที่มาเหนือความคาดหมาย !


* Liqui-moly-Motor-sport-4.jpg (114.3 KB, 1280x478 - ดู 791 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #81 เมื่อ: วันจันทร์ที่ 23 มีนาคม 2015 เวลา 20:17:29 »


โปรเจ็คต่อไปกับรถกะบะที่แรงและเร็วที่สุดในประเทศไทยรวมทั้งติดอันดับโลกกับ "เบส เทอร์โบยำ"อู่เบิร์ดหลักห้า และ ECU-Shop เมื่อเทคโนโลยีการปกป้องอันดับ 1 จากแดนเยอรมัน+หัวใจสิงห์ยอดนักสู้ของคนไทยที่ไม่แพ้ชาติใดๆในโลก อะไรก้อเกิดขึ้นได้ ติดตามชมได้เร็วๆนี้ครับ . .


* Liqui-moly-Motor-sport-5.jpg (111.53 KB, 1280x478 - ดู 834 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
AB NORMAL
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4,299


« ตอบ #82 เมื่อ: วันอังคารที่ 24 มีนาคม 2015 เวลา 07:16:53 »


 สุดยอดไปเลยครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
draculajung
draculajung
เซียนสิงห์
*******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2,839



« ตอบ #83 เมื่อ: วันพุธที่ 25 มีนาคม 2015 เวลา 18:11:14 »


เดอะหวิน จัดชุดโปร 4,000 บาท ให้ด้วยครับ
รับของพรุ่งนี้ ขอหมวกสองใบ นะ ฐานะ ลูกค้าเก่า
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #84 เมื่อ: วันพุธที่ 25 มีนาคม 2015 เวลา 19:39:35 »


เดอะหวิน จัดชุดโปร 4,000 บาท ให้ด้วยครับ
รับของพรุ่งนี้ ขอหมวกสองใบ นะ ฐานะ ลูกค้าเก่า

ได้ครับ จัดไป !
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #85 เมื่อ: วันเสาร์ที่ 04 เมษายน 2015 เวลา 01:36:01 »


ตอนนี้น้ำมันเครื่องและสารเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องยนต์ของทาง LIQUI MOLY เยอรมันนี มีจำหน่ายแล้วที่อู่ดำริห์ ลาดพร้าววังหินซอย7 อู่ช่างแว่นพัฒนาการ 69 อู่ช่างเอ นวมินทร์ 58 อู่ NR ช่างไนน์ อู่ช่างตูน-ร่มเกล้า อู่205พี่เชษ ซอยคู้บอน และ อู่ช่างปิยะ กาญจนาภิเศก 37 เลียบมอเตอร์เวย์ครับ ใครสะดวกที่ไหนแวะไปใช้บริการได้ครับ โทรสั่งล่วงหน้าสัก1-2วัน ไม่ต้องเสียค่าขนส่งเพิ่มเติม บวกลบคูณหารแล้ว พอๆกับสั่งที่ผมครับ โปรโมชั่นที่อยู่ภายในเว็บนี้จะสิ้นสุดในเดือนเมษายนนี้ครับ สินค้าทุกตัวจะเข้าสู่ราคาปกติ เนื่องจากผมต้องเดินทางไปทดสอบน้ำมันเครื่องกับอู่แต่งรถในหลายจังหวัดและร่วมทดสอบประสิทธิภาพน้ำมันเครื่องและสารAdditive ต่างๆกับกลุ่มไดโนเทสบ่อยขึ้น จึงมีเวลาขายและส่งสินค้าน้อยลง ตอนนี้จึงเน้นไปในทางการเปิดดีลเลอร์มากกว่าครับ สนใจสอบถามข้อมูลได้ตลอดนะครับ ส่วนท่านใดที่ประกอบกิจการแล้วอยากจะเป็นดีลเลอร์ผมมีสินค้าให้ทดสอบฟรี 1 เซต จะลองใส่วิ่งถนนหรือพร้อมขึ้นไดโนเทสให้(กรณีนี้ทางผู้เปิดดีลต้องออกค่าไดโนเองนะครับ)เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพให้เห็นเป็นกราฟและตัวเลขที่ชัดเจนครับ  ถูกต้องแล้วครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #86 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2015 เวลา 00:23:03 »


บทความเรื่องของ"น้ำมันเครื่อง" ที่ควรรู้และเข้าใจในฐานะผู้ใช้รถยนต์
Special Thank's Credit คุณ namhorm/thaiertigaclub

 ปัจจุบันนี้มีน้ำมันเครื่องมากมายหลายยี่ห้อและค่ายรถต่าง ๆ ก็มักจะมีน้ำมันเครื่องเป็นยี่ห้อของตัวเองมาบริการให้ลูกค้ากัน อาจจะมีทั้งเกรดกึ่งสังเคราะห์ หรือสังเคราะห์แท้ มาเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าได้ใช้น้ำมันเครื่องบางยี่ห้อ บางรุ่น ที่ผู้บริโภคเลือกใช้ เท่าที่พบปัญหาก็คือ บางคนก็บอกว่าดี บางคนก็บอกไม่ดีหรืออาจจะมีกรณีที่ใช้ดีในระยะแรก ( 5000 - 6000 กิโล ) เครื่องยนต์ลื่น ประหยัดน้ำมัน แต่หลังจากนั้น
เครื่องยนต์อืด กินน้ำมันมากขึ้น  หรือใช้ไปสักพักพอเช็คระดับน้ำมันเครื่องดู ปรากฎว่าน้ำมันเครื่องหายไปผิดปกติ

    น้ำมันเครื่องมีความสำคัญต่อรถและเครื่องยนต์รวมทั้งระบบต่าง ๆ มากนะครับ เครื่องยนต์จะคงสภาพดีได้นานหรือไม่นาน
ขึ้นอยู่กับน้ำมันเครื่อง และมีผลต่อน้ำมันเกียร์และระบบของเกียร์อีกด้วย มันก็เหมือนกับเลือดในตัวคนเรานั่นล่ะครับ
ประสบการณ์ของผมเอง ก็เคยใช้รถและใช้น้ำมันเครื่องแบบไม่มีความรู้มาก่อน ใช้ ๆ ไปอย่างงั้น และยังเข้าใจผิดว่ารถที่ใช้น้อย
จอดซะส่วนใหญ่ ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ผลคือ เครื่องยนต์พัง

    ความรู้เรื่องน้ำมันเครื่องและเทคนิคในการเลือกซื้อมาใช้ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องรู้ไว้ด้วย เพื่อรถอันเป็นที่รักของเราจะได้ใช้ในสภาพดี ๆ ไปนาน ๆหรือหากจะขายต่อ ก็ขายในสภาพเครื่องยนต์ที่คนซื้อเค้าพอใจ เราเองก็ได้ราคาดีๆด้วยซึ่งปัจจุบันนี้คำศัพท์ต่าง ๆ โคด หรือระหัส  ที่แต่ละยี่ห้อใช้ ก็อาจจะทำให้เราสับสนหรือเข้าใจผิดได้นะครับ ตัวอย่างเช่น คำว่า synthetic หรือที่เรียกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ถ้าเราเห็นคำว่า synthetic ข้างแกลลอน อย่าได้เข้าใจว่ามันคือน้ำมันเครื่อง สังเคราะห์จริง ๆ นะครับ เพราะอาจจะเป็นสังเคราะห์เทียม ก็ได้...

1. ประเภทหรือเกรดของน้ำมันเครื่อง
     น้ำมันเครื่องในปัจจุบันนี้ จะประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลัก 2 อย่างคือ
      - ตัววัตถุดิบหลัก หรือ น้ำมันเครื่องบางยี่ห้ออาจจะเรียกว่า base stock
      - สารเพิ่มประสิทธิภาพ หรือเรียกว่า additive

ในส่วนของ วัตถุดิบหลัก นั้นจะสามารถแยกกลุ่มออกมาได้เป็น 5 กลุ่มครับ

Group 1 - น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา (Base Oil)
- เป็นน้ำมันพื้นฐานที่ใช้กันทั่วไป อายุการใช้งานประมาณ 5,000 กม.

Group 2 - น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ ( Semi Synthetic)
- เป็นการนำน้ำมันสังเคราะห์ (Synthetic) มาผสมกับ Base Oil โดยมีส่วนผสมของสารสังเคราะห์โดยเฉลี่ยไม่เกิน 10 - 15 %

Group 3 - น้ำมันเครื่องสังเคราะห์(เทียม) (Synthetic)
- น้ำมันสังเคราะห์เทียม หรือ ที่แป๊ะที่กระป๋องว่า (Synthetic) เพราะยังมีส่วนผสมของ Base Oil อยู่

* เนื่องจากตัวทำละลายสารเพิ่มคุณภาพมีราคาแพง จึงเอาน้ำมันปิโตรเลียมมาใช้เป็นตัวทำละลาย อาจจะมีส่วนผสมของ Base Oil อยู่ 10 ? 15 % ในแต่ละยี่ห้อก็มีการผสมแตกต่างกันออกไป ซึ่งทำให้ราคาไม่สูงมากนัก แล้วอ้างว่าเป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ หรือ น้ำมันเครื่อง Synthetic และบางทีก็หาทางออกโดยใช้คำว่า Synthetic Technology หรือใช้คำ Synthetic ร่วมกับคำอื่นๆ เป็นน้ำมันสังเคราะห์ส่วนใหญ่ที่วางขายในบ้านเรา

*  ตั้งแต่ Group 1 - 3 เป็นน้ำมันเครื่องที่ทำมาจาก น้ำมันดิบ หรือ น้ำมันตามธรรมชาติ ซึ่งจะมีขนาดโมเลกุลที่ไม่เท่ากัน

Group 4 - น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Full Synthetic) PAO 100 %
- ผลิตมาจากสารสังเคราะห์ล้วนๆ โดยไม่มี Base Oil เจือปน แม้แต่น้ำมันพื้นฐานก็ยังเป็นเกรด Synthetic Base Oil ส่วนใหญ่จะเป็นพวก PAO หรือ Polyalphaolefin คือผลิตขึ้นมาจากสารสังเคราะห์แท้ๆ 100 % ให้การหล่อลื่นและปกป้องได้ดียิ่งกว่า เหนือกว่าน้ำมันเครื่องทุกยี่ห้อ ที่มีขายในขณะนี้

Gruop 5 ? จะเป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ที่มีความคล้ายคลึงกับ Group 4 มีความหล่อลื่นมากและอายุการใช้งานสูงเหมาะสำหรับพวกเครื่องจักร

* PAO. ผลิตมาโดยการสังเคราะห์เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการหล่อลื่นและปกป้องเครื่องยนต์ได้ดีกว่าปิโตรเลี่ยม เพราะผลิตหรือสังเคราะห์ให้มีโมเลกุลขนาดเท่า ๆ กัน จึงมีความเรียบลื่นมากกว่า ลดการเสียดสีได้ดีกว่าและมีความสะอาดกว่าปิโตรเลี่ยม มีความคงสภาพได้ยาวนานกว่า

ดังนั้น น้ำมันเครื่องGroup 4 จึงเป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์จริง ๆ แท้ ๆ ซึ่งเหมาะสมสำหรับยานยนต์ ให้การปกป้องมีความลื่นและอายุการใช้งานสูง

   ในการผลิตน้ำมันเครื่องเค้าก็ใช้น้ำมันเครื่องพื้นฐานจาก 1 ใน 5 นี่แหละ แล้วนำเอาพวกสารเพิ่มประสิทธิภาพหรือ additive ผสมลงไป โรงงานที่ผสมหรือผลิตน้ำมันเครื่องในบ้านเรามีอยู่ไม่กี่แห่ง พวกบริษัทน้ำมันเครื่องก็จ้างโรงงานเหล่านี้ผลิตให้ ดังนั้นน้ำมันเครื่องหลายยี่ห้อก็ออกมาจากโรงงานเดียวกัน ด้วยเหตุนี้คุณภาพของน้ำมันเครื่องจึงขึ้นอยู่กับการเลือกใช้น้ำมันเครื่องพื้นฐานกับพวกสารเพิ่มคุณภาพที่เติมผสมลงไป

    น้ำมันเครื่องที่ค่ายรถต่าง ๆ แปะยี่ห้อของตัวเองลงไปนั้น ให้เข้าใจว่า ไม่ได้มาจากโรงงานของค่ายนั้น ๆ แต่ค่ายรถเค้าได้ตกลงทำธุรกิจร่วมกับบริษัทน้ำมันยี่ห้อต่าง ๆ อาจจะเป็น เชล , อพอลโล ฯลฯ ซึ่งเราก็อาจจะไม่รู้หรอกครับ ว่าเค้าตกลงกับยี่ห้อไหน
แต่คาดว่า ซูซูกิ น่าจะร่วมกับเชล นะครับ เพราะวิทาร่า ก่อนที่จะมีน้ำมันเครื่องซูซูกิออกมาใช้ ใต้ฝากระโปรงมันแปะ เชล เฮลิค แต่ก่อนหน้า เชล นั้น ซูซูกิ น่าจะใช้ คาสตรอลนะ เพราะรถวิทาร่าออกมาใหม่ๆทางศูนย์ใช้คาสตรอลเกรดสังเคราะห์แท้  ส่วนฮอนด้านั้น น้ำมันเครื่องน่าจะมาจาก อพอลโล่ ครับ

   แต่ไม่ว่าจะยี่ห้ออะไรก็แล้วแต่ ข้อเท็จจริงคือ  
น้ำมันเครื่องที่เราใช้กันอยุ่ทุกวันนี้บริษัทน้ำมันไม่ได้เป็นเจ้าของสูตรเองนะครับ ทุกแห่งล้วนซื้อ
สูตรมาจากบริษัทที่ขาย additive ซึ่งเค้าจะขาย additive เป็น package พร้อมผลการทดสอบกับเครื่องยนต์
ที่กล่าวมาข้างต้นในหัวข้อ additve ครับ บริษัทน้ำมันทั้งหลายก็จะเอาสูตรน้ำมันเครื่องที่ต้องเติม additive
ของบริษัทที่ขาย additive ไปยื่นจดทะเบียนที่กรมธุรกิจพลังงาน และผลิตออกมาขายกันในตลาด ซึ่งอันที่จริงแล้ว
โรงงานกลั่นน้ำมันที่ผลิต base oil ในไทย group 1-3 มีอยู่แค่ 2 โรงกลั่นเท่านั้น (ไม่ข้อเอ่ยนามนะครับ) โรงกลั่น
ที่กลั่นน้ำมันเชื้อเพลิงออกมาขายไม่สามารถกลั่น base oil ออกมาขายได้ครับ มันต่างกันทั้งเรื่องของ process
และแหล่งที่มาของน้ำมันดิบ ดังนั้นบริษัทน้ำมันทั้งหลายจึงซื้อ base oil จาก 2 โรงกลั่นนี้เท่านั้น ส่วน base oil
จาก group 4-5 จะนำเข้าทั้งหมด ดังนั้นไม่ว่าน้ำมันเครื่องยี่ห้อไหนจะมีที่มาเหมือนกันดังนี้ครับ

1. Base oil ถ้าเป็น base oil แบบธรรมดา ( group 1-3 ) ในประเทศไทยจะซื้อมาจากโรงกลั่นทั้ง 2 โรงเท่านั้น บริษัทน้ำมันไม่ได้กลั่น base oil เอง
แต่ถ้าเป็น แบบสังเคราะห์ GROUP 4 - 5  (PAO ) ก็นำเข้ามาทั้งหมด

2. Additive อันนี้ก็ซื้อจากต่างประเทศพร้อมสูตรการผสม base oil กับ additive package ของเค้าอยู่ดี

ในส่วนของการผลิตหรือผสม base oil กับ additive บริษัทน้ำมันส่วนมากไม่ได้ผลิตเองนะครับ เค้าจะไปจ้าง
โรง blend ทำการผลิตให้ครับ

ในความเป็นจริงจึงทำให้น้ำมันเครื่องแต่ละยี่ห้อมีคุณภาพใกล้เคียงกันครับ
ดังนั้นน้ำมันเครื่องคุณภาพดีหรือไม่ จึงไม่ได้อยู่ที่ยี่ห้อเป็นหลัก ( ยกเว้นชื่อเสียง หรือมาตรฐานรับรองต่าง ๆ  )
แต่มันอยู่ที่พื้นฐานของตัววัตถุดิบหลักว่ามาจากอะไรมากกว่าครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #87 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2015 เวลา 00:28:47 »


น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ แท้ /เทียม

   น้ำมันเครื่องสำเร็จรูปที่ระบุว่าเป็นชนิดสังเคราะห์ 100% โดยใช้โพลีแอลฟาโอลีฟิน (POLYALPHAOLEFIN-PAO) จะมีข้อเสียของPAOตรงที่มันจะไม่สามารถละลายสารเพิ่มคุณภาพบางตัวหรือละลายได้ไม่ดี จึงอาจมีการละลายสารเพิ่มคุณภาพด้วยสารบางอย่างก่อน  แต่สารบางอย่างที่ว่านี้นั้นมีราคาแพง  น้ำมันเครื่องประเภทนี้จึงมีราคาค่อนข้างสูง
ในขณะที่ปิโตรเลี่ยมนั้นไม่มีปัญหาเรื่องนี้ เพราะสารเพิ่มคุณภาพจะละลายได้ดีในปิโตรเลี่ยม
   ผู้ผลิตบางรายต้องการผลิตน้ำมันเครื่องให้มีราคาถูกลงมา โดยนำสารเพิ่มคุณภาพไปผสมกับน้ำมันหล่อลื่นชนิด base oil ธรรมดาก่อน
แล้วจึงนำผสมหรือผลิตออกมาเป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ออกขาย
    จึงเกิดข้อกังขาว่า จะเป็นน้ำมันเครื่องสำเร็จรูปชนิดสังเคราะห์ 100% ได้อย่างไร ในเมื่อมีน้ำมันชนิดธรรมดาหรือมีปิโตรเลี่ยมที่โมเลกุลไม่เท่ากันผสมอยู่ด้วยจากการช่วยทำละลายสารเพิ่มคุณภาพ

   สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหา คือบริษัทที่ทำน้ำมันเครื่องจาก Group 4 อันเป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ขนานแท้ เห็นว่ามันไม่ถูกต้องที่นำเอาน้ำมันเครื่อง Group 3 อันเป็นน้ำมันธรรมชาติมาทำเป็นน้ำมันเครื่อง แล้วโฆษณาว่าเป็นน้ำมันเครื่องสังเคราะห์

   ทำให้มีการฟ้องร้องกันระหว่าง ผู้ผลิตน้ำมัน Group 4 กับผู้ผลิตน้ำมัน Group 3 ก็เพราะว่าในสหรัฐอเมริกา มีบริษัทน้ำมันเครื่องแห่งหนึ่งใช้น้ำมันเครื่องพื้นฐาน Group 3 เอามาผสมสารเพิ่มคุณภาพเข้าไป แล้วประกาศว่าเป็น น้ำมันเครื่องสังเคราะห์หรือน้ำมันเครื่อง Synthetic และบางทีก็หาทางออกโดยใช้คำว่า Synthetic Technology หรือใช้คำ Synthetic ร่วมกับคำอื่นๆ ขายราคาที่ถูกกว่าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ยี่ห้ออื่นๆ ทำให้คุณสมบัติของ Group 3 ซึ่งยังมี Base Oil ที่เป็น ปิโตรเลียมผสม ไปใกล้เคียงกับน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ Group 4 ที่เป็น PAO 100% หรือ Polyalphaolefin เข้า

    ศาลตัดสินให้ ผู้ผลิตน้ำมัน Group 3 สามารถใช้คำว่า Synthetic ถึงแม้จะไม่เป็น Synthetic 100% แต่เนื่องจากส่วนผสมของน้ำมันก็ยังมีสาร Synthetic เป็นตัวหลัก (* เป็นส่วนผสมมากที่สุดในอัตราส่วนต่อ 1 หน่วย) แม้จะมี Base Oil ซึ่งเป็นปิโตรเลียม ผสมอยู่ด้วยในอัตรา 10 ? 15 % ก็ตาม

ถึงแม้คุณภาพของน้ำมันเครื่อง Group 3 จะใกล้เคียงกับน้ำมันเครื่อง Group 4 แต่ก็เพียงแค่ใกล้เท่านั้น แต่ความเป็นจริงยังไม่สามารถทัดเทียมได้
นอกจากนี้แล้ว ก็ยังมีน้ำมันเครื่องอีกประเภทหนึ่ง ที่ใช้ปิโตรเลี่ยมมาผลิต โดยได้แก้ไขข้อด้อยที่มีโมเลกุลไม่เท่ากัน
มาสังเคราะห์ด้วยกระบวนการผลิตโดยการจัดเรียงให้มีขนาดโมเลกุลเท่า ๆ กัน แล้วเติมสาร additve เข้าไป เรียกว่า
วิธี Hydro crack ซึ่งก็จะได้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ที่มีคุณภาพสูงเช่นกัน
แต่ราคาก็ยังสูงอยู่พอ ๆ กับ น้ำมันเครื่อง PAO


   ส่วนสารเพิ่มคุณภาพหรือ additive นั้น ก็จะเป็นการเติมสารต่าง ๆ เข้าไปเพื่อให้คุณภาพน้ำมันเครื่อง เช่น
ช่วยลดกรด ช่วยยึดเกาะ ลดความร้อน  ป้องกันสนิม ชะล้างทำความสะอาด หรือในปัจจุบันนี้ก็มีการเติมสารบางอย่าง
ที่ผู้ผลิตกล่าวว่า สามารถรองรับหรือใช้ได้ดีกับ เอทานอล หรือแก็สด้วย ฯลฯ.

ทั้งนี้เพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ดีที่สุดออกมาได้แก่
คุณสมบัติ
- ปกป้องเครื่องยนต์ทันทีที่สตาร์ท
- เครื่องยนต์เดินเรียบ
- ตอบสนองอัตราเร่งได้ดี
- รักษาความสะอาดของเครื่องยนต์
- ยืดอายุการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องได้มากกว่า
- ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
- สตาร์ทติดง่าย

แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #88 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2015 เวลา 00:34:07 »


2. มาตรฐานและโคดต่าง ๆ ของน้ำมันเครื่อง

API = American Petroleum Institute  คือ  สถาบันหรือหน่วยงานกลางที่ทำการทดสอบคุณสมบัติของน้ำมันเครื่องในด้านต่างๆ เช่น การหล่อลื่น การระบายความร้อน การป้องกันสนิม ความสามารถในการชะล้างทำความสะอาด ฯลฯ ซึ่งถ้าผ่านการทดสอบก็จะกำหนดเป็นเกรดชั้นคุณภาพมาตรฐานซึ่งนอกจากจะมีตัว อักษรย่อบ่งบอกถึงชั้นคุณภาพของน้ำมันเป็น API S.../C...แล้วยังต้องมีสัญลักษณ์วงกลมรูปโดนัทระบุรายละเอียดอีกด้วย
ถ้าไม่ มีสัญลักษณ์นี้หมายความว่าไม่ได้ผ่านการทดสอบจากทางสถาบัน แต่อาจเป็นการทดสอบโดยผู้ผลิตนั้นเองหรือสถาบันอื่นเป็นผู้ทดสอบให้โดยอ้าง อิงจากมาตรฐานAPI แล้วกำหนดมาเป็นตัวอักษร API S.../ C...
เกรด คุณภาพของน้ำมันเครื่องได้ถูกแบ่งไว้เป็น 2 กลุ่มหลัก คือ เกรดคุณภาพสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน และ เกรดคุณภาพสำหรับเครื่องยนต์ดีเซล

เกรดคุณภาพสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน
 
ใช้ ตัวอักษรย่อS (Service-Spark Ignition) ซึ่งจะเขียนตามหลังตัวอักษรย่อAPI แล้วตามด้วยตัวอักษรที่บอกเกรดคุณภาพของน้ำมันเครื่อง โดยเริ่มต้นจากชั้นคุณภาพแย่ที่สุดซึ่งใช้ตัวอักษร A แล้วไล่เรียงชั้นคุณภาพที่ดีกว่าขึ้นไปเรื่อยๆ คือ B, C, D......L เช่น API SG, API SH, API SJ เป็นต้น ซึ่งในขณะนี้ชั้นคุณภาพที่ใหม่ล่าสุดสำหรับเครื่องยนต์เบนซินในปัจจุบัน คือ ชั้นคุณภาพ API SN รองลงมา คือ API SM
SL ,  SJ จะล้าสมัยไม่ทันยุคกับเครื่องยนต์และน้ำมันเชื้อเพลิงสมัยใหม่นี้แล้ว

น้ำมันเครื่องเกรดคุณภาพรวม
 
API SL / CG-4=น้ำมันเครื่องชนิดนี้ใช้ได้ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลแต่เกรดคุณภาพของทางเบนซินเด่นกว่า
จึงนำมาไว้ข้างหน้า

API CI-4 / SH=น้ำมันเครื่องชนิดนี้ใช้ได้ทั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซลเช่นกันแต่เกรดคุณภาพทางดีเซลเหนือกว่า

เกรดความหนืดของน้ำมันเครื่อง

SAE = Society of Automotive Engineer เป็นหน่วยงานที่ทำการวัดทดสอบความหนืดของน้ำมันแล้วกำหนดมาเป็นเกรดความ หนืดมาตรฐาน โดยจะมีตัวอักษรย่อของทางสถาบันนำหน้าแล้วตามด้วยตัวเลขเกรดความหนืด ตัวเลขมาก หมายความว่า มีความหนืดมาก ในทางกลับกัน ตัวเลขน้อย หมายถึง มีความหนืดน้อย กล่าวคือ ใสนั้นเอง เช่น SAE 20W-50 โดยมีการผลิตและวัดที่ 2 อุณภูมิ คือ
20W = W คือ Winter มีการวัดที่อากาศหนาวที่อุณหภูมิ -18 องศาเซลเซียส ได้ค่าความหนืด = 20
50 = วัดที่อากาศร้อนอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ได้ค่าความหนืด = 50
หมายเหตุ ตัวเลขทั้ง 2 ตัวนี้ไม่ใช่อุณหภูมิแต่เป็นตัวเลขค่าความหนืด

เกรดความหนืดของน้ำมันเครื่องแบ่งเป็น 2เกรด คือ น้ำมันเครื่องเกรดความหนืดเดี่ยว และ น้ำมันเครื่องเกรดความหนืดรวม

น้ำมันเครื่องเกรดความหนืดเดี่ยว เช่น SAE 10W, SAE 15W, SAE 20W ซึ่งโดยส่วนใหญ่เหมาะที่จะใช้กับประเทศที่มีอากาศหนาว ส่วนถ้าเป็น SAE 20, SAE 30, SAE 40 ก็เหมาะที่จะใช้กับประเทศที่มีอากาศร้อนเป็นส่วนใหญ่

น้ำมันเครื่องเกรดความหนืดรวม เช่น SAE 5W-40, SAE 10W-40, SAE 20W-50 เป็นน้ำมันเครื่องที่ใช้ได้กับทุกสภาพอากาศ เพราะว่ามันสามารถปรับค่าความหนืดให้เหมาะสมได้กับทุกอุณหภูมิ กล่าวคือ เมื่ออุณหภูมิสูงมันก็จะปรับตัวให้หนืดขึ้น และ เมื่ออุณหภูมิต่ำลงมันก็จะปรับตัวให้ใส

ค่า W คืออะไร

น้ำมันเครื่องในเขตเมืองหนาว จะมีการวัดต่างออกไปอีกแบบ คือการวัดความต้านทานการเป็นไข โดยวัดตั้งแต่อุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส ต่ำลงมาจนถึงจุดเยือกแข็งตั่งแต่ 0 องศา จนถึงต่ำกว่า – 30 องศาเซลเซียส โดยมีตัวอักษรระบุไว้เป็นตัวอักษร W หรือ WINTER เช่น
0W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ต่ำกว่า – 30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
5W = สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง – 30 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
10W= สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง – 20 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
15W= สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง – 10 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข
20W= สามารถคงความข้นใสไว้ได้ถึง 0 องศาเซลเซียส โดยไม่เป็นไข

เบอร์น้ำมันเครื่อง (เบอร์ 0 – 60)

...การวัดค่าความหนืดจะวัดกันที่ 100 องศาเซลเซียส ได้เป็นออกมาเป็นค่าความหนืด แทนค่าออกมาเป็นตัวเลขเรียกว่า เบอร์ของน้ำมันเครื่อง (Number) เพื่อให้เป็นมาตรฐานสากลเหมือนกันทั่วโลก ทุกๆสถาบันจึงได้แทนค่าความหนืด ออกมาเป็นตัวเลขในรูปของเบอร์ของน้ำมันเครื่อง เช่น 60, 50, 40, 30, 20, 10 และ 5 ค่าตัวเลขยิ่งมากยิ่งมีความหนืดมาก ตัวเลขน้อยยิ่งมีความหนืดน้อยตามลำดับ

   ค่าความหนืดจะมีส่วนสำคัญหลักในการปกป้องเครื่องยนต์ว่าควรจะเหมาะสมกับสภาพหรือการใช้งานอย่างไรจึงจะเหมาะสมที่สุด
   และมีผลต่อกำลังอัดเครื่องยนต์และความลื่นด้วย
 
   หนืดน้อย = ปกป้องได้น้อย กำลังอัดน้อย  แต่เครื่องยนต์จะลื่นมาก
   หนืดมาก = ปกป้องได้มาก กำลังอัดมาก แต่เครื่องจะไม่ลื่นหรือลื่นน้อย

  การเลือกว่าจะใช้เบอร์ใด ให้ดูจากคู่มือเป็นหลักนะครับ อย่าเชื่อตามที่เซลหรือช่างบอกเด็ดขาด ( ค่ายรถบ้านเราเดี๋ยวนี้มักจะอาศัยน้ำมันเครื่องเป็นตัวสร้างกำไรอีกทางหนึ่ง )
  ส่วนใหญ่แล้ว ค่าความหนืดตามคู่มือจะกำหนด เริ่มต้นตั้งแต่เบอร์ 30 ไล่ไปจนถึง 50 ตามอายุการใช้งานของรถ
  รถใหม่ ๆ ใช้งานไม่หนัก ใช้ตามปกติ ก็ควรเริ่มที่ เบอร์ 30 ซึ่งหากเราดูแลรถดี ๆ แล้ว เบอร์ 30 ก็ใช้ได้ยาวหลายปีเลยครับ
  จะเปลี่ยนเป็นเบอร์สูงขึ้น เมื่อเครื่องยนต์หลวม  แต่ถ้ารถท่านใช้งานหนัก เช่นขับในสภาพการจราจรติดขัดประจำทุกวันขับขึ้นเขาสูง เป็นประจำ หรือจอดมากกว่าขับ ใช้รถน้อยมาก วันนึงอาจจะขับไม่ถึง 10 กิโล รถที่ติดตั้งแก๊ส เครื่องยนต์ควรจะได้รับการปกป้องมากขึ้นอีดนิดก็ควรเลือกเบอร์ 40 ครับ

มาตรฐาน ILSAC - GF

เป็นมาตรฐานที่กำหนดขึ้นจากสถาบัน API เช่นกัน
ปัจจุบันนี้ ที่ทันสมัยที่สุดก็จะเป็น ILSAC - GF 5 ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและช่วยให้น้ำมันเครื่องมีความทนทานมากขึ้น
ป้องกันอุปกรณ์ควบคุมไอเสียที่ติดตั้งในเครื่องยนต์ที่ลดมลพิษ

 






 
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #89 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2015 เวลา 00:49:45 »


อายุการใช้งานของน้ำมันเครื่อง

...น้ำมันเครื่องเมื่อถูกใช้งานจะเริ่มเสื่อมคุณภาพลงเรื่อยๆ เนื่องจากการสะสมของกรด ที่เข้ามาทำลายด่างในน้ำมันเครื่อง การสะสมของน้ำ การปะปนกับฝุ่นผงที่เล็ดลอดมาจากไส้กรองอากาศ คราบเขม่าในการเผาไหม้ และเศษโลหะจากการสึกหรอของเครื่องยนต์ ดังนั้นน้ำมันเครื่องจึงต้องได้รับการเปลี่ยนถ่าย ก่อนที่คุณสมบัติในการหล่อลื่น และคุณสมบัติอื่นจะเสื่อมสภาพ เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดกับเครื่องยนต์ แต่ด้วยคุณสมบัติ และชนิดของน้ำมันเครื่องที่แตกต่างกัน...

น้ำมันเครื่องที่ไม่ได้ใช้มีอายุหรือไม่
น้ำมันเครื่องส่วนมากมีวัตถุดิบ มาจากน้ำมันแร่ที่ได้มาจากธรรมชาติ แม้จะมีสารเพิ่มคุณสมบัติต่างๆ แต่ก็สามารถบูดเสียได้ น้ำมันเครื่องที่บรรจุอยู่ในแกลลอนวางขาย และยังไม่ได้เปิดใช้ จะมีอายุการคงสภาพอยู่ที่ 1- 3 ปี ส่วนน้ำมันเครื่องที่เปิดฝาแล้ว จะมีอายุการใช้งานอยู่หลักเดือน ราว 2 – 6 เดือน ส่วนน้ำมันเครื่องที่เปิดฝา แล้วไม่ได้ปิดฝาจะถือว่าใช้งานไม่ได้

...สังเกตอย่างไรว่าน้ำมันเครื่องที่ใช้อยู่เริ่มหมดสภาพ...
การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกครั้งต้องมีการจดบันทึก วันที่ เดือน ปี และเลขไมล์กิโลเมตร ไว้ด้วยทุกครั้ง เพื่อใช้เป็นการคำนวณกำหนดการเปลี่ยนถ่าย แต่เราเองยังสามารถสังเกตการณ์ทำงานที่เปลี่ยนไปของ ความหล่อลื่นน้ำมันเครื่องที่เริ่มเสื่อมสภาพได้เช่น
...1 เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้น
...2. อัตราเร่งแย่ลง อืดลงอย่างต่อเนื่อง
...3. กินน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น
...4. สีของน้ำมันเครื่องเปลี่ยนไป
...5. น้ำมันเครื่องมีลักษณะข้นขึ้น หรือใสขึ้น

สรุปเทคนิคหรือวิธีเลือกใช้น้ำมันเครื่องนะครับ

- กรณีที่ท่านใช้รถเองเป็นรถบ้าน ถ้าให้คุ้มค่าทั้งในด้านตัวเงินที่ต้องจ่ายไปและรถของท่านมีอายุการใช้งานที่นาน เครื่องยนต์มีสภาพดี
ไม่มีปัญหาจุกจิกของเครื่องยนต์ เกียร์ หรือระบบหล่อเย็น  อีกทั้งเป็นการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น
ควรใช้น้ำมันเครื่องเกรดสังเคราะห์แท้

- กรณีที่เป็นรถใช้ในสำนักงานหรือบริษัทห้างร้าน ที่กำหนดไว้แน่นอนว่า 3 ปี หรือ 5 ปี โล๊ะขายแล้วซื้อใหม่
จะใช้เกรดกึ่งสังเคราะห์ก็ไม่ว่ากันครับ เพราะราคาจะถูกกว่า และคงไม่ได้สนใจดูแลสภาพมากนัก เอาไว้ใช้งานอย่างเดียว

ในที่นี้ผมขอพูดถึงรถที่เราใช้เองแล้วกันนะครับ

1. ให้ท่านดูจากคู่มือก่อนว่า ตามสเปคแล้วคู่มือกำหนดให้ใช้เบอร์อะไรเริ่มต้น 20 หรือ 30
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักจะกำหนดมาตรฐานเอาไว้ที่เบอร์หรือค่าความหนืดที่ 30 และหาก ertiga กำหนดมาที่ 30  แสดงว่าเบอรื 20 จะน้อยเกินไป ส่งผลให้การปกป้องน้อยลงและกำลังอัดน้อยลงไปด้วย
กึ่งสังเคราะห์ที่ติดรถมาจากศูนย์ ผมไม่แนะนำให้ใช้นะครับ ไม่คุ้ม มันไม่ได้ส่งผลในระยะสั้น  เพราะมันจะได้แต่ความลื่นเท่านั้น คนขับจะรู้สึกว่าลื่น เร่งดี แต่ขอบอกว่า การปกป้องมันจะน้อยกว่ามาตรฐานและยิ่งเป็นเกรดกึ่งสังเคราะห์ด้วย ก็ยิ่งไม่น่าใช้ กำลังอัดเครื่องยนต์จะน้อยครับ มันจะรู้สึกว่าเหยียบคันเร่งแล้วพุ่ง แต่จริง ๆ มันพุ่งเพราะเกียร์ออโตเปลี่ยนระดับลงมา ไม่ได้เร่งขึ้นไปเพราะกำลังอัดของเครื่องยนต์  ซึ่งหากเราทดลองขับขึ้นสะพานหรือเขาสูง ๆ จะเห็นอาการได้ชัดว่า จะต้องเหยียบคันเร่งมากขึ้น เพราะกำลังอัดเครื่องยนต์ไม่พอ
 เกียร์ก็จะทำงานอัตโนมัติ เปลี่ยนลงมาเกียร์ต่ำ  ถ้าทางเรียบ อาจจะไม่ค่อยรู้  ผลเสียคือ จะสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นและเกียร์จะต้องทำงานมากขึ้น

2. การเลือกเกรดสังเคราะห์แท้ หรือ สังเคราะห์เทียม
ซึ่งคุณภาพทั้งสองแบบนี้ใกล้เคียงกันมากนะครับ แต่ราคาอาจจะต่างกันพอสมควร
แต่ปัญหาจะอยู่ที่อายุการใช้งานของสังเคราะห์เทียมจะสั้นกว่า ( อาจจะคงสภาพได้ไม่ถึงหมื่นกิโล พอสัก 5 - 6 พันกิโล จะรู้สึกอืดแล้ว
ซึ่งก็แล้วแต่ยี่ห้อด้วยนะครับ  )

วิธีเลือก น้ำมันเครื่องแต่ละยี่ห้อ ก็อาจจะมีหลายรุ่นนะครับ แต่ละรุ่นคุณภาพอาจจะไม่เหมือนกัน ราคาไม่เท่ากัน
 รายละเอียดข้างแกลลอน เราจึงต้องใส่ใจที่จะดูด้วยครับ มีข้อสังเกตุได้ดังนี้ครับ

- ให้ดูมาตรฐาน  API ว่าเขียนไว้หรือไม่ แล้วดูโคดต่อว่า SM หรือ SN
ที่ควรใช้ตอนนี้มีอยู่สองโคดคือ API SM และ  API SN เท่านั้น ถ้าไปเจอ  APISL SJ วางเลยครับ อย่าหยิบมาใช้
หรือถ้าไม่มีมาตรฐาน API แต่มี SM SN ก็วางนะครับ หรือบางยี่ห้อ เต็มยศมาตรฐาน APISN ILSAC GF 5 เป็นต้น
แต่เท่านี้ยังไม่ได้บอกนะครับว่าเกรดอะไร มันเป็นแค่โคดมาตรฐานที่ได้รับการรับรองเท่านั้น ต้องดูต่อ...

- ปัจจุบันนี้ คำว่า FULLY หรือ FULL ก็ยังไม่พอนะครับ ต้องมาดูต่อว่า ตัววัตถุดิบพื้นฐานผลิตมาจากอะไร
  ถ้าเป็นสังเคราะห์แท้ ๆ จริง ๆ แล้ว จะมีรายละเอียดข้างแกลลอนสังเกตุง่าย ๆ ว่าจะมีคำว่า PAO หรือ Polyalphaolefin
  ระบุอยู่ เช่น PAO 100% หรือ PAO BASE STOCK เสมอ ซึ่งผู้ผลิตเค้าจะบอกครับ ถ้าไม่บอกเค้าก็จะเสียโอกาสทางธุรกิจได้
  เพราะราคามันก็จะแพงกว่าเกรดอื่น ถ้าไม่ระบุไว้ผู้บริโภคก็อาจจะไม่มั่นใจที่จะซื้อ
     แต่หากมีคำว่า BASE OIL ซึ่งอาจจะระบุว่า BASE OIL 3 ก็ให้เข้าใจว่า มันไม่ได้ผลิตมาจาก PAO แต่นำเอาปิโตรเลี่ยมเกรดสูง
ซึ่งอยู่ใน base oil group 3 มาผลิต แต่เค้าก็อาจจะใช้คำว่า FULLY SYNTHETIC ได้ เพราะคุณภาพมันก้ใกล้เคียงกัน แต่ก็ยังไม่สูงเท่า
PAO ในด้านของการคงสภาพอยู่ได้นานกว่า ราคาก็อาจจะถูกลงมานิดหน่อย เป็นทางเลือกให้ผู้บริโภคเลือกเอาครับ

   หรือนอกจากนี้ก็อาจจะมีอีกประเภทคือ HYDRO CRACK ซึ่งมาจากปิโตรเลี่ยมเช่นกัน แต่ใช้วิธีจัดเรียงโมเลกุลให้มีขนาดเท่า ๆ กัน
และใช้คำว่า FULLY SYNTHETIC ราคาก็อาจจะสูงกว่าชนิด BASE OIL 3 คุณภาพก็ดีกว่าครับ ก็เป็นอีกทางเลือกให้เราได้เลือกใช้กันนะครับ บางยี่ห้อเค้าก็ผลิตมาหลาย ๆ รุ่น ให้ผู้บริโภคได้เบือกตามความพอใจนะครับ เราก็เลือกสิ่งที่เราพอใจมากที่สุด

    ความคุ้มค่าของสังเคราะห์แท้และSynthetic Tecnology คือ อายุการใช้งานที่นานกว่า เคยมีการทดสอบที่ 15000-20000 กิโล ผลทดสอบ คือ คุณภาพยังคงใช้การได้ดีอยู่   สภาพความหนืดยังเป็นปรกติ ปฏิกิริยา Oxydation ไม่มี สารฟอสฟอรัส ต่ำมาก(0.018 PPM) คาร์บอนต่ำ


แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #90 เมื่อ: วันอาทิตย์ที่ 19 เมษายน 2015 เวลา 01:17:42 »


ในส่วนของน้ำมันเครื่อง Liqui Moly ที่นำเข้ามาจัดจำหน่ายในเมืองไทยจะแบ่งเป็น 2 กลุ่มหลักๆครับ ตามSpecราคาและกรรมวิธีการผลิต ดังนี้

1.ชั้น HYDRO CRACK ซึ่งผลิตมาจากปิโตรเลี่ยมGroup3เช่นกัน แต่ใช้วิธีจัดเรียงโมเลกุลให้มีขนาดเท่าๆกันและใช้คำว่า FULLY SYNTHETIC หรือ SYNTHETIC-Technology ราคาก็อาจจะสูงกว่าชนิด BASE OIL Group 3 แต่ให้คุณภาพในการละลายตัวกับสาร Additive ได้ดีกว่ามากเช่นกัน คุณภาพจึงสามารถเทียบชั้น Group4ได้ ซึ่ง Base แบบนี้ต้นทุนค่อนข้างสูงและผลิตได้ในต่างประเทศเท่านั้นซึ่งทาง Liqui moly เยอรมันนีเป็นผู้ผลิตและถือครองเทคโนโลยีตัวนี้เป็นของตนเอง

2.Group 4 - น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Full Synthetic) PAO 100 % ผลิตมาจากสารสังเคราะห์ล้วนๆ โดยไม่มี Base Oil เจือปนรวมทั้งน้ำมันพื้นฐานก็ยังเป็นเกรด Synthetic Base Oil ส่วนใหญ่จะเป็นพวก PAO หรือ Polyalphaolefin ผลิตขึ้นมาจากสารสังเคราะห์แท้ๆ 100 % ให้การหล่อลื่นและปกป้องได้ดียิ่งกว่า เหนือกว่าน้ำมันเครื่องเกือบจะทุกยี่ห้อ ที่มีขายในขณะนี้  ซึ่งเหมาะสมสำหรับยานยนต์และผู้ใช้รถที่ต้องการน้ำมันเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะให้การปกป้อง+ความลื่นและอายุการใช้งานสูง

กว่า 50 ปีที่ก่อตั้งบริษัทรวมทั้งได้รับการการันตีเป็น Best Brand No.1 in Germany กว่า 5 ปี ซ้อน ตั้งแต่ปี 2009 -2015 นอกจากจะผลิตและทำแบรนด์ยี่ห้อเป็นของตนเองทาง Liqui Moly เยอรมันนี ยังเป็นผู้ผลิตและขาย additive สำหรับผลิตน้ำมันเครื่องเป็น Package พร้อมผลการทดสอบกับเครื่องยนต์ ให้กับ บ.น้ำมันเครื่องต่างๆอีกด้วย เพราะ บ.ที่ทำน้ำมันเครื่องและมีสาร Additive แยกขาย เป็นยี่ห้อของตนเอง มีไม่กี่แห่งบนโลก ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่คนที่ได้ทดลองใช้น้ำมันเครื่องและสารเพิ่มประสิทธิภาพจากทาง Liqui moly จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าดีจนรู้สึกได้และคุ้มค่ากับราคาที่ควรจ่ายไปในการรักษาเครื่องยนต์ให้คงประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างดีเยี่ยม !  


Website อย่างเป็นทางการของ Liqui Moly พบกับสินค้ามากกว่า 4000 รายการและรายละเอียดทางเทคนิคต่างๆได้ในเพจ
http://www.liqui-moly.com/liquimoly/web.nsf/id/pa_eng_home.html

สนใจข้อมูลของสินค้าที่นำเข้ามาในไทยคลิ๊กเลยที่Page
https://www.facebook.com/pages/Custom-Motor-Oil/1549370355351225



* Liqui-moly-Best-No1.jpg (116.21 KB, 1024x478 - ดู 537 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
aszaultz
สิงห์ประถม
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 58


« ตอบ #91 เมื่อ: วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม 2015 เวลา 13:19:55 »


•สารเคลือบเครื่องยนต์ Cera Tec ใช้กับเบนซิน ตัวเดียวพอไหมครับ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Horn
สิงห์ตัวจริง
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 630


« ตอบ #92 เมื่อ: วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม 2015 เวลา 15:21:51 »


ช่วงนี้มีโปรอะไรบ้างครับ

ใกล้ได้เวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอีกแล้ว
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #93 เมื่อ: วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม 2015 เวลา 17:37:32 »


•สารเคลือบเครื่องยนต์ Cera Tec ใช้กับเบนซิน ตัวเดียวพอไหมครับ
ขวดเดียวเอาอยู่ครับ ลดความร้อนและช่วยยืดอายุเครื่องยนต์ในระยะเวลา 5 หมื่นกิโลเมตร แม้เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องต่อเนื่อง เหมาะกับรถบ้านใช้แก็สและรถแข่งรอบจัดครับ สามารถป้องกันชาร์ปละลายเฉียบพลันในกรณีน้ำมันเครื่องรั่วได้ทันที
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #94 เมื่อ: วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม 2015 เวลา 17:42:03 »


ช่วงนี้มีโปรอะไรบ้างครับ

ใกล้ได้เวลาเปลี่ยนน้ำมันเครื่องอีกแล้ว
โปรหมดแล้วครับ แต่เด่วคงต้องจัดอีกตามเคย แต่ถ้าสั่งเยอะๆส่ง พัสดุ หรือส่ง ตจว ฟรีค่าขนส่งครับ ..
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
Custom-Man
สิงห์มืออาชีพ
******
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 539


« ตอบ #95 เมื่อ: วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม 2015 เวลา 04:30:49 »


ตามคำเรียกร้องครับ หลายๆท่านอยากให้ทำโปรจะได้เป็นเจ้าของสินค้าดีๆเกรดพรีเมี่ยมที่หาซื้อยากได้ง่ายขึ้น รอบนี้พิเศษสำหรับชาวสิงห์ทั้งขาประจำและขาใหม่รวมถึงขาจร Liqui Moly Thailand เรากลับมาจัดโปรอีกครั้งสำหรับคนรักรถกับน้ำมันเครื่องและสารเพิ่มประสิทธิภาพตัว TOP อันดับที่ 1 จากเยอรมันนี ยี่ห้อแรกและยี่ห้อเดียวในเยอรมันนี จากการจัดอันดับของนิตรสารยานยนต์ชั้นนำอย่าง Auto Bild และผลสำรวจโพลจากชาวเยอรมันนี ที่เรานำเสนอดังนี้

-พรีออเดอร์ Ceretec Additive รับจำนวนขั้นต่ำ 10 ขวด เท่านั้นครับจึงจะปิดบัญชีได้ ลดราคาจากปกติ 1950 บาท เหลือ 1600 บาท

**คุณสมบัติ เป็นการสกัดเอาเซรามิคที่ขึ้นชื่อในการทนความร้อนสูงมาทำให้เป็นอนุภาคเล็กระดับโมเลกุลและนำมาผสมสาร Additive เกรดชนิดพิเศษ โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงจากเยอรมันนี ช่วยลดความร้อนในเครื่องยนต์ลดแรงเสียดทานในกระบอกสูบได้เพิ่มขึ้นอีก 75% ยืดอายุการใช้งานน้ำมันเครื่องธรรมดาที่เป็นกึ่งสังเคราะห์ให้ใช้งานถึง 1 หมื่นกิโลเมตร/ครั้ง สามารถป้องกันชาร์ปละลายเฉียบพลันในกรณีน้ำมันเครื่องรั่วได้ทันทีที่เติม เหมาะสำหรับรถติดแก็ส รถที่ต้องการการปกป้องขั้นสูงและรถแข่งรอบจัดทั้งในและนอกสนาม คงสภาพการใช้งานนานถึง 50000 กม ในการเติมเพียงครั้งเดียวในสภาพอากาศร้อนแบบเมืองไทย

-พรีออเดอร์น้ำมันเครื่อง Lalchtlauf high-tech /5W-40 แกลลอน 5 ลิตร ลดราคาจากปกติ 2200 บาท เหลือเพียง 1900 บาท รับจำนวนขั้นต่ำ 5แกลลอน เท่านั้นครับจึงจะปิดบัญชีได้

**น้ำมันเครื่องสำหรับรถที่ต้องใช้ความหนืดระดับเบอร์ 40 ทั่วไป ผลิตจากเทคโนโลยี HydroCrack โดยการจัดเรียงโมเลกุลน้ำมัน Base3 ให้มีคุณสมบัติเทียบเท่า PAO หรือ Base 4 + Special Additive ขั้นสูงสุดของ Liqui moly Germany ที่มีโรงงานผลิต Additive และห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์เป็นของตนเอง จึงรับประกันได้ว่าทุกหยดของน้ำมันชนิดนี้ให้ผลลัพธ์ในการขับขี่ที่น่าพอใจทันทีที่เติม ลื่นและแรง สามารถรู้สึกได้ทันทีที่ใช้งาน สามารถใช้งานกับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ทุกชนิดรวมทั้ง NGV/LPG ให้ระยะการใช้งานยาวนานถึง 40000 กม ในสภาพอากาศเมืองหนาวและ 15000-20000 กม ในสภาพอากาศแบบเมืองไทย ซึ่งต่างจากน้ำมันเครื่องทั่วไปที่โฆษณาว่าเป็น Fully Synthetic แต่ผสม PAO ลงไปแค่ไม่กี่% นอกนั้นเป็น Base น้ำมันแร่ธรรมดาและ Additive ราคาถูก และให้ผลลัพท์ที่ดีเยี่ยมในทุกกรณีทั้งรถเบนซินและดีเซล

-พรีออเดอร์น้ำมันเครื่อง Top-Tec 4605 /5w-30 แกลลอน 5 ลิตร ลดราคาจากปกติ 2200 บาท เหลือเพียง 1900 บาท  รับจำนวนขั้นต่ำ 5แกลลอน เท่านั้นครับจึงจะปิดบัญชีได้

น้ำมันเครื่องสำหรับรถที่ต้องใช้ความหนืดระดับเบอร์ 30 ทั่วไป ผลิตจากเทคโนโลยี HydroCrack โดยการจัดเรียงโมเลกุลน้ำมัน Base3 ให้มีคุณสมบัติเทียบเท่า PAO หรือ Base 4 + Special Additive ขั้นสูงสุดของ Liqui moly Germany ที่มีโรงงานผลิต Additive และห้องทดลองทางวิทยาศาสตร์เป็นของตนเอง จึงรับประกันได้ว่าทุกหยดของน้ำมันชนิดนี้ให้ผลลัพธ์ในการขับขี่ที่น่าพอใจทันทีที่เติม ลื่นและแรง สามารถรู้สึกได้ทันทีที่ใช้งาน สามารถใช้งานกับน้ำมันเชื้อเพลิงได้ทุกชนิดรวมทั้ง NGV/LPG ให้ระยะการใช้งานยาวนานถึง 40000 กม ในสภาพอากาศเมืองหนาวและ 15000-20000 กม ในสภาพอากาศแบบเมืองไทย ซึ่งต่างจากน้ำมันเครื่องทั่วไปที่โฆษณาว่าเป็น Fully Synthetic แต่ผสม PAO ลงไปแค่ไม่กี่% นอกนั้นเป็น Base น้ำมันแร่ธรรมดาและ Additive ราคาถูก สามารถใช้กับรถยุโรปพรีเมียมดีเซลรวมทั้งกะบะ Commonrail รุ่นใหม่ๆ รวมถึง TOYOTA VIGO REVO ได้และให้ผลลัพท์ที่ดีเยี่ยมในทุกกรณีทั้งรถเบนซินและดีเซล

**ค่าจัดส่งพัสดุ 150 บาท ทุกรายการ** . .

**สนใจสั่งซื้อลงชื่อจองไว้ครับ เมื่อยอดครบและโอนเงินเรียบร้อยสามารถรอรับสินค้าได้ทันทีครับ**

**สนใจสอบถามข้อมูลทางเทคนิคและสนใจสั่งซื้อสินค้าติดต่อ ฟงอวิ๋น Tel. 0867540033 **


* Liqui-moly-Promotion-2015.jpg (112.82 KB, 1024x478 - ดู 407 ครั้ง.)
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล   บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5 ขึ้นบน พิมพ์ 
« หน้าที่แล้ว ต่อไป »
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.20 | SMF © 2006-2008, Simple Machines | Thai language by ThaiSMF | Sitemap Valid XHTML 1.0! Valid CSS!