Vlovepeugeot ชมรมคนรักเปอโยต์ (เปอร์โยต์) ประเทศไทย  20X

Pages: 1, 2, 3

รูมิกส์ เล็กไปครับ เลยดูดแก๊สเข้ามากมาย เลยกินขนาดนี้ ต้องขยายออกครับลองสัก 22-25 จะเป็นเท่าไรนั้นต้องลองดูครับ ขึ้นกับจุดที่จ่ายแก๊สด้วย มองหาในรูปไม่เจอ

---

   อาจารย์ผมสุดยอดที่สุดครับ....      

---

พี่ครับ 32มิล ครับ  
16 ผมว่าพี่ทำผิดอะไรบางอย่างแล้วครับ
มิ๊กเป็นแบบแบนๆ อยู่หน้าแอร์โฟร์รึเปล่าครับ

---

จริงแลวเราไม่ต้องใช้หัวมิกซ์ใดๆครับระบบดูด ที่กินแก็สเยอะ เพราะ แรงดูดของเวนจูรีมีมาก เลยกินแก็สที่รอบสูงจูนยังไงก็ไม่หายครับ ที่ถูกต้องมีแก็ส2วงจรครับ คือวงจรรอนต่ำและรอบสูง ที่วงจรรอบต่ำ เราเอาท่อส่งแก็สไว้ที่หลังปีกผีเสื้อ ทำให้มีแรงกิน แก็สเองในรอบต่ำ ใช้นมหนูรถอะไรก็ใด้ เบอร์200 ก่อนเข้าหลังลิ้น วงจรรอบสูงใช้3ทางแยกมาจากวงจรรอบต่ำ แล้วใส่เช็ควาล์วลมกันย้อน แล้วใส่สกรูจูนแก็สแล้วส่งตรงแข้าหน้าลิ้นไม่ต้องมีนมหนูใดๆ การทำงานคือ ในรอบต่ำแรงดูดที่ใต้ลิ้นจะผันผวนเพราะมีลิ้นปีกผีเสื้อปิดท่อไอดีอยู่ แรงดูดหลังลิ้น จะถูกควบคุมด้วยนมหนูเบอร์200 เพื่อดึงแก็สออกจากหม้อต้ม เมื่อเร่งเครื่อง แรงดูดหลังลิ้นจะน้อยลง เรื่อยๆ จนเทียบแรงดันบรรยากาศ แรงหน้าลิ้นจะมีมากกว่า เพราะไม่ถูกคุมด้วยนมหนู วงจรนี้จะทำงานเสริมกลับวงจรแรก จะเห็นว่าเราไม่มีตัวมิกมาบังเพื่อให้มีแรงดูดแก็สอีกแล้ว เครื่อง จะวิ่งปรกติความเร็วสูงสุดเท่าเดิมด้วย ครับ .

---

 

---

อืม......พี่ก็ลืมนึกไปเลยว่าปุ้ยก็ใช้DFZอยู่นี่หว่าสรุปว่าติดผิดครับพี่น้องมันต้องติดก่อนแอร์โฟร์ครับเดี๋ยวแก้ใหม่แต่ตอนนี้เจอปัญหาใหม่ไดร์สตาร์ทพังโอ๊ยอะไรกันว่ะเนี๊ย

---

แบบนี้ครับพี่
ไอ้สีฟ้าๆนั้นท่อแอโซล่อน มิ๊กอันนี้เอามาจากคันเดิม 35 มิล แต่พอมาใส่ 205 ไม่ไหว ต้องลดเหลือ 32

---

ตามรูป นั่นล่ะครับมันจะดีแค่ช่วงรอบเครื่องเดียว พอรอบสูงๆจะกินแก็สเยอะ ความร้อนสูง(ผสมหนา) ขี้แก็สในห้องเผาไหม้เยอะ วาล์ว แล้วก็พัง แต่จริงระบบดูดทำให้ดีใด้ ตามที่ผมเขียนไปแล้ว หลักการเหมือนน้ำมัน คือระบบคาร์บู กับหัวฉีด ไปหยิบคาบู มาดูครับ จะมีสองวงจรครับคือรอบต่ำ(ก่อนลิ้น)และรอบสูงหลังลิ้น(รอบสูง) หัวมิกเซอร์แท้ที่จริง คือระบบกาลักน้ำ เพื่อให้มีแรงดึงแก็สจากหม้อต้ม เล็กไปก็กินแก็สใหญ่ไป ก็สะดุดรอบต่ำ พอดีๆ ปลายก็วิ่งไม่ออก(หนา) ลองพิจารณาเอานะครับ 

---

ขอบคุณครับที่ชี้แนะจะไปศึกษาดูครับ

---

ผลครับ    เป็นรูปธรรม
http://www.uppicweb.com/show.php?id=0b07ec0b278598b09a27ee7fd3d3dab0

อยากเห็นภาพประกอบและผมการวิ่งแบบที่คุณ edd ว่าครับ
แต่เดี๋ยวจะลองเอาไปทำดูครับ


....ความร้อนสูง(ส่วนผสมหนา)      ......ผิดนะครับ หนาจะเย็น บางจะร้อน วาล์วไอเสียจะแตกก่อน คันของผมถ้าเป็นแบบที่ว่า น่าจะพังไปแล้ว เพราะคันนี้วิ่งเล่นอย่างเดียว แช่รอบสูงตลอด เชียงใหม่-แพร่ 200 กิโลในเขา วิ่ง 1ชมห้าสิบนาที
ตัวเมืองแพร่-ตัวเมืองน่าน 1ชั่วโมงในเขา
นครสวรรค์-แพร่ 2 ชั่วโมง15นาที สรุป ถ้าไม่วิ่ง160อัพ ทำเวลาไม่ได้แบบนี้ครับ แปลว่าแช่ตลอด 2ชั่วโมง

---

ถ้าน้ำมันไม่เถียงครับ ลองพิจารณาระบบสมบูรณ์ดูใด้ครับ ที่14.7ต่อ1 เป็นอุดมคติ ครับ แต่เวลาเร่งแซงหรือต้องการใช้พลังงานมาก จะแปรผันอยู่ประมาณ 8-10ต่อ1ในระบบน้ำมัน มันไม่อุดมคติครับแต่ให้พลังมากกว่า และยิ่งเป็นแก็สก็ลองพิจารณาดู อ้อลืมไปนิดครับ แก็สไม่มีระบบไหลกลับถังเหมือนระบบน้ำมันครับ เมื่อถูกเรียกใช้ก็ต้องใช้ให้หมด ในคราวนั้น ไม่หมุนเวียนครับ ฉะนั้น จึงต้องหมั่นจูน และดูแลเรื่องขี้แก็สด้วยครับผม.

---

แปลว่า ถ้าใช้เชื้อเพลิงน้ำมัน ส่วนผสมบาง เครื่องร้อน  ถ้าใช้เชื้อเพลิง lpg ส่วนผสมหนา เครื่องถึงจะร้อนใช่ไหมครับ

---

ลองต้มน้ำดูที่บ้านดูได้ครับ ขอกาแฟถ้วยนึงด้วยนะครับ ถ้าอยากเดือดเร็วๆก็เร่งแก็สอีกสักนึด ครับ

---

ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่จะดีกว่าครับ

---

พอรอบสูงๆจะกินแก็สเยอะ ความร้อนสูง(ผสมหนา) ภาษาอังสะกิด เขาเรียก เลิน กัับ ริส  ทั้งเลินและริส มันก็ไม่ดีทั้ง2แบบนะครับ ริสในที่นี้คือผสมหนา ให้พลังงานเยอะ(ในคาบเวลานั้น) พลังงานเยอะ มันก็ร้อนเร็วขึ้น ก็แค่นั้น  ส่วนประโยคที่ว่า ถ้าใช้เชื้อเพลิงน้ำมัน ส่วนผสมบาง เครื่องร้อน  ถ้าใช้เชื้อเพลิง lpg ส่วนผสมหนา เครื่องถึงจะร้อนใช่ไหมครับ คือหยังงี้นะ นำ้มันเชื้อเพลิง เรานำมันมาใช้ตอนเป็นของเหลว จะทำให้ฟุ้งกระจายยังไงมันก็เป็นของเหลว และหมุนเวียนในระบบ เป็นการระบายความร้อนในตัวมันเองไปในตัว เวลาเชื้อเพลิงไปกระทบชิ้นส่วนใดๆเข้า ตอนที่หัวเทียนยังไม่ส่งประกายไฟ ออกมา มันก็เป็นการลดภาระความร้อนของชิ้นส่วนนั้นๆไปใน ตัว ส่วนแก็ส ถูกต้มมาแล้วตั้งกะอยู่ในหม้อต้ม เวลากระทบชิ้นส่วนใดๆ มันนำความร้อนออกไปใด้น้อยกว่าน้ำมัน นะ ครับผม พิมพืไม่ค่อยเก่ง เลยช้าไปนิด

---

การนำความร้อนออก ด้วยเหตุว่าเป็นของเหลวหรือก๊าซ น้อยมากจนไม่มีนัย นะครับ จับดูที่อุณหภูมิไอเสียดูก็ได้
และที่ถูกต้อง ชัดเจนนะครับ ไม่ว่าจะเชื้อเพลิงอะไร  จ่ายบางไอเสียร้อน แน่นอน

วาล์วไอเสีย บิ่น แตก  นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่า การนำความร้อนของแก๊สแย่กว่าจนมีนัย ไม่จริง ถ้าจริง วาล์วไอดีต้องไปก่อน การที่วาล์วไอเสียแต่เพราะ ได้รับความร้อนจากส่วนผสมบาง ไม่ใช่จาก ตัวแก๊สที่ถูกต้มมา

---

จากนั้นพอหัวเทียนส่งประกายไฟออกมา เกิดการเผาไหม้ และ เปลี่ยนเป็นพลังงานกลและความร้อน ความร้อนที่หัวลูกสูบ และฝาสูบ และส่งต่อมายังเสื้อสูบและชิ้นส่วนต่างๆ ดังนั้นฝาสูบจึงต้องใช้วัสดุที่นำพาความร้อนออกไปใด้มากๆ พอสิ้นสุดศูนย์ตายล่าง และพาไอเสียออกไปแล้วพลวัตใหม่ที่เริ่มขึ้น ดั่งทีกล่าวไปแล้วตามข้างบน จึงเหมือนเป็นการลดความร้อนสะสม ออกจากเครื่องยนต์ทางนึง การระบายความร้อนของเครื่องยนต์เป็นระบบปิด ดังนั้นของเหลวที่ใช้นำพาความร้อนออกจากเครื่องยนต์ จึงถูกใช้ซ้ำไปซ้ำมา สมมุติว่า วิศวะกรเผื่อค่าความปลอดภัยไว้20เปอเซนต์ (safty factor) เมื่อเปลี่ยนมาใช้แก็สจึงไม่ค่อยมีปัญหา แต่ ส่วนมากรถเมื่อผ่านการใช้งานมาระดับนึงแล้ว ไอ้ทีเผื่อๆไว้ก็ลดน้อยถอยลงมา จากหลายเหตุเมื่อ +กับสิ่งที่อธิบายไปเกี่ยวกับเรื่องผสมหนา จึงพรรณา มาเพื่อพิจารณากันครับ

---

อยากให้ไปอ่านไทยไดร์เวอร์   คอลัม อ.ศิริบูรณ์ ก่อนนะครับ ให้ครบทุกเล่ม เรื่องเชื้อเพลิง องศาการจุดระเบิด การลามไฟ แล้วค่อยมาถกกัน

---

ขอยกประโยคตัวเองนิดนึงครับ           พอสิ้นสุดศูนย์ตายล่าง และพาไอเสียออกไปแล้วพลวัตใหม่ที่เริ่มขึ้น ดั่งทีกล่าวไปแล้วตามข้างบน จึงเหมือนเป็นการลดความร้อนสะสม ออกจากเครื่องยนต์ทางนึง   คือการพาไอเสียผ่านวาล์วไอเสียออกไป ยังไงวาล์วไอเสียก็ต้องมีภาระที่หนักกว่า เสริมอีกนิดย้อนอดีต เมื่อตอน เรายกเลิกตะกั่วเป็นตัวเคลือบบ่าวาล์ว กว่าจะมีสารเคมีที่ลงตัวเพื่อมาใช้ทดแทน ใด้รถยนต์หลายค่ายก็พัฒนารถตัวเองให้ ทนกับการเลิกใช้สารตะกั่ว ก่อนบริษัทน้ำมันเสียอีก แต่แก็สก็คือแก็ส ไอ้สารคงเคลือบบ่าวาล์ว คงไม่มีแน่แท้ เมื่อใช้งานแก็สไปนานวัน เขาถึงบอกว่าให้สลับน้ำมันวิ่งบ้างไง ครับ.

---

น้อมรับครับคุณ9pui แต่คงไม่รู้จะหาหนังสือดังว่าใด้ทีไหน ครับ แต่ผมว่าสิ่งที่ผมพิมพ์ไปมิใด้คิดจะทำให้ผู้หนึ่งผู้ใดเสียหายนะครับ ตรงไหนที่เอาไปใช้ประโยชน์ใด้ก็นำไปลองใช้ดู ไม่เห็นจะต้องกระทบกระเทียบเปรียบเทียบผมกับใครเลยนี่ครับ ไม่เข้าใจเหมือนกัน

---

SMF Archive Funded by SMF For Free Free Forum Hosting
SMF Hacks