Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: 40 ha
วันอังคารที่ 11 มกราคม 2011 เวลา 10:36:45
จากที่ผมใช้เจ้าต้วนี้มา ผมว่าติดคาไว้เลย ไม่ต้องเปิดปิดก็ได้ครับ
Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: toprasert
วันอังคารที่ 11 มกราคม 2011 เวลา 11:01:45
จากที่ผมใช้เจ้าต้วนี้มา ผมว่าติดคาไว้เลย ไม่ต้องเปิดปิดก็ได้ครับ
มองได้ 2 มุมครับ
เห็นด้วย เพราะการเปิดไว้ตลอดแม้จอดรถยนต์ไว้เฉยๆ ก็เท่ากับให้เครื่องทำหน้าที่สลายผลึกเกลือไปด้วย พร้อมกันโดยเฉพาะสภาพนิ่งๆ(จอดรถ) เป็นสภาวะที่เหมาะสมที่สารละลายเกลือจะก่อตัวเป็นผลึก
ไม่เห็นด้วย เพราะการเปิดไว้ตลอด เท่ากับเป็นการคายประจุแบตออกมาเรื่อยๆก็เป็นการทำให้เกิดปฏิกริยารวมตัวของแผ่นธาตุตะกั่วกับกรดซัลฟูริก จึงเป็นการเพิ่มความเข้มข้นของสารละลายเกลือตะกั่วซัลเฟตให้ข้นขึ้นจึงเกิดผลึกง่ายขี้น จะยิ่งมีผลมากหากจอดรถเป็นเวลานานๆ
(การจอดรถไว้นานๆเป็นอาทิตย์ จึงได้มีคำแนะนำให้ถอดสายไฟขั้วแบตออกและให้นำแบตนั้นไปประจุไฟก่อนให้เต็มก่อนนำไปใช้ครับ)
ไม่เห็นด้วยก็ตรงที่ไปลดอายุของอุปกรณ์ในวงจรชุดแผงสลายผลึกเกลือครับ
Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: 40 ha
วันอังคารที่ 11 มกราคม 2011 เวลา 13:38:20
จากที่ผมใช้เจ้าต้วนี้มา ผมว่าติดคาไว้เลย ไม่ต้องเปิดปิดก็ได้ครับ
หมายถึงขับปรกติทุกวันน่ะครับ
แต่ไม่ทราบเหมือนกันว่าเจ้าตัวนี้มันกินไฟแค่ไหน
Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: Schap
วันอังคารที่ 11 มกราคม 2011 เวลา 13:48:33
บริการติดตั้งด้วยหรือเปล่าครับจะติดต่อไป
Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: toprasert
วันอังคารที่ 11 มกราคม 2011 เวลา 13:51:05
เคยทดสอบเปิดคาไว้กะแบตชาร์ท 70 แอมป์ เต็มๆ100% ทิ้งไว้ 2 อาทิตย์ เหลือ Battery condition 60% ก็คิดว่ากินกระแสไฟฟ้าราวๆ 0.125 แอมป์/ชม ดังนั้นหากจอดเกิน 1 เดือนคาไว้ แม้จะไม่ใช้พ่วงกะรถ(ที่คุมนาฬิกา หรือ กันขโมย) ไฟจะไม่พอแน่ๆ
Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: toprasert
วันอังคารที่ 11 มกราคม 2011 เวลา 13:58:19
บริการติดตั้งด้วยหรือเปล่าครับจะติดต่อไป
หากใกล้ๆก็ติดให้ได้
ที่จริงติดตั้งเองก็ไม่ยาก สายแดงต่อเข้าขั้วบวกแบต สายดำก็ต่อขั้วลบ ใช้ประแจเบอร์ 10 อันเดียว ตามรูป

Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: P205
วันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2011 เวลา 11:46:50

:ยินดี อุอุอุ:สวัสดีครับคุณโต ตั้งแต่ที่ผมได้ติดอุปกรณ์ยืดอายุแบตฯ มาติดและได้อ่านกระทู้ ว่ามันกินกระไฟเล็กน้อย ผมจึงเปิดเครื่องไว้ตลอด ก่อนที่ผมจะเปิดเครื่องนั้น ผมได้ใช้มิเตอร์แบบเก่าวัดโวลท์ไว้ ได้ 12 โวลท์กว่านิดๆๆๆ ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.- 14 วันนี้ โวลท์ยังอยู่เท่าเดิม เพราะตอนนี้ผมไม่ได้ใช้รถจอดอยู่เฉยๆๆๆ และจะพยายามทดสอบต่อไป ว่าจะมีผลกับโวลท์ของแบตฯหรือเปล่า จึงแจ้งให้ทราบครับ

สวัสดีมีชัย ขอให้ท่านและครอบครัว จงมีแต่ความสุข สดชื่น สมหวัง ทุกประการ ร่ำรวยๆๆๆ

Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: toprasert
วันศุกร์ที่ 14 มกราคม 2011 เวลา 12:18:02
สวัสดีครับคุณโต ตั้งแต่ที่ผมได้ติดอุปกรณ์ยืดอายุแบตฯ มาติดและได้อ่านกระทู้ ว่ามันกินกระไฟเล็กน้อย ผมจึงเปิดเครื่องไว้ตลอด ก่อนที่ผมจะเปิดเครื่องนั้น ผมได้ใช้มิเตอร์แบบเก่าวัดโวลท์ไว้ ได้ 12 โวลท์กว่านิดๆๆๆ ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.- 14 วันนี้ โวลท์ยังอยู่เท่าเดิม เพราะตอนนี้ผมไม่ได้ใช้รถจอดอยู่เฉยๆๆๆ และจะพยายามทดสอบต่อไป ว่าจะมีผลกับโวลท์ของแบตฯหรือเปล่า จึงแจ้งให้ทราบครับ
โวลต์ของแบตเตอรีสภาพดี-สมบูรณ์ กรณีประจุไฟจนเต็ม และปลอดการชาร์ทหรือ จอดรถดับเครื่องเกิน 1 ชม จะมีค่าความต่างศักย์ที่ประมาณ 12.75 โวลต์ กรดมีถพใกล้ๆ 1.25 ครับ
แนวโน้มหากมีค่าถพสูงขึ้น ขณะที่ระดับน้ำกลั่นคงเดิม แสดงถึงการสลายผลึกเกลือซัลเฟตได้ผล ครับ
แต่หากสภาพ ถพ ของกรดลดต่ำลงจนต่ำกว่า 1.10 ล่ะก็ คงใกล้หมดสภาพแบตแล้วครับ
การวัดโวลต์ก็จะมีแรงเคลื่อนลดลงเรื่อยๆ อาจจะไปใกล้ 10 โวลต์
Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: toprasert
วันพุธที่ 02 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 10:34:35
ตอนสำคัญแล้วครับ หากตอนนี้เข้าใจกันแล้วถัดไปก็จะ DIY กันแล้ว.........เชิญตักตวง
การเกิดซัลเฟชั่น (Sulfation) หรือการเกิดเกลือซัลเฟตในแบตเตอรีการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่ส่วนมาก มีสาเหตุมาจากการเกิดซัลเฟชั่น Sulfation
เมื่อใช้งานแบตเตอรี่ไปได้ระยะหนึ่ง
ปริมาณตะกั่วซัลเฟตจะสะสมที่แผ่นธาตุมากขึ้น
ซึ่งตะกั่วซัลเฟตนี้มีลักษณะที่เป็นฉนวน จะเกิดสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ
และเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ?Sulfation? กล่าวคือ
ตะกั่วซัลเฟตบนแผ่นธาตุจะรวมตัวกันเป็นผลึกที่มีขนาดใหญ่
โดยทั่วไปจะเรียกผลึกของตะกั่วซัลเฟตนี้ว่า ?Hard sulfate?
ซึ่ง Hard sulfate นี้อาจจะไม่สามารถเปลี่ยนกลับไปเป็นตะกั่วและกรดซัลฟูริกได้อีก
ทำให้แบตเตอรี่มีความจุ (แอมแปร์-ชั่วโมง) ลดลง และจ่ายกระแสได้ปริมาณ (แอมแปร์) ลดลง
คราวนี้มาดูรูปครับ

รูปผลึกตะกั่วซัลเฟต

รูปข้างบนคือตะกั่วซัลเฟตก่อตัวบนแผ่นธาตุ
ระหว่าง การคายประจุไฟฟ้า

รูปข้างบนคือ
ต่อมาตะกั่วซัลเฟตที่ก่อตัวบนแผ่นธาตุจะกลับไปเป็น
ตะกั่วและตะกั่วออกไซด์เมื่อมีการ ชาร์จแบตเตอรี่ ลักษณะนี้จะเกิดวนเวียนในแบตเตอรีทุกวัน
ในอุดมคติหรือทางทฤษฎี
ตะกั่วซัลเฟตจะมีขนาดเล็กและสามารถละลายได้หมด
ทำให้ไม่มีตะกั่วซัลเฟตหลงเหลือตกค้างอยู่ เมื่อแบตเตอรีได้รับการชาร์ทจนเต็ม

รูปข้างบนคือ
ความเป็นจริงผลึกตะกั่วซัลเฟตเหล่านี้เมื่อรถจอดนึ่งผลึกนี้จะพอกตัวเป็นผลึกจนอาจจะมีขนาดใหญ่
และรวมตัวเป็นชั้นหุ้มแผ่นธาตุ
นี่เป็นเหตุให้แบตเสื่อมไวขึ้นเมื่อจอดรถไว้นานๆ
ทำให้หน้าสัมผัสระหว่างแผ่นธาตุ
กับสารละลายอิเล็กโตรไลต์มีพื้นที่ลดลง

รูปข้างบนคือด้วยเหตุนี้ความจุของแบตเตอรี่จะลดลงหลังการใช้งานระยะหนึ่ง
และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ในสภาวะที่ไม่สามารถประจุไฟได้เต็ม 100 % ตลอดเวลา
เช่นการใช้รถยนต์ในเมือง, ตอนกลางคืน, ช่วงเวลาฝนตก
และการติดตั้งอุปกรณ์ที่ใช้ไฟฟ้าเพิ่มเติมต่างๆเช่นเครื่องเสียง, เครื่องเล่น DVD ฯลฯซึ่งเป็นกระบวนการคายประจุไฟฟ้า
จะยิ่งทำให้มีการเกิดผลึกตะกั่วซัลเฟตขนาดใหญ่มากขึ้น
ความจุของแบตเตอรี่จะลดลงอย่างรวดเร็ว
เมื่อความจุของแบตเตอรี่ลดลง
ทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่องอื่นๆ
ตามมามากมาย
และเมื่อไม่สามารถเก็บพลังงานและจ่ายกระแสไฟฟ้าได้
เต็มประสิทธิภาพของแบตเตอรี่
ทำให้ ระบบประจุไฟฟ้า ต้องทำงานหนักขึ้น(หมายถึง ไดชาร์จ)
ซึ่งสำหรับรถยนต์ก็คือการเปลี่ยนน้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้า
อาจเป็นต้นเหตุหนึ่งของการ สิ้นเปลืองน้ำมัน โดยเปล่าประโยชน์
แผ่นธาตุของแบตเตอรี่ใหม่

สองรูปข้างบนคือแผ่นธาตุของแบตเตอรี่ที่เพิ่งใช้งานใหม่ๆและภาพขยายโดยกล้อง microscope
แผ่นธาตุของแบตเตอรี่ที่มีผลึกตะกั่วซัลเฟตเกาะอยู่

สองรูปข้างบนคือแผ่นธาตุของแบตเตอรี่ที่มีผลึกตะกั่วซัลเฟตเกาะอยู่และภาพขยายโดยกล้อง microscope
ท้ายสุดนี้ผมจึงค้นหาวิธีที่จะทำให้มั่นใจว่าแบตเตอรีมีการชาร์จไฟเต็ม และขณะชาร์จจะต้องทำการสลายผลึกเกลือตัวนี้ให้ได้ จึงเป็นที่มาของคำว่า "DESULFATION"
Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: toprasert
วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 10:26:13
ทราบ กระแสไฟ นั้นถูกต้องแต่ มัน .....ไม้ช่าย......ตัวเดียวกันครับ
ซึ่งถ้าไปเช็คตามร้านทั่วไปที่ไม่มีเครื่องมือพิเศษ ก็อาจจะบอกว่าแบตเสื่อมหรือไม่ก็จะจับแบตไปทำการ recharge ถ้าหลังจากชาร์จแล้ว ยังเหมือนเดิมก็แสดงว่า แบตเสื่อมสภาพ
แต่ในปัจจุบัน มีเครื่องมือพิเศษเป็นอุปกรณ์ทีใช้ในการวัดประสิทธิภาพของแผ่นธาตุในแบตเตอรี่ ว่ายังมีสภาพพร้อมที่จะทำปฎิกิริยากับน้ำกรดเพื่อสร้างกระแสไฟ ให้เกิดค่ากำลังไฟครับ
แบบฝรั่งว่าไว้คือ
What is Cold Cranking Ampere (CCA) Rating?
The Cold Cranking Ampere (CCA) rating is the industry rating that measures the cranking power a battery has available to start an engine at 0º F. The Battery Council International defines it as the number of amperes a lead acid battery at 0º F can deliver for 30 seconds and maintain at least 1.2 volts per cell.
สรุปแบบให้คนไทยรู้เรื่องคือ
นิยาม CCA (cold cranking amp) คือ ค่ากระแสไฟสูงสุดที่แบตลูกนั้นๆ สามารถจ่ายกระแสออกมาได้ในช่วงที่มีการสตาร์ทรถ ช่วงสั้นๆ 5-10 วินาที ซึ่งค่า cca ของแบต แต่ละรุ่นนั้นมีค่ามาตรฐานที่แตกต่างกัน แต่ทุกยี่ห้อจะต้องมีค่าไม่ต่ำกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ตามระบบสากล
เช่น แบตรุ่น ปิกอัพ ขนาด 70 แอมป์ หรือท้องตลาดจะเรียกว่า รุ่น 70 z นั้น ตามระบบสากลเรียกรุ่นนี้ว่า รุ่น 75D 31 ซึ่งมีค่ามาตรฐาน cca ต้องไม่ต่ำกว่า 440 แอมป์ ซึ่งถ้าใช้อุปกรณ์วัดค่า cca แล้วพบว่า ต่ำกว่ามาตรฐาน อย่างน้อย 20% เครื่องจะเตือนและแจ้งว่า ควรที่จะเปลี่ยนแบตใหม่ได้แล้ว
เพราะมิฉะนั้นท่านอาจจะพบเหตุ แบตหมดได้ในวันใดวันหนึ่ง ดังนั้นจะเห็นว่า ค่าโวลท์ หรือ ค่า ถ.พ.น้ำกรดนั้น มิได้เป็นตัวบอกว่าแบตลูกนั้นจะใช้งานได้ดีหรือไม่เสมอไปเพราะมีหลายท่านอาจจะพบว่า นำแบตไปชาร์จจนโวลท์เต็ม ขนาด 12.6-12.8 โวลท์แล้ว แต่ทำไมยังไม่สามารถสตาร์ทรถติดได้ นั้นก็ เพราะแผ่นธาตุนั้นเสื่อมแล้ว ไม่สามารถสร้างกระแสไฟได้
หรือบางทีเราลืมเปิดไฟหรื่ค้างคืนไว้ พอเช้ามาสตาร์ทรถไม่ติด ถ้าไปเข็คตามร้านทั้วไป อาจจะบอกว่าแบตหมด เสื่อมแล้ว เพราะเขาวัด แต่เฉพาะโวลท์ของแบต ไม่สามารถวัดค่า cca ได้
ซึ่งถ้าใช้เครื่องวัดเครื่องจะแจ้งว่า good recharge หมายถึง สภาพแผ่นธาตุยังคงใช้งานได้แต่ค่าโวลท์นั้นต่ำลง (เพราะเราลิมเปิดไฟค้างคืนไว้) ถ้าเรานำไป recharge ใหม่ก็จะใช้งานได้ดังเดิม
การวัดค่าต่างๆ ในตัวแบตเตอรี่มีหลายค่า ที่ต้องวัดเพื่อทราบถึงประสิทธิภาพของ การทำงานของแบตเตอรี่ นอกเหนือจากการวัดค่าแรงดันไฟ Volatage no-load แล้วค่าอื่นๆ ก็มีความสำคัญเช่นกันแต่ถ้าจะมาจำเพาะเจาะจงถึงเรื่องกำลังไฟสำหรับการติดหรือการสตาร์ทเครื่องยนต์ (รวมทั้งการชดเชยกำลังไฟที่ระบบต้องการในช่วงสั้นๆ) สิ่งที่สามารถบอกถึงประสิทธิภาพในเรื่องนี้คือ การวัดค่า CCA (Cool Cranking Ampere)
เมื่อค่าที่วัดได้ เปรียบเทียบกับค่าที่ระบุจากแบตเตอรี่ และจากผู้ผลิตรถยนต์ ไม่ตรงกัน อาจก่อปัญหาได้ เช่นถ้าค่าที่วัดได้ต่ำกว่าที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดให้ใช้ อาจทำให้แบตเตอรี่ไม่มีกำลังพอที่จะสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ ซึ่งเหตุการณ์เกิดได้บ่อยกับรถยนต์ที่ใช้แบตเตอรี่เป็นเวลานาน(หรือ บางค่ายรถนิยมเอาแบต Recycle มาใส่ให้ในรถใหม่ป้ายแดง) และไม่มีการ ตรวจเช็คอย่างถูกต้อง พอใช้ไปไม่นานก็ทำให้ต้องขอพ่วงไฟเพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์จารถคันอื่นๆ
ตรวจเช็ครถยนต์ครั้งต่อไป อย่าลืมให้ช่างเช็คค่า CCA ของแบตเตอรี่เพื่อความสะดวก ปลอดภัยในการใช้รถยนต์
(เราควรบันทึกค่า CCA ของแบตลูกนั้นเป็นประวัติด้วย มันจะลดค่าลงเรื่อยๆ ครับ)ท้ายนี้ ผมก็แสดงรูปให้ดูซะหน่อยว่าเจ้า เครื่องที่เรียกว่า Battery Analyser ที่ผมใช้อยู่นั้นมันแสดงค่าอะไรบ้าง

รูปบนเป็นการ Set ค่า CCA ที่ตาม specification ของแบตลูกนั้นๆ

รูปบนเป็นค่าที่เครื่องอ่านได้ Bar ด้านบนบ่งสภาพแบตและ%ของไฟที่ประจุอยู่ในแบต ถัดลงมา ตรงกลางเป็น CCA ตาม specification และล่างสุดเป็น CCA ที่อ่านได้

รูปบน ก็บอกเพิ่มครับว่าแบต มีโวลต์เท่าไหร่ และ มีความต้านทานเท่าไหร่
Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: ekachai v
วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 11:19:56
อุปกรณ์ที่ผมซื้อมา 2 ตัวยังไม่ได้ติดเลยครับ ถามนิดนึงว่าถ้าเกิดมันช๊อตมันจะัมีวงจรตัดไฟในตัวไหมครับ เพื่อป้องกันแบตระเบิด หรือไฟไหม้น่ะครับ
Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: toprasert
วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 11:28:31
อุปกรณ์ที่ผมซื้อมา 2 ตัวยังไม่ได้ติดเลยครับ ถามนิดนึงว่าถ้าเกิดมันช๊อตมันจะัมีวงจรตัดไฟในตัวไหมครับ เพื่อป้องกันแบตระเบิด หรือไฟไหม้น่ะครับ
โถรับไปตั้งนานแล้ว ยังไม่ได้ติดตั้ง
เดิมผมก็เกรงอย่างท่าน เอกชัยว่าไว้ แต่ด้วยเหตุว่าอุปกรณ์ตามแผงวงจรนี้ บริโภคไฟไม่กี่ มิลลิแอมป์
แต่ด้วยที่ต้องปลอดภัยไว้ก่อน ภายในกล่องจึงมีชุดหลอดฟืวส์ เพื่อตัดวงจรด้วยแล้วครับ หายห่วงได้ครับ
Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: ekachai v
วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 11:50:40
ขอบคุณครับ ที่ไม่ได้ติดไม่ได้กลัวหรอกแต่พอกลับไปสุราษฎร์มีงานอื่น ๆ ทีมันใหญ่กว่ามาแทรกทุกทีครับ (งานของ ผบ.ทบ. เรื่องเล็ก ๆ ก็เป็นเรื่องใหญ่ งานของเราเรื่องใหญ่ ๆ ก็เป็นเรื่องเล็กครับ)
Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: toprasert
วันพฤหัสบดีที่ 17 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 12:00:47

ตามรูปครับ ในกล่อง จะมีตลับดำๆ เล็กๆ เป็นตลับบรรจุหลอดฟิวส์อยู่ภายใน
โชคดีครับ ผมก็ ปฏิบัติกะท่าน ผบ.ทบ. แบบเดียวกัน ทั้งบ้านผมตัดสินใจแต่เรื่องใหญ่ๆ ส่วนเรื่องเล็กๆให้ท่าน ผบ.ทบ.ตัดสินใจครับ
(แต่ในบ้าน ไม่เคยมีเรื่องใหญ่ๆให้ตัดสินใจเลย) อิอิ
Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: lk850
วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 12:20:48
จองหนึงชุดครับ ช่วยส่งรายละเอียดให้หน่อยครับ
Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: toprasert
วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 12:30:17
ตอบทาง PM แล้วครับ คุณ lk850
Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: toprasert
วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 12:15:06
ท่าน Wat7229 มอบให้ช่างแดงอู่ ดำหริแล้ว 2 ชุด
ท่าน Soda 405 คงถึงในวันเสาร์นี้ ดู Tracking No EI 0737 5650 7 TH 2 ชุด ครับ
Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: soda405
วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 16:47:09
ผมได้เพิ่มเติมแล้วติดตั้งดังนี้ครับ...เพื่อความสะดวกในการถอดย้ายไปใช้กับรถคันอื่นๆ ใช้แผ่นอลูมิเนียมฉาก ด้านหนึ่งเจาะรูเท่ากันรูน๊อตเบอร์10เอาไว้ยึดกับแกนเสายึดแบตฯ ส่วนอีกด้านผมใช้กาวพลาสติกเหล็ก3ตันติด(พอดีมีอยู่แล้ว) หาปากคีบดำแดง2ตัว และน๊อตตัวเมียเกลียวหยาบชนิดหางปลา เท่านี้ก็ได้ตามที่เห็นครับ


Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: toprasert
วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 17:30:23
อ่ะ ดูทะมัดทะแมง และแน่นหนาครับ เดี๋ยวผมเลี่ยนแบบบ้างนะ คงไม่มีสิทธิ์บัตรนะครับ
Re: ยืดอายุแบตเตอรี่ของท่าน By: soda405
วันอาทิตย์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2011 เวลา 17:45:17
อ่ะ ดูทะมัดทะแมง และแน่นหนาครับ เดี๋ยวผมเลี่ยนแบบบ้างนะ คงไม่มีสิทธิ์บัตรนะครับ
ก็ตามที่ผมได้โทรคุยกับท่านก่อนหน้านี้นะครับ เพราะผมเล็งเห็นถึงการใช้ให้คุ้มที่สุด โดยเฉพาะผู้ที่มีรถหลายคันแต่ขับคนเดียว ถ้าทำอย่างที่ผมทำมานี้เวลาจะใช้คันไหนง่ายไปหมดไม่ต้องใช้เครื่องมือใดเลย เอามาบอกเล่าต่อเพื่อเพื่อนสมาชิกครับ